ตามที่ทักษิณบ่นว่า
"สับสน" เรื่องจะ
เว้นวรรค หรือจะเป็นนายกต่อ
สมัยที่สามคุณคิดว่าทักษิณเริ่มมีอาการ
สับสน ตั้งแต่เมื่อไหร่
๑. เริ่มสับสนตั้งแต่เรื่องลายเซนต์บนเช็คว่า เป็นลายเซ็นต์ของตนเองหรือไม่
๒. เริ่มสับสนตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ สมัยรัฐบาลชวน๑ พ.ศ.๒๕๓๗ ว่า ..
การที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ ไปในฐานะรัฐมนตรี หรือไปในฐานะเจ้าของดาวเที่ยมไทยคม
๓. เริ่มสับสนตั้งแต่ตอนที่รับตำแหน่งรองนายกในสมัยรัฐบาลบรรหาร พ.ศ.๒๕๓๘ แล้ว
ชักเข้า ชักออก๔. เริ่มสับสนตั้งแต่พรรคพลังธรรมสอบตกยกพรรคเหลือ สุดารัตน์ที่ได้เป็น ส.ส. คนเดียว
ทักษิณก็เลยตัดสินใจลาออกจากหัวหน้าพรรค พร้อมกับบอกว่า
เมียให้เลิกเล่นการเมือง๕. เริ่มสับสนตั้งแต่ที่ต้องแจ้งทรัพย์สินว่า
ควรจะแจ้งหุ้นที่ฝากไว้ที่คนใช้ คนสวน และคนขับรถ หรือไม่
โดยให้เหตุผลว่า
ในแบบฟอร์ม ไม่มีช่องให้กรอก
ส่วนของทรัพย์สินที่ฝากไว้กับบุคคลอื่น๖. เริ่มสับสนตั้งแต่ถูก ส.ว. ชวรินทร์ หลอกให้มุดลงไปดูทองในถ้ำลิเจีย ว่า ..
จะใช้
ทอง หรือ
พันธบัตรปลอม ในการกู้ชาติดี
๗. เริ่มสับสนตั้งแต่ที่บอกให้คนไทยอย่าไปเที่ยวเมืองนอก และให้ซื้อสินค้าที่ผลิตในเมืองไทย
ส่วนตนเอง
พาครอบครัวไปช๊อปปิ้งที่ประเทศอังกฤษ๘. เริ่มสับสนตั้งแต่ที่บอกว่า
ทนายสมชายหนีออกจากบ้านเพราะงอนเมีย ถ้าหายงอนเมื่อไหร่
ก็จะกลับบ้านเอง๙. เริ่มสับสนตั้งแต่ที่บอกว่า
โจรที่ปล้นปืนเป็นโจรกระจอก แล้วก็งงเองว่า
โจรปล้น หรือทหารปล้น๑๐. เริ่มสับสนตั้งแต่คิดจะซื้อทีมลิเวอร์พูลด้วยเงินตัวเอง หรือด้วยเงินหวย
๑๑. เริ่มสับสนตั้งแต่บอกให้คนไทยอย่ากลัวการเป็นหนี้ ให้กู้เข้าไว้ ให้แปลงทรัพย์สินเป็นทุน
ให้นำเงินออมออกมาใช้เยอะๆ เงินจะได้หมุนไปหมุนไป
พอรัฐบาลถังแตก ก็เลยบอกกับประชาชนว่า
ให้ใช้สามส่วน ออมหนึ่งส่วน๑๒. เริ่มสับสนตั้งแต่ที่บอกให้คุณชวนไปศึกษาประชาธิปไตยกับออกซาน ซูจี (เมื่อ ปชป.ไม่ส่ง ส.ส. ๒ เมษายน)
แต่คนที่พูด กลับสนับสนุนอุ้มชูรัฐบาลทหารเผด็จการของพม่าในขณะที่ทั่วโลกบอยคอต
๑๓. เริ่มสับสนตั้งแต่ที่บอกว่า
ประชาธิปไตยไม่ใช่เป้าหมาย พูดเมื่อปี ๒๕๔๗
แต่ล่าสุด กลับพูดเป็นแผ่นเสียงตกร่อง ว่า ..
จะรักษาประชาธิปไตยด้วยชีวิต๑๔. เริ่มสับสนตั้งแต่ที่บอกว่า
UN ไม่ใช่พ่อ แต่จะส่ง ดร.สุรเกียรติ ไปชิงตำแหน่งเลขาธิการ
๑๕. เริ่มสับสนตั้งแต่ที่บอกว่า
รัฐบาลจะไม่ยอมเสียค่าโง่ให้ไอทีวีแม้แต่บาทเดียวแต่ตอนนี้ ใครก็ไม่รู้ สั่งให้ สปน.ช่วยไอที่วีเต็มที่
ฯลฯ