หมอนิรันดร์ จวกข้อมูลเกษตร-สธ.เปิดฟ้องตัวเองปิดข่าวหวัดนก
นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ รักษาการวุฒิสมาชิก จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า การที่กระทรวงเกษตรฯออกมายอมรับว่ามีการระบาดของหวัดนกรอบใหม่ และต่อมากระทรวงสาธารณสุขก็ออกมายอมรับว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อหวัดนกและเสียชีวิตไปแล้วนั้น เป็นการเดินตามรอยหวัดนกระบาดในครั้งแรก เพราะกว่าจะยอมรับได้ว่าหวัดนกระบาด ก็ต้องมีคนตายด้วยหวัดนกไปแล้ว ซึ่งก็เหมือนกับเป็นการฟ้องตัวเองว่าที่ผ่านมามีการปกปิดข้อมูล ซึ่งกระทรวงเกษตรฯยอมรับว่ามีหวัดนกระบาดหลังจากที่ตนได้ให้ข่าวว่าอาจมีการปกปิดข้อมูลหวัดนก เข้าใจว่าน่าจะรู้แล้วว่ามีคนป่วยด้วยหวัดนก ที่น่าสังเกตคือ ผู้ป่วยและเสียชีวิตด้วยหวัดนกมีอาการตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. และเข้าโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. ซึ่งตอนนั้นกระทรวงเกษตรฯยืนยันอย่างเดียวว่าไม่มีหวัดนกระบาด ไก่ตายด้วยโรคอื่น แต่ความจริงก็เปิดเผยในที่สุด
ผลการตรวจทราบได้ในวันเดียว มีไก่ตาย ชาวบ้านแจ้ง เกษตรไปตรวจบอกไม่เป็นหวัดนก ชาวบ้านก็จับอย่างสบายใจ แต่สุดท้ายก็ต้องมาเสียชีวิตด้วยหวัดนก เรื่องนี้กระทรวงเกษตรฯรู้มาเป็นเดือนแล้วว่าหวัดนกกลับมาระบาดอีก แต่กลัวผลกระทบด้านเศรษฐกิจ เพราะตัวเลขไก่ต้มสุกส่งออกกำลังเติบโต จึงปิดข่าวเอาไว้ ผลสุดท้ายความเสียหายก็มาตกที่ประชาชน รัฐมนตรีเกษตรฯก็เคยเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุขมาก่อน เท่ากับว่า เธอไม่เคยทบทวนปัญหาที่เกิดขึ้นและไม่เข้าใจเลย ครั้งนี้ผมโทษกระทรวงเกษตรฯ
นพ.นิรันดร์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขนั้น ถึงแม้จะรู้ว่ามีผู้ป่วยด้วยหวัดนก แต่เมื่อกระทรวงเกษตรฯไม่ประกาศว่าหวัดนกระบาดรอบใหม่ สธ.ก็พูดไม่ได้ เพราะมันขัดกัน ดังนั้นจะฮั้วกันหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่เมื่อมีผู้ป่วยและใกล้จะเสียชีวิต ปิดไม่ได้แล้ว เพราะมีทั้งญาติ และแพทย์พยาบาลที่รักษา ซึ่งเมื่อกระทรวงเกษตรฯรู้ว่ามีผู้ป่วย ก็เลยต้องยอมจำนนออกมายอมรับก่อน แต่โชคร้ายที่ผู้ป่วยต้องเสียชีวิต
กรณีนี้ชัดเจนที่สุดว่า ประจานการทำงานของกระทรวงเกษตรและสาธารณสุข ที่คุณทักษิณออกมาพูดตลอดว่า มีการทำงานร่วมกันตลอด ก็ไม่เป็นจริง เพราะถ้าเกษตรไม่ยอมรับ สาธารณสุขก็ทำอะไรไม่ได้ ครม.และคุณทักษิณจึงล้มเหลว สะท้อนว่าที่คุณตะแบงมาตลอดว่า ไม่มีอะไร ไม่มีปัญหา ทั้งที่มีคนออกมากระทุ่ง ก็ยังเฉย เป็นครม.และนายกรัฐมนตรีที่ทำให้เกิดวิกฤติซ้ำซาก ความผิดอยู่ที่กระทรวงเกษตรฯและคุณทักษิณที่ไม่ยอมรับความจริง
...
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9490000095605