ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
28-11-2024, 04:50
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  โหรายุทธศาสตร์ กับ สัญญาณหายนะ หยั่งรู้ความลับสวรรค์ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
โหรายุทธศาสตร์ กับ สัญญาณหายนะ หยั่งรู้ความลับสวรรค์  (อ่าน 2300 ครั้ง)
ฉิกตี๋
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 186



« เมื่อ: 06-04-2006, 01:39 »




ในยุคโบราณกาลสืบเนื่องมาจนประมาณปี พ.ศ.2505 สมัยดังกล่าวนั้นผู้ที่จะรับราชการเป็นทหารระดับแม่ทัพ หรือ นายพลต้องเชี่ยวชาญวิชาโหราศาสตร์ถึงกับบรรจุไว้ในหลักสูตรนายทหาร ที่แม่ทัพนายกองจะต้องศึกษาอีกด้วย ยิ่งในสมัยโบราณนั้นเป็นของแน่นอนเมืองไหนอาณาจักรใดมีขุนพลที่เชี่ยวชาญโหราศาสตร์ ไม่ต้องรบฝ่ายอักษะก็ขยาดแล้ว
หลาย ๆ คนไม่รู้คิดว่าวิชาโหราศาสตร์ คือ วิชาหมอดู ความจริงนั้นไม่ใช่ วิชาโหราศาสตร์เป็นวิชาที่ว่าด้วยการโคจรของดวงดาว ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์เป็นต้น คำว่าโหราศาสตร์ มีรากศัพท์มาจากภาษาบาลีว่า อโห+ราตรี ตัด " อ "หน้า " โห " ออกไปเสีย แล้วตัดคำว่า ตรี หลังรา จากนั้นนำมาสนธิกัน เป็นคำว่า "โหรา" แปลว่า "วันและคืน" ซึ่งมีมาในพระไตรปิฏกว่า "อโหรตฺต" แปลว่า "วันและคืน" ซึ่งต้องอาศัยการคำนวณหาอัตราการโคจรของสุริยจักรวาฬ และแบ่งวันเดือนปีเป็นส่วน ๆ จะขาดการคำนวณไม่ได้ ท่านเหล่านี้เรียกว่า "โหราจารย์" แปลว่า "ผู้รู้ล่วงวันและคืน" เรียกสั้น ๆ ว่า " โหร"(โหระ)
แต่ หมอดู ไม่ว่าพวกทายลายมือ ลายตีน ปั่นแปะ เสี่ยงทาย ไพ่ยิบซี ดูลักษณะ นั่งทางนอกทางใน ดูใข่แบบหมอห้อย บุรีรัมย์ศักดิ์ เป็นต้น อย่างนี้ไม่เรียก "โหร" เป็นพวก "หมอดู" ข้อแตกต่างอยู่ตรงนี้ ซึ่งเดี๋ยวนี้มักใช้กันสับสน
วิชาโหราศาสตร์เป็นของสูงมาก ตำราในยุคโบราณก่อนเสียกรุงนั้นมีความแม่นยำเรื่องดินฟ้าอากาศ สามารถคำนวณได้แม่นกว่ากรมอุตุนิยมวิทยาในปัจจุบัน ในด้านของการศึกสงคราม การดำเนินกุศโลบายทางการเมือง การทหาร และการปกครอง ก็ใช้หลักของโหราศาสตร์ตรวจความเหมาะสม และสภาพสังคม และสถานการณ์โดยรวม ผู้ที่เป็นแม่ทัพจะต้องรู้ว่าข้าศึกจะยกทัพมาทางไหน จะชนะหรือไม่ (รู้แพ้ชนะตั้งแต่ยังไม่รบ...เราจึงจะเห็นจากบันทึกในประวัติศาสตร์ว่า บางครั้งฝ่ายที่มีกำลังพลเยอะกว่ากลับยอมแพ้ต่ออีกฝ่ายที่กำลังน้อยกว่า โดยไม่ได้ประดาบกันเลย)
ตามประวัติศาสตร์มหาราชของไทยที่เราท่านบูชากันตลอดมานั้นคือ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงเชี่ยวชาญวิชาโหราศาสตร์ ทรงเชี่ยวชาญวิชาปราบไตรภพ คัมภีร์มหาจักพรรดิราช โหราศาสตร์สุวรรณโคมคำ โดยทรงศึกษาจากสมเด็จพระวันรัตน์วัดป่าแก้วได้ทรงใช้วิชาโหราศาสตร์ครั้งแรกในการเข้าตีเมืองคัง ทรงทราบว่าทิศใดเป็นทิศ "หายนะ" ก็ทรงเข้าตีทางนั้โดยไม่มีการสูญเสียแม้แต่คนเดียว และฝ่ายตรงข้ามไม่ได้รู้ตัว ทรงใช้วิชาโหราศาสตร์ กลปราบไตรภพกอบกู้เอกราชให้กับชนชาติไทย ทั้งที่ในขณะนั้นทั้งแผ่นดินมีผู้ชายที่ถือดาบไหว " ไม่ถึงสองหมื่นคน" แต่พม่ามีถึง ยี่สิบหมื่นกลับพ่ายแพ้ในทุกครั้งอย่างอัศจรรย์ เรื่องการใช้โหราศาสตร์เป็นเครื่องมือในการปกครองและการทหารมีอยู่มากมาย ให้ท่านทั้งหลายได้ศึกษา แต่ที่ง่าย ๆ เห็นจะได้แก่ "สามก๊ก" ซึ่งกล่าวถึง ผู้เชี่ยวชาญโหราศาสตร์ไว้มากมายหลายคน ที่เด่นที่สุดคือ "จูกัดเหลียง" โหราจารย์เทือกเขาโงลังกั๋ง หรือ เขามังกรหลับ ณ เมืองจก แห่งอาณาจักรน่านเจ้า นี่ดูจะเด่นที่สุด
บันทึกการเข้า
ฉิกตี๋
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 186



« ตอบ #1 เมื่อ: 06-04-2006, 01:50 »

ในทางวิชาการเรียกวิชาโหราศาสตร์การสงครามนี้ว่า " โหรายุทธศาสตร์"
    ดังนั้น ในฐานะ "นักยุทธศาสตร์ทหาร" จึงมีความจำเป็นจะต้องมีความรู้ด้านโหราศาสตร์ เพื่อเข้าถึงแก่น และรากเง่าของความคิดคนยุคโบราณว่า มีการวางแผนการรบอย่างไร ใช้อะไรเป็นตัวประเมินผล เพราะหากว่าการคำนวณผิดพลาด มันย่อมหมายถึงชีวิตคนนับพันที่จะต้องสูญเสีย รวมทั้งครอบครัวของผู้เป็นโหราจารย์อีก 7 ชั่วโคตร มันจึงเป็นเรื่องที่พลาดไม่ได้ และไม่ใช่เรื่องล้อกันเล่น หรือ เรื่องที่เอามาคุยกันสนุก ๆ เพราะฉะนั้น ก็จะมาวิเคราะห์ ความเป็นไปของสถานการณ์ประเทศไทยในปัจจุบันโดยใช้วิทยาการ "โหรายุทธศาสตร์" เป็นสมมุติฐานในการแทนค่า และอ้างอิง ให้เป็นแนวทางสำหรับให้ผู้ที่สนใจ และต้องการศึกษา จะได้นำไปต่อยอดค้นคว้าในภายหลัง เพื่อเป็นประโยชน์ทางด้านวิชาการและประเทศชาติสืบไป
    ตำแหน่งดาวตามภาพที่ได้แสดงไว้นั้น คำนวณจากสมการเดียวกันกับขององค์การNASA เป็นสภาพของท้องฟ้า ที่แยกออกเป็น 12 ส่วน
    ท่านจะเห็นวงกลมซ้อนกันอยู่ 2 วง ซึ่งมีความหมายที่แตกต่างกัน ดังนี้คือ
    วงนอก ตำแหน่งดวงดาวคำนวณจาก วันที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงตั้งกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 27 เมษายน พุทธศักราช 2325 ตรงกับ คริสตศักราช 1782 กรุงเทพฯ เวลา 06:54:21 ณ. เส้นแวงที่ 100.30 เส้นรุ้งที่ 13.46
    วงใน ตำแหน่งดวงดาว คำนวณจาก วัน " ลากตั้ง " เมื่อวันที่ 2 เมษายน พุทธศักราช 2549 ตรงกับคริสตศักราช 2006 เวลา 06.00 น. ณ. เส้นรุ้ง-แวงเดียวกัน
    วิเคราะห์ - แทนค่า :
    จะเห็นได้ว่า " จุดลัคนา" ประเทศ เมื่อแรกตั้งอยู่ที่ 17 องศา 4 ลิบดา เมษ ปัจจุบัน "ลัคนา" ได้จร(เคลื่อน,ย้าย...เรียกว่า "ลัคนาจรปัจจุบัน") มาอยู่ที่ 18 องศา ณ ราศีกันย์ เป็นจุด "อริ" หรือ "ศัตรู" ของประเทศ แปลความได้ว่า
    การกระทำใด ๆ ที่เกิดขึ้นในวันที่ 2 เมษายน 2549 การกระทำนั้น เป็นการกระทำที่เป็นศัตรูต่อประเทศชาติ หรือ ก่อให้เกิดอุปสรรคแก่ประเทศ และวันที่ 2
    ทีนี้ลองมาดูต่อ เมื่อนับจาก "ลัคนาจรปัจจุบัน" ไปหา "จุดลัคนาดวงเมือง" จะพบว่า "จุดลัคนาดวงเมือง" เป็น "มรณะ" หมายถึง การสิ้นสุด, การจากไป, การสูญเสีย สิ่งที่เสียนั้นคือ "ประเทศ" จำกัดความสั้นแบบกำปั้นทุบโต๊ะว่า "เสียประเทศ จากการกระทำในวันที่ 2 เมษายน 2549"
    เมื่อเข้าไปดูในส่วนของ ราศีเมษจะพบว่า มีดาวเข้าไปอยู่ในนั้นถึง 8 ดวงด้วยกันคือดาวเดิม อาทิตย์, มหาจักพรรดิ์, ราหู, ซีเรส
    ความหมาย : อาทิตย์ = ผู้นำ , มหาจักพรรดิ์=พระมหากษัตริย์ ราหู= โจร ซีเรส=ไอ้โม่ง,องค์กรลับ
    ตำแหน่งของดวงดาว ณ วันที่ 2 เมษายน 2549 ดาวที่จร เข้ามาคือ มฤตยู = การเปลี่ยนแปลงระบบ ราหู=โจร อาทิตย์=ผู้นำ พุธ= คำสั่ง,กฤษฏีกา,เสียง,เอกสาร
    หมายเหตุ.. ผู้นำ ไม่ได้หมายความถึง พระเจ้าแผ่นดิน แต่หมายถึงผู้ที่รองลงมาจากพระเจ้าแผ่นดิน
    ความหมายของดาวในส่วนราศีนี้มีทั้งหมด 8 ดวง มาใหม่ 4 ของเก่า 4 ได้ความว่า ผู้นำอาศัย "เสียง" เป็นเครื่องมือในการปล้น และออกคำสั่ง,กฤษฏีกาเพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบหรือระบบ
    สิ่งที่พึงสังเกตุ : ดวงอาทิตย์ เป็นดวงไฟ(คงไม่ต้องอธิบาย ...ไม่เชื่อก็ไปตากแดดดู..แล้วเขียนมาบอกว่า..เป็นน้ำหรือไฟ นะ) มฤตยู เป็นดวงดาวที่มีธรรมชาติเป็นแก๊สฮีเลี่ยมไวไฟ จึงใช้เครื่องหมายทางเคมีตัวเดี่ยวกับ "ฮีเลี่ยม"
    เมื่อไฟ เจอ กับ แก๊ส สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ระเบิด = ความพินาศหายนะจะเกิดขึ้น ถามว่าเกิดขึ้นกับใคร คงไม่ต้องเขียน เพราะมีดาวเหลืออยู่อีกดวง นั่นแหละโดนเต็ม ๆ นี่เป็นเรื่องน่าเป็นห่วงที่สุด มันเป็นสัญญาณแห่งหายนะ ที่เกิดขึ้นโดยการจุดประกายเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2549 เปรียบเสมือน ชายหญิงที่สมสู่กันในวันที่ 2 เมย.แล้วก็เริ่มรับเชื้อตั้งครรภ์ รอเพียงเวลาคลอดเท่านั้น..... ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่เกิด
    ทีนี้มาดูกันสักนิดว่า ทหารไปอยู่ที่ไหน.... ดาวที่แทนค่าทหารได้แก่ ดาวอังคารซึ่งตาม "ดวงเมือง" ท่านได้วางไว้เป็นฐานป้องกันราชบัลลังก์ของพระราชาที่ภพกดุมพะ ราศีพฤศภ 17 องศา(ดูตรงสีแดง....ที่เป็นเครืองหมายผู้ชายนั่นแหละ)
    แต่ปัจจุบัน กลับ "จรไป" อยู่ "กัมมะ=หน้าที่" ของ ลัคนาจรปัจจุบัน แปลได้ความว่า ทหารต้องฟังคำสั่งของตัวแทน "ผู้นำ" โดยตัวแทน(อักษรตัว M) ของผู้นำจะใช้คำว่า "หน้าที่" เป็นตัวบังคับ หรือ ลงโทษ หรือบังคับใช้ทหารทำตามคำสั่ง โดยอ้างวินัย (จูโน่ เครื่องหมายเป็นแฉก ๆ) ทำให้ทหารเคลื่อนไหวอะไรไม่ได้ เหมือนเขียดที่ถูกเสียบไม้ รอปิ้ง
    ตอนนี้เรามาดูภาคประชาชน ซึ่งแทนค่าด้วยดาวเสาร์(สัญญลักษณ์คล้ายตัว ท.ทหารนั่นแหละ) จะเห็นว่า ปัจจุบันดาวเสาร์(ประชาชน) ได้เข้าไปยึดราศีสิงห์ ซึ่งเป็นที่อยู่ของดวงอาทิตย์(ผู้นำ) หมายความว่า ประชาชนยึดตำแหน่งผู้นำ หรือ อำนาจรัฐ คือ ประชาชนไม่ยอมรับผู้นำ เพราะเข้าไปแทนที่ผู้นำเสียเอง ซึ่งแปลได้ตามสภาพดาวว่า นี่คือ "ปฏิวัติมวลชน" นั่นเอง
    แต่สภาพของดาวเสาร์หรือ ประชาชน รากหญ้า นั้นเป็นวินาศ(ศัตรู)กับ "ลัคนาจร" ดังนั้นการกระทำที่เกิดขึ้นในวันที่ 2 เมษายน 2549 คือ การไม่เชื่อฟัง ต่อต้าน หรือ ประชาชนรวมตัวกันยึดอำนาจคืนจากผู้นำ แต่จะอย่างไรก็ตามจะยืดเยื้ดไป 9 เดือนโดยสภาพดาว
    สำหรับดาวนักวิชาการ(พฤหัส เครื่องหมายคล้ายเลข 4) ปัจจุบันไปอยู่ที่ราศีพิจิก เป็นวินาศตัวเอง แปลได้ความว่า ปัญญาชน=เดี้ยง โดยเฉพาะผู้ที่ออกกฏหมายรัฐธรรมนูญหน้าแหก ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ทั้งทางทหารและพลเรือน เดี้ยงหมด องค์กรของรัฐที่ปรับใหม่ด้วย พรบ.ปรับปรุงกระทรวงฯ หรือตั้งขึ้นโดยอาศัยรัฐธรรมนูญ ใช้ไม่ได้โดยสิ้นเชิง กลายเป็นว่าออกรัฐธรรมนูญไปสนับสนุนโจร เนื่องจากราศีพิจิกเป็นราศีที่ให้ความหมายเรื่อง กฏหมาย บทบัญญัติ และ กฏหมายปกครองรัฐ=รัฐธรรมนูญ
    สิ่งน่าสนใจ และต้องติดตามคือ พฤหัส (เครื่องหมายคล้ายเลข 4) ไปอยู่ในภพ "พันธุ(แปลว่า พืชพันธ์, เพิ่มเติม,งอกออกมา )" ซึ่งสามารถแปลได้ความว่า จะมีการแก้รัฐธรรมนูญของเดิม ให้มีบทแยกออกมา ซึ่งมีผลทำลายระบบการปกครอง หรือวัฒนธรรม ประเพณี และศาสนาของชาติ(พฤหัส=ประเพณี วัฒนธรรม ศาสนา) และอยู่ในจุดวินาศกับราศีธนู(ที่อยู่เดิมของพฤหัส) หมายความโดยรวมว่า จะมีการแก้ไขบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ที่มีส่งผลทำลายขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม และศาสนาดั้งเดิมของชาติ และเป็นเรื่องที่ให้โทษเพราะมีดาวมหันตโทษ(ตัว T) อยู่กับ "ลัคนาจร"
    และ ตรงนี้แหละที่เป็น "สัญญาณหายนะ" ที่หาได้เป็นสากล จากวิทยาการ "โหรายุทธศาสตร์
    ...........................................................................................
    สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นเพียงเกร็ดเล็ก ๆ ของวิทยาการ โหรายุทธศาสตร์ ที่นำมาใช้ในการวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบัน และเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า มหาราช บรรพบุรุษ ขุนศึก ขุนพล นักรบไทยสมัยโบราณ ท่านได้ศึกษาศึกษาวิทยาการนี้อย่างเชี่ยวชาญ จึงรักษาชาติไว้ให้เราชนชั้นลูกหลานให้มีแผ่นดินอยู่อาศัย และไม่ใช่เรื่องเหลวไหลไร้สาระ งมงายอย่างที่ใคร ๆ คิด
    แต่ก็นั่นแหละ น้ำฝน ที่เป็นน้ำบริสุทธิ์ เมื่อตกลงสู่ดิน น้ำฝนก็ปนกับน้ำครำ ทำให้น้ำฝนพลอยกินไม่ได้ไปด้วย ดังนั้นผู้ที่ฉลาดย่อมรู้จักนำภาชนะที่สะอาดรองรับน้ำฝนไว้ก่อนที่จะตกลงบนผืนดินไปปนกับน้ำครำ และโหราศาสตร์ที่แท้จริง ไม่ใช่วิ่งรอกหลบนักข่าวไปทำพิธีไสยศาสตร์ เหมือนใครบางคน นั่นมันพวกวิชา "หมอผี" แย่ยิ่งกว่า "หมอดู" ซะอีก..... เวรกรรม ....เวรกรรม
    อ้อ...ต้องขออภัยสำหรับท่านที่ไม่มีพื้นทางด้านโหราศาสตร์ อาจสับสนและไม่เข้าใจ แต่มั่นใจว่าจะเป็นแรงจูงใจให้อยากรู้และค้นคว้าต่อไปในภายหน้า

ข้อมูลอ้างอิง http://www.aspchapter.com/Free/Wboard/Showdetail.asp?post_id=46169&userid=artamart&gid=46254910407
บันทึกการเข้า
ฉิกตี๋
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 186



« ตอบ #2 เมื่อ: 06-04-2006, 02:08 »

 ****ทีนี้ มาดูคำทำนายของหมอด***ู

  โหรชี้ "ทักษิณ" มีสิทธิไปนอกประเทศ
    ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองอึมครึม นายอภิสรณ์ เงินเจริญกุล กรรมการบริหารสมาคมโหรนานาชาติ กล่าวถึงพยากรณ์ดวงชะตาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า อายุ 57 ปี ตกที่เลข 2 (ดาวจันทร์) และดาวจันทร์ปีนี้เป็นโลกาวินาศ
    ดังนั้น ปีนี้ตัวเองทำอะไรดวงไม่ดีหมด และเรื่องกัมมะคือ อาชีพ -การงาน อยู่ไม่ได้ต้องจากไปในเดือนกุมภาพันธ์-ต้นเดือนมีนาคม เพราะเป็นเดือน 2 ของโหราศาสตร์ นอกจากนี้ การงานที่เคยเป็นขุมทรัพย์ต้องมีการเปลี่ยนแปลงและสัญจรจากไป รวมทั้งมีโอกาสที่จะจากและแตกแยกกับบริวารเพราะในดวงตกมรณะและเป็นโลกาบวกกาลีอีกด้วย
    ทั้งนี้ สถานการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เดือนมีนาคมจะเริ่มหนักขึ้นเพราะ 3 ตั้งบนกำลังเสาร์ ต้องเอาเงินจำนวนมากออกมาสนับสนุนเพื่อใช้ในการวิ่งเต้น และ เดือนเมษายนซึ่งกำหนดเป็นวันเลือกตั้งนั้น ไม่น่าจะมีการเลือกตั้งตามกำหนดไว้ เพราะเดือนเมษายนเป็นกาลีในดวงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วยเช่นกัน
    โดยสรุปดวงเสียงาน (การเมือง) เพราะกัมมะเป็นกาลี ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง โยกย้าย เสียหายเพราะถูกเพื่อนฝูง พี่น้อง หลอกให้หลงเดินทางผิดและตกต่ำผิดปกติ นอกจากนี้ ผลอุบาทว์และนาวังคือเสียหายแล้ว ต้องเดินทางไกลออกนอกประเทศ ซึ่งจะไปได้รอดเป็นผู้ใหญ่เป็นหญิงและเพศชายที่อายุน้อยกว่า ซึ่งมีอำนาจยิ่งใหญ่ช่วยเหลือ แบบลับๆ และช่วยให้รอดได้ด้วย
    นายอภิสรณ์ กล่าวว่า จากนั้นดวงชะตาของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเริ่มดีขึ้น แต่ตามกฎหมายการเลือกตั้งดึงเวลาให้ไปถึงเดือนกรกฎาคมนั้นคงเป็นไปไม่ได้ และในดวงของนายกฯ ช่วงเดือนนี้เป็นต้นไปจะสบายขึ้น แต่ต้องอาศัยภรรยาและคงจะอยู่เมืองไทยได้ยากเพราะอายุ 58 ปี ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตัวเองตั้งบนเคหังและมีบริวารเป็นศัตรูเกาะตัวเอง ทำให้ต้องได้รับความเดือดร้อนจากเรื่องเดิมในอดีตที่ตัวเองก่อไว้และศัตรูก็จะปองร้าย กัดไม่ยอมปล่อยด้วย ประกอบกับบริวารเป็นเลข 7 ดังนั้นกรกฎาคมแล้วดวงก็ยังไม่รอดที่จะอยู่ประเทศไทยได้ และต้องเดินทางไกลออกไปนอกประเทศอย่างถูกสาปแช่ง
    ลอกเขามาให้อ่านและติดตามว่า "แม่น หรือว่า มั่ว" ครับผม
    โดย: ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ วันที่ ( 28 Feb 2006 19:26:56 ) สำเนาจาก www.asa.or.th


***และของซินแส เกี่ยวกับที่ทำการไทยรักไทย****

    25 มี.ค. 2549 คำทำนายของซินแสเรื่อง "ที่ทำการพรรค ไทยรักไทย" เมื่อ ๘ เดือนที่แล้ว
    ซินแสคนหนึ่งชื่อว่า..... ธนากร ตันอาวัชนการ เคยชำแหละ "ฮวงจุ้ย" ตึกไอเอฟซีทีสถานที่ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ที่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ซื้อมาในราคา 800 ล้านบาท เอาไว้ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2548 ดังนี้
    "บ้านที่อยู่อาศัยนั้นมีชีวิตและอายุเช่นกัน ตึกรามบ้านช่องก็ไม่อยู่เหนือกฎเกณฑ์นั้น ตึกไอเอฟซีทีนี้เป็นตึกที่เสื่อมแล้ว หมายถึง "ตึกหมดอายุ" แถมยังปล่อยร้างมานานจนมี "พลังอิม" หรือ "พลังมืด" เข้าครอบงำ" โดยให้สังเกตบ้านร้างทั่วๆ ไปมักจะทำอะไรไม่ขึ้น ยกเว้นทุบทิ้งแล้วสร้างใหม่ เช่น ทาสีใหม่ทั้งตึก ทำพิธีไล่สิ่งชั่วร้ายให้ออกไปก่อน เช่น การทำเสียงดังหรือเชิดสิงโต
    ตึกไอเอฟซีทีไม่มีใครทำกิจการได้เจริญรุ่งเรือง ตัวตึกเองด้านหน้าสำคัญมาก รูปลักษณ์มีถนนตัดเข้าสู่ตัวตึก มีถนนภายในเข้า 2 ทาง มีประตูทางเข้าตึกอยู่ตรงกลางสภาพเหมือน "เมรุเผาศพ" จะทำให้ผู้อยู่อาศัยเดือดร้อนอยู่เนืองๆ เพราะมีแต่คนมาเผาที่นี่ นับว่าเป็นเรื่องไม่ดี
    ส่วนทางด้านชัยภูมิ หลังตึกโล่งโปร่งมีคลองแสนแสบอยู่ด้านหลังถือว่า "เสียหายมาก" เพราะด้านหลังของฮวงจุ้ยต้องมีภูเขาอยู่ด้านหลัง ถ้าไม่มีต้องมีตึกสูงใหญ่ช่วยหนุนหลัง ในภาคสุสานหลุมศพใดที่มีภูเขาด้านหลังทอดยาวไปและสูงไปเรื่อยๆ จะได้รับการสนับสนุนจากคนรุ่นหลังๆ รุ่นแล้วรุ่นเล่า
    ตึกเปรียบเสมือนผลไม้ที่ต้องหวาน หอม อร่อย ส่งผลดี เกิดมาจากกิ่งก้านดี มีลำต้นคอยหนุน กำลังก่อเกิดน้ำเลี้ยงดี ขาดจุดใหญ่นี้ทำให้ผู้อุปการะสนับสนุนเป็นหัวใจสำคัญถอนตัว ผู้ที่อยู่ก็จะขาดอำนาจและบารมี นับว่าชัยภูมิอันดับ 1 เสียหาย ส่วนซ้ายและขวาคือจุดที่ 2 ด้านซ้ายมือมีตึกของซัมมิทสูงใหญ่อยู่ ดูแล้วน่าจะดี เพราะมังกรเขียวมีกำลัง แต่ตึกตัวนี้ไม่มีตัวถ่วงอำนาจ คือด้านขวาของตึกขาดกำลัง เพราะไม่มีตึกเลย จึงส่งผลให้ผู้ชายมีอำนาจมากเกินไปขาดความอ่อนโยน เรื่องของ "การลุอำนาจ" จึงไม่มีใครหยุดยั้งได้ ไม่มีทางแก้มีอยู่ทางเดียวจะให้ดีต้องย้ายหนี หาที่ตั้งที่ทำการพรรคใหม่ บันทึกย้อนหลังเอามาให้อ่านเล่นๆครับ... ซินแสก็แบบนี้แหละครับ

-ส่วนเรื่องโหราศาสตร์ เกี่ยวกับศัพท์แลงที่มาใด ๆ นั้น ตามลิงค์ถามท่าน Spacial Force ได้เลย ผมไม่ค่อยสันทัด ถ้าเป็นกลยุทธิ์ซุนหวู่ ค่อยยังชั่วหน่อย หิ หิ-
บันทึกการเข้า
ลูกไทย หลานไทย
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,196


วันนี้วันดี วันที่เป็นไท


« ตอบ #3 เมื่อ: 07-04-2006, 16:30 »

โห ละเอียดยิบเลยครับ อ่านแล้วก็ยังงงงง ว่าแต่ Special Force นี่คนเดียวกับที่ไปบอร์ดของเสธ.แดงหรือเปล่าครับ เห็นที่นั่นก็มีชื่อนี้เหมือนกัน
บันทึกการเข้า

Ŋēmŏ mē ĩmρưŋē ĺдċęşšįҐ
ฉิกตี๋
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 186



« ตอบ #4 เมื่อ: 07-04-2006, 18:23 »

****ถูกแล้วครับ ท่านลูกไทยหลานไทย ท่าน Special Force เป็นนายทหารระดับสูง ที่มีข้อมูลน่าสนใจนำเสนออยู่เรื่อย ๆ*****
บันทึกการเข้า
ผู้ ญ ธรรมดา ที่นางฟ้าอยากเป็น
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 217



« ตอบ #5 เมื่อ: 07-04-2006, 18:27 »

คือเราทราบมาว่า เวลาเกิดของ "คุณน้าจตุรัส" เนี่ย แกพยายามปกปิดอะค่ะ แบบว่าบอกสาธารณะชนอย่างนึง แต่เวลาเกิดจริงแกเป็นอีกอย่างนึง โหรแต่ละท่านเลยทำนายไม่เหมือนกัน

*** บอกข้อมูลเพิ่มเติมเฉยๆ นะคะ ***
บันทึกการเข้า

ถ้าเหล่าเทพเจ้าอยู่รวมกันเป็นเมือง พลเมืองเทพเทวดาเหล่านั้นจะมีการปกครองหรือไม่?  คำตอบคือ มี

และถ้าจะถามว่าระบอบอะไร? คำตอบก็คือ


"ประชาธิปไตย ซึ่งเป็นระบอบที่ดีเยี่ยมสำหรับเทพเจ้า แต่ไม่เหมาะสมเลยกับมวลมนุษย์!"  (Jean Jacques Rousseau)
หน้า: [1]
    กระโดดไป: