วาทะที่น่าประทับใจ
ในการแสดงปาฐกถา ต่อคณะผู้ บริหารและสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เกือบ 8 หมื่นคน จากทั่วประเทศ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้กล่าววาทะที่น่าประทับใจตอนหนึ่งความว่า
วันนี้ ที่ผมอยู่ก็เพื่อรักษาประชาธิปไตยไม่ให้ ถูกทำลาย แม้จะถูกพักเพียงชั่วคราว ผมก็ไม่ยอม แต่ถ้าพูดอย่างนี้เสียตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อน จะน่าประทับใจยิ่งกว่า
ลักษณะของความเป็นประชาธิปไตยที่ทั่วโลกยอมรับ ได้แก่ การมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม การปกครองโดยยึดหลักกฎหมายหรือนิติรัฐ การมีเสรีภาพของประชาชนและสื่อมวลชน ความเป็นอิสระของฝ่ายตุลาการ และองค์กรผู้ตรวจสอบต่างๆ เรามาตรวจสอบดูว่า ในเวลาเกือบ 6 ปี ภายใต้รัฐบาลทักษิณ ประชาธิปไตย ที่รักษาอยู่ ก้าวหน้าหรือถอยหลัง?
รัฐบาลทักษิณชนะเลือกตั้งและเข้าบริหารประเทศ ตามรัฐธรรมนูญ 2540 ฉบับปฏิรูปการเมือง เป็นรัฐบาลแรก เหตุผลสำคัญที่ต้องปฏิรูปการเมือง เพราะว่าการเมืองวนเวียนอยู่ใน วงจรอุบาทว์ ใช้เงินซื้อเสียง ซื้ออำนาจ ใช้อำนาจหาเงินมาซื้อเสียงและซื้ออำนาจ วนเวียนอยู่อย่างนี้ ทำให้ระบอบประชาธิปไตยกลายเป็น ธนาธิปไตย หนทางสู่อำนาจต้องปูลาดด้วยเงิน
สาเหตุสำคัญ เพราะการตรวจสอบ และถ่วงดุลอำนาจฝ่ายบริหาร โดยฝ่ายนิติ บัญญัติและฝ่ายตุลาการ ขาดประสิทธิภาพ นักการเมืองโกงกินลอยนวล รัฐธรรมนูญใหม่ จึงสร้างกลไกการตรวจสอบเพิ่มขึ้นมาอีกมาก รวมทั้งองค์กรอิสระต่างๆ วุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้งครั้งแรก การปฏิรูปสื่อมวลชน และการให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างไม่เคยมี มาก่อน เพื่อตรวจสอบเริ่มตั้งแต่การเข้าสู่อำนาจ
ถ้าถามนักรัฐศาสตร์ว่า ผลการ ปฏิรูปการเมือง ตามรัฐธรรมนูญใหม่ใน 5 ปี เป็นอย่างไร? คำตอบก็คือ ถอยหลัง หรือ อย่างน้อยที่สุดก็ หยุดชะงัก การเลือกตั้ง ยังใช้อำนาจเงินและอำนาจรัฐนำหน้า ยังมีเสียงวิจารณ์เรื่องการใช้อำนาจ เพื่อแสวงประโยชน์ ส่วนตนและพวกพ้องอย่างกว้างขวาง องค์กรอิสระหลายองค์กรถูกแทรกแซงและครอบงำ แม้แต่วุฒิสภาซึ่งเป็นความหวังใหม่
มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มาโดยตลอด เกี่ยวกับการแทรกแซงและคุกคามเสรีภาพสื่อมวลชน เสรีภาพหนังสือพิมพ์ไทยซึ่งเคยติดอันดับต้นๆของเอเชียและโลก ถูกลดอันดับโลกรวดเดียวถึง 48 อันดับ การปฏิรูปสื่อวิทยุและโทรทัศน์ เพื่อให้เป็นประโยชน์ สูงสุดของประชาชน เป็นกระบอกเสียงของประชาชน ไม่ใช่ของนักการเมือง ชะงักงัน ไทยถูกสหประชาชาติและสหรัฐฯวิพากษ์เรื่อง สิทธิมนุษยชนเป็นรายปี
เจตนารมณ์ของการปฏิรูปการ เมือง คือการสร้างสรรค์ให้ประชาธิปไตยสมบูรณ์ ยิ่งขึ้น มีการตรวจสอบการเข้าสู่อำนาจ การใช้ อำนาจและการรักษาอำนาจที่เข้มข้นและมีประสิทธิภาพ แต่ระบบการตรวจสอบและถ่วงดุล กลับเป็นอัมพาต ประชาธิปไตยยังมีลักษณะของธนาธิปไตย และโน้มเอียงจะเป็น อัตตาธิปไตย เหลือลักษณะสำคัญอย่างเดียวคือการเลือกตั้งที่รัฐบาลทักษิณเฝ้ารักษาอยู่.http://www.thairath.co.th/news.php?section=politics01&content=13337บรรณาธิการ ไทยรัฐ วิเคราะห์ได้น่าชื่นชม (อีกแล้ว)
