(หยิบมาฝากแก้ร้อนค่ะ) กรรมหนักไม่รู้ตัว...ให้ร้ายกันทางอินเตอร์เน็ต โดย ดังตฤณ

[totoro on a tree]

อ่า อยากออกความคิดเห็นนิดหน่อยนะคะ  จริงๆไม่ได้เป้นคนธรรมะ ธรรโมอะไรหรอกค่า แต่ว่าเห็นช่วงนี้บ่อยๆ

เรื่อง comment ขยะที่คอยยั่วยุให้โมโห หรือไม่ก็สมน้ำหน้าคนที่บาดเจ็บ

โดยส่วนตัว แรกๆก็โกรธค่ะ

แต่ว่า พอดีชอบไปอ่านลานธรรม เคยมีคนถามเรื่องคุณดังตฤณเกี่ยวกับการโพสต์ให้ร้ายคนอื่นทางอินเตอร์เน็ต

ปกติเวลาเห็นคืนอื่นโพสต์ข้อความให้ร้ายคนที่ตัวเองนับถือก็จะเข้าไปโต้ตอบทุกครั้งค่ะ

 เลยหยิบมาฝาก แก้ร้อนกันนะคะ

เข้าใจว่า บางทีเราก็โมโหกับข้อความที่เค้าชอบให้ร้ายคนอื่นหรือไม่ก็สมน้ำหน้าคนอื่นๆ

แต่เราว่าปล่อยพวกนี้ไปตามกรรมเถอะค่ะ  เวรกรรมมันมีจริง เดี๋ยวเค้าก็รับเวรเอง

คนที่เคารพนับถือ บูชา คนที่ไม่สมควรบูชา เช่น บูชาคนโกงคิดว่าเป็นคนดีฟ้าประทาน

แค่นี้ก็มองเห็นผิดเต็มๆแล้ว 

---------------------------------------------------------------------------------


ถาม –การเขียนข้อความหรือนำเสนอเนื้อหาอะไรผ่านอินเตอร์เน็ตโดยใช้นามแฝงถือเป็นกรรมหรือไม่?
เพราะไม่มีใครรู้จักชื่อเรา ไม่มีใครเห็นหน้าเรา ไม่มีใครได้ยินเสียงเรา เหมือนเราไม่มีตัวตน


------------------------------------------------------------------------------

คุณดังตฤณตอบ

ผมเห็นว่าคำถามนี้จะนำไปสู่ความเข้าใจเรื่องกรรมได้ลึกซึ้งขึ้น
เพราะคนส่วนใหญ่ยังนึกว่าการก่อกรรมเป็นเรื่องที่ต้องโชว์ตัว โชว์เสียง
หรืออย่างน้อยก็ต้องมีชื่อแซ่ของเจ้าตัวปรากฏเป็นที่รับรู้เสียก่อน ความเข้าใจดังกล่าวนั้นคลาดเคลื่อนนะครับ
กรรมนั้นคือเจตนา ต่อให้คุณนอนคิดร้ายอยู่บนยอดเขา ไม่มีใครเห็น คุณก็ทราบชัดอยู่แก่ใจ
และสามารถสำเหนียกรู้สึกได้ว่าใจคุณดำมืดเพราะโดนเมฆหมอกอกุศลทาบทับแล้ว

สำหรับกรรมที่ทำอยู่ในใจจริงๆ มีผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจคุณเองคนเดียวนั้น เรียกว่า 'มโนกรรม'
สำหรับมโนกรรมนั้นจะสำเร็จสมบูรณ์เต็มขั้นในทันทีที่ตั้งใจคิดและมีความยินดีกับความคิดนั้น
หากจะพูดว่ามโนกรรมคือกรรมที่ก่อแล้วยังไม่ทันส่งผลกระทบดีร้ายกับผู้อื่นก็คงได้
ตัวอย่างเช่นคุณคิดจะด่าเขา แต่ระงับใจไม่ด่า อย่างนั้นก็เป็นเพียงมโนกรรมอันเป็นอกุศล
มีผลให้จิตคุณทุกข์ร้อนอยู่คนเดียว ยังไม่เป็นวจีกรรม ยังไม่มีเสียงกระทบหูใครให้ใจเป็นทุกข์ขึ้นมา
แต่หากคลื่นความคิดแรงจนทะลักรั้วกั้น หลุดจากสมองไปกระทบผู้อื่น ไม่ว่าจะทางภาษาพูดหรือภาษาเขียน
ทำให้เขาเกิดความเข้าใจว่าคุณคิดอย่างไร ตรงนั้นจัดว่าเป็นวจีกรรมได้หมด
พูดง่ายๆว่า 'ภาษา' นั่นเองคือเครื่องมือก่อวจีกรรมของมนุษย์

ฉะนั้นคุณจะแอบเขียนอะไรทางอินเตอร์เน็ตโดยใช้นามแฝงเฉพาะกิจ ไม่มีใครอื่นรู้เห็น
ไม่มีใครรู้จักเลย แม้เพียงครั้งเดียวก็นับว่าสร้างวจีกรรมไปแล้วหนึ่งครั้ง และกรรมก็จะติดตามคุณเป็นเงาตามตัว
ไม่ผิดต่างไปจากกรรมอื่นๆที่กระทำโดยเปิดเผยหน้าตาตัวตน
เจตนาเกิดขึ้นที่จิตของคุณ กรรมก็เกิดที่จิตของคุณเช่นกัน
เพราะกรรมคือเจตนา เจตนาคือกรรม ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าบุคคลคิดแล้วจึงก่อกรรมทางกาย วาจา ใจ

อินเตอร์เน็ตเปิดโอกาสให้เราเห็นอะไรหลากหลายจริงๆ แม้แต่การทำงานของกรรม
อย่างเช่นที่ผมรู้จักหลายๆคน เห็นกรรมทางวาจาของเขาในเบื้องต้น
แล้วได้เห็นพัฒนาการหรือความเสื่อมทรามทางจิตใจในเวลาต่อมา เป็นไปตามวิธีคิดเขียนให้ดีให้ร้ายแก่ผู้อื่น
ผู้ก่อความวุ่นวาย นานไปย่อมมีจิตใจที่วุ่นวาย ปั่นป่วนเหมือนพายุ
และแสดงแนวโน้มที่จะฟุ้งซ่านแส่ส่ายไปในเรื่องเหลวไหล พูดจาจับต้นชนปลายไม่ติดมากขึ้นเรื่อยๆ

ผู้ก่อกระแสความเยือกเย็น นานไปย่อมมีจิตใจเยือกเย็น สงบราบคาบผาสุก
และแสดงแนวโน้มที่จะแน่วนิ่งหนักแน่นในเรื่องเป็นเหตุเป็นผล พูดจามีต้นมีปลายมากขึ้นเรื่อยๆ

บอกได้เลยครับว่าวจีกรรมที่เกิดขึ้นในโลกอินเตอร์เน็ตนั้น
อาจจะให้ผลเร็วและแรงเสียยิ่งกว่าวจีกรรมที่เกิดขึ้นในโลกความเป็นจริงเสียอีก
ที่เป็นเช่นนี้เพราะอะไร? เพราะบนอินเตอร์เน็ตอาจมีผู้รับคำพูดของคุณจำนวนมาก
ขอให้ลองนึกดู หากคุณพูดเบาๆว่า 'ไอ้โง่' ก็อาจมีคุณคนเดียวในโลกที่ได้ยินเสียงอกุศลของตัวเอง
แต่ถ้าคุณพิมพ์คำว่า 'ไอ้โง่' ลงในกระทู้ของเว็บบอร์ดที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมคับคั่ง
คุณไม่มีทางปรับให้ดังหรือเบาได้ตามใจชอบได้เลย คุณทำอกุศลกรรมกับคนแบบไม่เลือกหน้าเข้าแล้ว
คำด่านั้นอาจทำให้คนนับพันนับหมื่นเกิดความแสลงใจ
ความแสลงใจของคนนับไม่ถ้วนนั่นแหละ จะย้อนกลับมาก่อเหตุให้คุณแสลงใจยิ่งกว่าพวกเขาได้

ผมเห็นแล้วนึกเสียดายครับ หลายคนยังเป็นเด็ก
และมีความสนุกที่จะขีดเขียนข้อความฝากไว้ในอินเตอร์เน็ตด้วยความคึกคะนอง
บางทีไม่รู้ตัวเลยว่าเอาอนาคตมาทิ้งเสียด้วยการสนทนาแบบไร้หน้าไร้เสียงนี่เอง
โอกาสก่อกรรมในยุคไอทีของพวกเรานี้ มีได้เป็นร้อยเป็นพันเท่ามากกว่ายุคอื่นครับ
กระดิกนิ้วง่ายๆไม่กี่ที ผลอาจใหญ่หลวงยิ่งกว่าพยายามพูดในห้องประชุมใหญ่หลายๆอาทิตย์เสียอีก
หากจิตตั้งไว้ดีแล้วก็สบายตัวไป แต่หากจิตยังตั้งไว้ในมุมมืด อย่างนั้นก็คงน่าเป็นห่วงหน่อยล่ะ

โดย ดังตฤณ เจ้าของหนังสือ--เสียดายที่คนตายไม่ได้อ่าน--

ที่มา dungtrin.com


---------------------------------------------

เราอย่าไปใส่ใจเค้าเลยนะคะ จะทำให้ใจเราหมองเปล่า ๆ  ตัวเองก็พยายามอยู่ค่ะ  แต่จะพยายามไม่ใช้คำหยาบ เวลาเจอก็จะเลี่ยงๆไปซะ (ถ้าทำได้)

 

[Cherub Rock]

 
คนที่บอร์ดราชดำเนินเชียร์เอาๆ อย่างแม้ว - หมัก

ทำไมมีแต่แย่ลงๆ ครับ อันนี้เป็นผลกรรมของกองเชียร์ด้วยรึเปล่า

[totoro on a tree]

คนที่บอร์ดราชดำเนินเชียร์เอาๆ อย่างแม้ว - หมัก

ทำไมมีแต่แย่ลงๆ ครับ อันนี้เป็นผลกรรมของกองเชียร์ด้วยรึเปล่า

เราว่าสองคนนั้นทำกรรมหนักหนาสาหัสด้วยตัวเองค่ะ

เวรใครกรรมมัน มองเห็นอยู่แล้ว

คิดเล่นๆ เมื่อวันที่รู้ข่าวว่า สมัครป่วยเป็นมะเร็งที่ตับ (ถ้าเป็นจริง)

ก็แปลกนะคะ ที่ประกาศออกมาว่าเป็น มะเร็ง 6 ซม.  ตรงกับวันที่ 6 ตุลาคม 2552

เป็นวันที่อดีตสมัครเคยก่อกรรมทำเข็ญยั่วยุให้คนลุกขึ้นมาฆ่ากันเมื่อหลายสิบปีก่อน

ส่วนทักษิณ แค่นี้ก็เห็นแล้วค่ะว่า ต้องร้อนรน อยู่ไม่สุข ไม่มีโอกาสกลับมาบ้านเกิดตลอดชีวิต

ไปไหนมีแต่คนสาปแช่ง  แค่นี้ก็เห็นๆกันอยู่แล้ว

[ฅนไทยไม่ขายชาติ]

 อย่างที่คุณ Cherub Rock  ว่าแนะแหล่ะ

ผมก็ยังงงเหมือนกันว่าทำไม ไอ้ แม้ว - หมัก

เวรกรรมมันตามไวจริงๆ

[มารุจัง]

เวรกรรมมันตามกันไปทุกครั้งค่ะ
จะช้าหรือเร็ว ก็แล้วแต่ว่า ที่ผ่านมาทำบุญไว้เยอะหรือน้อย
แต่ไม่สามารถทดแทนกันได้นะคะ
คนที่ก่อกรรมทำเข็ญ เข่นฆ่าประชาชน
หรือสั่งฆ่า (บาปเท่ากับฆ่าเอง)
ถึงวันหนึ่งเมื่อบุญเก่ามันเริ่มหมด เวรชุดนี้
ก็จะเริ่มทำงานของมัน
แม้ว่าจะพยายามสร้ืางบุญใหม่ก็ไม่ช่วยลดผลของกรรมค่ะ
หมดเป็นชุด ๆ กันไป

อย่างกรณีของทักษิณ สังเกตได้ว่า บุญเก่าของทักษิณ ผลักดันให้เค้าจาก
คนมีหนี้สิน แลกเช็ค มาเป็นเศรษฐีมือถือ
จากนั้นเค้าผันตัวเอง มาเป็นนักการเมือง
ด้วยวิธีที่ขี้โกงสารพัด ลอกล่อผู้คนให้หลงมัวเมากับวัตถุ
ฆ่าคนฆ่าตัดตอน เวรกรรมก็เริ่มสะสมผลของมัน
เมื่อบุญเก่าเริ่มหมด เค้าก็เริ่มชดใช้กรรม
และยิ่งทำบาปกรรมมากเท่าใด เมื่อเวลามันวนกลับมา
มันก็จะหนักหนามากขึ้นค่ะ

ต่อให้ พรุ่งนี้ ทักษิณเกิดคิดได้ ยอมแพ้ทุกอย่าง
ทักษิณ ก็ต้องรับกรรมที่ทำมาให้ช่วงที่ผ่านมา
 

[samepong(ยุ่งแฮะ)]

งั้นต่อไปเราก็ช่วยกันกวาดๆๆ ทิ้งดีกว่า

[Rule of Law]

สงสัยอยู่เหมือนกัน
คุณดังตฤณนี้ ทำไมท่านจึงอธิบายเรื่องกรรมต่างๆอย่างลึกซึ้ง
ราวกับว่าเป็นผู้รู้จริงว่า วิบากกรรมอย่างนี้  มาจากเหตุคือกรรมอะไร

คือ สงสัยว่าเขารู้ได้อย่างไรนั่นเอง 

[มารุจัง]

ลืมบอกไปอีกนิดค่ะว่า
ทุกครั้งที่ทักษิณสั่งการให้ฆ่าประชาชนที่ช่วงปราบยาเสพติด
1 คน คือ 1 กรรม
ทุก ๆ ครั้งที่ฆ่า นั่นคือ เป็นคนละกรรมกัน
ดังนั้นการฆ่าคนไป 2,000กว่าคน ก็เท่ากับ 2,000กว่ากรรม
ไม่ว่า คน ๆ จะเป็นผู้ค้ายาจริงหรือไม่

และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อวานนี้
หากทักษิณเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง สั่งการ
คนบาดเจ็บกี่คน ทักษิณ ก็ต้องรับกรรมตามจำนวนค่ะ

หากในชาติีนี้ เกิดทักษิณตายในวันพรุ่งนี้
บาปนี้ก็จะิตามไปชาติหน้าค่ะ
จนกว่าเวรกรรมนี้จะหมด
 

[aiwen^mei]

อ่า อยากออกความคิดเห็นนิดหน่อยนะคะ  จริงๆไม่ได้เป้นคนธรรมะ ธรรโมอะไรหรอกค่า แต่ว่าเห็นช่วงนี้บ่อยๆ

เรื่อง comment ขยะที่คอยยั่วยุให้โมโห หรือไม่ก็สมน้ำหน้าคนที่บาดเจ็บ

โดยส่วนตัว แรกๆก็โกรธค่ะ

แต่ว่า พอดีชอบไปอ่านลานธรรม เคยมีคนถามเรื่องคุณดังตฤณเกี่ยวกับการโพสต์ให้ร้ายคนอื่นทางอินเตอร์เน็ต

ปกติเวลาเห็นคืนอื่นโพสต์ข้อความให้ร้ายคนที่ตัวเองนับถือก็จะเข้าไปโต้ตอบทุกครั้งค่ะ

 เลยหยิบมาฝาก แก้ร้อนกันนะคะ

เข้าใจว่า บางทีเราก็โมโหกับข้อความที่เค้าชอบให้ร้ายคนอื่นหรือไม่ก็สมน้ำหน้าคนอื่นๆ

แต่เราว่าปล่อยพวกนี้ไปตามกรรมเถอะค่ะ  เวรกรรมมันมีจริง เดี๋ยวเค้าก็รับเวรเอง

คนที่เคารพนับถือ บูชา คนที่ไม่สมควรบูชา เช่น บูชาคนโกงคิดว่าเป็นคนดีฟ้าประทาน

แค่นี้ก็มองเห็นผิดเต็มๆแล้ว 

---------------------------------------------------------------------------------


ถาม –การเขียนข้อความหรือนำเสนอเนื้อหาอะไรผ่านอินเตอร์เน็ตโดยใช้นามแฝงถือเป็นกรรมหรือไม่?
เพราะไม่มีใครรู้จักชื่อเรา ไม่มีใครเห็นหน้าเรา ไม่มีใครได้ยินเสียงเรา เหมือนเราไม่มีตัวตน


------------------------------------------------------------------------------

คุณดังตฤณตอบ

ผมเห็นว่าคำถามนี้จะนำไปสู่ความเข้าใจเรื่องกรรมได้ลึกซึ้งขึ้น
เพราะคนส่วนใหญ่ยังนึกว่าการก่อกรรมเป็นเรื่องที่ต้องโชว์ตัว โชว์เสียง
หรืออย่างน้อยก็ต้องมีชื่อแซ่ของเจ้าตัวปรากฏเป็นที่รับรู้เสียก่อน ความเข้าใจดังกล่าวนั้นคลาดเคลื่อนนะครับ
กรรมนั้นคือเจตนา ต่อให้คุณนอนคิดร้ายอยู่บนยอดเขา ไม่มีใครเห็น คุณก็ทราบชัดอยู่แก่ใจ
และสามารถสำเหนียกรู้สึกได้ว่าใจคุณดำมืดเพราะโดนเมฆหมอกอกุศลทาบทับแล้ว

สำหรับกรรมที่ทำอยู่ในใจจริงๆ มีผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจคุณเองคนเดียวนั้น เรียกว่า 'มโนกรรม'
สำหรับมโนกรรมนั้นจะสำเร็จสมบูรณ์เต็มขั้นในทันทีที่ตั้งใจคิดและมีความยินดีกับความคิดนั้น
หากจะพูดว่ามโนกรรมคือกรรมที่ก่อแล้วยังไม่ทันส่งผลกระทบดีร้ายกับผู้อื่นก็คงได้
ตัวอย่างเช่นคุณคิดจะด่าเขา แต่ระงับใจไม่ด่า อย่างนั้นก็เป็นเพียงมโนกรรมอันเป็นอกุศล
มีผลให้จิตคุณทุกข์ร้อนอยู่คนเดียว ยังไม่เป็นวจีกรรม ยังไม่มีเสียงกระทบหูใครให้ใจเป็นทุกข์ขึ้นมา
แต่หากคลื่นความคิดแรงจนทะลักรั้วกั้น หลุดจากสมองไปกระทบผู้อื่น ไม่ว่าจะทางภาษาพูดหรือภาษาเขียน
ทำให้เขาเกิดความเข้าใจว่าคุณคิดอย่างไร ตรงนั้นจัดว่าเป็นวจีกรรมได้หมด
พูดง่ายๆว่า 'ภาษา' นั่นเองคือเครื่องมือก่อวจีกรรมของมนุษย์

ฉะนั้นคุณจะแอบเขียนอะไรทางอินเตอร์เน็ตโดยใช้นามแฝงเฉพาะกิจ ไม่มีใครอื่นรู้เห็น
ไม่มีใครรู้จักเลย แม้เพียงครั้งเดียวก็นับว่าสร้างวจีกรรมไปแล้วหนึ่งครั้ง และกรรมก็จะติดตามคุณเป็นเงาตามตัว
ไม่ผิดต่างไปจากกรรมอื่นๆที่กระทำโดยเปิดเผยหน้าตาตัวตน
เจตนาเกิดขึ้นที่จิตของคุณ กรรมก็เกิดที่จิตของคุณเช่นกัน
เพราะกรรมคือเจตนา เจตนาคือกรรม ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าบุคคลคิดแล้วจึงก่อกรรมทางกาย วาจา ใจ

อินเตอร์เน็ตเปิดโอกาสให้เราเห็นอะไรหลากหลายจริงๆ แม้แต่การทำงานของกรรม
อย่างเช่นที่ผมรู้จักหลายๆคน เห็นกรรมทางวาจาของเขาในเบื้องต้น
แล้วได้เห็นพัฒนาการหรือความเสื่อมทรามทางจิตใจในเวลาต่อมา เป็นไปตามวิธีคิดเขียนให้ดีให้ร้ายแก่ผู้อื่น
ผู้ก่อความวุ่นวาย นานไปย่อมมีจิตใจที่วุ่นวาย ปั่นป่วนเหมือนพายุ
และแสดงแนวโน้มที่จะฟุ้งซ่านแส่ส่ายไปในเรื่องเหลวไหล พูดจาจับต้นชนปลายไม่ติดมากขึ้นเรื่อยๆ

ผู้ก่อกระแสความเยือกเย็น นานไปย่อมมีจิตใจเยือกเย็น สงบราบคาบผาสุก
และแสดงแนวโน้มที่จะแน่วนิ่งหนักแน่นในเรื่องเป็นเหตุเป็นผล พูดจามีต้นมีปลายมากขึ้นเรื่อยๆ

บอกได้เลยครับว่าวจีกรรมที่เกิดขึ้นในโลกอินเตอร์เน็ตนั้น
อาจจะให้ผลเร็วและแรงเสียยิ่งกว่าวจีกรรมที่เกิดขึ้นในโลกความเป็นจริงเสียอีก
ที่เป็นเช่นนี้เพราะอะไร? เพราะบนอินเตอร์เน็ตอาจมีผู้รับคำพูดของคุณจำนวนมาก
ขอให้ลองนึกดู หากคุณพูดเบาๆว่า 'ไอ้โง่' ก็อาจมีคุณคนเดียวในโลกที่ได้ยินเสียงอกุศลของตัวเอง
แต่ถ้าคุณพิมพ์คำว่า 'ไอ้โง่' ลงในกระทู้ของเว็บบอร์ดที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมคับคั่ง
คุณไม่มีทางปรับให้ดังหรือเบาได้ตามใจชอบได้เลย คุณทำอกุศลกรรมกับคนแบบไม่เลือกหน้าเข้าแล้ว
คำด่านั้นอาจทำให้คนนับพันนับหมื่นเกิดความแสลงใจ
ความแสลงใจของคนนับไม่ถ้วนนั่นแหละ จะย้อนกลับมาก่อเหตุให้คุณแสลงใจยิ่งกว่าพวกเขาได้

ผมเห็นแล้วนึกเสียดายครับ หลายคนยังเป็นเด็ก
และมีความสนุกที่จะขีดเขียนข้อความฝากไว้ในอินเตอร์เน็ตด้วยความคึกคะนอง
บางทีไม่รู้ตัวเลยว่าเอาอนาคตมาทิ้งเสียด้วยการสนทนาแบบไร้หน้าไร้เสียงนี่เอง
โอกาสก่อกรรมในยุคไอทีของพวกเรานี้ มีได้เป็นร้อยเป็นพันเท่ามากกว่ายุคอื่นครับ
กระดิกนิ้วง่ายๆไม่กี่ที ผลอาจใหญ่หลวงยิ่งกว่าพยายามพูดในห้องประชุมใหญ่หลายๆอาทิตย์เสียอีก
หากจิตตั้งไว้ดีแล้วก็สบายตัวไป แต่หากจิตยังตั้งไว้ในมุมมืด อย่างนั้นก็คงน่าเป็นห่วงหน่อยล่ะ

โดย ดังตฤณ เจ้าของหนังสือ--เสียดายที่คนตายไม่ได้อ่าน--

ที่มา dungtrin.com


---------------------------------------------

เราอย่าไปใส่ใจเค้าเลยนะคะ จะทำให้ใจเราหมองเปล่า ๆ  ตัวเองก็พยายามอยู่ค่ะ  แต่จะพยายามไม่ใช้คำหยาบ เวลาเจอก็จะเลี่ยงๆไปซะ (ถ้าทำได้)

 

ขอบคุณมากค่ะ อ่านแล้วชอบคำอธิบายของคุณดังตฤณมากค่ะ ทำให้เข้าใจบางเหตุการณ์มากขึ้น

บางประเภทกระทำผิดมโนกรรมและวจีกรรม -- เสแสร้ง มารยาเยอะ ยกตนข่มท่าน กล่าวร้ายคนอื่นในทางเสียหายด้วยอกุศลจิตของตน

ตอนนี้ก็รับกรรมไป เพราะคนที่รู้ธาตุแท้ ก็เบือนหน้าหนี หันหลังให้ และคงสร้างภาพอยู่ได้อีกไม่นาน

[superager]

สงสัยอยู่เหมือนกัน
คุณดังตฤณนี้ ทำไมท่านจึงอธิบายเรื่องกรรมต่างๆอย่างลึกซึ้ง
ราวกับว่าเป็นผู้รู้จริงว่า วิบากกรรมอย่างนี้  มาจากเหตุคือกรรมอะไร

คือ สงสัยว่าเขารู้ได้อย่างไรนั่นเอง 

อย่าคิดมากครับ วิปัสสนากรรมฐานไงครับ

อ่านผลงานของเค้าคนนี้ได้ที่ http://dungtrin.com/ ทุกเรื่องที่แต่งมาเค้าให้อ่านฟรีในเน็ต เพราะเป็นธรรมทานครับ

[vorapoap]

แนวความคิดคล้ายๆกับที่ผมเคยเขียนไว้ที่นี่เลยครับ

http://forum.serithai.net/index.php?topic=35006.0

กรรมชั่วในยุคข้อมูลข่าวสารเร็วเท่าประจุอิเล็กตรอน  (อ่าน 78 ครั้ง)

ที่จริงมันก็ไม่ใช่จะ สนองเร็วขึ้นกับทุกๆคนหรอกครับ แต่สำหรับคนที่ก่อกรรมที่ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวาง จะสนองเร็วมาก โดยเฉพาะสมัยนี้ โลกเราอยู่ในยุคข่าวสารไวเท่าประจุอิเล็กตรอน ความชั่วที่กระทำ รับรู้ได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้ผลกระทบที่เกิดขึ้น จะไม่ได้เกิดโดยตรง แต่มันก็มีผลต่อความรู้สึก เกิดความทรมานอย่างเรื้อรัง ส่งผลกระทบต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ ทั้งในครอบครัว สังคม ประเทศชาติ ผลของกรรมชั่วในยุคข้อมูลข่าวสารจึงสนองเร็วขึ้น เห็นผลได้ชัดขึ้น

ไม่ ว่าผู้ก่อกรรมชั่วแบบนี้ จะทำกรรมดีไว้มากแค่ไหน มากี่ชาติ ก็แทบจะไม่ช่วยชะลอผลของกรรมชั่วแต่อย่างใด ไม่ว่าคุณจะสร้างวัดกี่ร้อยวัด ทำบุญกี่ร้อยวัด ก็แทบไม่เห็นผล เพราะผลกระทบต่อความรู้สึกไม่ดีในมนุษย์เราเกิดเร็ว และง่ายมากกว่าความสุขปิติยินดีอย่างยิ่ง ดังดูได้จากตัวอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นในประเทศเรา

คนเปรียบเทียบว่า กรรมชั่ว เหมือนสุนัขไล่เนื้อ ที่วิ่งไล่เราตลอดเวลาไม่ยอมหยุดเลย  กรรมดี เหมือน พาหนะที่จะช่วยเราหนีสุนัข ถ้าทำกรรมดีน้อย เหมือนขี่จักรยาน อาจหนีไม่ทัน แต่ถ้าทำกรรมดีมากๆ เหมือนนั่ง มอเตอร์ไซด์ รถยนต์ ก็จะหนีได้ แต่ถ้าประมาทเมื่อไหร่ รถยนต์น้ำมันหมด สุนัขก็จะไล่ทันจนได้

แต่ สำหรับผู้ที่ก่อกรรมชั่วในยุคข้อมูลข่าวสารซึ่งมีผลกระทบเป็นวงกว้างอย่าง ต่อเนื่อง ไม่ว่าจะัได้เปลี่ยนจากมอเตอร์ไซต์เป็นรถเก๋ง หรือเปลี่ยนเป็นเครื่องบินความเร็วเหนือเสียง ก็คงเทียบไม่ได้กับสุนัขล่าเนื้อที่กลายร่างเป็นอสูรกายความเร็วแสง อีกทั้งยังขยายร่างใหญ่ขึ้นแบบทวีคูณตามจำนวนผู้ได้รับผลกระทบบทั้งทางตรง และทางอ้อม สุดท้ายแล้วอสูรกายก็จะมีร่างใหญ่โตจนเกือบเป็นอนันต์ ซึ่งไม่ว่าผู้ก่อกรรมจะเหาะหนีอยู่ที่ใด ก็จะโดนอสูรกายเขมือบกลืนกินในที่สุด

นักการเมืองปัจจุับัน ที่ก่อกรรมชั่ว ส่งผลกระทบต่อชาวบ้าน ส่วนหนึ่งผลของกรรมอาจยังไม่แสดงให้เห็นเด่นชัด แต่ก็มีอีกส่วนหนึ่งที่แสดงออกมาในรูปแบบของการเสื่อมถอยทางเศรษฐกิจ  รวมทั้งส่วนที่ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนหลายกลุ่มเป็นวงกว้าง มันเท่ากับว่า เขาได้ก่อความชั่วเชิงทวีคูณ (Exponential) สิ่งนี้จะส่งผลเห็นได้ในชาตินี้ ไม่ต้องรอถึงชาติหน้าอีกต่อไป และหากเมื่อผลกรรมทางด้านความล้มเหลวเศรษฐกิจยากเกินเยียวยา และปรากฏออกมาต่อประชาชนทุกหมู่้เหล่าเมื่อใดนั้น ก็คงไม่ต่างกับที่ต้องพาตนเองเข้าสู่ลำไส้ของอสูรกายลัดลงสู่นรกอเวจีไม่ได้ ผุดไม่ได้เกิดชั่วกัปกัลย์!!!


และหลังจากเหตุการณ์โคตะระชั่วทั้งหมดส่งผลกรรมเบ็ดเสร็จ  ประโยคที่ว่า ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป ก็คงจะไม่มีใครพูดอีกต่อไป!


15 กันยายน 2551

[Jrock1]

คุณ ดังตฤณ ของจริงครับ 


ขอบคุณเจ้าของกระทู้

อนุโมทนาด้วย

จะพยายามดูความโกรธ ให้รู้ทันเร็วกว่านี้

[Arch_FreeMan]

ผลของกรรม เห็นได้จาก หน้าตา รูปร่าง และ สติปัญญา ของคนที่อยู่ในราชดำเนิน

พวกเขา ได้รับกรรมที่เขาทำแบบไม่รู้ตัวจริงๆครับ เราจะเห็นความโง่ดักดาน และ ความคิดที่ เราเองอ่านแล้ว ก็ไม่เข้าใจว่าสมองของคนพวกนี้มันทำด้วยอะไร

จริงๆ แถวนี้ก็มีหลายตัวครับ เราจะเห็นได้ชัดเจนเลย ว่า สิ่งที่คนพวกนี้เขียน มักจะไม่ค่อยมีเหตุมีผล นั้่นก็เพราะผลกรรมที่เขาก่อนั่นเอง

[สวิส]

เห็นด้วยกับข้อความของ จขกท ครับ จริงๆแล้วผลกรรมมันเกิดขึ้นที่ใจครับ เมื่อใจเราโกรธ กายก็ไม่เป็นสุข

พวกที่คอยเขียนข้อความยั่วยุ ความคิดของเขาเหล่านี้มันกลั่นออกจากใจที่ไม่ปกติสุข เพราะฉะนั้นผลของ

กรรมก็จะตกอยู่กับตัวเค้าเอง ส่วนพวกเราก็เฉยๆดีกว่าครับ ถ้าเห็นข้อความของคนเหล่านี้ก็อย่าไปสนใจ

ปล่อยให้เค้าเต้นเร่าบนความวิปริตทางความคิดของเค้าเองเถิด เราไปกำหนดชะตาชีวิตของใครไม่ได้อยู่แล้ว

เค้าจะตกนรก หรือจะขึ้นสวรรค์ หรือจะพบนิพพาน มันอยู่ที่ตัวเค้าเอง