สุทธิชัย หยุ่น
เมื่อ 'หมาเฝ้าบ้าน' วิจารณ์ 'หมาเชื่องๆ' ของท่านผู้นำเมื่อสื่อทำหน้าที่อย่างรับผิดชอบ, นั่นคือ 'หมาเฝ้าบ้าน' ที่ซื่อสัตย์ คอยเห่าบอกเจ้าของเมื่อมีเรื่องผิดสังเกต, ไม่เห่าหนวกหู, ไม่เห่าเพียงเพราะเห็นลมพัดใบไม้ไหว แต่ขยันดมกลิ่น และแยกแยะออกว่าใครคือ 'คนแปลกหน้า' และอะไรคือ 'คนคุ้นเคย'
หมาเฝ้าบ้านที่ไม่ทำหน้าที่คือ หลับในยามที่ต้องตื่น, และโจรขโมยสามารถโยนเศษเนื้อมาหลอกล่อ, กินเข้าไปแล้ว, เห่าไม่เป็นอีกเลย
หมาเฝ้าบ้านที่ทำหน้าที่เขาเรียก watchdog
ส่วนหมาที่เลี้ยงเชื่อง, เฝ้าบ้านไม่เป็น, คอยแต่เดินตามเจ้าของต้อยๆ เลียแข้งเลียขาและคอยเอาอกเอาใจนายเพื่อจะได้กินเศษอาหารที่คนจะโยนมาให้
หนังสือเล่มนี้ชื่อ 'Lapdogs' คือ 'หมาเดินตามต้อยๆ' เขียนโดย Eric Boehlert เป็นนักข่าวของนิตยสาร Rolling Stone และหนังสือพิมพ์ Huffington Post และเคยเป็นนักเขียนอาวุโสของหนังสือพิมพ์บนเวบไซต์ชื่อดังที่เรียกว่า Salonหากเขาเป็นนักเขียนนักข่าวประจำหนังสือพิมพ์ดังๆ คงจะเขียนหนังสือวิพากษ์สื่อยักษ์ในวงการสื่อมะกันอย่างนี้ไม่ได้...เพราะหนังสือเล่มนี้บอกว่านักข่าวกระแสหลักไม่ว่าจะเป็น New York Times หรือนิตยสาร Time หรือทีวีช่องดังอย่าง CNN และ CBS ต่างก็ทำตัวเป็น 'สุนัขเชื่องๆ' ของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ตลอดช่วงเวลาตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งจนถึงวันนี้
หมาที่ได้ชื่อว่าเป็นหมาเฝ้าบ้านพันธุ์ดี, ดุและคึกคักนั้น เอาเข้าจริงๆ ถ้าตรวจสอบโดยหมาเฝ้าบ้านตัวอื่น, ก็อาจจะพบว่าไม่ได้ทำหน้าที่ของตนอย่างตรงไปตรงมาหรือสม่ำเสมอเท่าที่ควร
การเจาะข่าวของนักข่าวของสื่อดังๆ ของสหรัฐ ตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้งของบุช ไปจนถึงการตัดสินของบุชที่จะบุกอิรักนั้น นักข่าวของสำนักข่าวดังๆ ทั้งหลายในอเมริกาที่อ้างว่าเป็นสังคมที่มีสื่อที่ตื่นตัว, รับผิดชอบและเป็นหูเป็นตาของประชาชนคนอ่านอย่างเคร่งครัดที่สุด กลับไม่ได้ทำหน้าที่ 'หมาเฝ้าบ้าน' ที่ดีเลย
ตรงกันข้าม, หมาเฝ้าบ้านกลับทำตัวเป็นเพียงหมาจูตัวเล็กๆ ที่คอยสะบัดหางเดินตามเจ้านายเท่านั้น กลายเป็นหมาเชื่องตัวน้อยๆ ที่ไร้พิษสง, ไม่เห่าไม่หอนเตือนเจ้าของบ้านให้รู้ลึกถึงความไม่ชอบมาพากลของรัฐบาลอย่างที่ควรจะทำ
นักข่าวคนนี้บอกว่าสื่อดังๆ ของมะกันนั้น ในการทำข่าวใหญ่ๆ ของบุชกลับเป็นแค่ 'กระบอกเสียง' ของผู้มีอำนาจเท่านั้น
ประเด็นนโยบายใหญ่ๆ ของบุชก็ไม่ได้รับการรายงานและวิเคราะห์อย่างละเอียดครบถ้วนเท่าที่ควร เหตุเป็นเพราะ
1.นักข่าวมีความผูกพันส่วนตัวกับผู้นำมากเกินไป, ไม่รักษาระยะห่างเท่าที่ควร
2.บุชและคนแวดล้อมใช้วิธีอันแยบยลในการข่มขู่คุกคามนักข่าว นักข่าวที่ตั้งคำถามตรงๆ และแสดงความไม่เห็นพ้องกับแนวทางของบุชจะถูกกดดันจากอำนาจของรัฐ และถูกกลั่นแกล้ง, สกัดกั้นไม่ให้เข้าถึงแหล่งข่าว
3.นักข่าวของสื่อหลักกลัวถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกพรรคฝ่ายค้าน
4.เจ้าของสื่อขาดความกล้าหาญ, กลัวผู้นำการเมืองกลั่นแกล้ง, จึงใช้นโยบายเซ็นเซอร์ตัวเองเพื่อไม่เผชิญหน้ากับผู้นำการเมือง
5.ผู้นำประเทศไม่เคยเชื่ออย่างจริงใจว่าความสัมพันธ์ของรัฐบาลอันถูกต้องและตรงไปตรงมากับสื่อนั้น เป็นส่วนสำคัญของระบอบประชาธิปไตย ตรงกันข้าม ผู้นำมองว่าสื่อเป็นเพียง 'กลุ่มผลประโยชน์พิเศษ' อีกกลุ่มหนึ่งในสังคม ที่จะต้องดึงเป็นพวก หรือประกาศเป็นศัตรู หรือ (ในหลายกรณี, ต้องทำลายให้สิ้นซาก)
6.รัฐบาลพยายามอย่างยิ่งยวดในอันที่จะก่อวินาศกรรมมาตรฐานอาชีพสื่อ ในอันที่จะทำหน้าที่รายงานข่าวอย่างซื่อสัตย์, ไร้อคติ และสนองความต้องการของประชาชน
7.นักข่าวและบรรณาธิการข่าวยอมรับบทบาทที่ถูกจำกัดลงอย่างเกือบจะดุษฎี
8.นักข่าวไม่ถามคำถามตรงๆ, ไม่ซักไซ้ไล่เลียงคนมีอำนาจด้วยคำถามที่ประชาชนต้องการให้ถามอย่างไม่เกรงใจ
และเมื่อนักข่าวของสังคมใดหยุดตั้งคำถามที่ควรจะถาม, เมื่อนั้นสังคมนั้นก็เริ่มมืดบอดทันที
(
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...อย่ารอให้นักข่าวกระแสหลักเขียนหนังสือภายใต้ชื่อ 'หมาเชื่องๆ ของทักษิณ' เป็นอันขาด...)
http://www.nationweekend.com/2006/06/30/NW11_113.php คุณสุทธิชัย หยุ่น จะรู้ตัวไหมว่า คนรักทักษิณบางส่วนนั้นไม่ได้เรียกหนังสือพิมพ์หรือนักข่าวสังกัดกรุงเทพธุรกิจ ผู้จัดการ มติชน ไทยโพสต์ แนวหน้า เป็นต้น ที่ไม่เดินตามต้อยๆ "นาย"ของพวกเขาว่า' หมาเฝ้าบ้าน' หรอก พวกเขาเรียก " สื่อฯชั่ว" .....!
ส่วนหนังสือพิมพ์หรือนักข่าวที่เดินเชื่องๆ ตามหลัง"นาย"ต้อยๆ นั้น พวกเขายกย่อง เชื่อถือ เรียกเป็น " สื่อฯดี" ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า