บี้ทบทวนบำนาญ"ส.ส.-ส.ว." ปลุกนักวิชาการ-ประชาชนต้าน
บี้ทบทวนบำนาญ
ปลุก นักวิชาการ-ประชาชนเคลื่อนไหวคัดค้านร่าง พ.ร.ฎ.บำเหน็จบำนาญ ส.ส. ส.ว. ระบุเสียงต่อต้านในสังคมเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ จี้รัฐบาลทบทวนใหม่ให้เฉพาะบำเหน็จ-ค่าตอบแทนอื่นๆ หวั่นผู้แทนท้องถิ่นนับหมื่นรายขอบ้างแล้วจะเอาเงินที่ไหนจ่าย
นาย บรรเจิด สิงคะเนติ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม เรียกร้องให้นักวิชาการ และประชาชนออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกา(พ.ร.ฎ.) บำเหน็จบำนาญสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) โดยให้เหตุผลว่า การเอาภาษีประชาชนไปควรถามเจ้าของภาษีก่อนว่ารู้สึกอย่างไรที่จะให้บำเหน็จ บำนาญ ส.ส. ส.ว. ทำไมไม่ให้ชาวนาชาวไร่บ้าง ความเสมอภาคอยู่ที่ไหน นักการเมืองท้องถิ่นได้หรือไม่ แบ่งเส้นกันตรงไหน
นายบรรเจิดกล่าว ต่อไปว่า บำเหน็จบำนาญเป็นการให้ข้าราชการซึ่งเงินเดือนไม่สูง ความจริงล็อคการทำงานที่อายุงาน 25 ปี เพราะฉะนั้น การที่ข้าราชการไม่มีโอกาสทำอย่างอื่นนอกจากรับราชการ รัฐจึงตอบแทนการดำรงชีวิตหลังเกษียณ ซึ่งเอาไปใช้กับนักการเมืองไม่ได้ คนละเรื่องกัน แล้วนักการเมืองมีฐานอาชีพเดิมอยู่แล้ว และเป็นเพียง 3-5 ปี จึงไม่ได้ทำงานให้กับชาติในความหมายแบบนี้ คนละแนวคิดกัน
" อย่างที่ตั้งคำถามว่ามีหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล ถามว่าตรวจสอบอะไร แล้วยังจะมาเรียกร้องให้ชาติมาตอบแทน ถามว่าอะไรคือมรรคผลที่คุณให้กับบ้านเมือง มันไม่มี ไม่เห็น ผมว่าถ้าให้ไปมันมีความน่าจะละอายใจ ถ้านักการเมืองด้วยกันออกมาทักท้วงจะมีพลัง เพราะแม้ตัวเองรู้ว่าจะได้รับแต่เมื่อรู้สึกว่าไม่เหมาะ ควรออกมา น่าจะตัดทอนความชอบธรรมระดับหนึ่ง ส่วนคนที่คุมการเงินการคลังของประเทศควรจะดูว่าการจ่ายเงินเป็นไปตามแนวคิด หรือไม่" นายบรรเจิดกล่าว
นายปรีชา สุวรรณทัต อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ให้ความเห็นว่า ขณะนี้กระแสการคัดค้านร่าง พ.ร.ฎ.บำเหน็จบำนาญ ส.ส. ส.ว. ขยายไปถึงระดับผู้แทนองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)แล้ว เนื่องจากผู้แทน อบจ.เห็นว่า ถ้า ส.ส. ส.ว.ได้บำเหน็จบำนาญ ผู้แทนท้องถิ่นซึ่งมาจากการเลือกตั้งระดับจังหวัดเช่นเดียวกัน สมควรจะได้รับด้วย และต่อไปอาจเคลื่อนไหวเสนอกฎหมายให้บำเหน็จบำนาญผู้แทนท้องถิ่นบ้าง คิดดูว่าจำนวนผู้แทนท้องถิ่นนับหมื่นๆ คน ต้องใช้งบประมาณแผ่นดินเท่าไหร่จึงจะพอจ่าย ดังนั้น ถ้ารัฐบาลยังไม่ได้นำร่าง พ.ร.ฎ.ทูลเกล้าฯ ก็น่าจะทบทวนในรูปการให้บำเหน็จอย่างเดียว หรือให้ในรูปเงินตอบแทนอย่างอื่น จะช่วยให้กระแสการคัดค้านเบาบางลงไปได้ เพราะไม่มีผลผูกพันภาระในอนาคต ไม่ใช่เป็น ส.ส.2 ปี ได้บำนาญตลอดชีวิต
" ตอนนี้มองเห็นแล้วว่าคนส่วนใหญ่คัดค้าน รัฐบาลอยู่ในวิสัยที่น่าจะนำไปทบทวนได้ไม่ยากเหมือน พ.ร.บ. เพราะอำนาจเป็นของรัฐบาล แม้จะเป็นความคิดของ ส.ส.ที่อ้างบทบัญญัติรัฐธรรมนูญก็ตาม เท่าที่ผมทราบ ในระหว่างนี้อยู่ในขั้นตอนเตรียมนำเสนอ ยังไม่เสนอขึ้นไป" นายปรีชากล่าว
อดีต ส.ส.กทม.กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันรัฐสภามีสวัสดิการดูแลอดีตนักการเมืองซึ่งพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว หรือถ้าไม่มีก็สามารถจัดให้ได้โดยอาศัยมาตรา 229 ในรูปของประโยชน์ตอบแทนอื่นๆ ให้ไปแทนบำเหน็จบำนาญ โดยวางเกณฑ์ให้ได้เฉพาะผู้เจ็บป่วยทุพพลภาพ รวมถึงผู้ยากไร้ ไม่ใช่ได้กันทุกคน
ทางด้านนายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายก อบจ.พิจิตร กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้บำเหน็จบำนาญ ส.ส. และ ส.ว. เพราะมีเงินเดือนสูงอยู่แล้ว และไม่ยุติธรรม เนื่องจาก ส.ส. และ ส.ว.มีสิทธิพิเศษอยู่แล้วในหลายๆ เรื่อง ประกอบกับเศรษฐกิจของประเทศขณะนี้ยังไม่ดีขึ้นเลย
นายชาติชายกล่าว ว่า หากจะพิจารณาให้บำนาญ ส.ส. และ ส.ว.ควรจะให้บำนาญกับผู้บริหารที่มาจากการเลือกตั้งในส่วนท้องถิ่นด้วย อย่าไปมองเพียง ส.ส. และ ส.ว.เท่านั้น เวลานี้ทางที่ดีควรจะเงียบๆ เอาไว้ก่อน รอให้เศรษฐกิจประเทศดีขึ้นแล้วค่อยมาว่ากัน ควรเอาเงินที่มีอยู่มาพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญกว่านี้
วันเดียว กัน ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน แนวร่วมต่อต้านการคอร์รัปชั่นแห่งชาติ และกลุ่มชาวบ้านบางระจัน กรุงเทพมหานคร นำโดยนายวัชระ เพชรทอง นำป้ายผ้าเขียนข้อความ "หยุดบำเหน็จบำนาญ ส.ส. ส.ว." มาเดินวนรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พร้อมกับไฮปาร์กคัดค้านการขอจ่ายเงินบำเหน็จบำนาญให้ ส.ส. ส.ว. พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการยื่นทูลเกล้าฯถวายร่าง พ.ร.ฎ. เนื่องจากในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันไม่เหมาะสมที่จะเร่งรีบดำเนินการในเรื่อง ดังกล่าว ประกอบกับเพื่อมิให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคม หากไม่ยับยั้งอาจจะนำไปสู่กระแสความไม่พอใจของกลุ่มข้าราชการประจำ นักการเมืองท้องถิ่น และเกษตรกรที่รุนแรงขึ้น
ที่มาจากหนังสือพิมพ์ มติชน
http://www.mthai.com/webboard/5/130433.htmlบอก พธม เลย