สภาพการเมืองที่อึมครึมตอนนี้ ไม่มีใครคาดเดาออกว่าบทสรุปสุดท้ายจะไปจบที่ตรงไหน
กกต.ชุดปัจจุบันจะยังทำหน้าที่ต่อไปได้หรือไม่...?
พรรคไทยรักไทยและพรรคประชาธิปัตย์ พรรคไหนจะโดนยุบหรือไม่...?
วันที่ 15 ตุลาคม จะมีการเลือกตั้ง ส.ส.หรือไม่...?
หลังการเลือกตั้งแล้วจะเกิดการชุมนุมประท้วงอีกหรือไม่ และสุดท้ายระบบเศรษฐกิจของประเทศจะเป็นอย่างไร ในช่วงที่ทุกอย่างยังเป็นอยู่อย่างนี้
นี่คือ "คำถาม" ที่ทุกคนต่างต้องการคำตอบว่า เมื่อไหร่สถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นปกติเสียที
ไม่ใช่เฉพาะประชาชนทั่วไป ข้าราชการ ภาคเอกชน ที่เบื่อหน่ายกับปัญหาและสภาพบ้านเมืองในขณะนี้เท่านั้น
แม้แต่ผู้ที่ถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ตลอดจนคนในครอบครัว "ชินวัตร" อาจจะมีความรู้สึกไม่แตกต่างกัน
เพราะพยายามทำทุกวิถีทางแล้วแต่ทุกอย่างก็ไม่มีแนวโน้มที่จะดีขึ้น และไม่รู้ว่าหากทุ่มเทเงินทอง สมอง แรงกายไปแล้ว ผลสุดท้ายจะเป็นการลงทุนที่สูญเปล่าหรือไม่
ความไม่แน่นอนนี้เองทำให้ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งหยุดจ่าย "น้ำเลี้ยง" ให้กับ ส.ส.และคณะทำงานในพรรคที่เคยจ่ายให้เดือนละ 50,000 บาทนอกจากนี้ ยังสั่งให้หัวหน้าฝ่ายสถานที่ที่ดูแลอาคารไอเอฟซีที ที่ทำการพรรคไทยรักไทย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ประหยัดค่าใช้จ่ายทุกอย่าง โดยเฉพาะค่าน้ำค่าไฟ ค่าทำความสะอาด
แม้แต่ประตูอัตโนมัติ ก็สั่งให้เลิกใช้ เพราะเปลืองไฟ
ตอนนี้เวลาใครจะเข้าจะออกที่ทำการพรรค ต้องให้ยามรักษาความปลอดภัยมาเปิดประตูให้เป็นครั้งๆ ไป
และในช่วงนี้ถ้าไม่มีอะไรจำเป็นจริงๆ ทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ก็ไม่มีใครอยากเข้าไปที่พรรค
การประชุมพรรคไม่มีขึ้นมานานกว่า 2 เดือนแล้ว อีกทั้งการสัมมนาพรรคที่เคยมีข่าวว่าจะจัดในช่วงเดือนมิถุนายนหรือเดือนกรกฎาคม ก็ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ทุกอย่างถูก "ปล่อยวาง" ให้หยุดนิ่งอยู่กับที่
ส่วนการต่อสู้ทางข้อกฎหมายในข้อหาต่างๆ ของพรรค พ.ต.ท.ทักษิณได้มอบให้นายโภคิน พลกุล และนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองหัวหน้าพรรค เป็นผู้จัดการเป็นหลัก โดยไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวใดๆ
"สัญญาณ" ต่างๆ เหล่านี้ ทำให้บรรดาอดีต ส.ส.ของพรรคไม่รู้อนาคตตัวเอง ใครที่พอมีธุรกิจส่วนตัวก็อาจจะไม่เดือดร้อนอะไรนัก แต่คนที่เป็นนักการเมืองไม่มีอาชีพเสริมอะไรช่วงนี้ก็แทบจะกัดก้อนเกลือกิน
บรรดาแกนนำก็ต้องเซฟเงินตัวเองให้มากที่สุด เพราะยังไม่แน่ว่าในการเลือกตั้งครั้งต่อไปทาง พ.ต.ท.ทักษิณจะ "จ่ายน้ำเลี้ยง" ให้หรือไม่
สำหรับคุณหญิงพจมานช่วงนี้จะใช้เวลาไปกับการรับ-ส่งลูกสาวคนเล็ก น้องอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเดินทางไปต่างประเทศ โดยจะเดินทางไปแถบยุโรปเพื่อพักผ่อนแทบทุกเดือน
ซึ่งมีข่าวมาว่า นอกจากไปเยี่ยม "น้องเอม" พิณทองทา ที่เรียนระดับปริญญาโทอยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษแล้ว คุณหญิงยังไปดูลู่ทางในอนาคตอีกด้วย
ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณเอง ช่วงนี้เดินทางทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ก็ไม่ได้ทำงานอย่างเต็มที่นัก นอกจากติดตามงานต่างๆ ที่ตั้งใจว่าจะให้เสร็จในสมัยที่ตัวเองยังเป็นนายกฯ นั่นก็คือโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้านเศรษฐกิจที่กำลังถดถอย
บรรดาผู้สื่อข่าวต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เดี๋ยวนี้น้อยครั้งจะเห็น พ.ต.ท.ทักษิณยิ้มแย้ม ซึ่งหากหลีกเลี่ยงได้ พ.ต.ท.ทักษิณก็แทบไม่อยากจะเจอกับผู้สื่อข่าวด้วยซ้ำ เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกั้นทางเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า
มีคำถามว่า เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณและคนในครอบครัว "เบื่อกับการเมือง" เหตุใดจึงไม่ยอมถอยออกไป จะมานั่งอยู่อย่างนี้ทำไมให้เหนื่อยอกเหนื่อยใจเปล่าๆ
เหตุผลก็เพราะว่า "ถอยไม่ได้" เพราะถ้าถอยเมื่อไหร่ อาจจะโดนตามเช็คบิลในเรื่องที่เคยทำไว้ในช่วงที่ตัวเองเป็นนายกฯ
ข้อกล่าวหาว่าร่ำลือกันว่าน่ากลัวที่สุดคือ การถูก "ยึดทรัพย์" ซึ่งเป็นความร่ำรวยที่ได้มาในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกฯ
ไม่ว่าจะเป็นเงินจากการหายหุ้นจำนวน 73,000 ล้านบาท ที่มีการกล่าวหาว่า มูลค่าหุ้นของกลุ่มชินวัตรเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าตัว เมื่อเปรียบเทียบกันระหว่างช่วงก่อนและหลัง พ.ต.ท.ทักษิณเข้ามาเป็นนายกฯ
รวมทั้งความร่ำรวยที่เพิ่มมากขึ้นอย่างน่าตกใจของคนในตระกูล "ดามาพงศ์" และ "วงศ์สวัสดิ์"
นอกจากนี้ ยังอาจมีโทษทางอาญาอื่นๆ ที่อาจจะตามมาอีก
นี่เองคือสิ่งที่ทำให้แม้เบื่อก็ถอยไม่ได้...??
คนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณให้ข้อมูลว่า เรื่องนี้คุณหญิงพจมานและ พ.ต.ท.ทักษิณเคยหารือกันหลายครั้ง ซึ่งคุณหญิงพจมานต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณยุติการยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แล้วไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศสักพักหนึ่ง เมื่อเรื่องต่างๆ เงียบแล้วค่อยเดินทางกลับมาเมืองไทย
แต่ก็ยังติดปัญหา...?
ปัญหาที่ว่าก็คือ จะทำอย่างไรกับเงินจำนวนมากที่กองทุนเทมาเส็กโอนมาอยู่ในธนาคารพาณิชย์ 3 แห่ง ออกไปต่างประเทศด้วยได้
เพราะมีข่าวออกมาว่ามีการตรวจสอบแบบ "เข้มข้น" กับเงินก้อนโตที่จะไหลออกนอกประเทศ โดยกำชับผ่านไปยังผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง
ด้วยเหตุนี้ ว่ากันว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้ปรึกษาลับๆ กับผู้ใกล้ชิดว่าจะหาทางลงอย่างไร เพราะเรื่องนี้ยังไม่ต้องการให้แกนนำและอดีต ส.ส.ในพรรครู้
...แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีทางออกว่าจะถอยอย่างไรจึงจะไม่เจ็บตัว
หน้า 11
http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01pol06220649&day=2006/06/22อ่านไปอ่านมา น่าจะเป็น
"Deadlock ของ ทักษิณ" ซะมากกว่า