จาก นสพ.ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 5 กย.51 โดย ลมเปลี่ยนทิศ
ยิ่งอยู่เศรษฐกิจยิ่งพัง
ถ้า นายสมัคร สุนทรเวช อ่านหนังสือพิมพ์ทุกฉบับเมื่อเช้าวันพุธ คงจะรู้แล้วว่า คนไทยทั้งประเทศรู้สึกอย่างไรกับนายสมัคร จาก การ
ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
อย่างไร้เหตุผล เพื่อหวังใช้ทหารรักษาเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายของชาติบ้านเมือง
ก็เป็นโชคดีของประเทศไทยที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก หัวหน้าคณะรับผิดชอบสถานการณ์ฉุกเฉิน ตัดสินใจใช้
อารยะขัดขืน ไม่ยอมใช้ อำนาจในสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามที่นายสมัครต้องการ ซึ่งจะทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหายมากยิ่งขึ้น
แค่นายสมัครประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งๆที่สถานการณ์ บ้านเมืองไม่ได้อยู่ในภาวะฉุกเฉิน ก็สร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจของชาติ พังพินาศไปไม่รู้กี่แสนล้านบาทแล้ว เพราะนักลงทุนต่างชาติคิดว่าประเทศไทย คงเกิดจลาจลวุ่นวายจนรัฐบาลเอาไม่อยู่แล้ว จึงต้องประกาศภาวะฉุกเฉินส่งทหารออกมาปราบ เทขายหุ้นกันสนั่นเพื่อขนเงินออกนอกประเทศ
เฉพาะ การท่องเที่ยว อย่างเดียว คุณกงกฤช หิรัญกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย บอกว่า มีนักท่องเที่ยวแจ้งยกเลิกการจองในช่วงไฮซีซั่นปลายปีนี้ ต่อต้นปีหน้าเป็นจำนวนมาก ยกเลิกไปประมาณ 8-10 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย ราว 50,000 ล้านบาท
ก็สอดคล้องกับเสียงสะท้อนของ นายนานเดอร์ จี ฟอน เดอ ลูเฮ ประธานหอการค้าต่างประเทศในไทย ที่บอกว่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในเมืองไทย ทำให้ นักลงทุนต่างชาติที่ไม่ได้อยู่ในไทย เกิดคำถามขึ้นว่า เมืองไทยมีความปลอดภัยแค่ไหน และเริ่มลังเลที่จะเดินทางมาไทยแล้ว นักลงทุนต้องการเห็นสถานการณ์ที่คาดเดาได้
นี่ยังไม่นับความเสียหายจาก ค่าเงินบาท ที่อ่อนลงทันที เพราะนักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นแล้วขนเงินออกนอกประเทศ และส่งผลให้มูลค่าหุ้นในตลาดหลักทรัพย์หายไปแล้วหลายแสนล้านบาท ตามมาด้วยความปั่นป่วนวุ่นวายจากการต่อต้านของสหภาพรัฐวิสาหกิจต่างๆ ขู่ตัดน้ำ ตัดไฟ ปิดสนามบิน ปิดท่าเรือ ซึ่งล้วนส่งผลหายนะต่อเศรษฐกิจในภาพรวมทั้งสิ้น
สุดท้าย คนไทยทั้งประเทศก็จะเดือดร้อนไปหมดทุกคน
เพียงเพื่อให้คนที่ไร้สติอย่างนายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป
มันคุ้มกันหรือไม่ ผมก็ขอฝาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก และหัวหน้าคณะปฏิบัติการสถานการณ์ฉุกเฉิน นำไปคิดดู ใครควรจะอยู่ ควรจะไป
ถ้า นายสมัคร รักบ้านเมืองจริง ทำงานเพื่อบ้านเมืองจริง นายสมัครจะต้องดู นายยาสุโอะ ฟูกูดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ที่เพิ่งประกาศลาออกจากตำแหน่งไปเมื่อวันที่ 1 กันยายนเป็นตัวอย่าง จะได้รู้ว่า
การเสียสละเพื่อชาติบ้านเมือง และ
สปิริตทางการเมือง นั้นเป็นอย่างไร
นายฟูกูดะ เป็นนายกฯไม่ถึงปี แต่บริหารประเทศไม่ได้ เพราะฝ่ายค้านครองเสียงข้างมากในสภาสูง นายฟูกูดะจึงตัดสินใจลาออกด้วยเหตุผลดังนี้
ผมรู้สึกว่าเราต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับเศรษฐกิจ ถ้าการลาออกของผมจะช่วยให้การประชุมในสภาเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น ผมก็ตัดสินใจว่าน่าจะมีคนอื่นที่บริหารประเทศได้ดีกว่าผม เพื่อประโยชน์ของประชาชน
คนที่เป็นผู้นำประเทศ จะต้องคิดในมุมกว้างอย่างนี้ ไม่ใช่ยึดติดในตำแหน่ง แล้วทำทุกอย่างเพื่อรักษาเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของตัวเองเอาไว้ให้นานที่สุด โดย ไม่คำนึงถึงความเสียหายของบ้านเมือง
ความจริง อนาคตทางการเมืองของนายสมัคร ก็อยู่ได้อีกไม่นานอยู่แล้ว อีกไม่กี่วัน ศาลอุทธรณ์ ก็จะมีคำพิพากษาใน คดีหมิ่นประมาทที่ศาลชั้นต้นให้จำคุก วันวาน กกต. ก็ลงมติเอกฉันท์ ให้ยุบพรรคพลังประชาชน ฐานทุจริตซื้อเสียง การเอาความมั่นคงของประเทศไปแลกกับคนอย่างนายสมัคร คุ้มค่ากันหรือไม่ พรรคร่วมรัฐบาล ควรนำไปคิดดูให้ดี.
ลม เปลี่ยนทิศ
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
::::
หมายเหตุ ::::
และการที่ พลเอก อนุพงษ์ ผบ.ทบ.ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งอันมิชอบด้วยกฏหมายของ นายสมัคร นี้เอง ทำให้นายสมัครฯ หักหลังพลเอก อนุพงษ์ โดยร่วมกับคณะทำการ "
ปฏิวัติเงียบ" ยึดอำนาจรัฐมาเป็นของตนอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้สำเร็จ เมื่อคืนวันที่ 4 กันยายน พ.ศ.2551 ที่ผ่านมา ปรากฏตามคำประกาศคณะปฏิวัติ(ฉบับที่ 2)