เปลวสีเงิน
สมัคร"ยังมิใช่คำตอบสุดท้ายปัญหา"?
10 กันยายน 2551 กองบรรณาธิการ
"ถ้าผมผิด ก็ขอให้ผมฉิบหายวายวอด..." แล้วคำสาบานของ "นายสมัคร สุนทรเวช" ก็เป็นจริง บ่ายวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๑ ท่ามกลางพายุฝนห่าใหญ่ล้างเมือง
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็จบคำวินิจฉัยในคดี "ชิมไป-บ่นไป" ด้วยประโยคว่า...
"ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ว่า....
ผู้ถูกร้องกระทำตามข้อต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๖๗ ทำให้คุณสมบัติสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๘๒ วรรค ๑(๗) โดยเมื่อคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุด จึงเป็นเหตุให้รัฐมนตรีต้องพ้นคุณสมบัติตามไปด้วย
ทำให้รัฐมนตรีที่เหลือยังอยู่ในตำแหน่งเพื่อทำหน้าที่ต่อไป จนกว่าจะมีรัฐมนตรีชุดใหม่มาทำงาน"
ก็เสียใจด้วยนะครับท่าน..อดีตนายกฯ สมัคร ที่ต้องตกเก้าอี้ฉับพลันแบบนี้ แต่ก็ถือว่ายังไม่เสียหายเสียทั้งหมด เพราะตำแหน่ง ส.ส.ยังอยู่ และถึงจะอดเป็น "นายกฯ รักษาการ"
แต่ "รัฐมนตรีกลาโหมรักษาการ" ยังอยู่!
ยังสามารถ "ครองอำนาจเหนือ" พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่ป่านนี้ประชาชนไม่ทราบว่า "เป็นตายร้ายดีประการใด?"
พลเอกอนุพงษ์นั้น ตั้งแต่ท่านรับหน้าที่ "หัวหน้าสถานการณ์ฉุกเฉิน" เมื่อ ๒ กันยา นี่ก็ปาเข้าวันที่ ๑๐ กันยา เข้ามาแล้ว แต่ยังไม่มีใครได้เห็นหน้า-เห็นตา และได้ส้องเสพความคิดประเสริฐของท่านเลยว่า
มีแนวทางสูงส่งเพื่อช่วยแก้ปัญหาบ้านเมืองได้อย่างไร!?
ในจำนวน ๖๓ ล้านคนของประเทศไทยที่ค่อนข้างว่างเปล่า ก็ต้องแอบหวังในตัวท่านต่อไปแหละครับ แต่ขณะนี้เมื่อยังไม่ เห็นหัว-เห็นหาง มังกรในอากาศ ผมก็อยากบอกอะไรกับ "นายสมัคร" ซักอย่างว่า
"ถ้าคนในพรรคพลังประชาชนเสนอให้กลับมาเป็นนายกฯ อีก ท่านอย่ารับเป็นอันขาดเชียวนะครับ"!
จบชีวิตการเมืองลงแค่นี้เถอะ ถึงจะไม่สวยนัก แต่ดีกว่าซวยมากกว่านี้ ถ้าขืนดื้อดึง ผมบอกได้คำเดียวว่า "อาจจะไม่ได้ตายในเมืองไทย"
หรือถึงได้...
ท่านจำ "พลเอกสุรจิต จารุเศรณี" อดีตรัฐมนตรีกินป่า ที่ตายคาคุกเมื่อปี ๒๕๑๑ ได้ใช่ไหม?
อย่าให้ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก และนักการเมืองคนที่ ๒ ในประวัติศาสตร์ไทยที่ต้อง "ตายคาคุก" เลย!
ถ้าพลังประชาชนจะทำแบบท้าทายสังคม ท้าทายศาล อ้างเพียงว่า "กฎหมายไม่ห้าม" ใช้เสียงข้างมากในสภาฯ เลือกนายสมัครกลับเข้ามาเป็นนายกฯ อีก ถึงทำได้ ผมฝากให้คิดว่า
สังคมประชาธิปไตยอารยะ ต้องมีจริยธรรมด้วยมิใช่หรือ การใช้กฎหมาย การกระทำอะไร ยิ่งเป็นใหญ่ในสถาบันอำนาจด้วยแล้ว ยิ่งจำเป็นต้องใช้จริยธรรม-คุณธรรมนำหน้าการปฏิบัติให้เป็นแบบอย่าง
อย่าเป็นแบบ "ประชาธิปไตยโจร" เลย เชื่อผมเถิด เพราะไม่เป็นผลดีทั้งตัวท่าน ทั้งรัฐบาล และทั้งประเทศชาติ ขืนดันทุรังกลับเข้ามาเป็นนายกฯ อีกวันไหน
"สงครามกลางเมือง" เกิดแน่ๆ!
ไม่มีอะไรสามารถฝืนชะตาฟ้าที่กำลังแสวงหาโลหิตได้ก็จริง แต่คุณธรรมที่แรงกล้า พลิกชะตา-ฟ้าดินได้ นี่คือ "ความลับ" ยิ่งใหญ่ จะบอกให้รู้
ผมเห็นนายสมัคร ไม่ว่าไปพูดที่ไหน กระทั่ง ล่าสุด-ที่เวทีอุดรธานี คำหนึ่งก็อ้างอิงพระบารมี สองคำก็อ้างรับสั่ง อันแสดงถึงความเป็นผู้จงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ถ้าดันทุรังจะเอานายสมัครกลับมาเป็นนายกฯ จริงๆ ก็ลองย้อนไปดูความตอนหนึ่งในคำวินิจฉัยของศาลก่อนซิครับว่า อย่างนี้ทั้งสมาชิกสภาฯ ทั้งประธานรัฐสภา และทั้งตัวนายสมัครเอง
ยังจะกล้าเสนอ ยังจะกล้ารับ และยังจะกล้านำชื่อ "นายสมัคร" ขึ้นกราบบังคมทูลเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่อีกไหม?
และถ้าทำ จะไม่เป็นการบังอาจ เหิมเกริมมากไปดอกหรือ?
"โดยคำวินิจฉัย ไม่ได้พิจารณาเฉพาะการเป็นลูกจ้างเท่านั้น แต่พิจารณาถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๖๗ ด้วย เกี่ยวกับผลประโยชน์ประกอบด้วย เพื่อไม่ให้นักการเมืองแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์สาธารณะ ดังนั้น การนิยามความหมายของคำว่า "ลูกจ้าง" จึงไม่ใช่เพียงแค่ได้รับค่าจ้างหรือไม่ เท่านั้น
ดังนั้น การรับพิธีกร ๒ รายการของนายกรัฐมนตรีนั้น ถือว่ามีความผูกพันทางด้านผลประโยชน์กับบริษัท เฟซ มีเดีย อยู่ ขณะที่ผู้ถูกร้องต้องได้รับค่าตอบแทนตามฐานะ
นอกจากนี้ยังพบว่า ข้อโต้แย้งของผู้ถูกร้องที่รับรายได้เพียงค่าน้ำมันรถ ถือว่าเป็นการให้ขัดแย้งกัน และยัง พบพิรุธว่า น่าจะมีการทำหลักฐานย้อนหลังเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงค่าตอบแทน เป็นค่าน้ำมันรถและค่ากับข้าว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ ๙ ต่อ ๐ เสียง..."
นั่นคือ นายสมัครมิใช่สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรีเพียงเพราะ "บกพร่องโดยสุจริต" หากแต่ศาลพบว่า ใช้เอกสารเท็จ ให้การเท็จ และรวมไปถึงแบบยื่นรายการเสียภาษีด้วย!
แล้วจะทำแบบ ศาลถอดได้ก็ถอดไป พวกประชาธิปไตยเดมากอก ก็ทูลเกล้าฯ ให้ทรงแต่งตั้งใหม่ได้ เวียนไป-เวียนมา "หน้าเดิม" อยู่อย่างนี้ แล้วคิดกันบ้างไหมว่าที่ทำกันอย่างนั้น
มัน "บังอาจ-เหิมเกริม" ถึงโทษประหาร ก็ไม่น่าให้อภัยได้เลย!
ระลึกไว้ด้วย จากคำวินิจฉัยนี้ ใช่ว่าจบแค่นี้ "คดีอาญา" ในเรื่องใช้เอกสารเท็จ ให้การเท็จ ยังคงต้องตามมาอีกตามกรรม-ตามวาระ
และสมมุติว่า สัปดาห์หน้า สภาฯ ลงมติเลือกนายสมัครกลับมาเป็นนายกฯ จริงๆ เว้นไปสัปดาห์เดียว "วันที่ ๒๕ กันยา" นายสมัครที่ศาลชั้นต้นจำคุกไว้ ๒๔ เดือน โดยไม่รอลงอาญาในคดีหมิ่นประมาท ก็ถึงวันอ่านคำพิพากษา "ศาลอุทธรณ์"
ถ้าศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น ก็หมายความว่าคราวนี้ "นายสมัคร" ต้องติดคุกจริงๆ แล้ว!
ทำไงอีกล่ะ..ก็ต้องเวียนกลับไปให้สภาฯ "เลือกนายกฯ" กันใหม่เป็นรายสัปดาห์อีก มันช่างน่าบัดซบ และน่าละอาย เพราะไร้จริยธรรมสำนึกยิ่งนัก!
ในความเห็นของผม ภาวการณ์สังคมขณะนี้ จะพลังประชาชนขั้วเดิมตั้งรัฐบาล หรือพลิกขั้วให้ประชาธิปัตย์จัดตั้ง ถึงตั้งได้ ก็จะทำอะไรให้ประเทศชาติไม่ได้ เหมือนสร้างบ้านอยู่บนดินที่ไม่ได้ปรับฐาน-ตอกเข็ม
ฐาน-นั้นคือ การประสานสังคมที่ "คิดต่าง-เห็นต่าง" ในเส้นทางประเทศชาติเดียวกัน ให้อยู่ในทัศนะระนาบเดียวกัน
เราจะแสวงหาประโยชน์สูงสุดให้กับสังคมชาติจาก "คำวินิจฉัย" ศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ได้ โดยพวกเราทุกคน "ถอนตัวเอง" ออกจากความคิดเดิมๆ-ด้วยชิน จากการปักใจยึดรูปแบบเดิมๆ-ด้วยถูกครอบคิด
แล้วใช้หลักผสมผสานมองหาทางไป-เป็นทางใหม่ให้กับสังคมชาติ เช่นนี้จะไม่ดีกว่าย่ำอยู่กับประชาธิปไตยที่ดูเหมือน "คุ้นหน้า" แต่ว่าจิตใจทั้งผู้ใช้และประชาชนผู้ถูกใช้ "เข้าไม่ถึง"
และผสมผสานเป็นงาน "ปฏิรูปการเมืองใหม่" เยี่ยงนี้จะไม่ดีกว่าหรือ?
ลงทุนกันมาแล้วมากมาย บ้านเมืองวุ่นวาย ๒-๓ ปีแล้ว สุดท้ายก็ไม่ไปไหน วนไป-วนมา อยู่แค่ "ยุบสภาฯ-ลาออก" แล้วก็แบ่งค่าย-แยกข้างตีกันหัวร้างข้างแตกเป็นวัฏจักรยาจกอยู่อย่างนี้
ปฏิรูปการเมืองด้วยการตั้ง "รัฐบาลแห่งชาติ-รัฐสภาแห่งชาติ" ขึ้นดูสักทีเป็นไร ไหนๆ ประเทศไทยก็ไม่อาจขาดทั้งคนพันธมิตรฯ ไม่อาจขาดทั้งคน นปก.เพราะล้วนแล้วก็คนไทยด้วยกัน
ก็มาร่วม "ได้-เสีย" ด้วยกัน ด้วยระบบรัฐบาลแห่งชาตินี้ ลองดูสักทีจะเป็นไรไป เพราะในภาวะนี้ ไม่ต้องไปกางทฤษฎี-กางตำราฝรั่งอังกฤษที่ไหนมาใช้ คิดสูตรไทยนี่แหละใช้แก้ปัญหาไทย
อโหสิ-อภัย เลิกให้คนตีกัน มองหน้า-สบตา แล้วยิ้มให้กันได้ ถ้าทำสิ่งนี้ให้เกิดได้ ระบบ-ระบอบจะเรียกว่าอะไรก็ช่างหัวมันเถอะ ขอเพียงทำให้พี่น้องไทยไปเหนือ-ล่องใต้ "ไทยด้วยกัน" เท่านั้นพอแล้ว
ใครมาเป็นนายกฯ ใครมาเป็นรัฐบาลนั่นน่ะ ไม่ใช่ห้ามโกง-ห้ามกิน!
โกงเหอะ กินเหอะ พ่อทูนหัว..แต่โกงให้น้อยหน่อย กินให้น้อยหน่อย กินพอประดับเกียรติ ฯพณฯ ท่าน แค่นั้นคนไทยถือว่า "โกงเพื่อชาติ" เอาไปเลย พ่อจำปี-แม่จำปาหอม
แต่อย่าถึงขนาด ขายชาติ-ขายแผ่นดิน บั่นทอนคลอนระบบรัฐ ผูกขาดทรัพยากร ชักน้ำเข้าลึก-ชักศึกเข้าบ้าน เหิมเกริม-คิดการณ์ใหญ่ อย่างที่เป็นไป ไทยฆ่าไทย ส่วนหนึ่งก็เพราะเหตุนี้แหละ!
๒๕๕๑ ปีที่ผ่านมา ทุกกฎ-ทุกกติกาในโลกใบนี้ ถูกลบล้างด้วยการปฏิวัติใหม่-คิดใหม่ทยอยไล่กันมาตลอด นอกจากคำสอนองค์พุทธะแล้ว ไม่มีสูตรไหน-ทฤษฎีไหนที่ไม่ถูกการ "ค้นพบใหม่" ลบไล่หลังมาเรื่อยๆ และไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าเป็น "สัจจะยุติ" สังคมประชาธิปไตยไทยก็เช่นนั้น ถึงวันที่ต้อง "ปฏิรูปการเมือง" กันแล้ว พวกเราต้องช่วยกันเอาบ่าแบกล้อ ชักลากประเทศให้พ้นวิบากนี้ไปให้จงได้ ผมรับประกัน "ประเทศไทย" ของเราไปได้ไกล..ล้านเปอร์เซ็นต์.
http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&iDate=10/Sep/2551&news_id=163746&cat_id=200 ผมอ่านของป๋าเปลววันนี้แล้วมันทะแม่ง ๆ นะ ผมเห็นว่าโกงนิดโกงหน่อยก็ไม่ได้ ส่วนยิ่งขายชาตินี่ไม่ต้องพูดถึง ก็ที่บ้านเมืองมันวุ่นวายกันจนถึงทุกวันนี้ไม่ใช่เพราะการโกงเหรอครับ จากโกงนิด โกงหน่อย ก็โกงกันทั้งโคตร ถึงขนาดขายแผ่นดินกันเลยทีเดียว แล้วแบบนี้ประเทศชาติจะเจริญกันได้อย่างไร ?
ถึงเวลาล้างบางนักการเมืองชั่ว ๆ ได้แล้วครับ