indexthai
|
|
« เมื่อ: 15-09-2008, 21:42 » |
|
ติดตามข่าว เรื่องการพังทลายของ Lehman Brothers และ เมอร์ริล ลินช์ ไม่มีใครบอกถึงสาเหตุ ว่าเป็นเพราะเหตุใด Lehman Brothers และ Merrill Lynch จึงล้มและล่ม ผมทราบเรื่องนี้ล่วงหน้ามา 6-7 ปีแล้ว ว่าเป็นเพราะเหตุใด ก็คล้ายกับที่เกิดกับประเทศไทยในปี 1994 นั่นเอง มีต้นเหตุมาจากการพังทลายของตลาดหุ้น.. ตลาดหุ้นใดพังทลายหนัก ก็จะเกิดปัญหาแบบเดียวกันนี้ทุกประเทศ... 1) ตลาดหุ้นไทยพังทลายในปี 1994 ....... SET Index ตก 88 เปอร์เซนต์ ทำให้ค่าเงินบาทพังทลาย ทำให้เงินไหลออกจากประเทศไทย และเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2 ต้องเข้าโครงการณ์ IMF >> ภาคการผลิตจริง และสถาบันการเงินพังทลาย (สถาบันการเงินล้มลงกว่า 70 แห่ง) 2) ตลาด NASAQ พังทลายในปี 2000 ..... NASDAQ Index ตก 78 เปอร์เซนต์ ทำให้ค่า USD พังทลาย เงินไหลออกจากอเมริกา และเกิดเป็นวิกฤติเศรษฐกิจเศรษฐกิจของอเมริกาขณะนี้ แม้ไม่ต้องเข้าโครงการณ์ IMF ก็ตาม >>ภาคการผลิตจริง และสถาบันการเงินพังทลาย (สถาบันการเงินล้มลงมากกว่า 50 แห่ง) เหตุ การพังทลายของ ..Lehman Brothers และ Merrill Lynch ..สหรัฐ http://www.oknation.net/blog/indexthai/2008/09/15/entry-1
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
AsianNeocon
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 15-09-2008, 22:30 » |
|
สมัย 40 ไทยมี IMF ให้กู้เงินมาประทัง แล้วคราวนี้ใครจะเป็นโรงรับจำนำให้อเมริกากู้เงินละครับ เห็นบอกพยายามจะให้แบ๊งก์มาลงขันตั้งกองทุน 7 หมื่นล้าน เป็นเงินส่วนกลาง แบ๊งก์ไหนเกิดขนาดสภาพคล่องวันไหนก็เบิกเงินก้อนนี้ไปพยุงตัวเอง แล้วจะพอเหรอ อ้อ ส่วนลิ้งก์ของคุณที่พูดเกี่ยวกับแนวคิดสถาบันประกันเงินฝาก ถามหน่อยครับว่าถ้าไม่มีสถาบันประกันเงินฝาก แล้วจะมีวิธีไหนอีกครับ เพราะว่าถ้าประกันกันทั้ง 100% ก็เป็นภาระแก่รัฐอีก แล้วจะให้ทำไงอะ (แต่ผมก็ไม่ไว้ใจอีตาสถาบันประกันเงินฝากเหมือนกัน เพราะประกันแค่ล้านเดียวต่อแบ๊งก์ในอีก 5 ปี)
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2008, 22:43 โดย AsianNeocon »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แอ่นแอ๊น
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 15-09-2008, 23:57 » |
|
มีแต่คนว่า กรรมสนอง ทั้งนั้นเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
|
|
|
kittie
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 16-09-2008, 00:30 » |
|
...เคยเห็นบทวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องนี้ประมาณ 2-3 เดือนที่แล้ว และสุดท้ายมันก็เป็นจริง แต่รู้สึกว่านี่มันจะเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ศก เมกา อาจล้มเป็นโดมิโนก็ได้ ...(ขอบ่นนอกเรื่อง) ทอง จากไม่มีปัจจัยบวก เลยได้เรื่องไว้เล่น ขึ้นมา 16 ดอลล์ แล้ว ซื้อไม่ทัน แง้วๆๆๆ...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Vi Veri Veniversum Vivus Vici
"By the power of truth I, while living, have conquered the world"-------------------------------------- My Hi5!! http://kittiepong.hi5.com
|
|
|
|
jerasak
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 16-09-2008, 15:13 » |
|
บ.แม่ AIG ใกล้เจ๊งแล้วครับ
Manulife ของแคนาดา เตรียมเข้าช้อปปิ้งของถูก ช่วงหนึ่งบริษัทลูกในไทยเอาเรตติ้ง ทริปเปิ้บเอ (AAA) ของ AIG มาใช้โฆษณาอยู่นานหลายปี ทำให้ลูกค้าให้ความเชื่อถืออย่างสูง ต่อมามีข่าวเรื่องการตกแต่งบัญชีโดยผู้บริหาร และปัญหาทุจริตภายใน เลยทำให้มีการลดอันดับความน่าเชื่อถือของ AIG ลง ล่าสุดได้ข่าว AIG ย่ำแย่ขนาดหนัก ขาดเงินถึง 4 หมื่นล้านเหรียญ ทำท่าจะล้มละลายอีกรายหนึ่งเสียแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
Şiłąncē Mőbiuş
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 16-09-2008, 15:26 » |
|
ช่วงหนึ่งบริษัทลูกในไทยเอาเรตติ้ง ทริปเปิ้บเอ (AAA) ของ AIG มาใช้โฆษณาอยู่นานหลายปี ทำให้ลูกค้าให้ความเชื่อถืออย่างสูง ต่อมามีข่าวเรื่องการตกแต่งบัญชีโดยผู้บริหาร และปัญหาทุจริตภายใน เลยทำให้มีการลดอันดับความน่าเชื่อถือของ AIG ลง ล่าสุดได้ข่าว AIG ย่ำแย่ขนาดหนัก ขาดเงินถึง 4 หมื่นล้านเหรียญ ทำท่าจะล้มละลายอีกรายหนึ่งเสียแล้ว แล้ว AIA จะเป็นไงมั่งเนี่ย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.” . “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
|
|
|
หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 16-09-2008, 15:27 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2008, 15:29 โดย หมอ จิตเพศ »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นักปฏิวัติ
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 16-09-2008, 15:32 » |
|
เคสนี้ น่าสนใจ และร่วมสมัย จริงๆครับ
ทั้งหมดทั้งมวล ไม่ว่า ต้มยำกุ้ง 2540 หรือ แฮมเบอร์เกอร์ 2551...
เป็นผลมาจากคำว่า... ประชาธิปไตยทุนนิยมเสรีสามานย์.... อย่างแท้จริงๆ
ทุนนิยมจ๋า... บริโภคแหลก... เลยแหลกกันไปทั่วหน้า...
การเมืองใหม่ ของพันธมิตรฯ... สามารถหยิบยก เรื่องนี้เป็น กรณีศึกษา ได้ครับ...
จะได้ หูตาสว่าง กันเสียทีว่า... ระบอบแม้ว ที่ ตามก้น ฝรั่ง มันจะมีจุดจบอย่างไร...
และหันมาสนใจเรื่อง จริยธรรม คุณธรรม ธรรมาภิบาล และ เศรษฐกิจพอเพียง.... เพื่อความเจริญ มั่นคง ยั่งยืน ของประเทศไทย... เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ "มิเห็นโลงศพ มิหลั่งน้ำตา" เราอาจได้ เห็นการเปลี่ยนแปลงประเทศ ครั้งใหญ่ก็ได้ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"สุดยอดกลยุทธ์ คือชนะโดยไม่ต้องรบ" ซุนวู
"ผู้นำชั้นเลิศนั้น เพียงแต่เป็นที่รับรู้ว่ามีตัวตนอยู่ ชั้นรองลงมา เป็นที่รักและสรรเสริญ ชั้นรองกว่านั้น เป็นที่เกรงกลัวและเกลียดชัง" เหล่าจื๊อ เต้าเต๋อจิง
|
|
|
AsianNeocon
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 16-09-2008, 15:34 » |
|
แล้ว AIA จะเป็นไงมั่งเนี่ย กรรม จิงดิ ม่าม๊า พึ่งทำประกันชีวิต จ่ายไปแสนกว่าบาท ทำกับ AIA เลยแหล๊ะ พี่ Şiłąncē Mőbiuş ทำปะ สาขาไม่เกี่ยวกัน เพราะดำเนินงานภายใต้กฎหมายของแต่ละประเทศ ถือเป็นคนละบริษัทกันตามกฎหมาย บ.แม่เขาแค่เอาเงินจากบ.แม่มาลงทุนแล้วก็ถือหุ้น แล้วก็ทำธุรกิจเอาเงินคนไทยไปหากินกับคนไทยต่อ ผลกำไรถ้าเขาไม่คิดจะเก็บไว้ในไทยเพื่อลงทุนขยายกิจการต่อ ก็สูบส่งกลับเมืองนอก ถ้าตัวแม่เจ๊ง ก็อาจจะมีธนาคารไทยหรือเทศ บริษัทประกันของไทยหรือเทศเจ้าอื่น มาลดทุนของบ.แม่ที่ถือหุ้นอยู่หรือซื้อหุ้นไป แล้วเอาสาขาในไทยไปดำเนินธุรกิจต่อ ตัวทรัพย์สินและหนี้สินยังอยู่เหมือนเดิม แต่เปลี่ยนคนมาบริหาร ส่วนเงินที่บ.แม่ได้รับจากการขายหุ้นก็ส่งกลับเมืองนอกเพื่อเอาไปจ่ายแบ่งให้กับเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นตามลำดับของบุริมสิทธิ์ (ที่เรียกว่า liquidation หรือการขายทอดตลาดสินทรัพย์) ในประเทศอื่นก็งี้เหมือนกันครับ ถ้าเจ้าใหญ่ล้มตาย เจ้าที่เล็กกว่าก็ถือโอกาสเหยียบหัวกินซาก เพื่อขึ้นมาใหญ่แทน ผู้ฝากเงินหรือผู้ซื้อประกันไม่น่าจะกระทบ ใน "วิกฤติ" มี "โอกาส" เสมอ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2008, 15:39 โดย AsianNeocon »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
paper punch
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 16-09-2008, 15:43 » |
|
AIG เป็นผู้สนับสนุนทีมฟุตบอล แมนยู ที่มีมูลค่าสูงสุดต่อปีFootball sponsorship: Soccer's treasure chest Monday, 11 August 2008 Manchester United: The AIG deal is worth £56.5m over four years As the Premier League clubs prepare for another season, Richard Gillis finds out how much this year's sponsors paid to put their names on a shirt Manchester UnitedMain sponsor: AIG (Insurance)Cost per annum: £14.125mKit supplier: Nike The AIG deal is worth £56.5m over four years, Nike paid the club £303m for licensing rights, and Budweiser is the club's official beer. Still no word on why former Saatchi & Saatchi CEO Lee Daley, lasted only four months as commercial director last year. ChelseaMain sponsor: Samsung (Electronics)Cost per annum: £10mKit supplier: Adidas Football sponsorship is a key battleground in the ultra competitive consumer electronics market. South Korean giant Samsung grabbed the Chelsea shirt after they lost out to Sony for Uefa Champions League and Fifa World Cup rights. As an IOC partner Samsung also sponsored the Olympic torch relay around the world, escorted by the controversial men in blue suits. LiverpoolMain sponsor: Carlsberg (Brewing)Cost per annum: £7mKit supplier: Adidas Carlsberg's 15-year commitment is the longest commercial relationship in British football, but the club may seek a shirt and naming rights deal to fund their long-awaited new stadium, which may test the brewers resolve. Last year, striker Fernando Torres sold more shirts than any player in the Premier League, not including those carrying his own El Niño brand. Newcastle UnitedMain sponsor: Northern Rock (Finance)Cost per annum: £5mKit supplier: Adidas The nationalisation of Northern Rock means Kevin Keegan's team is partly funded by the taxpayer despite being owned by billionaire retailer Mike Ashley. Calls to end the relationship have fallen on deaf ears: "I believe it is in the commercial interest of the bank that we should continue," said N. Rock. http://www.belfasttelegraph.co.uk/sport/football/premiership/football-sponsorship-soccers-treasure-chest-13936231.html
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
LOVE CHANGES EVERYTHING...
|
|
|
หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 16-09-2008, 15:44 » |
|
โล่งอก นึกว่า จะเสียเงินฟรี เหมือนที่บริษัทประกันสัญชาติไทยแท้รายหนึ่ง เจ๊งไป ซวยตามๆกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
AsianNeocon
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 16-09-2008, 15:51 » |
|
AIG สาขาประเทศไทย แถลงข่าวมาแล้วครับ ผู้ถือกรมธรรม์ไม่กระทบ โล่งอก นึกว่า จะเสียเงินฟรี เหมือนที่บริษัทประกันสัญชาติไทยแท้รายหนึ่ง เจ๊งไป ซวยตามๆกัน กรณีอันนี้เป็นกรณีของบริษัทนั้น เมื่อเอาเงินไปลงทุนแล้ว ไปลงทุนผิด มันเลยไม่มีตังจ่ายคืน เลยเจ๊ง ถ้า AIGเมืองไทย ทะลึ่งเอาเงินไปซื้อสินทรัพย์เน่าๆในอเมริกาแล้วเจ๊ง อันนี้คุณและผู้ทำประกันกับมันจะซวย แต่ตอนนี้แถลงออกมาแล้วว่า ไม่มีผลกระทบครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
AsianNeocon
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 16-09-2008, 16:01 » |
|
สรุปคือ ผลกระทบจากวิกฤติในอเมริกาครั้งนี้ ที่ผมนั่งตรึกตรองดู....
(ขอออกตัวว่า ไม่มีความรู้เรื่องการเงิน การธนาคารใดๆ เพราะวิเคราะห์จากประสบการณ์ทำงาน การลงทุน และที่อาป๊าอาม้ารอดพ้นเจอวิกฤติปี 40 ล้วนๆ)
1. จะกระทบกับสถาบันการเงินทั่วโลก ไม่ว่าจะ จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย สิงคโปร์ ไต้หวัน ฮ่องกง เพราะแบ๊งก์ บริษัทประกัน บางแห่ง (ย้ำว่า บางแห่ง) อาจมีการไปลงทุนใน "กระดาษ" ที่บรรดาสถาบันการเงินของอเมริกันมาเร่ขาย ก็คือว่าธนาคารหรือสถาบันการเงินเหล่านี้เมื่อพบว่า ลูกหนี้ตัวเองล้มละลายไปแล้ว ก็ต้องมีการมาสำรวจดูว่า ซื้อไปเยอะไหม จะได้ซากคืนเท่าไร กระทบกำไรเท่าไร ถ้ามีมากจะกระทบความมั่นของกิจการมันก็จะส่งผลไปถึง ข้อ 2 และ 3
2. กระทบตลาดหุ้น อันนี้แน่นอน ใครเล่นหุ้นรู้อยู่แล้ว
3. กระทบทางอ้อมกับคนเดินดินกินข้าวแกง ก็อาจจะในแง่เศรษฐกิจที่มันฝืดเคืองลง เพราะว่าเมื่อขนาดของสถาบันการเงินที่มันล้มไป มันมีสินทรัพย์ใหญ่โตนับ "ล้าน ล้าน ดอลล่าร์" การเทขายสินทรัพย์ทอดตลาดขนาดมหึมาแบบนี้ มันย่อมกระทบไปถึงราคาสินทรัพย์บางตัว คือ "อุปทาน" มากกว่า "อุปสงค์" ราคาสินทรัพย์หลายอย่างก็ย่อมต้องลดต่ำลง ดังนั้นก็เท่ากับว่าผู้ที่ไปถือสินทรัพย์ที่มีมูลค่าลดลง ก็จนลง กำลังซื้อก็หดลง การบริโภค ใช้จ่ายลดลง ดังนั้นก็ทำให้เศรษฐกิจฝืดเคืองลง จึงกระทบกับปากท้องไงครับ
"วิกฤติ" นี้มองในแง่ดีก็เป็น "โอกาส" ได้เรียนรู้ว่า ฝรั่งไม่ใช่ผู้วิเศษ ไม่มีอะไรจีรัง เอาแน่เอานอนกับอะไรไม่ได้ แล้วก็การค้าเสรี (เสรีเกินไป) คือความหายนะ มันทำให้เราฉลาดขึ้นนะ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2008, 16:07 โดย AsianNeocon »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Şiłąncē Mőbiuş
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 16-09-2008, 16:07 » |
|
โล่งอก นึกว่า จะเสียเงินฟรี เหมือนที่บริษัทประกันสัญชาติไทยแท้รายหนึ่ง เจ๊งไป ซวยตามๆกัน สรุปว่างานนี้ถ้า AIA เจ๊งจริงๆ เมืองไทยประกันชีวิต หรือ ไทยประกันชีวิต ก็อาจจะเข้าไปเทคต่ออ่ะดิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.” . “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
|
|
|
E-pen
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 16-09-2008, 16:12 » |
|
เผยธ.เอเชียเจ็บตัวน้อย เลห์แมน บราเธ่อร์ล้มละลาย http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1221555830&grpid=03&catid=06เผยธนาคารเอเชียเจ็บตัวน้อยหลังวิกฤตเลห์แมน บราเธ่อร์ส ล้ม เหตุที่ผ่านมาระมัดระวังตัวเป็นอย่างดี ไม่ปล่อยเงินกู้เป็นจำนวนมหาศาล
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ว่า บรรดาธนาคารเอเชียต่างสามารถหลีกเลี่ยงจากผลกระทบรุนแรงจากวิกฤตบริษัทวานิชธนกิจเลห์แมน บราเธ่อร์ ธนาคาด้านการลงทุนใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐ ล้ม
-โดยที่ญี่ปุ่น ธนาคารอาโอโซร่า และมิซูโฮ ซึ่งเป็นผู้ปล่อยเงินกู้รายสำคัญของเลห์แมน บราเธ่อร์ ได้ปล่อยเงินกู้ให้แก่ธนาคารดังกล่าวเป็นจำนวน 463 ล้านดอลลาร์ และ 289 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ
-ขณะที่เกาหลีใต้ คณะกรรมการด้านบริการภาคการเงินเปิดเผยว่า ธนาคารต่าง ๆ ของเกาหลีใต้ ได้ลงทุนไปกับเลห์แมน บราเธ่อร์เป็นเงินจำนวน 720 ดอลลาร์
-ส่วนธนาคารจีน ก็ได้ให้เงินกู้เลห์แมน บราเธ่อร์สเป็นจำนวน 50 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
-ส่วนธนาคารคอมมอนเวลท์ ของออสเตรเลีย ก็มีเงินลงทุนกับวานิชธนกิจสหรัฐแห่งนี้เป็นจำนวนไม่ถึง 150 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการล้มของเลห์แมน บราเธ่อร์ส ก็คาดว่าจะส่งผลกระทบด้านเศรษฐกิจต่อประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออกของสหรัฐอย่างไม่ต้องสงสัย ******************************* งานนี้ "หนี้สูญ" แหง๋..
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2008, 16:19 โดย E-pen »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
หาเพื่อนหยิงคุยแก้เหงาครับ
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 16-09-2008, 16:16 » |
|
นอกจากได้คำตอบ ยังได้ความรู้เพิ่ม ขอบคุณพี่ๆทุกท่านมาก ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: 16-09-2008, 16:23 » |
|
แล้ว AIA จะเป็นไงมั่งเนี่ย เรื่อง AIA ตอบไว้ในกระทู้อื่น เอามาลงที่นี่ด้วยแล้วกันครับ สินทรัพย์ AIA ในไทย (มาจากเบี้ยประกันลูกค้า) ส่วนใหญ่ ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย ปลอดภัยไม่ได้ขนไปไหนง่ายๆ จำนวนเงินมโหฬารถึง 250,000 ล้านบาท จึงรับรองได้ว่า ไม่ว่าใครเป็นรัฐบาลก็ต้องดูแลกันเป็นอย่างดี ขนาดกำไรสะสม 6 หมื่นล้านบาท (ส่วนต่างดอกเบี้ยพันธบัตร กับเงินปันผลจ่ายลูกค้า) ยังต้องค่อยๆ ทยอยส่งไปเมืองนอก ไม่สามารถขออนุมัติส่งไปต่างประเทศทั้งหมดในทันทีครับ ลูกค้า AIA จึงสบายใจได้แต่บางคนอาจเสียความรู้สึกนิดๆ ที่เคยมั่นใจ AIG มั่นคงสุดยอดได้ AAA ตามที่เคยโฆษณา--- ถ้า้ต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม มีแค่ รายงานประจำปี 2549 นะครับ โหลดมาดูได้จากลิงค์นี้ เป็นข้อมูลของสมาคมประกันชีวิตไทย มีข้อมูลครบทุกบริษัทเลย แต่ข้อมูลปี 2550 ยังไม่ออก ข้อมูลที่ระบุ "สาขาบริษัทต่างประเทศ" ก็คือ AIA บริษัทเดียว http://www.tlaa.org/thai/statistic_reports/annual_reports/annual_statistic_report/index.phpอีกลิงค์ที่สามารถโหลดข้่อมูลผลประกอบการบริษัทประกันมาดูได้ ที่หน้านี้ครับ เป็นเว็บกรมการประกันภัยเดิม ข้อมูลถึงปี 2549 ครับ http://www.oic.or.th/stat_data/thai-version/Stat_of_Life_Yearly.htm
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2008, 16:29 โดย jerasak »
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
AsianNeocon
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: 16-09-2008, 16:39 » |
|
ลูกค้า AIA จึงสบายใจได้แต่บางคนอาจเสียความรู้สึกนิดๆ ที่เคยมั่นใจ AIG มั่นคงสุดยอดได้ AAA ตามที่เคยโฆษณา
ยังจำ "มูดี้ส์" จอมจัดอันดับได้หรือเปล่าครับ ที่สมัยปี 40 ลดอันดับไทยรายวัน แล้วรัฐบาลไทยต้องไปออดอ้อนให้มันคงอันดับ
นี่อีกแล้ว ลีแมนเจ๊งไปแล้ว กับ เอไอจีเพิ่งออกอาการ ชาวบ้านเขาได้กลิ่นไปหมดแล้ว ไอ้มูดี้ส์มันก็เพิ่งไปลดอันดับ พวกนี้ก็จบ MBA ดังๆกันทั้งนั้น แต่ไม่รู้มันวิเคราะห์เครดิตชาวบ้านจากอะไร อีกหน่อยคนจะซื้อหุ้นกู้ พันธบัตรอะไร สงสัยเชื่อบ.จัดอันดับเครดิตทั้งหมดไม่ได้แล้ว เชื่อมันสัก 20% นอกนั้นต้องคิดดูเอาเอง เสี่ยงดวง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
E-pen
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: 16-09-2008, 16:40 » |
|
AIG เป็นแม่
AIA เป็นลูก
**************
ถ้าแม่ไม่ตังค์(ขาดสภาพคล่อง)แล้วจะให้ไปยืมเงินคนอื่นเพื่อเสียดอกเบี้ย หรือว่าจะมาหยิบเงินลูกไปใช้ดีครับ?
(ในความเป็นจริง)...ถ้าสมมุติว่า แม่ของใครไม่มีตังค์ ลูกก็คงต้องผ่องถ่ายแอบเอาเงินไปให้แม่ใช้บ้างหล่ะครับ?
อย่างงี้...ถ้านางพญาปลวกตายก่อน มีหวังลูก ๆ ตายตามแน่นอนครับ แต่ถ้าลูกปลวกตาย แม่ปลวกก็สร้างลูกออกมาใหม่ได้ครับ
ผมว่า...งานนี้ถ้าแม่ใกล้ตาย ลูก ๆ ต้องยอมสละเลือดช่วยแม่ให้อยู่รอดให้ได้ก่อนละครับ...
(เดาเอาครับ+มั่วนิ่มนิดหน่อย อิอิ+)
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2008, 16:47 โดย E-pen »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Rule of Law
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: 16-09-2008, 16:46 » |
|
งานนี้วัวกระทิงติดเชื้อวัวบ้าตายกันเป็นแถว ทั้ง lehman , merill lynch
ขอสรุปแบบอิงการเมืองนิดๆ
สถาบันไหนดำเนินธุรกิจแบบ"พอเพียง" ไม่เน้นที่ profit growth อย่างบ้าคลั่ง ก็จะยืนหยัดได้อย่างมั่นคงกว่า แม้กำไรจะไม่พรวดพราดเท่าวัวกระทิง
ส่วนไอ้พวกบ้าตัวเลข ยอมลงทุนแม้กระทั่งรู้ว่าเป็น credit ไม่ค่อยดี (sub-prime) ก็รับกรรมไป
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2008, 16:48 โดย Rule of Law »
|
บันทึกการเข้า
|
Your C.V is nothing. Your future plan...is everything.
|
|
|
E-pen
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: 16-09-2008, 16:52 » |
|
งานนี้วัวกระทิงติดเชื้อวัวบ้าตายกันเป็นแถว ทั้ง lehman , merill lynch
ขอสรุปแบบอิงการเมืองนิดๆ
สถาบันไหนดำเนินธุรกิจแบบ"พอเพียง" ไม่เน้นที่ profit growth อย่างบ้าคลั่ง ก็จะยืนหยัดได้อย่างมั่นคงกว่า แม้กำไรจะไม่พรวดพราดเท่าวัวกระทิง
ส่วนไอ้พวกบ้าตัวเลข ยอมลงทุนแม้กระทั่งรู้ว่าเป็น credit ไม่ค่อยดี (sub-prime) ก็รับกรรมไป เห็นด้วยครับ
"ของถูกไม่มีดี...ของฟรีไม่มีในโลก" ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นทร์
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: 16-09-2008, 17:03 » |
|
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
|
|
|
jerasak
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: 16-09-2008, 17:10 » |
|
ยังจำ "มูดี้ส์" จอมจัดอันดับได้หรือเปล่าครับ ที่สมัยปี 40 ลดอันดับไทยรายวัน แล้วรัฐบาลไทยต้องไปออดอ้อนให้มันคงอันดับ
นี่อีกแล้ว ลีแมนเจ๊งไปแล้ว กับ เอไอจีเพิ่งออกอาการ ชาวบ้านเขาได้กลิ่นไปหมดแล้ว ไอ้มูดี้ส์มันก็เพิ่งไปลดอันดับ พวกนี้ก็จบ MBA ดังๆกันทั้งนั้น แต่ไม่รู้มันวิเคราะห์เครดิตชาวบ้านจากอะไร อีกหน่อยคนจะซื้อหุ้นกู้ พันธบัตรอะไร สงสัยเชื่อบ.จัดอันดับเครดิตทั้งหมดไม่ได้แล้ว เชื่อมันสัก 20% นอกนั้นต้องคิดดูเอาเอง เสี่ยงดวง ตอนนี้บริษัทหนึ่งแถวๆ ฮ่องกง คือ เพิร์ค (PERC - Political and Economic Risk Consultancy Ltd.) ออกผลจัดอันดับระบบตุลาการในเอเชียออกมา บอกว่าตุลาการไทยอยู่อันดับ 9 ใน 12 อันดับ เป็นที่ฮือฮาโดยเฉพาะในกลุ่มเชียร์ทักษิณ นำไปเล่นข่าวเป็นจริงเป็นจังว่าตุลาการไทยไม่น่าเชื่อถือ ทั้งที่ PERC ก็เป็นแค่ บริษัทเอกชน แห่งหนึ่งเท่านั้น ชื่อบริษัทแปลตรงตัวก็คือ "บริษัทที่ปรึกษาด้านความเสี่ยงทางการเมืองและเศรษฐกิจ"การจัดอันดับก็ทำจากการสอบถามนักธุรกิจ 1-2 พันราย สรุปว่าเป็นการทำโพลอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง แถมผลออกมา ตุลาการฮ่องกงได้อันดับหนึ่งอีกต่างหาก (PERC ก็เป็นบริษัทฮ่องกง) --- ที่ตั้งของบริษัท PERC อยู่ที่ฮ่องกงนี่เอง.. 20/F, Central Tower 28 Queen's Road, Central, Hong Kong Mailing Address: G.P.O. Box 1342, Hong Kong Tel: (852) 2541 4088 | Fax: (852) 2815 5032 | Email: info@asiarisk.com--- ผมลองแวะไปดูที่เว็บของ PERC รู้สึกไม่ได้เรื่องเลยครับ ไม่รู้ว่าบริษัทมีทุนดำเนินการเท่าไหร่ เพราะดูแล้วห่วยกว่า เว็บเอแบคโพล หรือ สวนดุสิตโพล ของไทยเสียอีก http://www.asiarisk.comขนาด PERC ยังได้รับความสนใจจากสื่อไทย เอาผลจัดอันดับมาตีข่าวไปทั่วผมว่า บ.จัดอันดับเครดิตทั้งหลาย ก็คงทำมาหากินกันได้อีกนานครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2008, 17:14 โดย jerasak »
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
E-pen
|
|
« ตอบ #25 เมื่อ: 16-09-2008, 17:17 » |
|
เพิร์ค (PERC - Political and Economic Risk Consultancy Ltd.) ออกผลจัดอันดับระบบตุลาการในเอเชียออกมา บอกว่าตุลาการไทยอยู่อันดับ 9 ใน 12 อันดับ
เป็นที่ฮือฮาโดยเฉพาะในกลุ่มเชียร์ทักษิณ นำไปเล่นข่าวเป็นจริงเป็นจังว่าตุลาการไทยไม่น่าเชื่อถือ ทั้งที่ PERC ก็เป็นแค่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งเท่านั้น น่าจะเหมือนกับ "โพลดุสิต" ของ อ.สุขุม นวลสกุลชินวัตร
(โพลสั่งได้...อยากได้ต้องจ่ายตังค์ อิอิ+)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jerasak
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: 16-09-2008, 17:29 » |
|
AIG เป็นแม่
AIA เป็นลูก
**************
ถ้าแม่ไม่ตังค์(ขาดสภาพคล่อง)แล้วจะให้ไปยืมเงินคนอื่นเพื่อเสียดอกเบี้ย หรือว่าจะมาหยิบเงินลูกไปใช้ดีครับ?
(ในความเป็นจริง)...ถ้าสมมุติว่า แม่ของใครไม่มีตังค์ ลูกก็คงต้องผ่องถ่ายแอบเอาเงินไปให้แม่ใช้บ้างหล่ะครับ?
อย่างงี้...ถ้านางพญาปลวกตายก่อน มีหวังลูก ๆ ตายตามแน่นอนครับ แต่ถ้าลูกปลวกตาย แม่ปลวกก็สร้างลูกออกมาใหม่ได้ครับ
ผมว่า...งานนี้ถ้าแม่ใกล้ตาย ลูก ๆ ต้องยอมสละเลือดช่วยแม่ให้อยู่รอดให้ได้ก่อนละครับ...
(เดาเอาครับ+มั่วนิ่มนิดหน่อย อิอิ+) สินทรัพย์ลงทุนของ AIA ในประเทศไทย เป็นเงินของลูกค้าชาวไทยครับ เพราะ AIA ไม่มีทุนจดทะเบียนแม้แต่บาทเดียว ในประเทศไทยAIA มีสถานะเป็นเพียง "สาขา" ของบริษัทแม่ในต่างประเทศและถูกควบคุม อย่างเข้มงวดพอสมควร สินทรัพย์ลงทุนก็ถูกควบคุมโดยกฎหมายไทยครับ ไม่ใช่จะเอาไปลงทุนอะไรก็ได้ตามใจชอบ แม้แต่ผลกำไรก็ยังถูกควบคุม จะส่งให้บริษัทแม่ยังต้องขออนุญาตเป็นครั้งๆระยะหลังมีข่าวถูกบีบ จะให้จดทะเบียนเป็นบริษัทไทยในตลาดหลักทรัพย์ เพราะมีขนาดสินทรัพย์ในความดูแลและตัวเลขกำไรสะสมมหาศาล เรื่องที่ว่าบริษัทแม่ตายแล้วบริษัทลูกจะตายตาม ก็อย่างที่มีข้อมูลนะครับ ขนาดของ AIA ใหญ่เกินไปที่รัฐบาลไทยจะยอมให้ล้มครับ... บอกข้อมูลเพิ่มให้อีกอย่างว่า บริษัทประกันชีวิต จะต้องกันเงินส่วนหนึ่งไว้ เรียกว่า "เงินสำรองประกันภัย" ซึ่ง AIA กันเอาไว้ถึงเกือบ 2.5 แสนล้าน จะยักย้ายถ่ายโอนไปไหนก็ไม่ได้ครับ ในอนาคตอันใกล้ได้ข่าวว่าจะมีการ บังคับให้ "เงินสำรองประกันภัย" อยู่ในมือทางการอีกด้วย มีแต่กำไรสะสมที่ตอนนี้ผมคาดว่ามีประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ที่สามารถ ส่งไปให้บริษัทแม่ได้ แต่ก็ต้องค่อยๆ ขออนุญาต ไม่รู้ว่าอีก 10 ปีจะโอน ได้หมดหรือเปล่า เรื่อง AIA จึงไม่น่าห่วงจริงๆ ต่อให้อยากช่วยแม่ก็ช่วยไม่ได้ครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2008, 17:34 โดย jerasak »
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
AsianNeocon
|
|
« ตอบ #27 เมื่อ: 16-09-2008, 17:41 » |
|
สินทรัพย์ลงทุนของ AIA ในประเทศไทย เป็นเงินของลูกค้าชาวไทยครับ เพราะ AIA ไม่มีทุนจดทะเบียนแม้แต่บาทเดียว ในประเทศไทยAIA มีสถานะเป็นเพียง "สาขา" ของบริษัทแม่ในต่างประเทศและถูกควบคุม อย่างเข้มงวดพอสมควร สินทรัพย์ลงทุนก็ถูกควบคุมโดยกฎหมายไทยครับ ไม่ใช่จะเอาไปลงทุนอะไรก็ได้ตามใจชอบ แม้แต่ผลกำไรก็ยังถูกควบคุม จะส่งให้บริษัทแม่ยังต้องขออนุญาตเป็นครั้งๆระยะหลังมีข่าวถูกบีบ จะให้จดทะเบียนเป็นบริษัทไทยในตลาดหลักทรัพย์ เพราะมีขนาดสินทรัพย์ในความดูแลและตัวเลขกำไรสะสมมหาศาล เรื่องที่ว่าบริษัทแม่ตายแล้วบริษัทลูกจะตายตาม ก็อย่างที่มีข้อมูลนะครับ ขนาดของ AIA ใหญ่เกินไปที่รัฐบาลไทยจะยอมให้ล้มครับ... บอกข้อมูลเพิ่มให้อีกอย่างว่า บริษัทประกันชีวิต จะต้องกันเงินส่วนหนึ่งไว้ เรียกว่า "เงินสำรองประกันภัย" ซึ่ง AIA กันเอาไว้ถึงเกือบ 2.5 แสนล้าน จะยักย้ายถ่ายโอนไปไหนก็ไม่ได้ครับ ในอนาคตอันใกล้ได้ข่าวว่าจะมีการ บังคับให้ "เงินสำรองประกันภัย" อยู่ในมือทางการอีกด้วย มีแต่กำไรสะสมที่ตอนนี้ผมคาดว่ามีประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ที่สามารถ ส่งไปให้บริษัทแม่ได้ แต่ก็ต้องค่อยๆ ขออนุญาต ไม่รู้ว่าอีก 10 ปีจะโอน ได้หมดหรือเปล่า เรื่อง AIA จึงไม่น่าห่วงจริงๆ ต่อให้อยากช่วยแม่ก็ช่วยไม่ได้ครับ มีนะครับ ทุนจดทะเบียน ในนาม "เอไอจีการ์ด (ประเทศไทย)" 720 ล้านบาท กับ "เอไอจี ประกันวินาศภัย" อีกแค่ 10 ล้าน
แต่มันก็ไม่มีความหมายหรอก เพราะว่าสินทรัพย์ในไทยกับกำไรสะสมใหญ่โตขนาดนั้น
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2008, 17:43 โดย AsianNeocon »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
E-pen
|
|
« ตอบ #28 เมื่อ: 16-09-2008, 18:23 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
boyk
|
|
« ตอบ #29 เมื่อ: 16-09-2008, 22:32 » |
|
ภาพประวัติศาสตร์การเงินโลกอีกภาพนึง ตลาดหุ้นเอเซียพากันร่วงวันที่สอง จากวิกฤติ"เลห์แมน" ดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกง ร่วงลงอย่างหนักกว่า 1,000 จุด เช่นเดียวกับตลาดในภูมิภาค ซึ่งล่าสุดตลาดหุ้นยุโรปก็พากันร่วงหนักเมื่อเริ่มเปิดซื้อขาย ดาวโจนส์ตอนนี้(11.27 am)ลบราวๆ 50 จุด ถือว่าชะลอลงมาแล้ว คาดว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงอีกนาคับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-09-2008, 22:38 โดย boyk »
|
บันทึกการเข้า
|
ไล่งับคนโกง ตอกฝาโลงไม่ให้เกิด
|
|
|
E-pen
|
|
« ตอบ #30 เมื่อ: 16-09-2008, 22:36 » |
|
คาดว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลง งานนี้คนจะแห่ถอนเงินสด ไปลงทุนเก็งทองไหมหนอ!!...
ผมติดดอยมาเป็นเดือนและ โงหัวไม่ขึ้นเลย ...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นักปฏิวัติ
|
|
« ตอบ #31 เมื่อ: 17-09-2008, 00:36 » |
|
ตอนนี้บริษัทหนึ่งแถวๆ ฮ่องกง คือ เพิร์ค (PERC - Political and Economic Risk Consultancy Ltd.) ออกผลจัดอันดับระบบตุลาการในเอเชียออกมา บอกว่าตุลาการไทยอยู่อันดับ 9 ใน 12 อันดับ เป็นที่ฮือฮาโดยเฉพาะในกลุ่มเชียร์ทักษิณ นำไปเล่นข่าวเป็นจริงเป็นจังว่าตุลาการไทยไม่น่าเชื่อถือ ทั้งที่ PERC ก็เป็นแค่ บริษัทเอกชน แห่งหนึ่งเท่านั้น ชื่อบริษัทแปลตรงตัวก็คือ "บริษัทที่ปรึกษาด้านความเสี่ยงทางการเมืองและเศรษฐกิจ"การจัดอันดับก็ทำจากการสอบถามนักธุรกิจ 1-2 พันราย สรุปว่าเป็นการทำโพลอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง แถมผลออกมา ตุลาการฮ่องกงได้อันดับหนึ่งอีกต่างหาก (PERC ก็เป็นบริษัทฮ่องกง) --- ที่ตั้งของบริษัท PERC อยู่ที่ฮ่องกงนี่เอง.. 20/F, Central Tower 28 Queen's Road, Central, Hong Kong Mailing Address: G.P.O. Box 1342, Hong Kong Tel: (852) 2541 4088 | Fax: (852) 2815 5032 | Email: info@asiarisk.com--- ผมลองแวะไปดูที่เว็บของ PERC รู้สึกไม่ได้เรื่องเลยครับ ไม่รู้ว่าบริษัทมีทุนดำเนินการเท่าไหร่ เพราะดูแล้วห่วยกว่า เว็บเอแบคโพล หรือ สวนดุสิตโพล ของไทยเสียอีก http://www.asiarisk.comขนาด PERC ยังได้รับความสนใจจากสื่อไทย เอาผลจัดอันดับมาตีข่าวไปทั่วผมว่า บ.จัดอันดับเครดิตทั้งหลาย ก็คงทำมาหากินกันได้อีกนานครับ PERC เป็นเว็บที่ห่วยมากๆ (เหมือนเว็บ สมัย 10กว่าปีที่แล้ว สมัยอินเตอร์เนตเริ่มดังใหม่ๆ) ลองเทียบกับ TRIS http://www.tris.co.th/index.php?option=com_frontpage&Itemid=1
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"สุดยอดกลยุทธ์ คือชนะโดยไม่ต้องรบ" ซุนวู
"ผู้นำชั้นเลิศนั้น เพียงแต่เป็นที่รับรู้ว่ามีตัวตนอยู่ ชั้นรองลงมา เป็นที่รักและสรรเสริญ ชั้นรองกว่านั้น เป็นที่เกรงกลัวและเกลียดชัง" เหล่าจื๊อ เต้าเต๋อจิง
|
|
|
boyk
|
|
« ตอบ #32 เมื่อ: 17-09-2008, 02:31 » |
|
แหล่งข่าวจากบลูมเบิร์กอ้างว่าเฟดอาจจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือ AIG เพื่อประคับประคองไม่ให้ซ้ำเติมวิกฤติการณ์ที่อาจกระทบต่เนื่องจากเลห์แมน
ดาวโจนส์มีรีบาวด์หลังรับทราบข่าวนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ไล่งับคนโกง ตอกฝาโลงไม่ให้เกิด
|
|
|
jerasak
|
|
« ตอบ #33 เมื่อ: 17-09-2008, 03:09 » |
|
มีนะครับ ทุนจดทะเบียน ในนาม "เอไอจีการ์ด (ประเทศไทย)" 720 ล้านบาท กับ "เอไอจี ประกันวินาศภัย" อีกแค่ 10 ล้าน
แต่มันก็ไม่มีความหมายหรอก เพราะว่าสินทรัพย์ในไทยกับกำไรสะสมใหญ่โตขนาดนั้น
ถ้าจะนับธุรกิจของ AIG ที่จดทะเบียนในประเทศไทยจริงๆ ธุรกิจที่มีทุนจดทะเบียนมากที่สุดน่าจะเป็น... "ธนาคาร เอไอจี เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน)"ข้อมูลล่าสุดทุนชำระแล้วประมาณ 1,200 ล้านบาทครับ แต่ต้องย้ำว่าไม่ได้เป็นบริษัทลูกของ AIA ในประเทศไทย ถ้าจะเกี่ยวข้องกันก็คือเป็นพี่น้อง หรือลูกพี่ลูกน้อง เท่านั้น โดยมีบริษัทแม่ร่วมกันคือ AIG ครับ... สำหรับ ประกันชีวิต AIA ไม่มีทุนจดทะเบียนในประเทศไทย เพราะมีสถานะเป็นเพียงสำนักงานสาขาเท่านั้น เปรียบเทียบ คงคล้ายกับ "สำนักงานเมืองไทยประกันชีวิตสาขาพระโขนง"ซึ่งไม่มีทุนจดทะเบียนเป็นของตัวเอง ถ้าโหลดงบดุลธุรกิจประกันชีวิตมาดู จะเห็นว่าส่วนของสาขา- บริษัทต่างประเทศ (ซึ่งก็คือ AIA แค่บริษัทเดียว) มีตัวเลข ทุนจดทะเบียนเป็นศูนย์ นะครับhttp://www.oic.or.th/stat_data/stat-life/2549/Yeary/T/12.FINANCIAL%20%20POSITION_T.xlsอีกเรื่องที่ควรทราบคือสำนักงานสาขา AIA ในไทยมีเพียง แห่งเดียวเท่านั้น แต่ที่เห็นมีป้าย AIA ทั่วไปนั้น เป็นเพียง สำนักงานตัวแทนไม่ใช่สาขาบริษัทนะครับ เนื่องจากเหตุนี้ทำให้การควบคุมดูแล AIA ต้องรัดกุมพิเศษ เพราะสินทรัพย์ทั้งหมดหลายแสนล้านมาจากเงินลูกค้าไทย ไม่ได้มีเงินลงทุนมาจากต่างประเทศแต่อย่างใด การปล่อยให้ยักย้ายถ่ายโอนได้ตามใจชอบจึงทำไม่ได้ครับ ไม่งั้นจะกลายเป็นการจับเสือมือเปล่า ขนเงินคนไทยออกไป หากำไรโดยไม่ต้องลงทุน... ถ้าจำไม่ผิดตามกฎหมายบริษัทประกันชีวิตต้องกันเงินสำรอง 70% ของสินทรัพย์ตลอดเวลา แต่สำหรับธนาคารถูกบังคับ ให้กันเงินสำรองไม่ถึง 10% ของเงินฝากครับ ในความเห็นของผม ลูกค้าทั้งหลายของ AIA (รวมทั้งบริษัท ประกันชีวิตอื่นๆ) สบายใจได้มากกว่าฝากเงินกับธนาคารครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-09-2008, 03:15 โดย jerasak »
|
บันทึกการเข้า
|
= A dreamer lives for eternity.= == นักฝันมีชีวิตเพื่อนิรันดร์กาล ==
|
|
|
Solidus
|
|
« ตอบ #34 เมื่อ: 17-09-2008, 03:24 » |
|
ตอนนี้บริษัทหนึ่งแถวๆ ฮ่องกง คือ เพิร์ค (PERC - Political and Economic Risk Consultancy Ltd.) ออกผลจัดอันดับระบบตุลาการในเอเชียออกมา บอกว่าตุลาการไทยอยู่อันดับ 9 ใน 12 อันดับ
เป็นที่ฮือฮาโดยเฉพาะในกลุ่มเชียร์ทักษิณ นำไปเล่นข่าวเป็นจริงเป็นจังว่าตุลาการไทยไม่น่าเชื่อถือ ทั้งที่ PERC ก็เป็นแค่ บริษัทเอกชน แห่งหนึ่งเท่านั้น
ฮืฮฮายิ่งกว่านั้นตรงที่กลุ่มเชียร์ทักษิณเข้าใจว่าประเทศในเอเชียมีแค่ 12 ประเทศ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
นู๋เจ๋ง
|
|
« ตอบ #37 เมื่อ: 17-09-2008, 09:04 » |
|
นักเศรษฐศาสตร์ในเสรีไทเยอะ เอ้ หรือว่าเล่นหุ้นกันเยอะ วิเคราะห์ได้ความรู้ดีจังค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
|
|
|
AsianNeocon
|
|
« ตอบ #38 เมื่อ: 17-09-2008, 12:17 » |
|
เอาจากกระทู้คุณแมว มหาภัย http://forum.serithai.net/index.php?topic=35055.0 มาแปะซ้ำในกระทู้นี้นะครับนี่คือสาเหตุที่ Fed ต้องอุ้ม AIG
New York Times เอามาลงไว้ สรุปก็คือ ทรัพย์สินของ AIG มีทั่วโลกนับล้านล้านดอลล่าร์ ตั้งแต่ให้เช่าซื้อเครื่องบิน 900 ลำ ปล่อยเงินกู้สร้างไฮเวย์ ประกันภัย บริหารกองทุนบำเน็จบำนาญ ซื้อพันธบัตรรัฐบาล ฯลฯ ส่วนใหญ่อยู่ในเอเชีย โดยอ้างว่า ถ้าปล่อยล้มโลกจะกระทบ
แต่ถ้าเรามองในแง่ผลประโยชน์ของอเมริกา หากปล่อยให้ตัวแม่ล้มแบบ Lehman ทรัพย์สินพวกนั้น (ลูกๆ) ก็จะหลุดลอยไปสู่มือของประเทศอย่าง แคนาดา จีน ญี่ปุ่น และประเทศเล็กประเทศน้อยอย่าง ไทย ฟิลิปปินส์ อเมริกาก็จะจนลงทันที ความเป็นมหาอำนาจก็จะเสื่อมความขลัง จึงน่าจะเป็นสาเหตุให้ Fed ยอมเสี่ยงพิมพ์เงินออกมาอุ้ม (คิดไปคิดมา อยากจะเอาตัว ทนง พิทยะ, โภคิน พลกุล, ทักษิณ ชินวัตร, ธารินทร์ นิมมานเหมินทร์, อมเรศ ศิลาอ่อน, วิชรัตน์ วิจิตรวาทการ ฯลฯ มาตัดหัวทิ้งเอาเลือดมาล้างตีนจริงๆ โทษฐานทำตัวเป็นขี้ฝรั่ง และปล้นประเทศชาติ)A.I.G. Is Still Profitable, With a Wide Array of Enterprises
By JONATHAN D. GLATER Published: September 16, 2008
American International Group and its assortment of businesses run the gamut from aircraft leasing to life insurance for Indians to retirement plans for elementary schoolteachers. Parts of the company have been battered by the credit crisis.
But many of its operations may put up for sale — as the Federal Reserve signaled they would be when it announced its rescue of the company Tuesday night — and they could prove attractive to prospective investors and competitors. The main insurance unit has remained profitable, as has the aircraft leasing arm.
American International Group and its assortment of businesses run the gamut from aircraft leasing to life insurance for Indians to retirement plans for elementary schoolteachers.
The great assortment of assets reflects the determination of the man who built A.I.G., Maurice R. Greenberg, to create an global empire operating in complementary businesses. Not even the company’s annual reports to shareholders or its regulatory filings offer a chart of its complex corporate structure.
Though its name is American, the company is rooted in Asia. According to company lore, its founder, Cornelius Vander Starr, a World War I veteran, traveled to Asia with only 300 Japanese yen (less than $3 by today’s exchange rates) in his pocket and started the firm in Shanghai in 1919.
With a partner, he sold marine and fire insurance and expanded rapidly throughout the Philippines, Indonesia and China by hiring locals as agents and managers, a business strategy A.I.G. uses today. Nearly half of A.I.G.’s 116,000 direct employees — about 62,000 people — are in Asia.
In 1960, Mr. Greenberg joined the company, following his mentor, an executive at Continental Casualty Company in Chicago. Mr. Greenberg focused on making giant commercial deals, increasing its share of the life insurance business and writing what were, decades ago, unusual types of coverage, like insurance against kidnapping and protection from suits against a company’s officers and directors.
A.I.G.’s general insurance business, which accounted for nearly half its $110 billion in revenue last year, has held up well. A.I.G. claims that its companies are the largest underwriters of commercial and industrial insurance in the United States. Its policies cover everything from environmental liability for companies to auto insurance.
A.I.G.’s asset management group — it includes a private banking subsidiary for the wealthy, a broker dealer and another unit that manages mutual funds — has had losses, but it is not a unit that pushed the company to the brink. That group reported its first loss in years in the last quarter of 2007; in the second quarter of this year, it reported an operating loss of $314 million, which is modest these days.
Then there is the aircraft leasing business, which owns more than 900 planes and is part of the company’s financial services group. The company stated in its annual filing with regulators that the leasing unit would buy 73 new aircraft this year. That unit is profitable, according to the most recent report for the quarter ended June 30.
A.I.G.’s problems rest in the company’s London-based financial products unit, part of its financial services group, which is exposed to securities tied to the value of home loans — the same kind of securities that forced Lehman Brothers into Chapter 11 bankruptcy proceedings on Monday. The financial products group sold credit-default swaps, complex financial contracts allowing buyers to insure securities backed by mortgages. Many of the buyers were European banks. As home values have fallen, the value of the underlying mortgages has declined, and A.I.G. has had to reduce the value of the securities on its books.
The company has other forms of real estate exposure. One subsidiary, American General Finance, makes home loans and has suffered along with the housing market. Another subsidiary, the United Guaranty Corporation, provides mortgage guarantee insurance. Still other units buy mortgage-backed securities directly.
“We’ve always been opportunistic,” Mr. Greenberg said, responding to a question about whether the company would buy other insurers struggling in the wake of the Sept. 11 terrorist attacks. “When we see opportunities, we will never change. At A.I.G., it’s part of our culture.”
Geographically, A.I.G. is sprawling. One of its life insurance company operates in 50 countries and other units offers other products, like health insurance and retirement services, in countries like Japan and the United States. It claims to be the largest life insurance company in the Philippines. Its private bank is based in Zurich.
A.I.G. ’s Asian asset management business has $115 billion in assets, and the company peddles mutual funds in the Philippines, Hong Kong and Singapore and investment trusts in Taiwan.
The company is a sizable investor in Asian development projects, from toll roads in the Philippines to Seoul’s international finance center. It is also a major investor in the Taiwan government. As of February, A.I.G. held $14.2 billion in Taiwan government bonds, 13.1 percent of Taiwan’s total issued government bonds.
Though he left the company a few years ago after an accounting scandal, Mr. Greenberg’s fortune remains locked up with A.I.G., in which he has a stake of about 11 percent through various holdings, according to Bloomberg News.
Early in 2005, questions arose about financial transactions that had the effect of making the company’s earnings look better. Mr. Greenberg resigned as chief executive after regulators sent a wave of subpoenas to the company; eventually A.I.G. restated earnings covering a five-year period. His successor tried to restore confidence in the company but his efforts did not meet with investor approval and he was replaced this summer, after the company announced that it lost $7.8 billion in the first quarter of the year, the biggest loss in its history. In August it announced that it had lost another $5.3 billion in the second quarter.AIG มีสมบัติเยอะหน่ะเนอะ คุ้มที่จะยึดมา เลห์แมนมีแต่กระดาษ อุ้มไปมีแต่ตายกะตาย เมื่อเช้าพอดีได้ฟังสัมภาษณ์คุณกรณ์ เค้าเล่าว่า การทำธุรกิจของเลห์แมน เก็งกำไรมากๆ เสียงมากๆ มากชนิดที่บริษัทหรือวานิชฯ ของเมกาเค้าไม่ทำกัน ก็ไม่แปลกที่จะเสียหายมาก
ฟังแล้วนึกถึง ตะวันออกไฟแนนซ์สมัยก่อน พี่แกเล่นกู้เงินกองทุนฯ ปาเข้าไป 11 เท่าของเงินกองทุนบริษัท พอโดนปิดแล้ว เจ้าของยังทำปากเก่ง บอกว่าตัวเองมีปัญญากู้ ก็มีปัญญาใช้หนี้ มาปิดของเค้าทำไม ฟังแล้วประสาทจะแด๊ก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Rule of Law
|
|
« ตอบ #39 เมื่อ: 17-09-2008, 13:01 » |
|
หุๆ เข้ามาสำทับคุณ Neocon หน่อยนึง พอดีเมื่อวานได้ดูลุงแก่ๆคนหนึ่งให้สัมภาษณ์ CNBC แกเป็นอดีต CEO ของ AIG ลุงแกเลือด AIG แรงเหลือเกินแกบอก " AIG เป็น national treasure ของจริง" " Lehman เป็นสถาบันการเงินก็จริง แต่ AIG เกี่ยวกับชีวิตคน บลาๆๆ" อืมมม ลุงไม่ได้สั่งลงทุนใน securities เกี่ยวกับ sub-prime นี่หว่า โม้ได้อยู่
นักเศรษฐศาสตร์ในเสรีไทเยอะ เอ้ หรือว่าเล่นหุ้นกันเยอะ วิเคราะห์ได้ความรู้ดีจังค่ะ ประชาไทเค้าชอบคุยเรื่องแบบนี้กันมั่งมรั้ยเอ่ย หรือมีแต่นักโต้วาทีหว่า?? ข่าว lehman ทำหุ้นไทยตกอย่างแรง แต่อ๊ะๆๆ มีใครรู้ทันบ้างเอ่ย ADVANC สวนกระแสอย่างโชกโชน ปิดบวกทั้งวันที่ 15 - 16 เพราะคุณอาเขยของพวกมันได้เป็นนายก เดี๊ยนเองเก็บไม่ทันหรอกฮ่ะ คือ ก่อนหน้านี้แค่มองเห็นชื่อย่อก็หยะแหยงแล้น
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-09-2008, 13:07 โดย Rule of Law »
|
บันทึกการเข้า
|
Your C.V is nothing. Your future plan...is everything.
|
|
|
E-pen
|
|
« ตอบ #40 เมื่อ: 17-09-2008, 13:08 » |
|
เปรียบเหมือน...(ความเหมือนในความต่าง) กรณีนโยบายรัฐไทยลักไทย "แปลงสินทรัยพ์เป็นทุน"
เปรียบเหมือนกรณี กรุงเทพพาณิชยการ(ล้มละลาย)โดยฝีมือพวก ส.ส.กลุ่ม16 -พวก ส.ส.กลุ่ม16 หัวหน้าแก๊งสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ แก๊ง พปช. หาผลประโยชน์จากโครงการรัฐบาล แปลงสินทรัพย์เป็นทุน โดยการเล่นแร่แปรธาตุ เช่น -เอาที่ดินทำเลต่ำราคาไร่ละ 1 แสน ไปจำนองขอกู้เงินจาก BBC 10 ล้าน, 100 ล้าน แล้วก็ไม่ยอมใช้หนี้ เพราะตั้งใจยอมให้ ธ.ยึดที่ดินนั้นไป -ธ.ยอมให้กู้เพราะได้ค่าคอมมิชชั่น จากการปล่อยกู้ -เมื่อลูกหนี้ไม่ยอมใช้หนี้เบี้ยวหนี้ เพราะตั้งใจให้ ธ.ยึดที่ดินนั้นแทน -ธ.ยึดที่ดินนั้นมา ก็ไม่สามารถเอาไปทำประโยชน์-เอาไปขายก็ไม่ได้ราคาเท่ากับทุนให้กู้ -พวก ส.ส.กลุ่ม16 พวกนี้ก็ทำกู้ซ้ำ ๆๆๆๆ กู้ซ้ำ ๆๆๆๆ เบี้ยวหนี้ซ้ำ ๆๆๆๆ ปล่อยให้ยึดซ้ำ ๆๆๆๆ ทำกันอย่างเมามัน ทั้งจากโครตญาติพ่อแม่พี่น้องลูกเต้าพี่ป้าน้าอาเพื่อนฝูงคนรู้จักญาติโกโหติกา หัวคะแนน ยำกันเละเละเละเละ -จนในที่สุดลูกหนี้เบี้ยวหนี้ ก็ทำให้ ธ.กรุงเทพพาณิชยการ ไปยึดเอาทีดินนั้นมา -เมื่อเอาไปขายจริงให้คนอื่น มันขายไม่ได้ เพราะเป็นพวก ที่ดินตาบอดมั่ง ที่ดินหลังเขามั่ง ที่ดินไกลปืนเที่ยง ทำเลคุณภาพต่ำ
จึงเป็นเหตุให้ธนาคารกรุงเทพพาณิชยการล้มละลาย ไปกับมือของนายราเกซ ศักดิ์เสนา มีแต่ของมีแต่ทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์ แต่ขายออกไม่ได้ไม่มีคนซื้อ (นอกจากที่ดินแล้ว แปลงสินทรัพย์เป็นทุน ก็ยังมีอย่างอื่น เช่น บ้าน หม้อ ไห กะทะ รถ ตู้เย็น คอมฯ แอร์ ให้กู้เงินในยอดสูง แต่ราคาของสินทรัพย์ที่เป็นตัวประกันนั้นมีราคาต่ำ) เพราะในความเป็นจริงเป็นของที่ต้นทุนต่ำ เช่น พวกที่ดินป่าสงวน ที่ดินตาบอด ที่ดินหลังเขา เป็นต้นฯลฯ (เหมือนโครงการไทยรักไทยเปลี่ยนสินทรัพย์เป็นทุน-สำหรับพวกพ้องหัวคะแนน)
จึงเป็นที่มาของหนี้เน่าหนี้สูญNPL แล้วจึงขายหนี้เน่าทอดตลาด (((ความเหมือนในความต่าง)))
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-09-2008, 13:13 โดย E-pen »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
มารร้ายพ่ายแพ้รัก
|
|
« ตอบ #41 เมื่อ: 17-09-2008, 14:07 » |
|
กรรม จิงดิ ม่าม๊า พึ่งทำประกันชีวิต จ่ายไปแสนกว่าบาท ทำกับ AIA เลยแหล๊ะ พี่ Şiłąncē Mőbiuş ทำปะ กรรมของน้องผมเหมือนกัน อยู่หนังสือพิมพ์ผู้จัดการดี ๆ ไม่ชอบ ดันออกมาขายประกัน AIA ทั้ง ๆ ที่ผมเคยเตือนมันแล้วว่าเศรษฐกิจช่วงนี้ไม่ดี อย่าเพิ่งออก มันก็ไม่เชื่อ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #43 เมื่อ: 24-09-2008, 19:58 » |
|
วาณิชธนกิจ ที่เสกกระดาษเป็นทองยัดไส้ตะกั่ว
ตามแบบฉบับของ ยิว-อเมริกัน ในขณะเดียวกันผู้บริหารบางคนก็ล้มบนฟูก
วันนี้ธนาคารกลางสหรัฐ อัดฉีดเงินสามหมื่นกว่าล้านดอลล์ เพื่อสู้กับค่าเงินที่อ่อนตัว
ขณะที่สภาคองเกรส ยังไม่ยินยอมที่จะอัดฉีดเงินอีก เจ็ดแสนล้านมากอบกู้วิกฤติครั้งนี้
จะกลายเป็นตำน้ำพริกละลายแม่น้ำหรือไม่ วันศุกร์นี้น่าจะได้คำตอบ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2008, 20:02 โดย ดอกฟ้ากับหมาวัด »
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
ดอกฟ้ากับหมาวัด
|
|
« ตอบ #44 เมื่อ: 02-10-2008, 23:22 » |
|
คืนนี้...สภาคองเกรสเลื่อนมาเป็นวะระเร่งด่วนเรื่องการอัดฉีดเงิน
เจ็ดแสนล้านดอลล์ เพื่อพยุงการล่มสลายของทุนนิยม หลังจากสภาสูงผ่านให้แบบเป็นเอกฉันท์
คำถามที่ตามมา.....มันจะเพียงพอกับความเสียหายหรือไม่
เมื่อทุกคนทราบคำตอบว่า....มันต้องใช้เงินมากกว่านั้นมากมาย
สึนามิทางการเงินของสหรัฐ นั้นยิ่งใหญ่มากมายเกินกว่าที่คาดเดา ยังมีอีกหลายแหล่งเงินทุนที่ไม่กล้าเปิดเผยความเสียหาย
เพราะเกรงจะเกิดการแพนนิค
คนที่ต้องพึ่งสถาบันการเงินเพื่อต่อยอดธุรกิจ ควรจะเร่งเพิ่มหาเครดิตมาหล่อเลี้ยงธุรกิจโดยด่วน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
***ผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเสมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้ และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน***
|
|
|
|