ธปท.เพิ่งเปิดตัวเลขการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของคนไทย เทียบกับเพื่อนบ้านดังนี้
เกาหลี ใช้น้ำมันแค่ 3.7 บาร์เรลต่อวัน เพื่อสร้าง GDP $1 ล้าน แต่เกาหลีสามารถผลิตสินค้าส่งออกขั้นสูงมากมาย เศรษฐกิจก็มีความใหญ่โตกว่าไทย
ฟิลิปปินส์ ใช้น้ำมันเพียง 3.8 บาร์เรลต่อวัน เพื่อสร้าง GDP $1 ล้าน
จีน เห็นว่านำเข้าน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 2 ของโลก แต่กลับใช้เพียง 4.4 บาร์เรลต่อวันเพื่อสร้าง GDP $1 ล้าน
มาเลเซีย ใช้ 4.7 บาร์เรลต่อวัน
อินโดนีเซีย ใช้ 5.8 บาร์เรลต่อวัน
ไทย ต้องใช้น้ำมันถึง 6.1 บาร์เรลต่อวัน เพื่อสร้าง GDP $1 ล้าน (ถ้าเทียบเป็นค่าใช้จ่ายจะขนาดไหน เพราะราคาน้ำมันแพงขึ้นเท่าตัว)ก็ยังมีสิงคโปร์ ที่ใช้มากถึง 7.3 บาร์เรลต่อวันเพื่อสร้าง GDP $1 ล้าน แต่ว่าสิงคโปร์สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศเป็นเงินตราต่างประเทศมากมายจากการกลั่นน้ำมัน
ถ้าเปรียบกับบริษัท นอกจาก CEอุย หน้าเหลี่ยมจะยักยอกทรัพย์บริษัทไปเป็นจำนวนมากแล้ว ยังสามารถตบตาผู้ถือหุ้นส่วนมากที่ซื่อบื้อได้อีกด้วยการผลักดันยอดขายสวยหรูอย่างเดียว แต่กำไรไม่มี มีแต่ก่อหนี้เพิ่ม สร้างแต่ค่าใช้จ่าย ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ซึ่งซื่อบื้อก็พากันแซ่ซ้องตลอดมาได้แก่
- การยุให้คนซื้อรถเยอะๆ โดยอ้างว่าเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์(ที่มีญี่ปุ่น และอเมริกา เป็นเจ้าของ) ตัวเลข GDP ก็ต้องโต และนายส.อะไหล่ยนต์ได้ประโยชน์ ณ วินาทีที่มีรถ ก็มีค่าน้ำมันตามมาทันที
- ส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศเป็นบ้าเป็นหลังก็อย่านึกว่ามีเงินไหลเวียนในประเทศ เงินไหลออกไม่เคยคิด เพราะเดินทางแต่ละทีก็คือน้ำมัน
- การเอาเงินกองทุนไปตรึงราคาน้ำมัน ให้คนรู้สึกว่าน้ำมันถูก เพียงเพื่อสร้างคะแนนนิยม กองทุนมีหนี้เพิ่มขึ้น 1 แสนล้าน
- เมืองไทยไม่เหมือนจีน ญี่ปุ่น ซึ่งนำเข้าน้ำมันมา แต่ส่วนใหญ่เอามาผลิตสินค้าทำรายได้ แต่โครงสร้างเศรษฐกิจของไทยที่รัฐบาลหน้าเหลี่ยมผลักดัน ทำให้ต้องมาใช้ในกิจกรรมที่ไม่เกิดรายได้เป็นหลัก
- ผลาญเงินไปกับโครงการประชานิยม จนไม่มีพอมาลงทุนเส้นทางรถไฟใหม่ๆ รถไฟฟ้า และระบบขนส่งมวลชนต่างๆ
แล้วหน้าเหลี่ยมมันยังมีหน้ามาโทษผู้ชุมนุมไล่มันว่าเป็นต้นเหตุ ตัวมันน่ะคือต้นเหตุเศรษฐกิจทรุด