ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
30-11-2024, 23:37
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  ห้องสาธารณะ  |  สุชาติ สวัสดิ์ศรี กับ "มือ*****" ของ "สมัคร" 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
สุชาติ สวัสดิ์ศรี กับ "มือ*****" ของ "สมัคร"  (อ่าน 1297 ครั้ง)
วีรธรรม+
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 24-08-2008, 10:44 »

http://www.thaiwriter.net/forum01/index.php?topic=2019.msg27612;topicseen#msg27612

วิทยา ปรีชากุล : กรุงเทพฯ

<<ถ>> วันภาษาไทยแห่งชาติ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ในฐานะครูภาษาไทยที่โรงเรียนมัธยม ในกำกับของกรุงเทพมหานคร ผมต้องพานักเรียนส่วนหนึ่งไปที่หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อร่วมเป็นเกียรติในงานของกระทรวงวัฒนธรรม

ตามหมายกำหนดการที่ได้รับ ทราบว่า ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช จะมาเป็นประธานในพิธีมอบรางวัล 'ยกย่องเชิดชูเกียรติ' แก่ปูชนียบุคคลด้านภาษาไทย และผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่นประจำปี 2551 ในฐานะครูภาษาไทยที่ติดตามงานด้านหนังสือของพี่มานาน จึงรู้สึกยินดีที่ทราบว่า 'สิงห์สนามหลวง' เป็นหนึ่งในจำนวนของ 'ผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น' ประจำปีนี้

ในใจนั้น นอกจากผมจะพาเด็กมาทำกิจกรรมแล้ว ก็คิดว่าเป็นโอกาสที่จะได้ทักทาย 'สิงห์สนามหลวง' ในวาระนี้ แต่ทว่า ตอนมอบรางวัล ผมมองไม่เห็นสิงห์ฯ เลย ไม่ทราบว่าในวันงานดังกล่าว สิงห์ฯ ไปรับรางวัลหรือเปล่า ผมไม่เห็นสิงห์ฯ ขึ้นไปรับรางวัล และถ่ายรูปหมู่กับนายกรัฐมนตรี มองแล้วมองอีกก็ไม่เห็นสิงห์ฯ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นหรือครับ


<<ต>> ก่อนอื่นต้องบอกว่า 'สิงห์สนามหลวง' เป็นนามปากกา และมิได้เกี่ยวข้องแต่อย่างใดกับการประกาศเกียรติครั้งนี้ ผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการกับงานพิธีครั้งนี้ คือนายสุชาติ สวัสดิ์ศรี รายละเอียดต่างๆ ที่มีผู้เกี่ยวข้องกับงานพิธีครั้งนี้

ผมได้ล้อมกรอบให้ทราบกันแล้วว่ามีผู้ใดบ้าง ที่คุณแจ้งว่าไม่พบนายสุชาตินั้น เป็นความจริง เพราะนายสุชาติไม่ได้ไปปรากฏในงานครั้งนี้ เหตุผลสำคัญก็เพราะนายสุชาติ สวัสดิ์ศรี รู้สึกพะอืดพะอมที่จะต้องขึ้นไปบนเวทียกมือไหว้คนชื่อ นายสมัคร สุนทรเวช ที่จะมา 'มอบรางวัลเชิดชูเกียรติ' ครั้งนี้ เหตุผลแห่งความพะอืดพะอมนั้น เป็นตรรกะส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นๆ หรือองค์กรของรัฐที่จัดงานเชิดชูเกียรติเนื่องในวัน 'ภาษาไทยแห่งชาติ'

บุคคลต่างๆ ที่จะมารับเข็ม 'เชิดชูเกียรติ' จากนายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช หลายคนอาจจะยินดี หลายคนอาจจะไม่ได้คิดอะไรนัก และหลายคนคงจะรู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ เสียด้วยซ้ำ แต่นายสุชาติ รู้สึกบอกไม่ถูก และไม่ยินดีที่จะได้รับเกียรติจาก 'มือ' ของบุคคลผู้มาเป็นประธานในพิธี เพราะรู้สึกว่ามือของคนชื่อนายสมัคร สุนทรเวชนั้น ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใด ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ถือเป็น 'มือ*****' ที่นายสุชาติ ไม่ต้องการยื่นไปรับ

เรื่องราวเบื้องหลังข้างต้น ขออนุญาตใช้ภาษาต่างด้าวว่า เป็นเรื่อง Personal Matter ระหว่างนายสมัคร สุนทรเวช ในฐานะนักการเมือง และนายสุชาติ สวัสดิ์ศรี ในฐานะราษฎรผู้ใช้ภาษาไทย เหตุผลใดๆ ที่เป็น Personal Matter ของนายสุชาติดังกล่าว ถือเป็นมุมมองส่วนตัวที่ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับมุมมองของบุคคลอื่น และหรือของหน่วยงานรัฐที่ชื่อสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.)

เมื่อสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่คนหนึ่งติดต่อมาทางโทรศัพท์ โดยบอกว่านายสุชาติ เป็นหนึ่งในบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็น 'ผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น' เนื่องใน 'วันภาษาไทยแห่งชาติ' ปีนี้

นายสุชาติได้ตอบไปทันทีว่า จะเหมาะหรือ และบอกไปว่าไม่ขอรับเกียรตินี้จะได้ไหม มีครูภาษาไทยอีกจำนวนไม่น้อยที่น่าจะเหมาะสมกับเกียรตินี้ แต่เจ้าหน้าที่ของ สวช. (ซึ่งไม่ได้แจ้งชื่อว่าเป็นใคร) ได้ตอบว่า คงเป็นไปไม่ได้ เพราะรายชื่อทั้งหมด คณะอนุกรรมการผู้รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวได้ประชุมกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว นายสุชาติจึงถามว่า คณะกรรมการมีใครบ้าง

เจ้าหน้าที่ก็บอกชื่อมาให้ทราบ 2 ชื่อ ซึ่งเมื่อได้ทราบชื่อแล้วก็รู้สึกเกรงใจอยู่เหมือนกัน เพราะเป็นบุคคลที่เคยรู้จักกันมาก่อน เมื่อถามต่อไปว่า แล้วใครจะมาเป็นประธานในพิธีมอบรางวัลนี้ เจ้าหน้าที่ สวช. ก็ตอบว่า ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช และก่อนพิธีมอบเข็มเกียรติยศดังกล่าว นายสมัครจะปาฐกถาเรื่อง 'ภาษาไทยในปัจจุบัน' หลังจากมอบเข็มกันเสร็จ ก็จะมีการถ่ายรูปพร้อมกันบนเวที

แม้นายสุชาติจะรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับจากคณะอนุกรรมการ และสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ แต่นายสุชาติก็ได้ตอบให้เจ้าหน้าที่ผู้นั้นทราบการตัดสินว่า "ผมไม่ไปรับเกียรติครั้งนี้ ถ้าคุณตั้งโปรแกรมไว้แล้ว ก็หาใครมารับแทนแล้วกัน คุณจะขึ้นไปรับแทนผมก็ได้ ผมอนุญาต" นี่เป็นการตอบแบบไม่ให้ผู้จัดงานเสียหน้า คือยินดีรับเกียรติ แต่ไม่ยินดีรับจาก 'มือ' ของคนชื่อนายสมัคร สุนทรเวช เจ้าหน้าที่ผู้นั้นจึงได้เอ่ยขอประวัติและภาพถ่ายของนายสุชาติ ซึ่งเขาก็ไม่ขัดข้อง

แต่บอกย้ำว่า "บอกเจ้านายคุณไปเลยว่าผมไม่ยินดีไปรับเกียรติจากมือของคนๆ นี้" เจ้าหน้าที่ผู้นั้นคงจะงงๆ อยู่พอสมควร ว่าทำไมจึงเป็นแบบนั้น ฟังจากน้ำเสียงที่พูดกัน ก็รู้สึกว่าเขาไม่เข้าใจ มีโอกาสจะได้รับเกียรติจากมือของนายกรัฐมนตรีทั้งที น่าจะกระ***นกระหือรือแสดงความพอใจ ไม่น่าเรื่องมาก นายสุชาติได้พูดย้ำอีกครั้งก่อนวางสายว่า "คุณเอาชื่อออกเสียเถอะ เพราะผมจะไม่ไปรับเกียรติจากมือของคนๆ นี้แน่นอน ผมมีเหตุผลเป็นส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับผู้อื่น แต่เกี่ยวกับผู้ที่จะมาเป็นประธานในพิธี"

ดังนั้น จึงขออภัยที่คุณตั้งใจไปแสดงความยินดี แต่ไม่พบนายสุชาติในวันงาน เหตุผลส่วนตัวในเรื่องนี้ ก็อย่างที่กล่าวว่าแล้วแต่มุมมองของใครของมัน สิ่งที่เรียกว่า Personal Matter ระหว่างนายสุชาติ กับนายสมัครนั้น นายสมัครอาจจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ

เหมือนเรื่องในอดีตอีกมากมายที่เขา เคย เข้าไปเกี่ยวข้องทั้งโดยตรงและโดยอ้อม เขาเป็นบุคคลที่ความจำเสื่อม อาทิ เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ซึ่งเป็นเหตุการณ์บ้านเมืองขนาดใหญ่โต แต่ยังสามารถพูดจาส่งเดชออกมาได้อย่างหน้าตาเฉยว่า "..เท่าที่เดินมาเห็นมีคนตายคนเดียว"

นายสมัครเป็นมนุษย์ปากไวแบบที่ภาษาไทยเรียกกันว่า 'วาจาสามหาว' (แปลว่า แข็งกร้าว หยิ่ง โอหัง เขียนภาษาเก่าว่า สำหาว ก็มี) เป็นนักการเมืองที่ใช้ภาษาไทยประเภท 'ยิงก่อน ถามทีหลัง' กล่าวคือ ทั้ง 'โอ่' และทั้ง 'โว' ตามแบบภาษาต่างด้าวที่เรียกว่า Over Sensitive ชอบทะลุกลางปล้อง เลือกพูดและเลือกฟังตามแต่ที่ตนต้องการ นายสมัครชอบคิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางที่รอบรู้ไปเสียทุกเรื่อง

ทั้งที่ความจริงแล้ว 'ถ้อยคำ' กับ 'ความหมาย' ของเขา มักเป็นคนละเรื่อง เขาเป็นดังเช่นที่อาจารย์ภาษาไทยจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคนหนึ่ง เคยพูดไว้บนเวทีพันธมิตรฯ ครั้งหนึ่งว่า คำพูดของนายสมัครนั้น เป็นเหมือน 'น้ำลายที่คายออกจากปากแล้วเลียกลับคืน' เขาไม่เคยทำอะไรสำเร็จในสิ่งที่เรียกว่า 'งานสร้างสรรค์' (เช่น หอศิลป์กรุงเทพฯ ก็ยังคิดว่าควรจะเป็นที่จอดรถเก็บค่าเช่าแบบศูนย์การค้า)

นายสมัครเป็นนักการเมืองประเภท 'ฟุ้งน้ำลาย' ทำทีเหมือนฉลาด แต่ความจริงเอาแต่ใจตัวเอง ถ้าพูดภาษาชาวบ้านก็คือ 'ชุ่ย' ถ้าพูดภาษาความเปรียบก็ต้องบอกว่า เป็นพวกชอบเทศนาในสิ่งที่ตัวเองไม่เชื่อ ในฐานะที่นายสุชาติ 'ไล่หลังทัน'

สมัยเป็นนักศึกษาธรรมศาสตร์เมื่อปี พ.ศ.2505 และครั้งหนึ่งเคยขึ้นเวทีอภิปรายกันที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สมัยเมื่อปี พ.ศ.2517 นายสุชาติรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเป็นอย่างยิ่งที่หลังจากเวลาเกือบ 30 ปีผ่านไป คนกรุงเทพฯกลับเลือกบุคคลผู้นี้เป็น 'ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร' และต่อมายังได้รับการ 'ต่อสาย' ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน โดยตัวเองได้ประกาศอย่างเต็มใจว่ายินดีเป็นตัวแทนให้อดีตนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร

ที่ว่ามาทั้งหมดก็หาใช่เพราะนายสุชาติเลือกข้างที่จะอยู่กับ 'พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย' ก็หาไม่ การที่นายสุชาติไม่เอานายสมัคร สุนทรเวชนั้น ก็เป็นเพราะวิถี และวิธีแห่งงานการเมืองของนายสมัครไม่เคยเข้ามาอยู่ในใจของนายสุชาติแม้แต่น้อย เนื้อหาและรูปแบบของนายสมัคร แตกต่างจากนายสุชาติ นายสมัครอาจจะบอกว่าเขามีเกียรติ เพราะเขาเป็นนักการเมืองมา 40 ปีแล้ว นายสุชาติก็จะบอกว่าเขาก็มีเกียรติ เพราะเขาเป็นนักเขียนและบรรณาธิการมา 40 ปีเช่นเดียวกัน

การประกาศเกียรติครั้งนี้ ถ้าหากประธานในพิธีจะไม่ใช่นักการเมืองที่ชื่อสมัคร สุนทรเวช บางทีนายสุชาติอาจยินดีไปรับก็ได้ การมอบเกียรติ ประกาศเกียรติ ในบ้านเราส่วนใหญ่แล้วมักเอาระบบ 'อำนาจนิยม' เข้ามาเป็นตัวกำหนด แทนที่จะมอบเกียรตินั้นให้เป็นสัญลักษณ์แห่งวิถีชีวิตนั้นๆ อย่างแท้จริง แต่มักกลับถูกกำหนดให้เป็นเครื่องมือประเภทหนึ่ง โดยนำเอาสัญลักษณ์แห่งอำนาจมาเป็นตัวตั้ง

ถ้าหากใน 'วันภาษาไทยแห่งชาติ' นายสุชาติจะได้รับเกียรติจาก 'มือ' ของผู้อาวุโสในแวดวง 'ภาษาและหนังสือ' ที่เป็นตัวจริงเสียงจริงแห่งวิถีนั้นๆ โดยตรง (อาทิ ได้รับจากมือของผู้อาวุโสในแวดวงภาษาและหนังสือ เช่น คุณนิลวรรณ ปิ่นทอง คุณประเสริฐ ณ นคร คุณกรุณา กุศลาสัย คุณศักดิชัย บำรุงพงศ์ คุณอาจินต์ ปัญจพรรค์ คุณ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ ฯลฯ) เขาจะถือว่าเป็นเกียรติเสียยิ่งกว่าไปเอา 'มือ' จากบุคคลนอกพื้นที่มาเป็นประธานมอบรางวัล

การมอบเกียรติบุคคลต่างๆในบ้านเรา เมื่อใดจะพ้นไปจากพื้นฐานของ 'อำนาจนิยม' เสียที

กลับมาที่เดิม ถามว่าเรื่องส่วนตัว หรือที่เรียกว่า Personal Matter ระหว่างนายสุชาติ กับนายสมัครนั้น คือเรื่องใด

ตอบว่าเรื่องส่วนตัวที่อาจเป็นเรื่องส่วนรวมดังกล่าวก็คือ ครั้งหนึ่งมือของนายสมัคร สุนทรเวช ในฐานะที่เคยเป็นรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย เมื่อ พ.ศ.2520 นั้น เคยเป็นมือที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ที่เปื้อนเลือด กล่าวโดยรูปธรรมก็คือ เป็น 'มือ' ที่เคยใช้ลงนามในประกาศของกระทรวงมหาดไทย หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ให้หนังสือต่างๆ ที่นายสุชาติเคยเขียนและเป็นบรรณาธิการโดยใช้ 'ภาษาไทย' เป็นสัมมาอาชีวะนั้น ต้องกลายเป็น 'สิ่งผิดกฎหมาย' เพราะถูกบุคคลและคณะบุคคลทางการเมืองกลุ่มหนึ่งวางโปรแกรมว่า

"..เสนอข่าวสาร บทความ และข้อเขียน แสดงความคิดเห็นอันส่อไปในทางก่อให้เกิดความแตกแยกความสามัคคีในชาติ หรือชี้นำผู้อ่านให้เกิดความนิยมเลื่อมใสในลัทธิคอมมิวนิสต์ หรือให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน หรือให้ประชาชนละเมิดกฎหมายแผ่นดินไม่ว่าวิถีทางใด อันจะเป็นการทำลายความมั่นคงของชาติ.."

หนังสือเล่มต่างๆ ของนายสุชาติ สวัสดิ์ศรี ที่นายสมัคร สุนทรเวช ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 มีความเห็นว่า '..ทำลายความมั่นคงของชาติ' เหล่านั้น ก็เช่น คำประกาศความรู้สึกใหม่ วีรชนอาเซีย ใครละเมิดอธิปไตย จิตร ภูมิศักดิ์ นักรบของคนรุ่นใหม่ ก่อนกลับบ้านเกิด ปรัชญาประวัติศาสตร์ การปฏิวัติของชิลี การปฏิวัติของจีน ขบวนการคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย จากโฮจิมินห์ ถึง เปลื้อง วรรณศรี

และแม้แต่หนังสือรวมเรื่องสั้นในฐานะงานวรรณมาลัย ที่ชื่อ เหมือนอย่างไม่เคย ก็ยังถูกนายสมัครเห็นว่า 'ผิดกฎหมาย' และอยู่ในรายชื่อ 'หนังสือต้องห้าม' มือที่เคยรับผิดชอบในเรื่องเหล่านี้ แม้บุคคลบางคนในรุ่นนั้นอาจจะลืมไปแล้ว แต่สามัญสำนึกและความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของผมไม่เคยลืม ผมไม่เคยลืมว่าครั้งหนึ่งยังมีอำมาตยาคนหนึ่งชื่อนายสมัคร สุนทรเวช เป็นรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยในช่วงหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519

และครั้งนั้นบุคคลผู้นี้ได้ใช้อำนาจเผด็จการ ประกาศให้หนังสือที่นายสุชาติทำสัมมาอาชีวะอย่างสุจริตชน ต้องถูกถอนใบอนุญาต และกลายเป็นสิ่ง 'ผิดกฎหมาย' ในยุคสมัยหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 (เช่น นิตยสาร สังคมศาสตร์ปริทัศน์)

นายสมัครเคยได้รับผลพวงมาจากการยึดอำนาจรัฐประหารบนหน้าประวัติศาสตร์ที่เปื้อนเลือด ดังนั้น อย่าทำเป็นแสร้งเลยว่าตนนั้นบริสุทธิ์ทั้งแท่งเพราะได้อำนาจ '..มาจากการเลือกตั้ง' ของประชาชน ตลอดเวลา 40 ปีที่ผ่านมาของผม ไม่มีอะไรดีมากไปกว่าคนๆ นี้แล้วหรือ ทำไมคนๆ นี้จึงเสนอมือมามอบเกียรติให้นายสุชาติเป็น 'ผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น' โดยลืมไปว่า

ทั้งปากและมือของคนๆ นี้ไม่มีความสง่างามใดๆ ในแวดวงของภาษาและหนังสือ ใครจะว่ามือนี้มีเกียรติ ก็ขอให้เป็นเรื่องของบุคคลนั้น หรือหน่วยงานนั้น แต่สำหรับนายสุชาติแล้วถือว่าเป็น 'มือ*****' เพราะครั้งหนึ่งเคยเป็นมือที่ประกาศว่าการใช้ภาษาไทยประกอบอาชีพของนายสุชาติเมื่อ 4 ทศวรรษก่อนนั้น เป็น 'การทำลายความมั่นคงของชาติ'

เรื่องส่วนตัวข้างต้น บางคนอาจเห็นไม่เป็นสาระ แต่บางคนอาจเห็นตรงกันข้ามก็ได้ ในชีวิตของคนเรานั้น ควรมีหลักการบางอย่างที่จะทำให้ชีวิตของเขามีความชัดเจน
บันทึกการเข้า
วีรธรรม+
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 24-08-2008, 10:46 »

***** = เ ส นี ย ด
บันทึกการเข้า
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,026



« ตอบ #2 เมื่อ: 24-08-2008, 11:13 »

สุชาติ สวัสดิศรี มีอุดมการณ์-มีศักดิ์ศรี ไม่มีทางที่จะยกมือไหว้คนอย่างหมัก
เมถุนอย่างแน่นอน

 
บันทึกการเข้า

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
tigerfireback
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 57


« ตอบ #3 เมื่อ: 24-08-2008, 15:59 »

""""เมื่อถามต่อไปว่า แล้วใครจะมาเป็นประธานในพิธีมอบรางวัลนี้
เจ้าหน้าที่ สวช. ก็ตอบว่า ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช""

ข่าวล่าแบบเรื่อยๆมาเรียงๆ ป้องปากบอกว่า

หลังจาก นายสุชาติ สวัสดิศรี วางหูโทรศัพท์์แล้ว
เกิดอ้วกแตกอ้วกแตนอย่างรุนแรง
แถมมีอาการท้องร่วงรุนแรง
พร้อมกับเกิดผิ่นแดงคันคะเยอไปทั้งตัว

แพทย์ลงความเห็นว่า
นายสุชาติ สวัสดิศรี ต้องไปถูกของมีพิษบางอย่าง
ทำให้เกิดอาการแพ้รุนแรง
ต่อไปให้ระวังตัว พิษอาจจะมาทางอากาศก็ได้
ข่าวว่า แพทย์ยัง งง อยู่ พิษรุนแรงมาก




 


บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: