US ต้องการแซะ "จีน" แล้วให้ไปมีเรื่องกับ Russia (ประเมินจากบทความ Newsweek)

AsianNeocon

ขาประจำขั้นที่ 3

ออฟไลน์

กระทู้: 3,277

中華萬歲﹗ LONG LIVE CHINA!

US ต้องการแซะ "จีน" แล้วให้ไปมีเรื่องกับ Russia (ประเมินจากบทความ Newsweek)

« เมื่อ: 22-08-2008, 22:59 »

จีน "พลิกวิกฤตเป็นโอกาส" ตักตวงจากการประจันหน้า US vs Russia

1. กระแส "ฟรีทิเบต" เงียบไปตั้งแต่แผ่นดินไหวที่เสฉวน และเจอโอลิมปิกกลบสนิท ยิ่งมาเจอรัสเซียทะเลาะกับอเมริกา เป็นอันว่าจบเลย โจรแยกดินแดนทั้งในทิเบตและซินเจียงอกหัก เพราะก่อเหตุเรียกร้องความสนใจอะไรไม่ได้อีก และช่วงนี้ถือเป็นโอกาสทองที่จะจัดการกวาดล้างโจรแยกดินแดนที่ทำแสบๆเอาไว้ก่อนโอลิมปิก

2. กระแสกลัวจีนในหมู่คนอเมริกันดับสนิทอย่างรวดเร็ว เพราะคนอเมริกันเริ่มเบนความสนใจไปที่รัสเซียในฐานะวายร้ายดวงใหม่ ซึ่งอำนาจทางทหารของรัสเซียเป็นของจริง เพราะรัสเซียมีจำนวนหัวรบนิวเคลียร์รองจากอเมริกาเท่านั้นบนโลก แปลว่าที่อเมริกาพยายามใส่ร้ายจีนเกี่ยวกับงบประมาณการทหาร พิสูจน์แล้วว่าเกินความจริง (overblown/hype)

3. จีนวางตัวเป็นกลางไม่พูดมาก ถ้าสนับสนุนก็เท่ากับไปส่งเสริมโจรแยกดินแดน จะไปวิจารณ์รัสเซียก็ไม่ได้ เพราะรัสเซียก็ช่วยจีนด้านเทคโนโลยีทางทหารไม่น้อย ดังนั้นเงียบจะดีกว่า เพราะการกลับมาของรัสเซียเท่ากับช่วยจีนทางอ้อมในการถ่วงดุลกับอเมริกา โดยที่ไม่ไปจุดประกายโจรแยกดินแดนในทิเบตและซินเจียง

4. อเมริกาไม่พร้อมจะมีเรื่องกับจีนในช่วงนี้ และอาจต้องการจีนด้วยซ้ำ เหมือนที่ต้องการจีนในสมัย Nixon ด้านรัสเซียก็ต้องการจีนเหมือนกัน จีนสามารถเพิ่มอำนาจต่อรองให้ตัวเองในการซื้อพลังงานและเทคโนโลยีอาวุธทันสมัยจากรัสเซียได้ เพราะรัสเซียคงรู้แล้วว่า หากมัวไปพึ่งพายุโรปตะวันตกซึ่งเป็นลูกน้องอเมริกา ก็มีความเสี่ยง

5. การที่พวกหัวทองฆ่าฟันกันเอง สำหรับจีนก็เหมือนถูกล็อตเตอรี่รางวัลแจ๊กพ็อตแบบเดียวกับสมัยที่พวกอเมริกันตีกับแขกหลัง 9/11 ทำให้จีนมีเวลาหายใจหายคอในการพัฒนาประเทศอีกครั้ง เช่นเดียวกับช่วงที่อเมริกามัวไปบ้ากับอัฟกานิสถานและอิรัก


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-08-2008, 14:30 โดย AsianNeocon亚新保守 »	บันทึกการเข้า

aiwen^mei

ขาประจำขั้นที่ 3

ออฟไลน์

กระทู้: 1,732

Re: จีน "พลิกวิกฤตเป็นโอกาส" ตักตวงจากการประจันหน้า US vs Russia

« ตอบ #1 เมื่อ: 23-08-2008, 08:15 »

ขอบคุณมากหลายค่ะ

สองอาทิตย์ก่อนได้อ่านบทสัมภาษณ์ท่านทูตจีนประจำประเทศไทย "จางจิ่วหวน" โดย "มติชน" ขออนุญาตนำมาโพสต์ในกระทู้นี้ค่ะ

รวมทั้งเรื่อง "ฝรั่งอิจฉาจีน" โดยนิติภูมิ นวรัตน์ - มีบางประเด็นน่าสนใจ Very Happy

ส่วนเสาร์ที่แล้ว ฝากอีเมล์ประณาม "มิสแซฟไฟร์" ผ่านไปทางเว็บมาสเตอร์ของไทยรัฐออนไลน์ ไม่รู้เจ๊แกได้อ่านยัง แกเขียนถึง "เหยาหมิง" อะนะ แต่แสดงถึงความคิดที่ต่ำช้าของคนเขียน Yell


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-08-2008, 08:25 โดย aiwen^mei »	บันทึกการเข้า

有缘千里来相会，无缘对面不相逢。

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=amazinggrace

aiwen^mei

ขาประจำขั้นที่ 3

ออฟไลน์

กระทู้: 1,732

ท่านทูตม่านไม้ไผ่ จางจิ่วหวน "จีนยังไม่เป็นมหาอำนาจ.."

« ตอบ #2 เมื่อ: 23-08-2008, 09:18 »

ท่านทูตม่านไม้ไผ่ จางจิ่วหวน "จีนยังไม่เป็นมหาอำนาจ.."

สุทธาสินี จิตรกรรมไทย - เรื่อง เชตวัน เตือประโคน - ภาพ

ด้วยพื้นที่เกือบ 10 ล้านตารางกิโลเมตร สายเลือดกว่า 1,300 ล้านคน ประกอบกับเมื่อมีนโยบายปฏิรูปและเปิดประเทศเมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว

ส่งให้ "จีน" โดดเด่นขึ้นเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจของโลกอย่างไม่มีข้อสงสัย

ไม่ว่าจีนทำอะไร ดูเหมือนว่าจะอยู่ในความสนใจของประชาคมโลกทุกครั้ง เข้าทำนอง "เมื่อพญามังกรขยับกาย ทั้งโลกก็พลันสั่นสะเทือน!!"

"ประเทศของเรายิ่งใหญ่ทางประวัติศาสตร์ พื้นที่ และประชากร..แต่ก็ยังเล็กครับ" "จางจิ่วหวน" เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย บอกอย่างถ่อมตน พร้อมมีรอยยิ้มระบายบนใบหน้า

ท่านทูต จางจิ่วหวน เป็นชาวต่างชาติที่เรียกได้ว่า "แตกฉาน" ภาษาไทยคนหนึ่ง เพราะร่ำเรียนภาษาไทยตั้งแต่ครั้งศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศปักกิ่ง เมื่อ 40 กว่าปีก่อน การันตีทักษะการใช้ภาษาไทย ด้วยการได้รับ "รางวัลผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น" จากกระทรวงวัฒนธรรม เมื่อปีที่ผ่านมา

ช่วงชีวิตหลายสิบปีของท่านทูตผูกพันกับประเทศไทย มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ อย่างการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ปี 2518 ให้หลังเพียงไม่กี่เดือน ท่านทูตก็เป็นหนึ่งในนักการทูตจีนรุ่นบุกเบิก เข้ามาหาสถานที่ตั้งสถานทูตจีนในไทย หาอยู่หลายแห่ง กระทั่งลงตัวบนถนนรัชดาภิเษก-ที่ตั้งสถานทูตในปัจจุบัน

ฤกษ์งามยามดีต้นเดือนสิงหาคม ท่านทูตเปิดห้องรับรองภายในสถานทูตจีน ที่ทั้งห้องตกแต่งด้วยไม้แกะสลักจากเชียงใหม่ เพื่อพูดคุยกับ "มติชน" ถึงเรื่องราวต่างๆ

"รวมถึงประเด็นร้อน..มหกรรมกีฬา "โอลิมปิค" ที่จีนทุ่มสุดตัวเพื่อเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 8-24 สิงหาคมนี้"

- "ท่านทูตเรียนภาษาไทยมานานแล้วหรือไม่

ผมเข้ามหาวิทยาลัยปี 2508 เรียนที่มหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศปักกิ่ง เน้นวิชาการเมืองระหว่างประเทศ ได้เรียนภาษาไทยก็ตอนนั้นครับ

หลายคนถามว่าทำไมเลือกเรียนภาษาไทย (หัวเราะ) เรียนภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน จะไม่มีใครถาม บางคนถามว่าเพราะมีเบื้องหลังทางครอบครัวใช่ไหม มีญาติอยู่เมืองไทยใช่ไหม เห็นภาษาไทยเพราะใช่ไหม แต่จริงๆ แล้วเป็นเพราะอาจารย์แนะนำครับ อาจารย์บอกว่าน่าจะเรียนภาษาไทย จะเป็นประโยชน์ในอนาคต จบแล้วเอามาใช้งานได้ ประเทศชาติต้องการ พอเรียนแล้วชอบ เลยเรียนมาเรื่อยๆ

พอเรียนได้ไม่นานก็เกิดการปฏิวัติวัฒนธรรม แต่แก๊งออฟโฟร์ของเมืองจีนกับเมืองไทยต่างกันนะครับ (หัวเราะ) ตอนนั้นเลยต้องหยุดเรียน แล้วไปชนบท

- "ไปทำอะไรบ้าง

นักศึกษาต้องไปชนบทเพื่อเรียนรู้จากชาวนา กรรมกร เป็นการเอ็กเซอร์ไซส์ทางจิตใจและความคิด (หัวเราะ)

ที่ชนบทได้เรียนรู้การฝึกวินัย เอาวินัยของทหารมาใช้ ฝึกหัดให้มีความเข้มแข็ง บางคนอาจคิดว่าทำไมเอานักศึกษาไปใช้แรงงานในชนบท เป็นการลงโทษหรือเปล่า แต่ผมไม่คิดแบบนั้น คิดว่ามีความจำเป็นมากกว่า

ผมเองมาจากชาวไร่ชาวนา พ่อแม่ของผมเป็นชาวไร่ชาวนาอยู่แล้ว อยู่ในมณฑลกวางสี ตอนเด็กๆ เคยตามพ่อแม่ไปทำไร่ทำนา เพราะฉะนั้นเมื่อเข้ามหาวิทยาลัยแล้วเขาให้กลับไปใช้แรงงาน ผมก็ไม่รู้สึกเท่าไหร่ แต่นักศึกษาที่มาจากเมืองอาจรู้สึกลำบาก ต้องอดทน

ตอนนั้นผ่านการหล่อหลอมจริงๆ ทั้งหว่านข้าว เกี่ยวข้าว มีวัวควายก็ไม่ใช้ พวกเราใช้แรงงานคนแทน..ลากเองเลย สร้างบ้านด้วย พูดคุยหาความรู้จากชาวไร่ชาวนา

ผมอยู่อย่างนั้นปีกว่า-2 ปี แล้วค่อยกลับมาเรียนหนังสือ อันที่จริงผมเข้ามหาวิทยาลัยปี 2508 ธรรมดาต้องเรียนจบปี 2512 แต่มีปฏิวัติวัฒนธรรม และไปทำงานในชนบท เลยกลายเป็นเรียนจบปี 2516

- "แล้วเส้นทางนักการทูต?

พอเรียนจบผมก็เข้าทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศ โชคดีมาก เพราะได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์จีน-ไทย

ตอนนั้นท่านอานันท์ ปันยารชุน ซึ่งเป็นทูตสหประชาชาติที่กรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา บินมาเจรจาที่กรุงปักกิ่งร่วมกับอธิบดีกรมเอเชีย กระทรวงการต่างประเทศจีน ต่อมาวันที่ 1 กรกฎาคม ปี 2518 ท่าน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีของไทย ก็ลงนามในแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีน-ไทย กับท่าน โจวเอินไหล นายกรัฐมนตรีจีน ที่ขณะนั้นนอนป่วยอยู่ ต้องไปลงนามที่โรงพยาบาลในกรุงปักกิ่ง และ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ก็เข้าพบประธานเหมา (เหมาเจ๋อตุง) ด้วย

วันที่ 1 กรกฎาคม มีความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย พอเดือนตุลาคม ผมก็ถูกจัดให้อยู่ในคณะล่วงหน้ามาตั้งสถานทูตจีนที่กรุงเทพฯ

4-5 เดือนแรก พวกเราพักกันที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์แถวสุขุมวิท ระหว่างนั้นก็หาสถานที่ตั้งสถานทูตไปด้วย พอต้นปี 2519 ย้ายไปแถวสะพานควาย อยู่ที่นั่น 7 ปี แต่ยังไม่ใช่สถานที่ของตนเอง ต้องหาที่ดินเพื่อปลูกสร้างสถานทูตของเราเอง หาไปหามาถึงได้ที่นี่ ใช้เวลาก่อสร้างสถานทูตประมาณ 2-3 ปี แล้วถึงย้ายมาที่นี่ปี 2526

ผมมาประจำประเทศไทย 3 ครั้ง ครั้งแรกปี 2518 ที่อยู่ในคณะล่วงหน้า เป็นผู้ช่วยเลขานุการ และเป็นเลขานุการ พอปี 2525 ก็ย้ายกลับกรุงปักกิ่ง มาอีกทีปี 2531-2536 เป็นเลขานุการเอกและที่ปรึกษา ครั้งที่ 3 มาเป็นเอกอัครราชทูต ตั้งแต่ปี 2547 ถึงปัจจุบัน

- "ตั้งแต่ครั้งแรกที่มาจนเดี๋ยวนี้ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงมากไหม

เปลี่ยนแปลงมาก อย่างที่สำนวนบอกว่า หน้ามือเป็นหลังมือ อย่างแถวนี้ที่เมื่อก่อนเป็นทุ่งนา ตอนนี้เป็นย่านใจกลางเมือง เศรษฐกิจก็พัฒนาขึ้นมาก การต่างประเทศก็คึกคักมีชีวิตชีวา ไทยแสดงบทบาทมากขึ้นในการพิทักษ์รักษาสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาคส่วนนี้

แต่ที่ไม่เปลี่ยน คือนิสัยใจคอของคนไทย คนไทยคบง่าย ชอบยิ้ม มีจิตสัมพันธ์ดี ไม่ค่อยเห็นคนไทยโมโหครับ (ยิ้ม)

- "จีนก็เปลี่ยนแปลงมากเช่นกัน?

จริงๆ แล้ว 30 กว่าปีก่อน เศรษฐกิจของจีนไม่ค่อยดี ผู้นำจีนจึงเห็นว่าเราต้องเปิดประเทศ เกิดเป็นนโยบายปฏิรูปและเปิดประเทศ เราต้องให้ประชาชนมีความกระตือรือร้นที่จะพัฒนาเศรษฐกิจ ไม่จำเป็นที่ประชากรทั่วทั้งประเทศจีนต้องก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน อาจให้คนส่วนหนึ่งก้าวไปข้างหน้าก่อน เมื่อคนส่วนนี้ไปข้างหน้าแล้ว ฐานะดีขึ้น ก็จะกลับมาช่วยประชาชนส่วนใหญ่ที่ตามหลังให้ดีขึ้น

- "มิน่าสาวจีนเดี๋ยวนี้เป็นนักช็อปติดอันดับทั่วโลก?

อาจเป็นเพราะเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น กำลังซื้อสูงขึ้น เขาก็ต้องมีบทบาทในการช็อปปิ้ง การช็อปปิ้งเป็นความสุขของผู้หญิง (หัวเราะ) เจ้าหน้าที่สถานทูตที่เป็นผู้หญิง หลายคนก็ชอบช็อปปิ้ง แต่ผู้ชายเฉยๆ (หัวเราะ)

เวลาภริยาผมช็อปปิ้ง บางทีผมก็ต้องเฉยๆ (หัวเราะ)

- "ไทยเสียเปรียบเรื่องข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับจีนจริงหรือเปล่า

ไม่จริงครับ จีนสั่งสินค้าจากไทยมากกว่า ไทยสั่งสินค้าจากจีนน้อย

มีบางคนบอกว่าผักผลไม้จีนเข้ามาในไทยเยอะ แต่จริงๆ แล้วกลับกัน ผักผลไม้ไทยเข้าสู่ตลาดจีนมากกว่าเยอะ เพราะคนจีนนิยมรับประทานกันมาก

- "ตอนนี้จีนเป็นมหาอำนาจแล้ว?

ยังครับ (ยิ้ม) ยังมีปัญหาอีกเยอะ ประเทศของเรายิ่งใหญ่ทางประวัติศาสตร์ พื้นที่ และประชากร..แต่ก็ยังเล็กครับ

ถ้าเอาเศรษฐกิจของจีนในปัจจุบันมาเฉลี่ยเป็นรายหัวแล้วก็เล็กนิดเดียว เพราะเรามีประชากรมากกว่า 1,300 ล้านคน ยิ่งสถานการณ์เศรษฐกิจของโลกไม่สู้จะดีนัก จีนได้รับความกระทบกระเทือนมาก เพราะฉะนั้นจีนจะประมาทไม่ได้ ต้องรู้ตัว

ถึงจีนจะเป็นที่ยอมรับของประชาคมโลก แต่จีนยังต้องใช้ความพยายามต่อไป จีนยินดีร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคอื่น เพื่อพิทักษ์สันติภาพและความมั่นคง เพื่อพัฒนาประเทศของเรา

- "แล้วปัญหาระหว่างจีน-ญี่ปุ่น?

จีนกับญี่ปุ่นมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำมันใต้ทะเลหรือเรื่องอื่น คนอื่นอาจรู้เรื่องบ้าง แต่รู้ไม่เท่าเรา 2 ประเทศ จีน-ญี่ปุ่นพูดกันด้วยความอดทน สุดท้ายแล้วความสัมพันธ์ระหว่างจีน-ญี่ปุ่นก็มีความคืบหน้า

เราไม่ปฏิเสธความช่วยเหลืออย่างแข็งขันจากภายนอก เราต้องรับความช่วยเหลือจากเขาด้วย แต่ต้องตั้งอยู่บนหลักความร่วมมือกันของเรา ต้องใช้ความอดทน พยายามแก้ไขปัญหาของเราเองดีที่สุด

เมื่อมีความตึงเครียดเกิดขึ้น เราต้องยิ้มไว้ก่อน ต้องเอานิสัยของคนไทยที่ยิ้มต่อปัญหา ยิ้มต่อวิกฤตการณ์มาใช้..เราสามารถทำได้ ต้องเชื่อในตนเอง

- "มองปัญหาที่เกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างไร?

อยากให้ปัญหาที่เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้แก้ไขได้ด้วยดี ประชาคมโลกให้ความช่วยเหลือได้ แต่ไปคิดแทนทำแทนเขาไม่ได้ อย่างปัญหาพม่า ประชาคมโลกอาจสนับสนุนให้สหประชาชาติมีทูตพิเศษเข้าไปช่วยแก้ไข หรืออาเซียนช่วยพม่า แต่สุดท้ายพม่าต้องแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง

หรืออย่างเหตุการณ์ปราสาทเขาพระวิหาร เราถือว่าเป็นเรื่องของไทยกับกัมพูชา น่าจะแสวงหาวิถีทางทวิภาคี แก้ไขด้วยตนเองจะง่ายกว่า ถ้าใจร้อนอยากให้คนอื่นช่วย ส่งเรื่องไปสหประชาชาติ อย่างนี้สู้ให้ 2 ฝ่ายประชุมแก้ไขกันเองไม่ดีกว่าหรือ

คนอื่นเข้ามาแล้วรู้เรื่องดีกว่าเราหรือ..เราต้องรู้ดีกว่าสิครับ

- "จีนกับการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิค?

(ยิ้มกว้าง)..ปักกิ่งพร้อมแล้ว ประชาชนปักกิ่งกับประชาชนจีนพร้อมแล้วที่จะต้อนรับนักกีฬา ต้อนรับแขกจากประเทศต่างๆ ที่มาเข้าแข่งขันและเข้ามาชมงานอันยิ่งใหญ่ที่ปักกิ่งคราวนี้ครับ

- "จีนแก้ไขปัญหามลพิษในกรุงปักกิ่งแล้วหรือยัง

ผมเพิ่งกลับจากปักกิ่งเมื่อไม่กี่อาทิตย์นี้ จริงๆ แล้วท้องฟ้าปักกิ่งโปร่งใสมากกว่าแต่ก่อนเยอะ สิ่งแวดล้อมดีขึ้น ถนนหนทางก็สะอาดมากขึ้น ระเบียบวินัยของประชาชนก็ดีขึ้น

เรื่องมลพิษแก้ไขได้ครับ เท่าที่เช็คดูแล้ว คุณภาพอากาศของปักกิ่งในปัจจุบันได้มาตรฐานสากลตามที่กำหนดไว้ บางกระแสข่าวบอกว่าถึงขั้นมลภาวะเป็นพิษ..ไม่ใช่ครับ

- "สังคมจีนจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วหลังจากเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิค?

ไม่ว่าโอลิมปิคจะจัดขึ้นที่ประเทศไหน ก็คงเกิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมขึ้น

ไหนๆ จีนก็เป็นประเทศเปิดประตูสู่ภายนอก ไม่ใช่เพิ่งจะโอลิมปิคครั้งนี้ แต่ตั้งแต่ 30 ปีก่อนแล้ว วัฒนธรรมภายนอกเข้ามาเราก็เลือกรับเรียนรู้ ไม่ใช่ว่าเราอยู่อย่างโดดเดี่ยว เราอยู่กับโลก ก็น่าจะมีการเรียนรู้กันและกัน ซึ่งจะเป็นผลดี

อย่างเรื่องภาษา คนจีนเรียนภาษาต่างประเทศมากขึ้น เดี๋ยวนี้เยาวชนจีนเรียนภาษาไทยมากกว่าแต่ก่อนเยอะ มีทั้งที่เรียนในจีนและมาเรียนในไทย

- "ท่านทูตสนใจกีฬาอะไรบ้าง

ผมชอบดูบาสเกตบอล ส่วนหนึ่งเพราะ เหยา หมิง (หัวเราะ) อีกอย่างสมัยยังเด็ก บาสเกตบอลจะเป็นกีฬาที่เล่นกันมาก นอกนั้นก็ชอบดูฟุตบอล ปิงปองก็ชอบ เพราะมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วฉับพลันดี

จริงๆ แล้ว ผมชอบกีฬาทุกอย่าง แต่ไม่มีอะไรที่เก่ง (หัวเราะ)

- "ครอบครัว?

ภริยาผมอยู่ที่นี่ครับ มีลูกคนเดียวเป็นผู้ชาย ทำงานบริษัทจีน ตอนนี้ทำงานอยู่ที่สิงคโปร์

โดยทั่วไปเทอมของทูตมักจะเป็น 3-4 ปี ถ้าตามวาระ ผมหมดแล้วครับ

"แต่ยังไม่ทราบว่าเขาจะย้ายกลับเมื่อไหร่ (หัวเราะ)"

หน้า 17

http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01fun01100851&sectionid=0140&day=2008-08-10


	บันทึกการเข้า

有缘千里来相会，无缘对面不相逢。

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=amazinggrace

Puggi

สมาชิกสามัญขั้นที่ 3

ออฟไลน์

กระทู้: 182

Re: จีน "พลิกวิกฤตเป็นโอกาส" ตักตวงจากการประจันหน้า US vs Russia

« ตอบ #3 เมื่อ: 23-08-2008, 09:59 »

ผมว่าหลังโอลิมปิกจบ พวกทิเบต ซินเจียง ทั้งหลาย เตรียมตัว

จีน เค้าจัดการแน่ ตอนนี้ แค่รอโอลิมปิค คราวนี้ดูซิ ไอ้กัน จะหาเรื่องขับ รัสเซีย กับจีน ออกจากสมาชิกถาวร ยูเอ็นมั้ยเห็นขู่รัสเซีย ยิกๆ

มีแต่ทหารไทย ที่กลัวแม้แต่ เขมร ปกติ เค้าต้อง รบก่อน เจรจา ทีหลัง ดูสิเขมรเลยกร่าง หากเอา


	บันทึกการเข้า

AsianNeocon

ขาประจำขั้นที่ 3

ออฟไลน์

กระทู้: 3,277

中華萬歲﹗ LONG LIVE CHINA!

Re: US ต้องการแซะ "จีน" ให้แตกกับ Russia (ประเมินจากบทความ Newsweek)

« ตอบ #4 เมื่อ: 24-08-2008, 15:52 »

มาแนวเดิมเหมือนสมัยสงครามเย็น เอาใจจีนและแยกจีนออกมาจากการเป็นพันธมิตรรัสเซีย

จากข้อเขียนของ Newsweek มุมมองอเมริกันฝ่ายขวา (เพราะเป็นสื่อเครือเดียวกับ NBC) จะเห็นไ้ด้ว่า อเมริกามุ่งหวังให้จีน "เลือกข้าง" โดยเร็วในความขัดแย้งล่าสุดระหว่างอเมริกาและรัสเซีย และแน่นอนต้องการให้เลือกอเมริกาเป็นคำตอบสุดท้าย

จุดยืนของจีนตลอดมาคือ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในชาติใดๆ ไม่สนับสนุนการแยกดินแดนของใคร และไม่ต้องการเป็นศัตรูกับใคร และปธน.หูจิ่นเทา ย้ำเรื่อง Peaceful Rise

อเมริกาพยายามให้เหตุผลว่า ถ้าจีนไม่เชียร์รัสเซีย รัสเซียจะต้องไม่พอใจแน่นอนเพราะว่าอยู่ใน Shanghai Cooperation Organization ที่เป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นมาเพื่อจำกัดอิทธิพลของอเมริกาในเอเชียกลางโดยเฉพาะ และจะนำมาซึ่งการแตกกันของจีนกับรัสเซียแน่นอน

Forced Off The Fence

The conflict in Georgia threatens China's neutrality and could push it to take sides in a new cold war.
By Mary Hennock | NEWSWEEK
Published Aug 23, 2008
From the magazine issue dated Sep 1, 2008

No one likes to see a fight ruin their party. But that's what happened to China recently when its efforts to stage a feel-good Olympics risked being spoiled by the mayhem in Georgia. As fireworks burst over the Bird's Nest stadium during the opening ceremonies, bombs were raining down on the Caucasus.

There was a time when China might have looked on with pleasure as its two great rivals, Russia and the United States, went toe-to-toe. No longer, as Beijing's low-key response suggests. President Hu Jintao met with both Russia's Vladimir Putin and America's George W. Bush as the games began without saying a word about the bloodshed, and the Foreign Ministry stuck to anodyne clichés, expressing "grave concern" and calling for a ceasefire. This tentative language reflects the fact that the conflict has presented China with several awkward problems.

To start, it confronts this avowedly neutral nation with an ugly choice over whom to side with: the United States or Russia—a choice China doesn't want to make. Russia's support for the breakaway regions of South Ossetia and Abkhazia, like U.S. support for Kosovo's independence earlier this year, crosses China's diplomatic red line, designed to outlaw meddlesome questions about Tibet, Taiwan and Xinjiang. A resurgent Russia could also try to assert greater authority over the Central Asian states China has lately sought to cultivate through the Shanghai Cooperation Organization (SCO). And the prospect of a new cold war could undermine institutions like the U.N. Security Council, on which Beijing has come to depend. Thus China "desperately wants this crisis to be resolved," says Prof. Rana Mitter of Oxford University. But there's no sign of that happening soon.

Start with the separatist precedent. China is hypersensitive to such claims; recall the fury with which Beijing—and ordinary Chinese—reacted to pro-Tibet protests during the Olympic torch relay, or the outrage meted out to the Icelandic singer Bjork after she shouted "Tibet, Tibet" during a Shanghai concert earlier this year. "Territorial sovereignty is [China's] unbreakable bottom line in international relations," says Mitter.

As for multilateral institutions, China relies on these for the same reason it hosted the Games: to regain global legitimacy and respect. Blessed by history with permanent seat on the U.N. Security Council, Beijing, after years of ambivalence, has recently become an enthusiastic player in the body. "China has done very well in the past five or six years by positioning itself as a sort of honest broker in the international community," says Mitter. It's also become a make-or-break player in the World Trade Organization (WTO). A new cold war could weaken the "global institutions where China would like to exercise greater power, " such as by joining an expanded G8, says Oksana Antonenko of the International Institute of Strategic Studies in London.

Worse, such a cold war would force Beijing to take sides, and that's anathema to China's grand strategy. Hu's concept of a "peaceful rise" stresses the economy over ideology and emphasizes maintaining pragmatic relations with everyone, quietly building China's power without rocking boats. Beijing's silence over Georgia thus far reflects this status-quo approach; China prefers a world in which major powers "don't touch each other's red lines," says Xia Yishan of China's International Studies Institute, a Foreign Ministry think tank.

Then there's the question of Central Asia. China is most likely to feel the impact of a newly assertive Russia in the six nation Shanghai Cooperation Organization, which was founded in 2001 to curb U.S. influence in the region. (The other members are Kazakhstan, Kyrgyzstan, Tajikistan, and Uzbekistan; India, Iran, Mongolia, and Pakistan are observers.) China and Russia have used the SCO to help resolve border disputes, organize joint military exercises and stimulate the creation of energy and transportation infrastructure. China relies on the Central Asian states for oil (especially Kazakhstan) and to fight terrorism by suppressing Islamist politics that could gather support in Xinjiang. If these former Soviet republics absorb the lesson of Georgia by showing greater compliance to Moscow, China could find itself stuck in an alliance being pushed in directions that unnerve its other allies.

Putin could signal his next move soon. Hu risks being upstaged by Putin yet again, this time at the August 28 SCO summit in Tajikistan. World leaders will scrutinize the SCO's final communiqué carefully for signs that Russia is trying to push the seven-year-old group in a more belligerent, anti-American direction. Hu is a keen Ping-Pong player who may find himself out-wrestled by Putin, a judo champ who's shown he's unlikely to offer a sportsmanlike truce or stick to a polite back-and-forth across the table.

แต่ว่า สงครามเย็นครั้งนี้ไม่น่าจะเหมือนยุคก่อนซึ่งจีนไม่มีอำนาจต่อรองเลย เพราะตอนนั้นยังยากจนค่นแค้น อะไรก็ล้าสมัยไปหมด ดังนั้นพอมีเรื่องกับรัสเซียปุ๊บ ก็มีอเมริกามาแซะออกไปเลย ตอนนี้อเมริกาคงแอบหวังลึกๆ

จีนไม่มีวันให้ถูกกดดันให้เลือกข้างง่ายๆ แล้วเอาความเดือดร้อนใส่ตัวแน่นอน รัสเซียก็เป็นเพื่อนบ้าน ส่วนอเมริกาก็เป็นคู่ค้าที่ใหญ่มาก


	บันทึกการเข้า

aiwen^mei

ขาประจำขั้นที่ 3

ออฟไลน์

กระทู้: 1,732

Re: US ต้องการแซะ "จีน" แล้วให้ไปมีเรื่องกับ Russia (ประเมินจากบทความ Newsweek)

« ตอบ #5 เมื่อ: 24-08-2008, 16:28 »

ขออนุญาตด่าหน่อยนะคะ

他妈的！气死人。 Yell

ขออนุญาตโพสต์เรื่อง "ฝรั่งอิจฉาจีน" โดย นิติภูมิ นวรัตน์ ที่บอกไว้ด้วยค่ะ


	บันทึกการเข้า

有缘千里来相会，无缘对面不相逢。

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=amazinggrace

protecter

ขาประจำ

ออฟไลน์

กระทู้: 465

Re: US ต้องการแซะ "จีน" แล้วให้ไปมีเรื่องกับ Russia (ประเมินจากบทความ Newsweek)

« ตอบ #6 เมื่อ: 24-08-2008, 16:33 »

ผมชอบประเทศจีน และ ประชาชนจีน ครับ

แต่ผมไม่ชอบผู้นำจีนครับ และก็ไม่ชอบพวกข้าราชการน้อยใหญ่ทั้งหลายด้วย เพราะพวกนี้โกงกินเก่งพอๆกับนักการเมืองไทยเลย
เก่งแต่กับประชาชนตาดำๆ
แต่ระดับประเทศ โดยเฉพาะกับพวกตะวันตกและญี่ปุ่น ผู้นำจีนตาขาวครับ
ให้สัมภาษที่ไร ท่องประโยคเดียว ...*จีนจะไม่เป็นมหาอำนาจ*

อยากจะบอกว่า การที่จีนจะเป็นมหาอำนาจหรือไม่ ไม่ใช่อยู่ที่จีนจะอยากเป็นหรือไมอยากเป็น
ถ้าจีนพัฒนาถูกทาง ผู้นำเก่ง ประชาชนขยัน หนีไม่พ้นที่จีนจะต้องเป็นมหาอำนาจ
ผมเลยไม่เข้าใจว่า ผู้นำจีนกลัวอะไรนักหนาถ้าจีนพัฒนาและยิ่งใหญ่......


	บันทึกการเข้า

aiwen^mei

ขาประจำขั้นที่ 3

ออฟไลน์

กระทู้: 1,732

Re: US ต้องการแซะ "จีน" แล้วให้ไปมีเรื่องกับ Russia (ประเมินจากบทความ Newsweek)

« ตอบ #7 เมื่อ: 24-08-2008, 16:36 »

ฝรั่งอิจฉาจีน (1) [19 ส.ค. 51 - 16:50]

...

08.08.08.08.08.08 แปดนาฬิกา แปดนาที แปดวินาที ของวันที่แปด เดือนแปด ปีศูนย์แปด คือฤกษ์พานาทีที่เอเชียชาติหนึ่งประกาศศักดิ์ศรีความเป็น มหาอำนาจชาติ ลำดับต้นของโลก ต่อไปในอนาคตก็มีโอกาสที่ผงาดเป็นเบอร์หนึ่ง แทนที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งแต่ก่อนง่อนชะไร พวกฝรั่งมังค่าไม่เคยคิดดอกครับ ว่าจะมีชาติจากเอเชียและแอฟริกาก้าวขึ้นมาจาก ความด้อยพัฒนาไปสู่มหาอำนาจชาติสำคัญของโลก

ก่อนหน้านี้ก็มีความพยายามจะกีดกันกั้นขวางจีนไม่ให้ได้รับคำชื่นชมหลายครั้ง ไปถามไอ้ปีดอีเปียกที่ไหนใครก็ทราบว่า อเมริกาและชาติตะวันตกอยู่เบื้องหลังการลุกฮือของพระลามะทิเบตในปีนี้ เล่นขณะที่จีนกำลังเตรียมจัดการแข่งขัน

วันที่ 10 เมษายน นายจอร์จ ดับเบิลยู. บุช เดินหางโผล่ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลจีนเปิดเจรจากับองค์ทะไล ลามะ ที่จริงนายบุชน่าจะเอาเวลาไปเยียวยาบรรดาลูกหลานของพวกอินเดียแดงซึ่ง ทุกวันนี้พื้นที่ของตนถูกคนอเมริกันผิวขาวปล้นเอาไปเป็นของตนเองหมดแล้ว ผมเคยอ่านบทความระบายความทุกข์ของผู้คนที่เป็นลูกหลานอินเดียแดงทั้งเผ่าเชโรกี เผ่าชิกกา� ซอว์ เผ่าครีก หรือแม้แต่เผ่าเซมินอล พวกนี้มีชีวิตอยู่ในโลกอย่างทุกข์ทรมาน ที่เห็นแผ่นดินบรรพบุรุษของตนถูกปล้นไป แถมผมยังเคยตระเวนไปในสนทนากับบรรดาลูกหลานชาวเมารีที่นิวซีแลนด์หลายครั้ง คนพวกนี้ก็มีความทุกข์มากกว่าคนทิเบตซะอีก แต่ก็ไม่มีฝรั่งคนไหนแสดงความเห็นใจ

พลุเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มนุษย์คิดขึ้นเพื่อให้มีภาพตระการตาบนฟากฟ้า บัดนี้เทคโนโลยีก้าวล้ำนำสมัย ก็มีการใช้คอมพิว-เตอร์กราฟฟิกช่วย จึงเป็นเรื่องน่ายินดีที่มนุษย์จะมีภาพทาบฟ้าสวยขึ้น แต่ถ้าผู้อ่านท่านเข้าไปอ่านบทความในอินเตอร์เน็ต พวกสื่อฝรั่งมังค่าเล่นจีนซะเละ กล่าวหาว่าจีนลวงโลก และก็เลยเถิดไปถึงการถากถางสินค้าบรรดาผลิตภัณฑ์ของจีน นี่ถ้าพิธีเปิดเป็นของพวกฝรั่งมังค่าด้วยกัน ไอ้สื่อพวกนี้ก็คงจะยกย่องชมเชยสรรเสริญฝรั่ง ในการนำเทคโนโลยีมาช่วยพิธีเปิดโอลิมปิก

อีกท่านหนึ่งซึ่งเป็นของเล่นที่ฝรั่งมังค่าเอามาจัดการจีน ก็คือ องค์ทะไล ลามะ ขณะกำลังมีกีฬาโอลิมปิก พระองค์ทรงร่อนไปเยือนฝรั่งเศส ไปพูดจาด่าทอจีนให้บรรดาสมาชิกวุฒิสภาฟัง คำด่าทอของทะไล ลามะ ที่ได้จากการพูดจาในที่ประชุมแล้ว นายโรแบร์ บาแดง อดีตรัฐมนตรียุติธรรมฝรั่งเศสก็เอามาเล่าแจ้งแถลงต่อสื่อนานาอารยประเทศ โดยเฉพาะตอนที่ทะไล ลามะพูดเกี่ยวดองหนองยุ่งกับเรื่องโอลิมปิก

นอกจากจะทำให้ภาพพจน์ของจีนเสียหายในสังคมโลกแล้ว พระองค์ ทรงทำให้ภาพพจน์ของศาสนาพุทธในสายตาของชาวโลกพลอยด้อยค่าไร้ราคาไปด้วย ผมตระเวนเทียวเที่ยวไปในที่ต่างๆ เมื่อแจ้งให้คู่สนทนาทราบว่าข้าพเจ้าเป็นชาวพุทธ ผู้คนส่วนใหญ่ยังเข้าใจว่า ผมมีผู้นำศาสนาที่เร่ร่อนรอนแรมเล่นการเมืองไปทั่วโลก

นายจอห์น เรย์ นักข่าวจาก ITN ของอังกฤษอีกคนที่เข้าไปตระเวนหาข้อบกพร่องของจีน ไอ้เรย์สั่งให้ตากล้องของแกที่ชื่อว่านายเบน อิงแลนด์ ถ่ายภาพโจมตีรัฐบาลจีนและคนจีนทางด้านสิทธิมนุษยชน จึงโดนตำรวจนอกเครื่องแบบลากออกให้ไปถ่ายที่อื่น แหม กะแค่มีแผลถลอกปอกเปิกที่มือนิดหน่อย ไอ้หอยทั้งสองใช้ข้ออ้างนี้นี่แหละ ตะโกนด่าทอรัฐบาลจีนไม่หยุด โดยมีนักข่าวฝรั่งฝูงใหญ่ให้การสนับสนุน

เดิมว่าจะไม่เขียนถึงฝรั่งมังค่าทั้งหลายที่มีพฤติกรรมย่ำยีชาติเอเชีย ฝรั่งพวกนี้ฝีมือไม่ถึง เปิดงานโอลิมปิกได้ไม่ดีเท่าหนึ่งในร้อยของจีน จึงมีแต่ความอิจฉาริษยาตาร้อน ขอแนะนำว่า ถ้าอยากจะให้ชาติบ้านเมืองของเอ็งเก่งอย่างจีน ก็จงกลับไปพัฒนาประเทศของตนเองให้เต็มไปด้วยผู้คนที่มีความรู้ มีการศึกษา มีเทคโนโลยีทันสมัยให้เทียบเท่ากับชาวเอเชีย.

นิติภูมิ นวรัตน์

http://thairath.co.th/news.php?section=international01&content=101052

คุณนิติภูมิ เคยบอกไว้ว่า ผมไม่ได้แอนตี้อเมริกัน เพียงแต่เอาข้อมูลอีกด้านมาบอกกล่าวให้ทราบ

เท่าที่ติดตามอ่านมาตลอดหลังจากมาแทนคุณแสงชัย สุนทรวัฒน์ บางมุมมองของแกในหลาย ๆ เรื่อง นั้นดีค่ะ

ส่วนปัญหาส่วนตัวของแกที่ทำให้เสียเครดิตก็ไม่รู้แกจัดการได้เรียบร้อยหรือป่าว


	บันทึกการเข้า

有缘千里来相会，无缘对面不相逢。

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=amazinggrace

aiwen^mei

ขาประจำขั้นที่ 3

ออฟไลน์

กระทู้: 1,732

Re: US ต้องการแซะ "จีน" แล้วให้ไปมีเรื่องกับ Russia (ประเมินจากบทความ Newsweek)

« ตอบ #8 เมื่อ: 24-08-2008, 16:49 »

ฝรั่งอิจฉาจีน (2) [20 ส.ค. 51 - 19:40]

ไอ้เจเรมี บาร์ม ชาวออสเตรเลียที่อาศัยใช้แผ่นดินจีนทำมาหา กินเลี้ยงกระเพาะให้ร่างกายมีชีวิตอยู่ได้ในแต่ละวันบนโลกมนุษย์ แต่ในใจของมันไม่เคยกตัญญูรู้คุณแผ่นดินจีน ทุกเวลานาทีไอ้เจเรมีคอยแต่จะสอดส่ายสายตาหาว่า รัฐบาลจีนจะมีข้อบกพร่องอะไรอย่างใด ให้ตนเตะลูกไปให้สื่อตะวันตกเอาไปใช้โจมตีได้บ้าง

ผู้อ่านท่านที่เคารพ การลิปซิงค์นี่มีมานาน ในแผ่นดินของฝรั่งมังค่าเอง ก็มีการลิปซิงค์ มนุษย์บางคนโชคดีมีน้ำเสียงไพเราะเพราะพริ้ง แต่หน้าตาไม่งามสง่าต่อหน้าสาธารณชน บางคนเจอฝูงชนก็ออกอาการประหม่า จึงชอบอยู่เบื้องหลังมากกว่า ผู้อ่านท่านดูภาพยนตร์ฝรั่ง นางเอกหนังหน้าตาดีร้องเพลง แต่นั้นก็ไม่ใช่ว่าเธอร้องจริงๆ แหกปากแกบๆ จนจบเพลง ลิปซิงค์ทั้งนั้น ไม่เห็นมีใครที่ไหนไปกระโจนโพนทะนาโจมตี

ถึงทีที่จีนต้องการภาพลักษณ์หน้าตาน่าเอ็นดูของหนูน้อยหลิน เมี่ยวเข่อ และต้องการเสียงของหนูหยาง เพ่ยอี้ ที่มีอายุเพียง 7 ขวบ ทั้งสองก็แบ่งงานกันทำเพื่อให้งานการเปิดโอลิมปิกยิ่งใหญ่

นายเฉิน ฉีกัง ผู้กำกับเสียงการแสดงบนเวทีก็ออกมาเปิดเรื่องนี้ต่อสาธารณชนคนทั่วโลก เพื่อยกย่องทั้งหนูน้อยหลิน เมี่ยวเซ่อ และหยาง เพ่ยอี้ เรื่องทั้งหลายนี่ก็น่าจะจบสงบด้วยความชื่นชมในความสำเร็จของเยาวชนคนจีนทั้งสอง

ทว่าไอ้เจเรมีไม่ยอม มันอ้างความชอบธรรมที่ทำงานอยู่ในกรุงปักกิ่ง อวดว่าเป็นผู้ที่มีความรู้เรื่องจีนดีที่สุด แถมยังทะลึ่งใช้ตำแหน่งในการแสดงแถลงข่าวว่า “เจเรมี บาร์ม ผู้เชี่ยวชาญด้านจีน ชาวออสเตรเลีย” ประกาศก้องฟ้องคนไปทั้งโลกว่า ช่วยด้วย เด็กหญิงคนจีนถูกละเมิด ไอ้บ้า แค่ฟังเอ็งแถลงแสดงออกก็รู้แล้วว่า เอ็งอยากดังบวกกับความขี้อิจฉาริษยาที่เห็นจีนซึ่งเป็นคนชนชาติชาติเอเชียทำงานใหญ่ได้สำเร็จ ตั้งแต่มีกีฬาโอลิมปิกมาเป็นร้อยปี ก็มีครั้งนี้นี่แหละ ที่ทำได้ดีที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง

พ.ศ.2548 ผมกับท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ บราเดอร์ บัญชา แสงหิรัญ และคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยอีกหลายท่านไปออสเตรเลีย การไปต่อเครื่องที่สนามบินซิดนีย์ขลุกขลักมาก แม้ว่าจะใช้สายการบินออสเตรเลีย กระเป๋าเดินทางก็ยังหาย ดร.กฤษณะ กิจเจริญ ต้องใช้เวลาหลายวันคอยในรัฐเซาธ์ออสเตรเลียกว่าจะได้กระเป๋าคืน การบริหารจัดการสนามบินที่นั่นใช้ไม่ได้เลย ซึ่งสะท้อนถึงการศึกษาด้านการบริหารในระดับมหาวิทยาลัยของประเทศ แต่คนเอเชียก็สุภาพเกินไปที่จะเอาเรื่องเหล่านี้ออกมากระจายขยายข่าว เราก็นึกว่าสุภาพแล้ว ฝรั่งจะสุภาพกลับ ไม่ใช่

ศุกร์ 15 สิงหาคม ที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบวันคล้ายวันเกิด 15 ปี ของลูกสาวฝาแฝด ผมจึงพาลูกสาวไปดูภาพยนตร์เรื่อง “เดอะมัมมี่ 3 คืนชีพจักรพรรดิมังกร” ระหว่างที่นั่งดูสองชั่วโมงกว่า ผมรู้สึกเลยว่า ฝรั่งมังค่าผู้สร้างไม่ได้ให้เกียรติประเทศจีนและประวัติศาสตร์จีนเลยแม้แต่น้อย เรื่องอะไรอย่างนี้ยังมีอีกเยอะครับ โดยเฉพาะทางด้านศาสนา เพราะผมต้องเกี่ยวดองหนองยุ่งกับชาวต่างชาติเกือบทุกวัน ถ้ามาจากแอฟริกัน ตะวันออก กลาง พวกนี้ไม่ค่อยพูดจาอะไรให้เรื่องศาสนาเราเสียหาย แต่ถ้าเป็นฝรั่งมังค่าละก็ โอ้โฮ ไม่น้อยที่พูดเหมือนกับว่าชาติบ้านเมืองของเรายังไม่มีศาสนา

ผมเคยพาฝรั่งที่มาอยู่เมืองไทยกลุ่มใหญ่ไปร่วมงานศาสนา เห็นพวกเราหมอบกราบก็หัวเราะสงสัย ผมเลยย้อนไปว่า ทุกชาติศาสนาจะมีภาษากายที่แสดงออกถึงความเคารพ ของคุณก็ยกมือทำเป็นรูปไม้กางเขน ของผมก็หมอบกราบสามครั้งเพื่อรำลึกนึกถึงพระพุทธ พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า และพระสงฆ์ สาวกของพระพุทธองค์ ต้องอธิบายแรงๆให้พวกนี้เข้าใจและได้รู้จักเสรีภาพในการนับถือศาสนา

ทุกทีที่ไปต่างประเทศ เมื่อเข้าเขตตรวจคนเข้าเมือง ผมจะสุภาพเรียบร้อยเพื่อสื่อถึงการให้เกียรติประเทศที่เราไปเยือน ครั้งหนึ่งที่สนามบินดอนเมือง ผมเห็นเด็กวัยรุ่นฝรั่งกลุ่มหนึ่งซึ่งกำลังรอกระเป๋า เอาลูกฟุตบอลออกมาเตะเล่นอย่างไม่สนใจใคร ลูกฟุตบอลจะกระดอนไปโดนแข้งขาใครไม่สนใจ ไม่มีการขอโทษ ภาพนี้ทำให้ผมปรี่ไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ขอให้คุณไปเตือนอย่าให้ไอ้พวกนี้มาทำปู้ยี่ปู้ยำในสนามบินแห่งชาติของเรา จะมาชาติบ้านเมืองเรา ก็ต้องให้เกียรติเรา

แต่ก่อนง่อนชะไร เรายอมฝรั่งเกินไปจนเกินขอบเขต ทั้งที่เมื่อมาประเมินความสามารถแล้ว ฝรั่งยังด้อยกว่าพวกเราชาวเอเชียเยอะ

ขอความกรุณาท่านทั้งหลาย อย่าไปวิจารณ์จีนจนดูเหมือนกับว่า การใช้ภาพพลุด้วยการตกแต่งกราฟฟิก การลิปซิงค์ และการที่จีนให้เด็กชาวฮั่น 56 คนแต่งตัวเป็นชนกลุ่มน้อย 56 ชนเผ่า เป็นการกระทำที่ฝรั่งดูหมิ่นถิ่นแคลนเหมือนจีนประกอบอาชญากรรม ทั้งๆที่เจตนาของจีนต้องการให้เกียรติชนเผ่าแท้ๆ แต่สมองของฝรั่งคิดแต่จะหาเรื่องจีน กลัวจีนจะดีเด่นเป็นมหาอำนาจชาติอันดับหนึ่งของโลก ฝรั่งยอมไม่ได้.

นิติภูมิ นวรัตน์

http://thairath.co.th/news.php?section=international01&content=101194

ตลอดระยะหลายปีที่ผ่านมา จะเห็นการดิสเครดิตจีนโดยสื่อตะวันตกมาอย่างต่อเนื่อง

จีนต้องระวัง ห้ามพลาด ถ้าพลาด ฝรั่งขี้นกพวกนี้มันจะรุมกินโต๊ะเหมือนสมัยเขตพื้นที่เช่าที่ถูกฝรั่ง 8 ชาติรุมทึ้ง

กรณีการแต่งกายของเด็กชาวฮั่น 56 ชนเผ่า นั้น ฝรั่งซังกะบ๊วยพวกนี้ มัน ฉ่วยสื่อ จริง ๆ

แต่เรื่องลิปซิงก์ของหนูน้อยหลิน ส่วนตัวเห็นว่าเป็นข้อผิดพลาดที่ไม่น่าเกิดขึ้น แต่การใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิคเพื่อช่วยให้ภาพพลุดูชัดเจนสวยงามขึ้นนั้น ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ของการนำเทคโนโลยีมาใช้เหมือนในหนังเท่านั้น เพราะไม่เช่นนั้น นวัตกรรมที่นำมาใช้กับอุปกรณ์กีฬา เสื้อผ้า สถิติของผลการแข่งขันที่เกิดขึ้นก็ต้องถือว่าเป็นความหลอกลวง เชื่อไม่ได้ด้วยสิ

ปล. หลายวันก่อน มีพี่ที่ทำงานคนหนึ่ง มาถามว่า จะนับพวกนั้นเป็นอเมริกันได้ยังไง - เรื่องอะไรกัน แต่พอดูแข่งบาสเหมือนทีพี่เค้าบอก ที่ไหนได้ มีแต่อเมริกันผิวสีทั้งนั้น คนผิวสีที่ยุคสมัยหนึ่งถูกพวกหัวทองซื้อขายเป็นทาส จนทุกวันนี้ การเหยียดสีผิวจางหายไปจากความคิดของคนผิวขาวทั้งหมดหรือก็เปล่า


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-08-2008, 17:01 โดย aiwen^mei »	บันทึกการเข้า

有缘千里来相会，无缘对面不相逢。

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=amazinggrace

aiwen^mei

ขาประจำขั้นที่ 3

ออฟไลน์

กระทู้: 1,732

Re: US ต้องการแซะ "จีน" แล้วให้ไปมีเรื่องกับ Russia (ประเมินจากบทความ Newsweek)

« ตอบ #9 เมื่อ: 24-08-2008, 17:09 »

อ้างจาก: protecter ที่ 24-08-2008, 16:33

ขนาดจีนบอกว่า "จีนจะไม่เป็นมหาอำนาจ" นะคะ ฝรั่งบางกลุ่ม มันก็กลัวจะแย่อยู่แล้ว หาทางสกัดดาวรุ่งตลอด

เป็นสไตล์การพูดที่ถ่อมตัวมากกว่า ผลงานต่างหากที่จะเป็นตัวชี้วัด

ส่วนตัวชอบประเทศจีน ชอบผู้นำจีน แต่ไม่ค่อยชอบคนจีนที่ประเทศจีนซักเท่าไหร่ Mr. Green

สำหรับเรื่องคอร์รัปชั่น เป็นเชื้อร้าย ระบาดหนักในหมู่ข้าราชการของจีนมาแต่ไหนแต่ไร ต้องบอกว่า ตั้งแต่ชาติปางก่อนมั้ง


	บันทึกการเข้า

有缘千里来相会，无缘对面不相逢。

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=amazinggrace

sleepless

ขาประจำขั้น 2

ออฟไลน์

กระทู้: 525

Sleepless

Re: US ต้องการแซะ "จีน" แล้วให้ไปมีเรื่องกับ Russia (ประเมินจากบทความ Newsweek)

« ตอบ #10 เมื่อ: 24-08-2008, 17:59 »

ในปัจจุบัน ผมก็เห็นจีนวางตัวได้เหมาะสมดีนี่ครับ
แทนที่จะประกาศตนเป็นมหาอำนาจ จีนค่อยๆ แผ่อิทธิพลทางการค้าและการทูตไปยังภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งในแอฟริกา

การจัดโอลิมปิกก็เป็นการแสดงให้เห็นศักยภาพในการเป็นผู้นำของจีนได้เป็นอย่างดี

สิ่งที่สื่อฝรั่งรายงานก็เป็นปกติอยู่แล้ว เพราะเขามองจีนเป็นภัยคุกคามซึ่งกระทบต่อตำแหน่งมหาอำนาจของเขา เขาก็ต้องหาทาง contain
จีนต้องไม่เต้นกับเรื่องเล็กน้อย เจียมเนื้อเจียมตัว และทำมากกว่าพูดไปเรื่อยๆ

ปัจจุบันจีนเป็นผู้กำหนดกฎการเล่นในตลาดของเขามากขึ้น เช่นมาตรฐานโทรศัพท์ 3G ซึ่งแต่ก่อนยุโรปกับอเมริกาเป็นผู้กำหนด ปัจจุบันจะเข้าไปขายในจีนต้องใช้มาตรฐานที่จีนกำหนด ไม่งันก็ขายไม่ได้

อย่างมาตรฐานด้านความปลอดภัย จีนก็ออกมาชนกับมาตรฐาน RoHs ของฝรั่งโดยตรง สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่จะเข้าไปขายก็ต้อง certify กับบริษัทจีนเท่านั้น

เราจะได้เห็นจีนเป็นผู้กำหนดกฎในการเล่นมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างเงียบๆ และอีกไม่นานฝรั่งก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับผู้นำใหม่และกฎใหม่ที่จีนเป็นคนกำหนด

ที่สำคัญคือประเทศไทยยังไม่ใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่ราชวงค์ไทยได้ปูทางไว้ให้กับประเทศจีนอย่างเต็มศักยภาพเลย

เรามัวแต่มองตามก้นฝรั่ง แต่ลืมใช้ประโยชน์จากประเทศเพื่อนบ้านที่กำลังก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่ประเทศนี้

หากเราใช้ประโยชน์จากจีนให้ดีๆ เราก็จะสามารถใช้จีนถ่วงดุลอิทธิพลของฝรั่งลงได้มาก ทำให้เรามีอำนาจต่อรองได้ไม่แพ้ที่จีนกำลังมีอยู่ในตอนนี้


	บันทึกการเข้า

AsianNeocon

ขาประจำขั้นที่ 3

ออฟไลน์

กระทู้: 3,277

中華萬歲﹗ LONG LIVE CHINA!

Re: US ต้องการแซะ "จีน" แล้วให้ไปมีเรื่องกับ Russia (ประเมินจากบทความ Newsweek)

« ตอบ #11 เมื่อ: 24-08-2008, 18:38 »

ขอเสริมคุณ sleepless และคุณ aiwen

การคอรับชั่นในจีน เยอะเพราะประเทศใหญ่กว่า แต่ความลึกของการคอรับชั่นไม่ร้ายแรงเท่าไทยแน่นอนครับ (ดูอันดับ Corruption Perception Index) ให้คุณดูที่สภาพบ้านเมือง และโครงสร้างสาธารณูปโำภคต่างๆ ที่พัฒนาขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ถ้าโกงเก่งพอๆกับไทย แปลว่าจีนมี " Super Thaksin" ชัวร์ จีนล่มสลายไปนานแล้วครับ ยิ่งประเทศใหญ่เท่าไร ต้นทุนยิ่งสูง (อเมริกาล่าสุดที่เจอ sub prime เข้าไปยังเซเลย ถึงขนาดเกิดกระแสกลัวต่างชาติมาชิงตำแหน่งมหาอำนาจตัวเอง ประเทศใหญ่รายรับสูง แต่รายจ่ายเพื่อธำรงสถานะตัวเองก็สูงไปด้วย)

การที่บอกว่า "จีนจะไม่เป็นมหาอำนาจ" ไม่ได้หมายความว่าแหยกับตะวันตก ยกตัวอย่างกรณีถูกกล่าวหาว่าปราบปรามชาวทิเบตอยู่ข้างเดียว จีนไม่เคยแคร์แรงกดดันตะวันตก แล้วตะวันตกก็ได้ทำได้อย่างมากแค่ออกมาด่า เสียดสี แล้วก็เงียบไปแล้ว (ซึ่งเบากว่าสมัยเทียนอันเหมินเยอะ ตอนนั้นอำนาจต่อรองน้อยมาก) ถ้าเป็นมหาอำนาจตัวจริงเมื่อไร ต้องสามารถกดดันให้ อเมริกา เยอรมนี สวีเดน ส่งตัวผู้ก่อการร้ายแยกดินแดนทิเบตและซินเจียงกลับมาลงโทษในจีนครับ อย่าลืมนะว่า อเมริกา เยอรมนี สวีเดน ให้ที่พักพิงผู้ก่อการร้ายแยกดินแดนทิเบตและซินเจียง โดยอ้างว่า เพื่อมนุษยธรรม แล้วยังบอกว่าผู้ก่อการร้ายเหล่านั้นคือ "นักต่อสู้เพื่อเสรีภาพ" หรือในทางเศรษฐกิจ จะเห็นว่า ยุโรปและอเมริกา ก็เล่นเกมกดดันให้จีนเพิ่มค่าเงินหยวนทันทีทันใด แต่จีนไม่ยอมตาม แล้วก็ทำในจังหวะที่จีนกำหนดเอง .... นอกจากนี้จีนยังไม่มี Blue Navy Power คือมีอำนาจทางเรือน้ำลึก กองเรือบรรทุกเครื่องบิน เครื่องบินรบรุ่นที่ 6 เรือพิฆาตติดหัวรบ เครื่องบินจารกรรม ที่สามารถข้ามมหาสมุทรออกไปทำสงครามยึดครองประเทศอื่นแบบที่อเมริกาทำนั่นแหละ ปัจจุบันมีแค่อเมริกาประเทศเดียว โดยมีอังกฤษเป็นหุ้นส่วนใหญ่เท่านั้นที่ทำได้ เพราะมีเกาะแก่งในมหาสมุทรแปซิฟิก อินเดีย(เกาะดิเอโก้การ์เซีย) แอตแลนติก ที่ยึดครองมาตั้งแต่สมัยยุคอาณานิคม รวมทั้งประเทศเล็กประเทศน้อยที่กดดันได้ง่าย เอาดินแดนโพ้นทะเลเหล่านั้นเป็นฐานให้ตัวเอง

ปัจจุบันอาวุธที่จีนมี ก็เพียงพอแค่การป้องกันตัวเอง ป้องกันไต้หวันประกาศแยกดินแดน และมีไว้ต่อรองกับตะวันตกเท่านั้น และไม่ปรารถนาจะเป็นมหาอำนาจในแบบของอเมริกา รัสเซีย อังกฤษ ที่รุกรานประเทศอื่น

ผู้นำจีน ก็ตอบได้ถูกต้องแล้วว่า จีนจะไม่เป็นมหาอำนาจ

ดังนั้นกรณีที่รัสเซียกับอเมริกา จีนควรนั่งบนภู ดูหัวทองกัดกันไปดีแล้วครับ แล้วหาโอกาสตักตวงจากวิกฤติดีกว่า ขนาดเยอรมนี ฝรั่งเศส ยังไม่กล้าถลำตัวตามแรงยุอเมริกาเลย เพราะคำนวณแล้วไม่คุ้ม


	บันทึกการเข้า

หน้า: [1]