http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000096455สุเมธ คาดกรณีผลสรุปอนุ กก.สอบยุบ พปช.เข้าที่ประชุม กกต.ก่อนลงมติได้ทัน 19 ส.ค.นี้ ส่วน ส.ส.จะย้ายพรรคไปอยู่พรรคอื่นก็ได้หลังศาลได้มีคำสั่งยุบพรรค
วันนี้ (15 ส.ค.) นายสุเมธ อุปนิสากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ยุบพรรคพลังประชาชนว่า ตนทราบว่าทางคณะอนุกรรมการสอบสวน ได้สรุปส่งเอกสารสำนวนทั้งหมดให้แก่นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.ในฐานะ นายทะเบียนพรรคการเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และขณะนี้นายอภิชาตกำลังนำสำนวนดังกล่าวไปศึกษา และยังไม่ได้แจกเอกสารกับ กกต. ดังนั้นจึงยังไม่ทราบความเห็นของอนุกรรมการฯ ออกมาเป็นเช่นไร แต่ในทางปฏิบัติแล้ว การแจกเอกสารสำนวนดังกล่าวจะต้องแจกในที่ประชุม ซึ่งวันนี้ไม่มีประชุม คาดว่าประธานจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมได้วัน ที่ 19 ส.ค. เมื่อเข้าที่ประชุมแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับ กกต.แต่ละท่านว่าจะมีความเห็นอย่างไร และพร้อมลงมติได้เลยหรือไม่ ถ้ายังไม่พร้อมก็ต้องเลื่อนการลงมติออกไปอีก 1วัน
นายสุเมธ ยังกล่าวอีกว่า ส่วนตัวเชื่อว่าประธาน กกต.จะแจกสำนวนดังกล่าวได้ภายในวันนี้ (15 ส.ค.) เพื่อที่ กกต.แต่ละท่านจะได้นำสำนวนดังกล่าวไปพิจารณา ศึกษา และกลับมาลงมติได้ในวันที่ 19 ส.ค. อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เพียงแต่นายทะเบียนพรรคการเมือง แจ้งรายละเอียดให้ทราบ เพื่อขอมติจากที่ประชุม ซึ่งเหมือนกับกรณีที่มีการยุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตยที่ผ่านมา ซึ่งหากประธาน กกต.เห็นควรจะส่งเรื่องดังกล่าวให้อัยการสูงสุดก็จะขอมติจาก กกต.ทั้ง 4 ท่าน โดยเป็นความเห็นชอบจาก กกต. แต่หาก กกต.ทุกท่านฟังแล้วไม่เห็นด้วย ประธาน กกต.ก็จะไม่ส่งอัยการ ทั้งนี้ หาก กกต.มีมติส่งให้อัยการสูงสุดแล้ว แต่หากอัยการ เห็นต่างก็จะต้อง ตั้งคณะกรรมการร่วมขึ้นมาศึกษา เหมือนเช่นกรณี ยุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย
นายสุเมธกล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชนส่งสัญญาณว่าจะย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทยหากพรรคถูกยุบว่า เรื่องดังกล่าวกฎหมายไม่ได้ห้ามไว้ เพราะมาตรา 20 พ.ร.บ.พรรคการเมือง ระบุไว้ให้สมาชิกพรรคการเมืองที่ถูกยุบสามารถย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ได้ภายใน 60 วัน ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา สามารถไปอยู่พรรคใหม่ได้ โดยเฉพาะกรณีที่กรรมการบริหารพรรคที่ตนเคยแสดงความเห็นว่า ตามมาตรา 98 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง จะถูกเพิกถอนสิทธิ เฉพาะกรรมการบริหารพรรคที่มีส่วนรู้เห็นหรือไม่ได้ห้ามปราม ทักท้วง หรือแก้ไข ซึ่งหากกรรมการบริหารพรรคที่ไม่มีส่วนรู้เห็น ก็ย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ได้ ทั้งนี้การย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ก็ขึ้นอยู่กับพรรคการเมืองนั้นๆ ว่าจะให้เข้าสังกัดหรือไม่ ดังนั้นการย้ายพรรคจึงไม่เกี่ยวกับ กกต. เพราะกกต.เพียงแต่รับรองการย้ายพรรคให้ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนการตั้งพรรคการเมืองใหม่ก็ไม่เกี่ยวกับ กกต.ขึ้นอยู่กับนายทะเบียนพรรคการเมือง
เมื่อถามว่า การย้ายพรรคทำได้ง่ายเหมือนการเผาบ้านตัวเอง แล้วไปหาบ้านใหม่อยู่ กกต.จะเสนอกฎหมายเพื่อปิดช่องว่างหรือไม่ นายสุเมธ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวกับ กกต.เพราะกฎหมายเขียนให้สามารถตั้งพรรคการเมืองใหม่ได้ และสมาชิกพรรคสามารถย้ายพรรคได้ ส่วนในการแก้กฎหมายไม่ใช่หน้าที่ของ กกต. เพราะ กกต.เป็นผู้ปฏิบัติ เรื่องดังกล่าวต้องไปถาม ส.ส.ผู้ที่มีหน้าที่ในการออกกฎหมาย ส่วนพรรคเพื่อไทยนั้น ทราบมาว่านายทะเบียนพรรคการเมืองรับรองแล้ว และนำเรียนเข้าที่ประชุม กกต.รับทราบแล้ว
********************************************************
ตามมาตรา 98 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง จะถูกเพิกถอนสิทธิ เฉพาะกรรมการบริหารพรรคที่มีส่วนรู้เห็นหรือไม่ได้ห้ามปราม ทักท้วง หรือแก้ไข ซึ่งหากกรรมการบริหารพรรคที่ไม่มีส่วนรู้เห็น ก็ย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ได้