เมื่อคืนไปฟังสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ กับภูวดล
เขาเปิดโปงเรื่องอีเพ็ญอีกแล้ว
รอบนี้ไปพูดจาหมิ่นแหม่อีกแล้ว
ผมละเกลียดจริงๆพับผ่า
พวกชอบเชิดชูแม้วมาเทียบกะท่าน
แม้วมันน่าเชิดชูตายห่าละครับ
“สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์”ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ จวก”กาหลิบ”สุดชั่ว เขียนบทความเจตนาหมิ่นสถาบันเบื้องสูงซ้ำซาก ชู”แม้ว”ฮีโร่เปลี่ยนแปลงประเทศ ขณะเดียวกันจี้รัฐบาล-กระทรวงต่างประเทศ เพิกถอนพาสปอร์ต พร้อมลากคอกลับมาดำเนินคดีในประเทศ เผยอีกเตรียมดีเดย์ดาวกระจายทัวร์อีสานครั้งใหญ่อีกรอบ
เมื่อวันที่ 11 ส.ค.เวลา 23.30 น.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยเพื่อชำแหละตัวตน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผ่านแถลงการณ์หนีคดี ว่า ข้ออ้างของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ว่าไม่ปลอดภัยนั้น สงสัยว่าคงกลัวอาวุธอันสำคัญของพี่น้องพันธมิตรฯ คืออุจจาระ อยากถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ในไทยไม่ปลอดภัยยังไง นอกจากนี้แถลงการณ์ยังแสดงให้เห็นถึงความอหังกา กล้าแม้กระทั้งประกาศให้ผู้สนับสนุนอดทนรอ ซึ่งก็ชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่วางมือจากการเมืองแน่นอน
จากนั้น นายสมเกียรติ ได้กล่าวถึงบทความเรื่อง “กลับมาทำไม”ของ ”กาหลิบ” หรือนายจักรภพ เพ็ญแข ที่เขียนลงในหนังสือพิมพ์โลกวันนี้ว่า นายจักรภพ พยายามอ้างความเกี่ยวข้องกันระหว่างฝ่ายอำมาตยาธิปไตยกับพันธมิตรฯ นอกจากนี้ยังอ้างว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัวต้องอพยพไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษ เป็นยุทธวิธีอย่างหนึ่งในสนามรบ ไม่ใช่การยอมแพ้ เสมือนประกาศให้สาธารณชนได้รับรู้ว่า การถอยนั้นไม่มีแน่นอน อีกทั้งการตัดสินใจครั้งนี้จะส่งผลสะเทือนต่อราชอาณาจักรไทยทั้งหมด ประเด็นนี้จะเพิกเฉยโดยไม่พูดถึงเลยไม่ได้ การอยากเห็นสงครามประชาชน การชูให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนเปลี่ยนแปลงประเทศ เป็นสิ่งที่นายจักรภพ พูดและเขียนลงบทความมาอย่างต่อเนื่อง แต่สงครามประชาชนที่เกิดขึ้นในวันนี้ กลับไม่ใช่สงครามประชาชนที่แท้จริง แต่เป็นหน่วยอันธพาลทางการเมืองที่ถูกออกแบบขึ้นมาก็ก่อกวนเพียงเท่านั้น “ระบอบทักษิณกำลังจะตั้งศูนย์บัญชาการอยู่ที่ต่างประเทศเพื่อสงครามประชาชน ให้เกิดแรงสั่นสะเทือนต่อราชอาณาจักรไทย กาหลิบและสหายได้กล่าวหาพันธมิตรฯ และกลุ่มอำมาตยาธิปไตยเป็นศัตรู พร้อมประกาศบดขยี้ทุกสถาบันในประเทศให้ราบคาบ เพียงแต่กำลังรอเวลาการดำเนินการที่เหมาะสมเพียงเท่านั้น”นายสมเกียรติ กล่าวและว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ เพิกถอนพาสปอร์ต (หนังสือเดินทาง) ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากขัดคำสั่งศาล ผู้ต้องหาหรืออาชญากรแผ่นดินไม่มีสิทธิ์ถือพาสปอร์ตแม้แต่ใบเดียว กระทรวงการต่างประเทศจะมาเฉไฉ หรือนิ่งเฉยไม่ได้ นายสมเกียรติ กล่าวว่า นักการเมืองจะพากันวิ่งไปหานายทุนกลุ่มใหม่ โดยเชื่อว่า 1 ใน 111 คน ยังมีกำลังจ่าย แต่คนเหล่านั้นจะพร้อมจ่ายหรือไม่ ต้องรอดูท่าทีของนายใหญ่ และคดีของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีนอมินี ว่าจะโดนคำพิพากษาจากศาลให้พ้นจากตำแหน่งอีกหรือไม่ เชื่อระบอบทักษิณ คงไม่สิ้นลมหายใจลงอย่างงายดายแน่ การตายของทั้งเห็บและสุนัข มันจะตายพร้อม เพราะมันไม่มีอะไรจะให้เกาะอีกแล้ว รัฐบาลชุดนี้จะตายเร็วๆ นี้ ก่อนระบอบทักษิณ ด้วยซ้ำไป
จากนั้นในช่วงท้าย นายสมเกียรติ ได้ประกาศเดินหน้าฟื้นยุทธศาสตร์ดาวกระจาย โดยเริ่มที่ จ.บุรีรัมย์ มหาสารคาม อุดรธานี และอีกหลายจังหวัดที่พันธมิตรฯถูกอันธพาลเล่นงาน โดยจะใช้ชื่องาน “วันลบรอยคราบน้ำตาประชาราษฏณ์อุดรธานี มหาสารคาม กาฬสินธ์ และบุรีรัมย์” อีกไม่นานวันเหล่านี้จะมาถึงอย่างแน่นอน
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000094932ทีนี้มาดูบทความอีเพ็ญกันครับคอลัมน์
เลือกคบไม่เลือกข้าง
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
ปีที่ 9 ฉบับที่ 2349 ประจำวัน จันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2008
โดย กาหลิบ กลับมาทำไม เมื่อเย็นวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้มีข่าวแวบขึ้นมาว่าอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวได้ยกเลิกตั๋วเครื่องบินที่จะเดินทางกลับประเทศไทยแล้ว สื่อทั้งหลายก็ตรวจสอบข่าวสารกันจ้าละหวั่นว่าเรื่องนี้มีความจริงเพียงใด และถ้าจริงจะมีความหมายอย่างไรต่อการเมืองไทย
ขบวนการต่อต้านทั้งหลายก็เงี่ยหูฟังสัญญาณอย่างสนใจ เพราะต้องช่วงชิงโอกาสทำคะแนนกับผู้สั่งการ ด้วยการทิ่มแทงคุณทักษิณให้ลึกลงไปอีก
ประชาชนผู้สนับสนุนคุณทักษิณก็ไม่สบายใจ เพราะมุ่งมั่นมาแล้วว่าฝ่ายประชาธิปไตยต้องลุกขึ้นสู้อย่างเต็มกำลัง ฝ่ายอำมาตย์เขาส่งสัญญาณมาแล้วว่าเที่ยวนี้เอาตาย แล้วจะปล่อยให้เขาสมใจหรือในประเด็นว่าคุณทักษิณจะกลับหรือไม่ หรือเมื่อไหร่ แนวความคิดแต่ละฝ่ายออกจะชัดเจนอยู่แล้ว เกือบจะเป็นบทละครที่เขียนไว้ล่วงหน้าได้เลย
ฝ่ายอำมาตย์จะคิดว่าตนเองประสบความสำเร็จด้วยการไล่ทักษิณให้พ้นจากพื้นที่อำนาจของตนได้สำเร็จ
ก็จะติดตามสถานการณ์ไประยะหนึ่ง หากไม่กลับมาจริงก็จะใช้ประสบการณ์ที่เคยใช้มากับท่านปรีดี พนมยงค์ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ศรีบูรพา ฯลฯ นั่นคือป้ายสีในประเทศให้กลายเป็นของเหม็นเน่า จนเข้าขั้นของต้องห้าม เพื่อมิให้ใครบังอาจเอ่ยถึงอีกการทำให้ลืมไปเฉยๆเป็นวิธีการอย่างหนึ่งที่เคยใช้ได้ผลมาแล้ว เพราะเสมือนลบออกไปเสียจากประวัติศาสตร์ทั้งที่ยังมีตัวเป็นๆอยู่
ท่านปรีดีนั้นหายไปตั้งแต่เกิดรัฐประหาร พ.ศ. ๒๔๙๐ แล้วกลับมา “เกิดใหม่” นั่นคือมีผู้ที่กล้าเอ่ยถึงพูดถึงอีกครั้งก็เมื่อหลังเหตุการณ์วันประชาปีติ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๖ ห่างกันถึง ๒๖ ปีเต็ม
คราวนี้ก็จะงัดมาใช้อีกครั้งกับทักษิณ-หากไม่กลับมาจริง
ฝ่ายที่สองคือลูกน้องของอำมาตย์ที่เขย่าบ้านเมืองอยู่ตามถนนหนทางและตามสื่อกระแสหลักทั้งหลาย โดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตรฯและ ASTV
กลุ่มนี้จะรีบออกมาทวงว่าคุณทักษิณตัดสินใจไม่กลับเป็นเพราะตนโดยตรง ตนเองได้โยนระเบิดลูกแล้วลูกเล่าเข้าใส่จนเกิดผล ก็สมควรที่ตนจะได้รางวัลจากฝ่ายอำมาตย์ที่มาใช้งานพวกตนอย่างสมราคา ตามข่าวแจ้งว่าราคาที่ว่านั้นคือการสนับสนุนให้ตั้งพรรคการเมืองที่มีชื่อว่า “เทียนแห่งธรรม” ขึ้นมา เพื่อสืบทอดอำนาจที่กำลังจะหมดลงแต่ผมเชื่อว่าอำมาตย์เขาฉลาดกว่านั้น เขาคงรู้ว่าการใช้งูพิษไปขบกัดศัตรูนั้นทำได้ แต่จะให้กอดงูพิษนั้นแนบอกไว้อย่างรู้บุญคุณจนวันหนึ่งงูพิษแว้งกัดตน ก็คงจะเขลาเกินการณ์
ดังนั้น จะทำเหมือนสถานเสาวภา จับงูมารีดพิษออกเสียใหม่หมด เพื่อเอาพิษนั้นมาทำเซรุ่มแก้พิษงูตัวอื่นๆต่อไปอีกเพราะเปรียบไปแล้วกลุ่มพันธมิตรฯและ ASTV เป็นเพียงงูพิษตัวหนึ่งในบ่อสีขาวขนาดใหญ่ของสถานเสาวภา ซึ่งเป็นหน่วยงานในความดูแลของสภากาชาดไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เท่านั้นเอง ไม่ใช่พญานาคราชแต่อย่างใดส่วนฝ่ายผู้สนับสนุนคุณทักษิณที่มีอยู่มากนั้นจะรู้สึกถึงเรื่องนี้ออกเป็น ๒ ทาง
ผู้คนที่รู้เรื่องลึกซึ้งจะอนุโมทนา ด้วยรู้ว่าเป็นยุทธวิธีอย่างหนึ่งในสนามรบ และไม่ใช่การยอมแพ้
ผู้คนที่รู้ไม่ลึกเท่าหรือไม่รู้อะไรนักจะเกิดความตระหนก แม่ทัพหลบออกนอกสนามรบ ไพร่พลจะสู้กันต่อไปได้หรือ
แต่ทั้งสองกลุ่มนี้คงจะเย็นลงทันทีที่เกิดการสื่อสารจากคุณทักษิณโดยตรง โดยเฉพาะเมื่อยืนยันว่าการถอยนั้นไม่มี จะยืนยันจากที่ไหนก็ไม่สำคัญไม่ว่าจะเป็นความคิดเห็นของฝ่ายไหนก็ตาม ถ้าหากเรื่องนี้เกิดเป็นความจริงขึ้นมา การตัดสินใจครั้งนี้จะส่งผลสะเทือนเลื่อนลั่นต่อราชอาณาจักรไทยทั้งหมด เพราะเท่ากับคุณทักษิณกำลังเปิดแนวรบใหม่นอกพื้นที่อำนาจของศัตรูโดยตรง
เผด็จศึกง่ายกว่ากันเยอะ.http://www.dailyworldtoday.com/columblank.php?colum_id=11448สุดท้าย ไม่รู้ว่ากาหลิบแปลว่าไร ฟังตอนแรกนึกว่าภาษาเกย์
ที่ไหนได้ อีเพ็ญทำโก้เก๋ เล่นแบบนี้เลย
กาหลิบ เป็นคำนำหน้าชื่อผู้นำมุสลิมแห่งอุมนะ หรือชุมชนอิสลาม คำนี้แผลงมาจากคำภาษาอาหรับว่า "خليفة" คาลีเฟาะห์ หมายถึง ผู้สืบทอด หรือ ตัวแทน ผู้นำในยุคต้นๆ บางคนในชุมชนมุสลิม ที่สืบทอดหลังจากจากมุฮัมมัดสวรรคต (570-632) จะเรียกว่า คาลิฟัต อัลเลาะห์ ซึ่งหมายถึง เป็นตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้า แต่คำว่า "คาลิฟุต ราซูล อัลเลาะห์" หมายถึง ผู้สืบทอดจากศาสดาของพระเจ้า ในที่สุดก็กลายเป็นตำแหน่งมาตรฐาน นักวิชาการบางท่าน ถือว่าคำนี้ ถ่ายถอดมาจากคำว่า "คาลิฟ"