จีน..ยึดแหล่งน้ำมันในคาซัคสถาน เมื่อหลายวันก่อนมีข่าวออกมา ว่า ซิติก (CITIC: China International Trust and Investment Corp) ใกล้จะบรรลุข้อตกลงในการซื้อกิจการบริษัท เนชั่น อีเนอร์ยี่ บริษัทสัญชาติแคนาดาที่ดำเนินธุรกิจน้ำมันในประเทศคาซัคสถาน คิดเป็นมูลค่า 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบันเนชั่นย อิเนอร์ยี่ ผลิตน้ำมันในคาซัคสถานวันละ 41,000 บาร์เรล และยังได้สิทธิ์ในการสำรวจแหล่งน้ำมันในประเทศอาเซอร์ไบจัน
ทั้งคาซัคสถาน และอาเซอร์ไบจัน ล้วนเป็นประเทศตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียกลาง ส่วน ซิติก ก็เป็นบริษัทลงทุนระดับโลกของรัฐบาลจีน แต่ไม่ได้มีประสพการณ์ในการบริหารธุรกิจน้ำมันมากนัก เพียงแต่ว่า เนชั่น อีเนอร์ยี่ได้พยายามขายกิจการของตัวเองมานานเป็นปี แม้ธุรกิจในระยะ 10 เดือนแรกปี 2548 จะทำกำไร 179 ล้านดอลลาร์
ขณะนี้ บลูมเบิร์ก กล่าวว่า การซื้อกิจการเนชั่น อีเนอร์ยี่ ของ ซิติก ครั้งนี้ ได้จับมือเป็นพันธมิตร กับ ออย แอนด์ เนชั่วรัล แก๊ส คอร์ป จากอินเดีย เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันกันเอง โดยจะชิงชัยกับ เชฟรอน บริษัทน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐที่เข้าไปลงทุนในคาซัคสถาน และ โอเอโอ ลุคออยจากรัสเซีย แทน
อย่างไรก็ตาม การซื้อกิจการ เนชั่น อีเนอร์ยีของ ซิติก ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลจีนแล้ว ซึ่งหากสำเร็จจะเป็นการเทคโอเวอร์กิจการในต่างประเทศที่มีขนาดใหญ่อันดับสามของจีน และสะท้อนให้เห็นถึงการยึดแหล่งน้ำมันในต่างประเทศเพื่อสำรองไว้ รองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสร้างเสถียรภาพด้านน้ำมันสำรองให้กับประเทศจีน
นอกจากซิติกแล้ว ยังมี ซิโนเปค กรุ๊ป บริษัทน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของจีน ใกล้จะบรรลุข้อเสนอซื้อ ส่วนธุรกิจน้ำมันของ บีพี (TNK-BPs Udmurtneft) มูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์ โดยอาจับมือเป็นพันธมิตรกับRosneft บริษัทน้ำมันของรัฐบาลรัสเซีย
ก่อนหน้านี้ ไชน่า เนชั่นแนล ปิโตรเลียม คอร์ป หรือCNPC ได้ซื้อกิจการน้ำมัน ปิโตรคาซัคสถาน มูลค่า 4,200 ล้านดอลลาร์ นับเป็นการเทคโอเวอร์กิจการในต่างแดนครั้งใหญ่สุดของจีน รวมทั้งซีนุก (CNOOC) บริษัทเชี่ยวชาญแหล่งน้ำมันในทะเลรายใหญ่ ได้ลงนามซื้อแหล่งน้ำมันน้ำลึกในไนจีเรีย มูลค่า 2,700 ล้านดอลลาร์
ด้านผู้นำจีนก็กังวลกับสถานการณ์น้ำมัน ด้วยราคาน้ำมันที่ไร้เสถียรภาพ เป็นเสมือนภัยคุกคามการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนี้ระยะ 4 ปีที่ผ่านมาจีนมีความต้องการใช้น้ำมันคิดเป็นสัดส่วน 40% ของความต้องการน้ำมันทั่วโลก สาเหตุหลักมาจาก ครอบครัวจีนที่เป็นเศรษฐีใหม่หันมาซื้อรถยนต์ใช้กันจำนวนมาก ขณะที่โรงงานอุตสาหกรรมในจีนส่วนใหญ่ยังด้อยประสิทธิภาพจึงต้องใช้น้ำมันมาก และสุดท้ายผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมทำให้จีนสิ้นโอกาสในการใช้พลังงานจากถ่านหิน จึงจำเป็นต้องลงทุนซื้อแหล่งน้ำมันในต่างประเทศแทน แม้จะต้องทุ่มซื้อด้วยราคาที่สูงก็ตาม
นักวิเคราะห์บางคนมองว่า การ เนชั่น อีเนอร์ยี่ เป็นยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับจีน เพราะขณะนี้คาซัคสถานเริ่มซัพพลายน้ำมันให้กับจีนผ่านทางท่อ ความยาว 962.2 กิโลเมตร จาก Atasu ในคาซัคสถานมายัง Alataw Pass ในเมืองซินเจียง มูลค่า 700 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสร้างเสร็จเมื่อพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยออกแบบให้ส่งน้ำมันได้ 20 ล้านตันต่อปี ขณะที่ตัวเลขปี 2548 จีนนำเข้าน้ำมันดิบจากคาซัคสถาน 1.3 ล้านตัน ปีนี้คาดว่าจะพุ่งสูงถึง 4.75 ล้านตันและ ปี 2550 ที่ประมาณ 8 ล้านตัน ผ่านทางท่อน้ำมันนี้แทนการขนส่งผ่านทางช่องแคบมะละกา
ประเทศในเอเชียกลาง ซึ่งรวมถึงคาซัคสาถน ถือเป็นแหล่งสำรองน้ำมันมากถึง 35,000 ล้านบาร์เรล หรือมีขนาดใหญ่กว่าแหล่งสำรองน้ำมันในทะเลเหนือถึงสองเท่า คาดการณ์ว่าในระยะ 10 ปีข้างหน้านี้การผลิตน้ำมันในเอเชียกลางจะเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าจากปัจจุบัน หรือมากกว่าที่เวเนซูเอล่าปั้มน้ำมันดิบอยู่ในขณะนี้
การลงทุนในคาซัคสถาน จึงถือเป็นยุทธศาสตร์ยึดแหล่งน้ำมันของจีน อย่างน้อยก็เบียดคู่แข่งอย่างเช่นสหรัฐอเมริกาได้
http://www.thannews.th.com/detialNews.php?id=T1021218&issue=2121ข้อมูลการยึด แหล่งน้ำมันของจีน