ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
03-12-2024, 19:57
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  ห้องสาธารณะ  |  เกาะกง - ไทยให้ความช่วยมากมาย ปี ๔๕ แต่เหลี่ยมจะทำเป็นคาสิโนคอมเพลซ์ ??? 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
เกาะกง - ไทยให้ความช่วยมากมาย ปี ๔๕ แต่เหลี่ยมจะทำเป็นคาสิโนคอมเพลซ์ ???  (อ่าน 3663 ครั้ง)
เกาะกง
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 22-07-2008, 09:28 »

   เยือน'เกาะกง' สานสัมพันธ์'ไทย-กัมพูชา' "น้องขอร้อง-พี่ขอช่วย"
 

เมื่อต้นเดือนธันวาคม ที่ผ่านมา ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร ปลัดทบวงมหาวิทยาลัย ท.พ.สมศักดิ์ จักรไพวงศ์ รองปลัดทบวงฯ นางฉันทวิทย์ สุชาตานนท์ ผู้ช่วยปลัดทบวงฯ น.ส.อาภรณ์ แก่นวงศ์ ผู้อำนวยการกองวิเทศสัมพันธ์ พร้อมด้วย นายสุชาติ อุปถัมภ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยบูรพา น.พ.ศรชัย หรูอารีย์สุวรรณ คณบดีคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้บริหารมหาวิทยาลัย และคณะได้เดินทางไปเยือน จ.เกาะกง ราชอาณาจักรรัฐกัมพูชา โดยมี นายสมบูรณ์ งามลักษณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ช่วยประสานงานในการข้ามชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณด่านหาดเล็กไปยังโรงแรมที่พักใน จ.เกาะกง

ซึ่งการเดินทางของคณะผู้บริหารทบวงฯ และมหาวิทยาลัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านการศึกษาและสาธารณสุขระหว่างไทยกับ จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา

ถ้าหากพูดถึง จ.เกาะกง ใครๆ อาจจะนึกไปถึงเมืองที่มีแต่ความศิวิไลซ์เต็มไปด้วยแสงสีและอารยธรรมเพราะที่นี่ผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะกงอนุญาตให้เปิดบ่อนเสรีได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ทำให้ชาวต่างชาติโดยเฉพาะคนไทยหลั่งไหลกันเข้าไปเสี่ยงโชคอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำให้กับ จ.เกาะกง ทีเดียว

แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าความจริงแล้ว จ.เกาะกง เป็นจังหวัดเล็กๆ จังหวัดหนึ่งของกัมพูชาที่มีพื้นที่ติดชายฝั่งทะเล ตั้งอยู่บริเวณภาคตะวันตกเฉียงเหนือของราชอาณาจักรกัมพูชา ทิศเหนือติดกับจังหวัด Pursat ส่วนทิศตะวันออกติดกับจังหวัด Kamgpong Speu และ Kampot ส่วนทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดกับหมู่บ้าน Sihanouk และอ่าวไทย

ส่วนการปกครองของ จ.เกาะกง แบ่งเป็น 8 อำเภอ 33 ตำบล และ 131 หมู่บ้าน เกาะกงถือเป็นจังหวัดขนาดเล็กที่มีประชากรอาศัยอยู่ 23,168 หลังคาเรือน และมีประชากรจำนวนทั้งสิ้น 132,106 คน

สำหรับเมืองหลักที่มีชาว จ.เกาะกง อาศัยอยู่ถึง 22% ของประชากรทั้งหมดคือ Smach Meanchey ส่วนประชากรอีก 75% ไม่ใช่ชาวพื้นเมือง จ.เกาะกง แต่ย้ายมาจากจังหวัดอื่นๆ ของกัมพูชา ส่วนใหญ่จะเข้ามาหางานที่ดีกว่าทำที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา

ที่สำคัญคือประชากรใน จ.เกาะกง ไม่ได้ร่ำรวยหรือมีฐานะดีไปตามรายได้ที่ไหลเข้าบ่อนการพนันเลย ตรงกันข้ามกลับมีฐานะยากจน การศึกษาน้อย และคุณภาพชีวิตไม่ดี

ทั้งนี้ ก่อนที่ผู้บริหารฝ่ายไทยจะจะเริ่มเจรจาแลกเปลี่ยนความร่วมมือทางวิชาการกับผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะกงที่ศาลากลางจังหวัด ร.ต.อ.วรเดชได้แจกแจงถึงความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างไทย-กัมพูชาที่มีมาแต่เก่าก่อนว่า "กัมพูชามีทรัพยากรมากและเป็นแหล่งเศรษฐกิจ การที่ไทยช่วยเหลือกัมพูชาในด้านต่างๆ รวมทั้ง การตัดถนนลาดยาง 300 กิโลเมตร จากเกาะกงผ่านพนมเปญไปถึงเวียดนาม ถือเป็นยุทธศาสตร์ของประเทศ เพราะไทยจะแข็งแกร่งไม่ได้ถ้าเพื่อนบ้านไม่แข็งแกร่ง ถ้าเขมรแข็งแกร่ง รวย มีเศรษฐกิจดี เศรษฐกิจของไทยก็จะดีไปด้วย"

สำหรับความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านพี่เมืองน้องนั้น ปลัดทบวงฯเล่าว่า "ด้านการศึกษานั้นมหาวิทยาลัยบูรพาเข้าไปช่วยโดยมอบทุนการศึกษาให้ชาวเกาะกงไปเรียนที่มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรี ทั้งระดับปริญญาตรี และโทด้านบริหารธุรกิจ รัฐประศาสนศาสตร์ นิเทศศาสตร์ การศึกษา พยาบาลศาสตร์ และสาธารณสุขศาสตร์ โดยเริ่มแรกจะเอานักปกครองของจังหวัดมาเรียนก่อน จะได้มีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างลูกของผู้ว่าฯเกาะกง"

"ส่วนมหิดลก็เข้าไปช่วยด้านการแพทย์และสาธารณสุข นอกจากนี้ยังเอาหมอมารักษาโรคเอดส์ พยาธิและมาลาเรีย รวมทั้งเอาคนเกาะกงกลับไปเทรนที่มหิดลด้วย" ปลัดทบวงฯกล่าว

สำหรับมหาวิทยาลัยบูรพาซึ่งเป็นแกนหลักในการให้ความช่วยเหลือด้านวิชาการกับ จ.เกาะกง นั้น อธิการบดีมหาวิทยาลัยบูรพาก็เล่าว่า มหาวิทยาลัยให้ทุนปริญญาตรี 3 ทุน และโท 3 ทุน รวม 6 ทุน ด้านพัฒนาชุมชนและบริหารรัฐกิจ เมื่อเรียนจบแล้วจะได้กลับไปช่วยพัฒนาเกาะกงพัฒนาคุณภาพชีวิตและพัฒนาชุมชนใน จ.เกาะกง ให้แข็งแกร่ง

"การเปิดสอนปริญญาตรีของกัมพูชายังมีข้อจำกัด ส่วนใหญ่มีแต่อนุปริญญา เพราะถ้าต่อยอดปริญญาตรีจะต้องไปเรียนถึงพนมเปญ ม.บูรพาจึงให้ทุนในรูปโควตารวมถึงทุนที่กรมวิเทศสหการที่ให้ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เพราะถ้าไปเรียนปริญญาตรีที่พนมเปญจะต้องใช้เวลาเดินทาง 6-7 ชั่วโมง เพราะห่างจาก จ.เกาะกง ถึง 300 กิโลเมตร แต่ถ้าถนนที่รัฐบาลไทยมาช่วยสร้างเสร็จก็จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง เท่านั้น"

กิจกรรมที่มหาวิทยาลัยบูรพาจะใช้ในการพัฒนาชุมชน จ.เกาะกง ก็มีหลายกิจกรรม แต่กิจกรรมที่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยเห็นว่าสำคัญที่สุดก็คือการพัฒนาบุคลากรของ จ.เกาะกง ให้เข้มแข็งเพราะจะเป็นประโยชน์ต่อไทยด้วย จึงจัดอบรมและดูงานระยะสั้นที่ จ.ตราด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดตราดได้ช่วยประสานงานให้เช่น พยาบาลศาสตร์ สาธารณสุขศาสตร์ บริหารธุรกิจ เทคโนโลยี และสิ่งที่ชาว จ.เกาะกง ต้องการมากคือการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ สิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว และการโรงแรม

"ส่วนกิจกรรมอื่นๆ ก็มีการวิจัยเชิงพัฒนาระดับชุมชนของ จ.เกาะกง เป็นความร่วมมือของอาจารย์ และนิสิตมหาวิทยาลัยบูรพาทำร่วมกัน นอกจากนี้ยังฝึกอบรมระยะสั้นที่ จ.ตราด เพราะไม่ไกลจากเกาะกงนัก อาจารย์ไม่ต้องข้ามไปข้ามมา โดยใช้เวลา 3 วัน ซึ่งกิจกรรมที่อบรมก็จะคล้ายๆ 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ มีสิ่งประดิษฐ์และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตามความต้องการของชาวเกาะกง ส่วนหนึ่งบอกว่าอยากซ่อมเครื่องยนต์เป็น โดยคนที่เข้าอบรมจะเสียเฉพาะค่าเดินทาง ส่วนค่าเรียนไม่ต้องเสีย โดยมหาวิทยาลัยได้พยายามหาแหล่งเงินทุนใน จ.ตราด"

นายสุชาติยังบอกเล่าถึงเป้าหมายในการร่วมมือทางวิชาการครั้งนี้ว่า "ทำให้บุคลากรของบูรพาและเกาะกงได้ใช้ทรัพยากรร่วมกัน ซึ่งจะทำให้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อไป มีการทำงานวิจัยและพัฒนาชุมชนร่วมกัน ทำให้ชุมชนเข้มแข็ง ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ สังคม และประเทศมั่นคงดีขึ้นระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งรัฐบาลก็ปรารถนาเช่นนั้น เพราะความจริงแล้วชาวเกาะกงก็เหมือนคนไทย เพราะเดิมพื้นที่นี้ก็เป็นของคนไทยมาก่อนในสมัยรัชกาลที่ 5 และผู้ว่าฯเกาะกง ก็เคยอยู่ในเมืองไทย"

ทราบที่มาที่ไปกันเรียบร้อยแล้วถึงความร่วมมือระหว่างทบวงฯ มหาวิทยาลัยบูรพา และ จ.เกาะกง ฉะนั้น ในการหารือร่วมกับ นายยุทธ ภูทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะกง ปลัดอำเภอเกาะกง ศึกษาธิการจังหวัดเกาะกง และผู้บริหารของไทยที่ศาลากลางจังหวัดนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะกงซึ่งพูดไทยชัดเจน จนถ้าไม่บอกก็นึกว่าคนไทยแท้ๆ ได้บอกเล่าถึงความลำบากยากแค้นของชาวเขมรในยุคที่พลพตเป็นผู้นำเขมรแดงให้ฟังว่า

"คนกัมพูชานั้นตกทุกข์ได้ยากเพราะสงครามในกัมพูชา ตั้งแต่ผมจำความได้ก็อยู่ในไฟสงครามมาตลอด เพิ่งได้ปลดปล่อยประเทศเมื่อไม่ถึง 10 ปี กัมพูชามีการเลือกตั้งครั้งแรกเมื่อปี 1991 แต่ก็ยังมีไฟสงครามอยู่ เพราะพื้นที่จำนวนหนึ่งอยู่ในการปกครองของเขมรแดง กระทั่งการเลือกตั้งครั้งที่ 2 เมื่อปี 1998 กัมพูชาจึงเป็นอิสระโดยสมบูรณ์"

ผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะกงยังเล่าต่อว่า "ในช่วงที่กัมพูชาตกอยู่ในไฟสงครามล้างเผ่าพันธุ์มาตลอดภายใต้การปกครองของพลพต ได้ลบล้างวัฒนธรรมที่มีอยู่ทั้งหมด ไม่มีโรงเรียน วัด และตลาด ทุกคนอยู่ในคุกมืด ตอนอายุ 20 ปี ผมได้เข้าเรียนชั้นมัธยมในภาวะสงคราม ปีหนึ่งเรียนได้ 3 เดือน เรียนไปก็ต้องถือปืนด้วย เด็กชาวกัมพูชาไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือเต็มที่ ดังนั้น การไม่มีพื้นฐานในโรงเรียนจึงลำบากทำให้ชาวเขมรบางคนไม่รู้จักหนังสือเลยหลังปลดปล่อยประเทศ"

"หลังจากประเทศได้รับการปลดปล่อยมีครูทั่วประเทศแค่ 75 คน เกาะกงไม่มีครูไม่มีโรงเรียนเราก็รณรงค์ให้คนรู้จักหนังสือ คนรู้ต้องสอนคนไม่รู้ คนรู้มากต้องสอนคนรู้น้อย ก่อนสงครามคนที่ได้เรียน ป.1-2 ต้องสอนคนไม่เป็น คนที่เรียน ป.3-4 ต้องสอนคนที่เรียน ป.1-2 ครูสอนโดยไม่มีเงินเดือนมีแต่ข้าวให้สอนกันจนกว่าจะเป็นครูได้ อบรมคนเฒ่าคนแก่จนตั้งโรงเรียนประถมและมัธยม เวลานี้มีโรงเรียนประถม 33 แห่ง มัธยม 2 แห่ง" นายยุทธกล่าว

นอกจากกัมพูชาภายหลังสงครามสิ้นสุดจะมีครูไม่ถึง 100 คนแล้ว ยังไม่มีศาสตราจารย์ด้วยเพราะต้องหลบซ่อนตัว เนื่องจากในยุคที่เขมรแดงปกครองประเทศนั้น ผู้นำเขมรแดงประกาศว่าจะฆ่าคนที่ใส่แว่นตาให้หมด ทำให้ประเทศอยู่ในภาวะลำบากและประชาชนต้องหนีออกนอกประเทศ

นายยุทธยังเล่าว่า "ก่อนหน้าที่ จ.ตราด และ จ.เกาะกง จะมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันเหมือนปัจจุบันนี้พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาบริเวณนี้เคยเป็นสนามรบที่รุนแรงที่สุด มีกับระเบิดเต็มไปหมดจนสมัยรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ได้บอกว่าจะเปลี่ยนสนามรบเป็นตลาดการค้า แต่สายทางหรือถนนที่จะไปพนมเปญก็ลำบากมาก พวกสินค้าจากไทยไม่ว่าจะเป็นผักสดหรือผลไม้ก็เน่าเสียก่อนที่จะเดินทางไปถึงพนมเปญ รัฐบาลไทยจึงให้งบประมาณ 130 ล้านบาท พร้อมกับส่งทหารช่างมาช่วยสร้างถนนและลาดยางให้จนถึงเวียดนาม จนเหมือนเส้นเลือดสำคัญของกัมพูชา"

ว่าแล้วก็อ้อนขอความช่วยเหลือจากฝ่ายไทยว่า "แม้กฎหมายระหว่าง 2 ประเทศจะยังไม่บรรลุ แต่ทางจังหวัดได้รับการอำนวยความสะดวกจากผู้ว่าฯตราด ผมเคยส่งรองผู้ว่าฯเกาะกง ไปคุยกับทบวงฯเพื่อขอทุนให้กับนักศึกษา เพราะเราชาวเกาะกงคงไม่มีอะไรจะแลกเปลี่ยนกับไทยได้ มีแต่จะขอความช่วยเหลือ"

พร้อมกับเล่าถึงปัญหาที่ทำให้เด็กๆ บนเกาะกงไม่มีโอกาสเรียนหนังสือว่า "เด็กที่เกาะกงเมื่อจบ ม.ปลายแล้วเรียนต่อไปไม่ได้เพราะพนมเปญห่างมาก พ่อแม่ยากจน ถ้าจะไปเรียนที่ไทยก็ต้องมีทุน แต่ถ้ารอทุนรัฐบาลกัมพูชาเองก็ยุ่งยาก นอกจากนี้เด็กที่เรียนที่นี่ก็สู้เด็กเมืองหลวงไม่ได้ จะเอาข้าราชการต่างจังหวัดมาอยู่ที่เกาะกงก็อยู่ไม่ได้นานเพราะไม่มีบ้าน ผมอยากให้เด็กได้เรียนวิทย์ บริหารธุรกิจ การค้าต่างประเทศ เพราะเด็กเกาะกงเป็นเด็กที่ด้อยโอกาส"

"เมื่อจะเริ่มเรื่องนี้ก็ต้องประสานกับ จ.ตราด เพราะการศึกษาสำคัญต่อการพัฒนาประเทศจนกลายเป็นจุดเด่นในการจับมือระหว่างไทย-กัมพูชา อีกทั้ง เกาะกงเป็นจังหวัดชายแดน เด็กเกาะกงพูดไทยได้มาก แต่ถ้าจะไปเรียนเองต้องเสียเงินประมาณ 2 แสนบาทต่อคน อย่างผมก็ส่งลูก 2 คนไปเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยบูรพาเพราะได้ทุน ถ้าให้ส่งเองผมก็ไม่มีปัญญา จึงอยากให้ไทยช่วยให้ทุนปีละ 10 ทุน ปริญญาโท 5 ทุน และเอก 5 ทุน ผมอยากเห็นเด็กๆ ได้เรียนหนังสือ"

ก่อนจะตบท้ายเกี่ยวกับปัญหาด้านการแพทย์และสาธารณสุขว่า "อยากให้คณะหมอไทยมาตรวจรักษาเด็กๆ และทำวิจัยที่นี่เดือนละครั้ง เพราะถ้าไปอบรมที่ไทยจะไม่เหมือนกัน ตอนนี้มีพวกฝรั่งเศสมาอาทิตย์ละครั้ง มาผ่าตัด อยากให้ไทยมาช่วยด้วยรวมทั้งจะเสนอขอความช่วยเหลือจากโครงการหน่วยทันตกรรมพระราชทานในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ด้วย"

ซึ่งการประชุมครั้งนี้ก็เป็นไปอย่างราบรื่น ปลัดวรเดชก็รับปากว่าจะกลับไปดูว่าจะช่วยเหลือเพิ่มเติมในด้านการศึกษาและสาธารณสุขให้กับ จ.เกาะกง ได้อย่างไรบ้าง โดยมหาวิทยาลัยบูรพาจะเป็นแกนนำหลักในการพัฒนาบุคลากรทั้งระดับปริญญาตรี โท และเอก ส่วนคณบดีคณะเวชศาสตร์เขตร้อน น.พ.ศรชัยก็พร้อมที่จะช่วยเหลือด้านการพัฒนาบุคลากรระดับสูงด้านการแพทย์ พยาบาล สาธารณสุขและอนามัยในระดับปริญญาโท และเอก รวมทั้ง จัดอบรมระยะสั้นให้กับบุคลากรของ จ.เกาะกง 1-3 เดือนเกี่ยวกับโรคเขตร้อน

ส่วน ท.พ.สมศักดิ์ซึ่งเป็นประธานโครงการหน่วยทันตกรรมพระราชทานในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสนอผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะกง ว่าถ้าต้องการให้โครงการหน่วยทันตกรรมพระราชทานในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ขยายความช่วยเหลือจาก จ.กัมปงธม มาที่ จ.เกาะกง โดยเสนอให้สมเด็จฮุนเซนขอพระราชทานโครงการจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ที่ทรงต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กๆ ให้ดี

ก็เชื่อว่าความร่วมมือด้านการศึกษาและสาธารณสุขระหว่างไทยกับ จ.เกาะกง ในครั้งนี้จะเป็นอีกวิถีทางหนึ่งที่จะสานสัมพันธไมตรีอันดีให้กับบ้านพี่เมืองน้องอย่างไทย-กัมพูชาให้เจริญงอกงามต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด!!

 
http://db.onec.go.th/thaied_news/index1.php?id=2118

คนไทยได้ช่วยเหลือกัมพูชาไว้มากมาย
บทความนี้ ปี ๔๕  เกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือเกาะกงทางด้านการศึกษา  สาธารณสุข อาชีพ  ฯลฯ

กรณีพิพาทเขาพระวิหารแสดงธาตุแท้ของนักการเมืองไม่ว่าจะเขมรหรือไทย


จำชื้อ  รตอ วรเดช จันทรศร  กันได้บ้างหรือไม่ ?????   ได้ทำอะไรกับการศึกษาไทย

ไทยให้ความช่วยเหลือตั้งมากมาย ทุนการศึกษา  การส่งเสริมทางวิชาการ

กระทั่งสร้างถนนจากตราดไปสู่เกาะกง

นักการเมืองไทยระบอบแม้ว-เหลี่ยม ที่กำเริบเสิบสาน คิดจะเอาทรัพยาการชาติแลกกับผลประโยชน์ส่วนตน

บันทึกการเข้า
เกาะกง
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 22-07-2008, 11:10 »

นักธุรกิจเกาะกงต้านทักษิณเช่าผุดกาสิโน

โดย คม ชัด ลึก วัน ศุกร์ ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2551 00:25 น.
นักธุรกิจเกาะกงกำลังสร้างกระแสต่อต้านข่าว ทักษิณ เช่าเกาะพัฒนาเป็นเมืองกาสิโน ทำเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ พร้อมระบุเม็ดเงินเข้ากระเป๋าทุนใหญ่จากไทย ขณะที่ชาวบ้านไม่ได้รับประโยชน์ หวั่นนักธุรกิจท้องถิ่นโดนขับไล่พ้นพื้นที่

กระแสข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ได้เจรจาตกลงกับรัฐบาลกัมพูชาเช่าเกาะกงทั้งเกาะ เพื่อพัฒนาเมืองสร้างกาสิโน หรือเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ได้สร้างความปริวิตกแก่นักธุรกิจรายย่อยในพื้นที่ ด้วยเกรงว่าเม็ดเงินที่ได้จากการท่องเที่ยวและกาสิโนจะเข้ากระเป๋าเฉพาะทุนใหญ่ข้ามชาติเท่านั้น ขณะเดียวกันก็เกิดความคิดเห็นแตกแยกออกเป็นสองฝ่าย ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับกระแสข่าวชิ้นนี้ จนถึงวันนี้ก็ยังคลุมเครือไม่มีความชัดเจนใดๆ ออกมา

ตามลิงค์ไปอ่านต่อแล้วกัน  http://news.sanook.com/entertain/entertain_280944.php

คนไทยเข้าพัฒนาเกาะกงด้านการศึกษา สาธรณสุข  เอางบไปสร้างถนน
แล้วเมื่อเวลาผ่านไป กลายเป็น คาสิโนคอมเพลซ์ นักธุรกิจ

จะทำอะไรไม่เคยเอาเงินตัวเองลงทุน แต่เอาเงินภาษีของประชาชนชาไทย
นิสัยใครถ้าไม่ใช่ระบอบแม้ว เหลี่ยม
บันทึกการเข้า
เกาะกง
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: 22-07-2008, 11:14 »

นักธุรกิจ-นักการเมืองท้องถิ่นตราด เชื่อมีนักการเมืองใหญ่เตรียมใช้พื้นที่ 2,000 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรมเกาะกงทำกาสิโน คอมเพล็กซ์ เอนเตอร์เทนเมนท์ หลังพบกัมพูชาเร่งพัฒนาเมืองขนานใหญ่ นายทุนเขมรจับจองพื้นที่รอบข้างหวังบูมเมืองกาสิโนเทียบชั้นมาเก๊า


ภายหลัง พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประเทศกัมพูชา ออกมาประกาศว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ได้เช่าพื้นที่ จ.เกาะกง สร้างเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์และกาสิโนขนาดใหญ่ หวังเทียบชั้นกับมาเก๊า  “คม ชัด ลึก” ได้เดินทางไปสำรวจข้อเท็จจริงยัง จ.เกาะกง

ขอแปะอีกลิงค์ จาก

http://www.marinerthai.com/forum/index.php?topic=2713.0

บันทึกการเข้า
เกาะกง
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: 22-07-2008, 11:19 »

 เอ็กโก้หวั่นชวดตั้งโรงไฟฟ้าเกาะกง
ผวาหลายกลุ่มสนใจแย่งเสนอตัว เร่งทำราคาค่าไฟเสนอกฟผ.ใหม่



เกาะกงเนื้อหอม บริษัทพลังงานจ้องลงทุนตาเป็นมัน "เอ็กโก้"หวั่นโปรเจ็คต์วืด เร่งทำหนังสือถึงกระทรวงพลังงาน-กฟผ.ยืนยันสนใจตั้งโรงไฟฟ้าถ่านหิน หลังชงค่าไฟรอบแรกไม่ผ่าน อ้างแค่คิดต้นทุนแบบหยาบ เตรียมเสนอ กฟผ.ใหม่ภายใน 1-2 เดือนนี้


นายวิศิษฎ์ อัครวิเนค กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือเอ็กโก้ เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้เอ็กโก้จะส่งหนังสือถึงกระทรวงพลังงาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อยืนยันว่ายังสนใจและมีความพยายามที่จะเป็นผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเกาะกง ในประเทศกัมพูชา กำลังการผลิต 3,660 เมกะวัตต์อยู่ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่ามีคนอยากได้โครงการนี้มาก ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำค่าไฟฟ้าเสนอต่อ กฟผ.อยู่ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1-2 เดือนนี้ เนื่องจากค่าไฟฟ้าเดิมที่เสนอซึ่ง กฟผ.ระบุว่าแพงไป เป็นการจัดทำแบบหยาบ เนื่องจาก กฟผ.เร่งให้เสนอต้นทุนเพื่อเปรียบเทียบกับโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศ จึงต้องจัดทำไปเสนอใหม่


"ยอมรับว่าลำบากใจในการจัดทำต้นทุนค่าไฟใหม่ เนื่องจากไม่มีใครสามารถระบุราคาถ่านหินที่แน่นอนได้ การทำสัญญาซื้อขายระยะยาวก็ทำได้ยาก จากเดิมที่สามารถทำสัญญาระยะยาว 10 ปี ก็ทำได้แค่ 3-5 ปี บางแห่งต้องทำสัญญาแค่ 2 ปี ระหว่างที่เรากำลังทำค่าไฟใหม่ เกรงว่าจะมีรายอื่นเสนอไปก่อน จึงตกลงกันว่าจะทำหนังสือแจ้งไปก่อนว่ายังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงการนี้ต่อ อย่างไรก็ตาม หากกลุ่มไทยชนะ ก็มีโอกาสที่จะเปิดให้รายอื่นร่วมถือหุ้นทั้งฝ่ายกัมพูชาและไทย เพราะมูลค่าลงทุนโครงการนี้สูงถึง 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 12,000 ล้านบาท" นายวิศิษฎ์กล่าว


ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าเกาะกงมีแนวคิดที่จะสร้างมานานแล้ว มีเอกชนหลายบริษัทเคยติดต่อกับรัฐบาลกัมพูชา แต่ปัจจุบันรัฐบาลกัมพูชาได้กำหนดกติกาชัดเจน โดยแบ่งโครงการเป็น 2 เฟส เฟสแรก 3,600 เมกะวัตต์ เฟส 2 อีก 8,000 เมกะวัตต์ แบ่งการถือหุ้นเป็น 2 ส่วน คือส่วนของบริษัทเกาะกง พาวเวอร์ ของรัฐบาลกัมพูชา และบริษัทอิตาเลี่ยนไทย 30% ส่วนอีก 70% เปิดให้ 3 กลุ่มเสนอราคาแข่งขันกัน ประกอบด้วย 1.เอกชนในกัมพูชา ร่วมกับ จีน 2.เอกชนกัมพูชา ร่วมกับ เจพาวเวอร์ และ 3.กลุ่มพันธมิตรไทย ซึ่งมีเอ็กโก้ บริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง และบริษัท กฟผ.อินเตอร์เนชั่นแนล โดยมีเงื่อนไขว่า ถ้า กฟผ.รับซื้อไฟฟ้าจากกลุ่มใด ก็จะเป็นผู้บริหารโครงการนี้


นายวิศิษฎ์กล่าวว่า นอกจากโรงไฟฟ้าเกาะกงแล้ว เอ็กโก้ยังจะขยายการลงทุนไปยังโครงการอื่นด้วย โดยมีแผนที่จะซื้อหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินสีหนุวิวล์ ขนาด 200 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการเจรจาราคา และจะมีการยื่นประมูลสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินนีซองในเวียดนาม ขนาด 800 เมกะวัตต์ 2 ยูนิต ในเดือนกันยายนนี้ ร่วมกับบริษัทวัน เอเนอจี้ กว่าจะทราบผลประมาณปลายปี จะเห็นว่าแม้บริษัทไม่ชนะการประมูลไอพีพีในประเทศ แต่ก็มีโครงการอื่นลงทุน
ส่งหน้านี้ให้เพื่อน    ที่มา : มติชน 21-05-2551 09:37:13
   
ข่าวเก่าการลงทุนในเกาะกง
บันทึกการเข้า
เกาะกง
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: 22-07-2008, 11:36 »

ตราด-สีหนุวิลล์-เกาะกง เซ็นต์ MOU บ้านพี่เมืองน้อง

ตราด - “ตราด-สีหนุวิลล์-เกาะกง” เซ็น MOU บ้านพี่-เมืองน้อง

       
       วันนี้ (8 ก.ค.) ที่สำนักงานหอการค้าจังหวัดตราด นายแก่นเพชร ช่วงรังษี ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เป็นประธานประชุมเตรียมการเซ็น MOU (บันทึกข้อตกลงบ้านพี่เมืองน้อง) ในวันที่ 5-7 สิงหาคม 2551 มี นางดวงใจ จันทร รองประธานหอการค้าจังหวัดตราด ฝ่ายชายแดน และอนุกรรมการด้านชายแดนสภาธุรกิจ ACMECS ร่วมประชุม พร้อมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั้งศุลกากรคลองใหญ่ ขนส่งจังหวัดตราด พาณิชย์จังหวัดตราด สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดตราด ร่วมประชุม
       
       นายแก่นเพชร กล่าวว่า การเซ็น MOU ครั้งนี้ ต้องการให้เกิดผลทางปฏิบัติมากกว่าการเป็นแค่บันทึกข้อตกลง ธรรมดา ดังนั้น ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการเตรียมการและข้อมูลของจังหวัดที่ได้ทำการค้าขายด้วย ซึ่ง จ.เกาะกง และ สีหนุวิลล์ เป็นจังหวัดที่มีนักลงทุนมาลงทุนสูงในปัจจุบัน ทำให้จะเกิดประโยชน์กับ จ.ตราด มาก หากสามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้ ในวันที่ 6 สิงหาคม 2551 ที่จะเป็นวันลงนามในบันทึกข้อตกลง ทาง จ.ตราด จะต้อง เตรียมการให้พร้อมและสมบูรณ์ที่สุด เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศไทยและประเทศกัมพูชาต่อไป....

http://www.tratechamber.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538713790&Ntype=1

ขนาดมันบอกบ้านพี่เมืองน้อง  มันยังคิดจะยึดเขาพระวิหารและที่ดินรอบ ๆ  เกือบหมื่นไร่
พี่น้อง ดู ๆๆๆๆๆ  ดูมันทำ
บันทึกการเข้า
เกาะกง
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: 22-07-2008, 11:42 »

ผลักดันเกาะกงเป็นเศรษฐกิจพิเศษ เผยนักลงทุนไทยเล็งผุดโรงงานน้ำตาลมูลค่า 4 พันล้าน
 
ผู้ว่าฯจ.เกาะกง เผยถนนสาย 48 ที่เชื่อมระหว่าง อ.นาเกลือ ถึง เกาะกง จะเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับกัมพูชา ตั้งเป้า จะยกระดับ เกาะกง ให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ และนิคมอุตสาหกรรม เผยมีนักลงทุนไทยจะตั้งโรงงานน้ำตาลมูลค่ากว่า 4 พันล้าน
นายยุทธ ภูทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา กล่าวว่า การก่อสร้างถนนสาย 48 หรือ สายเกาะกง-อำเภอนาเกลือ ซึ่งมีระยะทาง 150 กิโลเมตร และสะพานข้ามแม่น้ำอีก 4 แห่ง ขณะนี้คืบหน้าไปมากแล้ว คาดว่าในปี 2550 จะแล้วเสร็จ และเชื่อมั่นว่าจะเกิดผลดีต่อการคมนาคมระหว่างจังหวัดเกาะกง กับ กรุงพนมเปญ หรือ กรุงสีหนุวิลล์ และจังหวัดกัมโปงโสม ที่เป็นเมืองท่าส่งออกที่สำคัญของประเทศกัมพูชา ที่ผ่านมาจังหวัดเกาะกง สามารถติดต่อกับกรุงพนมเปญ หรือ กรุงสีหนุวิลล์ ได้เฉพาะทางเรือเท่านั้น ส่วนทางถนนยังไม่สะดวก ส่วนทางอากาศมีเครื่องบินทหารอากาศเดินทางมาสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งเท่านั้น แต่ปัจจุบันเกือบไม่ได้ใช้เส้นทางนี้แล้ว
ผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะกง กล่าวอีกว่า นับจากนี้เป็นต้นไปจังหวัดเกาะกง และจังหวัดตราด จะเข้าสู่ยุคทองของการค้า, การลงทุน และการท่องเที่ยว เพราะรัฐบาลกัมพูชาได้ประกาศให้ จ.เกาะกงเป็นเมืองเศรษฐกิจการค้า, การลงทุน, และการท่องเที่ยว โดยสนับสนุนให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ และตั้งเขตนิคมอุตสาหกรรมจังหวัดเกาะกง ขณะนี้มีนักลงทุนจากประเทศไทย ได้เข้าไปลงทุนก่อสร้างโรงงานน้ำตาลมูลค่ากว่า 4,000 ล้าน และมีการจ้างแรงงาน ทั้งในภาคอุตสาหกรรม และภาคเกษตรกรรม เพื่อปลูกอ้อยในพื้นที่หลายหมื่นไร่ ขณะเดียวกันก็มีนักลงทุนภาคเอกชนของกัมพูชาลงทุนก่อสร้างโรงแรม, กาสิโน, สวนสัตว์ และตลาดสินค้าปลอดภาษี มากขึ้น


กรมประชาสัมพันธ์ 11 ม.ค.2550

เกาะกง ให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ   เหลี่ยมมันชอบเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษ
การปฏิวัต  19 กย   ทำให้ พรบ  เศรษฐกิจพิเศษสุวรรณภูมิ ยุติไป
แต่อาจไปที่เกาะกง 
บันทึกการเข้า
เกาะกง
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #6 เมื่อ: 22-07-2008, 11:46 »

อิตาเลียนไทย บุก "เกาะกง" ฮุบประมูล 6 สายรถไฟฟ้าในไทย
ฺBangkokbiznews 03.07.2008 06:45


เปิดแผนพัฒนา "อิตาเลียนไทย" กระจายความเสี่ยงสู่ธุรกิจอื่น หลังรับเหมาเริ่มส่อวิกฤติ ขยายฐานยังธุรกิจผลิตพลังงานในเอเชีย โรงงานนิวเคลียร์ เหมืองแร่ ถ่านหิน ล่าสุด เตรียมลงทุนสร้างโรงไฟฟ้า 7 พันเมกะวัตต์ ณ เกาะกง ประกาศกินรวบประมูลรถไฟฟ้าในไทย 6 เส้นทาง มูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท พร้อมโชว์ตัวเลขมูลค่างานปี 51 แตะ 2 แสนล้านบาทครั้งแรกในรอบ 50 ปี


กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวลล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมของงานก่อสร้างภาครัฐในปี 2551 ที่ลดลงส่งผลให้สัดส่วนของงานภาครัฐของบริษัท เหลือ 70% จากเดิมอยู่ที่ 80% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ดีนัก และราคาวัสดุก่อสร้าง เหล็กยังเข้ามาเป็นปัจจัยลบสำคัญ ซึ่งรัฐบาลพยายามให้ความช่วยเหลือเพื่อประคองให้ธุรกิจรับเหมาเดินหน้าต่อไปได้

ด้วยหลากหลายปัจจัยลบที่กระทบต่อธุรกิจรับเหมา ทำให้อิตาเลียนไทยฯ ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจพลังงานและเหมืองแร่ เพื่อกระจายความเสี่ยง โดยได้ลงทุนในบริษัทสินแร่เมืองไทย ซึ่งประกอบธุรกิจลงทุนสำรวจ พัฒนาและดำเนินการเหมืองแร่เหมืองแร่โปแตซ, บริษัท ซิโนลาว อาลูมิเนียม คอร์ปอเรชั่น (SLACO) ดำเนินธุรกิจลงทุนสำรวจ ขุดค้นปรุงแต่งแร่ Bauxite และถลุงแร่อะลูมิเนียม,

---------------- ข่าวเก่าจากกรุงเทพธุรกิจ การลงทุนในเกาะกง
บันทึกการเข้า
เกาะกง
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: 22-07-2008, 12:02 »

นิคมอุตฯเกาะกง

โครงการ “นิคมอุตสาห กรรมเกาะกง” เป็นโครงการภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัมพูชา ลาว พม่า และไทย (ECS) รัฐบาลไทยสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยศึกษาความเหมาะสม รองรับการย้ายฐานการผลิตอุตสาหกรรมสิ่งทอและแปรรูปอาหารทะเล จากนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์น ซีบอร์ด เพื่อหวังใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี หรือ GSD ส่งออกสินค้าไปยังประเทศที่ 3 ซึ่งเห็นว่าพื้นที่จังหวัดเกาะกงมีความเหมาะสม จึงดำเนินการเป็นแห่งแรก ตั้งแต่เดือน ก.พ. 2547 โครงการนี้มีพื้นที่ 2,121 ไร่ ห่างจากชายแดนไทยที่บ้านหาดเล็ก 2 กิโลเมตร

การลงทุนก่อสร้างดำเนินการโดย นายพัด สุภาภา นักธุรกิจไทยเชื้อสายกัมพูชา ซึ่งมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจนายกรัฐมนตรี ฮุนเซน แห่งกัมพูชา แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีนักลงทุนไทยเข้าไปดำเนินการ เนื่องจากความไม่ชัดเจนในเรื่องกฎหมายลงทุนและสิทธิประโยชน์ รวมทั้งปัญหาการคอร์รัปชันของกัมพูชา

http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=news&id=215533

อุตฯเกาะกงล่ม สิทธิภาษีไม่ชัด นักลงทุนเมิน

โพสต์ทูเดย์ — นิคมอุตสาหกรรมเกาะกงล่ม ปัญหาการเมืองภายในกัมพูชาทำวุ่น นักธุรกิจไทยเมินไม่มั่นใจผลตอบแทนการลงทุน

นายยุทธ ภูทิง ผวจ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีนักลงทุนชาวไทยและต่างชาติ เข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม เกาะกงเลย แม้จะตั้งอยู่ใกล้ชายแดน โดยห่างจากบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด เพียง 2 กิโลเมตร เนื่องจากปัญหาเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งรัฐบาลกัมพูชาไม่มีการกำหนดให้ชัดเจน ทำให้นักลงทุน ไม่มีความมั่นใจในการเข้ามาลงทุน

“ผมได้เสนอเรื่องไปที่รัฐบาล เพื่อให้ตัดสินใจในเรื่องปัญหาข้อกฎหมายสิทธิประโยชน์แล้ว แต่รัฐบาลก็ไม่ได้ให้ความชัดเจน ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ รวมทั้งความไม่มั่นใจของนักลงทุนว่าจะไม่เกิดปัญหาในเรื่องการเมือง แม้ผมจะยืนยันว่าจะให้การดูแลนักลงทุนที่มาลงทุนใน จ.เกาะกง ให้ได้รับความเป็นธรรมมากที่สุด แต่เมื่อไม่ได้ก็ต้องยุติโครงการไปอย่างไม่มีกำหนด รอให้รัฐบาลมีความชัดเจนก่อนจึงจะเสนอให้ดำเนินการอีกครั้งหนึ่ง” นายยุทธ กล่าว

ผวจ.เกาะกง กล่าวอีกว่า ในขณะนี้แม้นิคมอุตสาหกรรมเกาะกงจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ 100% แต่ก็เรียกได้ว่ามีความคืบหน้าไปมาก แต่ภายใต้เงื่อนไขปัญหาด้านสิทธิประโยชน์ การจะทำงานให้ประสบผลสำเร็จจึงเป็นเรื่องที่ยาก ที่จะ เชิญชวนนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างประเทศเข้ามาได้ จึงจำเป็นที่ทาง จ.เกาะกง จะต้องยุติการดำเนินงานเรื่องนี้ออกไปก่อน จนกว่ารัฐบาลกัมพูชาจะมีนโยบายที่ชัดเจนกว่านี้

ทั้งนี้ นิคมอุตสาหกรรมเกาะกงแห่งนี้เป็นความร่วมมือกันระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา เพื่อรองรับการย้ายฐานการผลิตจากนิคม อุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด เพื่อหวังใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี หรือ GSD ส่งออกสินค้าไปยังประเทศ ที่ 3 โดยไทยศึกษาความเป็นไปได้ ขณะที่กัมพูชาเป็นฝ่ายลงทุนก่อสร้าง


ข่าวเก่าจากโพสต์ทูเดย์  --------- เอามาให้ศีกษาว่า  รบ  สมัยเหลี่ยม ไปทำอะไร เจรจาอะไร
บันทึกการเข้า
เกาะกง
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: 22-07-2008, 12:25 »

"เกาะกง" เร่งฟื้นฟูป่าชายเลนหวังเป็นมรดกโลก
: webmaster มกราคม 17, 2007, 01:19:18 PM
"เกาะกง" เร่งฟื้นฟูป่าชายเลนหวังเป็นมรดกโลก

 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 16 มกราคม 2550 11:41 น.
 
       ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผู้ว่าฯเกาะกง ประเทศกัมพูชาเผยเร่งฟื้นฟูป่าชายเลน 100 ปีหลังถูกทำลายจาก ปชช.-นักลงทุน เหตุทำนากุ้ง-ตัดเผาถ่าน สั่งอพยพประชาชน 200 ครัวเรือน เตรียมสร้างศูนย์ศึกษาป่าประกาศให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
       
       นายยุทธ ภูทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา เปิดเผยว่า ภายหลังที่ตนเองเดินทางรับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะกง เมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา พบว่าจังหวัดเกาะกง มีทรัพยากรธรรมชาติที่ทรงคุณค่ามากมายทั้งป่าไม้ สัตว์ป่าหายาก ป่าชายเลนในลุ่มแม่น้ำ 4 สาย ชายหาด และปลาโลมา รวมทั้งพะยูนในจังหวัดเกาะกง ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก ตรงจุดนี้ได้รับความสนจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
       
       โดยเฉพาะป่าไม้และสัตว์ป่าที่หายาก ซึ่งองค์การสหประชาชาติได้ให้ความสนใจและเข้ามาศึกษาและคุ้มครองให้พื้นที่ป่าไม้และสัตว์ป่าในพื้นที่เทือกเขาพนมกะวาน ที่เป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัดเกาะกงกับจังหวัดโพธิสัต เพื่อประกาศให้เป็นมรดกโลกในอนาคต ส่วนพื้นที่ป่าชายเลนก็มีมากกว่า 100,000 เฮกเตอร์ โดยก่อนหน้านี้ป่าชายเลนของจังหวัดเกาะกง ที่มีอยู่ 4 ลุ่มน้ำมีหลายแสนเฮกเตอร์ แต่ได้ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก การลงทุน นากุ้งอย่างผิดวิธีของชาวกัมพูชาและชาวไทย ซึ่งปัจจุบันเหลือทำอยู่ไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นชาวกัมพูชาเอง
       
       “ที่หนักสุดก็คือชาวบ้านเกาะกงได้เข้าไปบุกรุกป่าชายเลน เพื่อตัดมาเผาถ่าน เพื่อขายออกนอกประเทศและใช้ในประเทศ ผมได้ชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบถึงนโยบายที่จะอนุรักษ์ป่าชายเลนไว้ และไม่ให้ประชาชนมาตัดเพื่อนำ ไปเผาถ่านอีก ผมจึงได้ขอให้ประชาชนได้ออกจากพื้นที่ป่าชายเลนออกไปกว่า 200 ครัวเรือนแล้วในขณะนี้ โดยเฉพาะที่ตำบลบางกระสอบ อำเภอบางกระสอบ เพราะเป็นพื้นที่ถูกทำลายมากที่สุด พร้อมเข้าไปฟื้นฟูใหม่ และก่อสร้างทางเดิน เข้าไปเพื่อใช้เป็นแหล่งศึกษาและท่องเที่ยวทางธรรมชาติของ จังหวัดเกาะกง ซึ่งพร้อมที่จะเปิดให้เที่ยวชมได้แล้วในขณะนี้”
       
       ผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะกง กล่าวอีกว่า ความสมบูรณ์ทางธรรมชาติของเกาะกงในขณะนี้แม้จะมีไม่เหมือนก่อนเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่สายไปที่จะเข้ามาดูแลและปกป้องป่าชายเลนผืนใหญ่ของจังหวัดเกาะกง ครั้งนี้ ซึ่งในอนาคตเกาะกงจะเป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของกลุ่มประเทศอินโดจีน ซึ่งในอนาคตประเทศกัมพูชาและประเทศไทยจะร่วมกันพัฒนาป่าชายเลนในภูมิภาคละแวกเดียวกันต่อไปในอีกไม่ช้านี้
 
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9500000005444&Keyword=%a1%d8%e9%a7

ข่าวเก่าจาก ผจก  สมัยเหลี่ยม ไทยมีการร่วมมือพัฒนาเกาะกง หลายโครงการมาก
ลองพิจารณาข้อมูลแล้วกัน  การส่งคนมาตั้งหมู่บ้าน  วัดสิขเรศวร 
สุดท้ายจะยึดพื้นที่รอบ ๆ เขาพระวิหาร  เกือบหมืนไร่
เพราะ คนไทยขายชาติ ------------------------------------- จะปล่อยให้มันลอยนวลหรือ
บันทึกการเข้า
เกาะกง
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9 เมื่อ: 22-07-2008, 12:31 »

ตราดจัดแพทย์พอ.สว. ออกให้บริการหมู่บ้าน มุสลิมเกาะกงกัมพูชา

# ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านจามเยี่ยม อ.มณฑลสีมา จ.เกาะกง สาธารณรัฐประชาธิปไตยกัมพูชา นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร สาธารณสุขจังหวัดตราด พร้อมด้วยนายภควัตร เลิศมุกดา นายอำเภอคลองใหญ่ นำเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้เดินทางไปรณรงค์พ่นหมอกควันเพื่อทำลายตัวแก่ของยุงลาย พร้อมทั้งรณรงค์โดยการแจกจ่ายทรายอะเบท เพื่อใส่ในภาชนะกักเก็บน้ำป้องกันยุงวางไข่ เพื่อป้องกันปัญหาการระบาดของโรคไข้เลือดออกในพื้นที่

นายแพทย์ธงชัย กล่าวถึงการเลือกหมู่บ้านจามเยี่ยม ของจังหวัดเกาะกง เนื่องมาจากหมู่บ้านแห่งนี้พบปัญหาการระบาดของโรคไข้เลือดออก โดยเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้มีการส่งต่อผู้ป่วยไข้เลือดออกจำนวน 2 ราย ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลคลองใหญ่ ประกอบกับแนวโน้มการระบาดของโรคไข้เลือดออกในหมู่บ้านแห่งนี้มีอัตราเพิ่มขึ้น ทั้งภายในหมู่บ้านเองยังมีลักษณะสภาพความเป็นอยู่ที่แออัด และหมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านที่ติดกับชายแดนของจังหวัดตราดด้านบ้านหาดเล็กจึงได้ประสานความ ร่วมมือกับจังหวัดเกาะกงในการเข้ามาดำเนินการ ซึ่งสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในจังหวัดตราดใน ปัจจุบันมีแนวโน้มการแพร่ระบาดลดลงเมื่อเทียบกับเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน เนื่องจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนของจังหวัด

นอกจากนั้นหน่วยแพทย์เคลื่อนที่แพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีหรือ พอ.สว.จังหวัดตราด ได้จัดหน่วยเคลื่อนที่ออกให้บริการประชาชนที่สถานีอนามัยพุมบวน อ.เสม็ดเนียนเจย จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา โดยมีประชา ชนชาวบ้านพุมบวนซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมจำนวนมากเข้ารับบริการ

โดยนายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร ประจำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. จ.ตราด กล่าวว่า การจัดหน่วยเคลื่อนที่ออกให้บริการประชาชนในครั้งนี้ ได้รับการอนุญาตจากนายแพทย์ยุทธ โพธารามิก รองเลขาธิการมูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) แล้ว ประกอบกับเป็นการดำเนินการตามพระปณิธานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในการจัดหน่วยแพทย์ให้บริการด้านสุขภาพแก่ประชาชนที่ยากไร้ในถิ่นทุรกันดาร เนื่องจากจังหวัดเกาะกงนับเป็นบ้านพี่เมืองน้องของจังหวัดตราด ทั้งเป็นไปตามกรอบความร่วมมือตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สำหรับการจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกให้บริการประชาชนในครั้งมีการตรวจรักษาโรคทั่วไป ตรวจฟัน ถอนฟัน เจาะเลือดหาเชื้อมาลาเรีย วัดความดันโลหิต และให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพให้กับประชาชน ที่เดินทางมาเข้ารับบริการในครั้งนี้จำนวนมาก.

แหล่งข่าวโดย.... เดลินิวส์
ผู้จัดทำ.... ฝ่ายวิเคราะห์และประมวลข่าวสาร สำนักสารนิเทศ
[29/มิ.ย/2550]

ไทยให้ความช่วยเหลือทางด้านสาธารณสุขในเกาะกง  แม้แต่หน่วยแพทย์ พอ สว ยังเคยเข้าไปช่วยเหลือ

กัมพูชา  ฮุนเซน  ยังจดทะเบียนมรดกโลก โดยไม่สนใจประเทศไทย
และจะมีแนวโน้มยึดพื้นที่รอบ ๆ เขาพระวิหารอีก

คนไทยคนหนึ่งถือกระเป๋าใส่เงินปอนด์สี่ใบ เพราะขายชาติสำเร็จ
บันทึกการเข้า
เกาะกง
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #10 เมื่อ: 23-07-2008, 12:37 »

        "ทำไมจดทะเบียนให้เฉพาะตัวปราสาท  แล้วคนที่จะมาเที่ยว จะมาอย่างไร เพราะพื้นที่ทางขึ้นอยู่ทางฝั่งไทย?"
    คำตอบก็คือ  เป็นการ "สร้างเงื่อนไข" ให้เกิดข้อกำหนดที่ว่า "ให้ ๗ ประเทศเข้ามาจัดการพื้นที่อนุรักษ์รอบๆ ตัวปราสาท"
    ฟันหัว-ฟันธงล่วงหน้าได้เลย ๓ ใน ๗ นั้นต้องมี "สหรัฐ-ฝรั่งเศส-จีน"!
    แค่นี้ก็เห็นชัด ๔.๖ ตารางกิโลมตร "เสร็จเขมร" แน่ เพราะ ๗ ประเทศก็เท่ากับ ๕ คือไทย-กัมพูชา ต้องร่วมอยู่ใน ๗ อยู่แล้ว
    นั่นเท่ากับ  ๔ ต่อ ๓ เห็นตั้งแต่ยังไม่เกิดด้วยซ้ำ คือ สหรัฐ-ฝรั่งเศส-จีน-กัมพูชา ที่เหลือก็..เสียเวลาพูด!
    เมื่อ ๒๒ พฤษภาคม ที่นายนพดล ปัทมะ ไปเจรจากับเขมรที่ฝรั่งเศส นั้น เป็นการเอาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนปราสาทพระวิหาร กับเรื่องพื้นที่ทับซ้อนไหล่ทวีปในอ่าวไทยไป "เจรจาควบ"
    แต่ควบบนการต่อรองผลประโยชน์บนฐาน "แหล่งพลังงาน" ก๊าซ-น้ำมันในอ่าวไทยให้ใครด้วยหรือไม่ อันนี้ไม่ทราบ?
    แต่ที่ต้องทราบกันไว้คือ  ดินแดนทับซ้อน  ๔.๖  ตารางกิโลเมตร  รอบปราสาทพระวิหาร กับดินแดนทับซ้อนในอ่าวไทย ๒๖,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร อันอุดมด้วยน้ำมันและก๊าซ
    ไทยเรา..อยู่ในสถานะอันตราย และยากจะรักษาได้เสียแล้ว!!
    ตัวพื้นที่ทั้ง ๒ แห่งเสียไป ก็อาจเป็นของกัมพูชา แต่ว่า "ทรัพยากร" อันเป็นน้ำมันและก๊าซ ซึ่งมีมากเป็นอันดับ ๒-๓ ในภูมิภาคนี้
    จะตกอยู่ในกำมือ "เชฟรอน" บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา  ซึ่งขณะนี้ได้สัมปทานขุดเจาะใน "พื้นที่ทับซ้อน" ไปแล้ว ทั้งจากไทยและจากกัมพูชา
    พูดชัดๆ  ก็คือว่า  ทั้งที่ไทย-กัมพูชายังตกลงพื้นที่ทับซ้อนกันไม่ได้  แต่สหรัฐ "กินรวบ" พื้นที่ปัญหาทั้งหมดนั้นไปแล้ว!
    เพียงแต่ยังขุดเจาะไม่ได้ เพราะไทย-กัมพูชายังตกลงพื้นที่กันไม่ได้นี่แหละ!!
    อย่าลืมนะครับ บริเวณเกาะกงยันไปถึงสุราษฎร์ฯ เต็มไปด้วยน้ำมันและก๊าซ สหรัฐเข้ามาครองครึ่งตัวไปแล้ว ส่วนจีนยังไม่ตกรถ เพียงแต่มาขบวนล่าไปหน่อย แต่เกาะเส้นทางสาย GMS รวม ๖ ประเทศอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง
    บวกกับศักยภาพ  พ.ต.ท.ทักษิณ พลเอกชวลิตขณะเป็นรัฐบาล ตีโอบล้อมเข้ากัมพูชาทางฮุน เซน-เตีย บัณห์
    ฉะนั้น  พูดได้ว่าสถานการณ์ระหว่าง "สหรัฐ-จีน" ในศึกชิงแหล่งน้ำมัน-ก๊าซ และยุทธศาสตร์ทางทะเล บวกลบแล้ว..ถือว่าก้ำกึ่ง!
    ขณะนี้ "กัมพูชา" จึงเหมือนสาวเนื้อหอมของ "สหรัฐ-จีน"  เพราะหน้าไพ่การเมืองไทย ถ้ามีทักษิณอยู่ "ไม่มีปัญหา" ฉะนั้น ก็ต้องแย่งกันเอาใจกัมพูชา เพราะได้ใจกัมพูชาเท่ากับได้แหล่งน้ำมันดิบสำรองใหญ่อันดับ  ๒-๓ ในภูมิภาคนี้ไปครอง อย่างนี้ก็ต้องขอบอกว่า..ทั้ง  ๔.๖  บนบก  และทั้ง  ๒ หมื่น ๖ ในทะเล ของไทย..ว้าเหว่ครับ.   
   


http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&iDate=23/Jul/2551&news_id=161439&cat_id=200

บทสรุปของลุงเปลววันนี้   ลุงเปลวเขียนชัดขนาดนี้ 
คนไทยจะทำกันยังไง  ใครก็กได้ช่วยบอกหน่อย
หรือถึงคราว กรุงศรีฯ  สิ้นคนดีเสียแล้ว  ฤถึงคราวอธรรมชนะธรรม เสียแล้ว
บันทึกการเข้า
เกาะกง
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #11 เมื่อ: 23-07-2008, 13:04 »




ความจริงมีแผนที่ชัด ๆ เรื่องนี้  ที่สมาชิกเสรีไทยท่านหนึ่งทำไว้
แต่หาไม่เจอ  ถ้าเจอแล้วจะทำลิงค์แปะให้เข้าไปดู
ภาพนั้นน่าจะบอกได้ชัดเจนยิ่งขึ้น







บันทึกการเข้า
เกาะกง
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #12 เมื่อ: 26-07-2008, 17:54 »

สรุปว่า  มันเลว  จนไม่สามารถจหาคำใดมาเรียกพวกมันได้อีกแล้ว
สำหรับทหนายเนรคุณ  หมัก  ไม่มียางอาย   ระบอบเหรี้ยแม้ว

ได้ทำการขายชาติทั้งบนบกและในน้ำ
เพราะมีอีกหลายจุดที่พวกเขมรจะยึดเอากรณีพิพาทบนพื้นที่รอบ ๆปราสาท

มายึดเอาดินแดนไทยทางปราสาทตาเมือง ตาควาย  จังหวัดสุรินทร์ และอีกหลายจุด

ไอ้พวกขายชาติ  รัฐบาลขายชาติื


ไอ้ระบอบแม้วสารเลว

เจอมันที่ไหนรุมกระทืบมันดีมั๊ยพี่น้อง 

อย่าปล่อยให้มันลอยหน้าลอยตา

มีชีวิตอีกต่อไป
บันทึกการเข้า
daxbannok
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1


« ตอบ #13 เมื่อ: 07-08-2008, 22:59 »

สัต สาร เลว
ห่า***

การที่เราไม่ยุ่งกับใครเราก็สงบดีและไม่มีความทุก
กรรมใดใครทำก็รู้อยู่แก่ใจ ใครดี เลว ชั่ว สันดาร
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: