ขู่ทำสงครามกลางเมืองกับประชาชนเรอะ?
สถานการณ์ของระบอบทักษิณกำลังทะร่อทะแร่เต็มที จนสื่อมวลชนหลายสำนักชี้ว่าเป็นสถานการณ์เข้าตาจนที่อาจคิดทำอะไรแบบบ้าเลือดอย่างไรก็ได้
เพราะเหตุที่ฐานที่มั่นสำคัญทั้งหมดใกล้จะแตกอย่างชัดเจนแล้ว
กกต. ก็ใกล้พ้นตำแหน่งเต็มที ฐานะความเป็นรัฐบาลรักษาการก็อยู่ระหว่างการถูกจ้ำจี้จ้ำไชให้มีการพิจารณาตีความ และแม้พรรคไทยรักไทยเองก็กำลังหวั่นไหวกับความเสี่ยงที่อาจถูกยุบพรรคและจะพากันตายยกรัง
ดังนั้นปรากฏการณ์ประสานขบวนการและเครือข่ายเพื่อต่อต้านอำนาจตุลาการทั้ง ๆ ที่รู้กันอยู่ว่าการที่สถาบันตุลาการเข้ามาแก้ไขปัญหาบ้านเมืองในขณะนี้เกิดขึ้นจากการรับกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาดำเนินการ
ในวันที่ศาลฎีกามีมติโดยที่ประชุมใหญ่ว่า กกต.ที่เหลือสามคนหมดคุณสมบัติกลายเป็น กกต.เถื่อน และไม่อยู่ในฐานะที่จะไว้วางใจให้จัดการเลือกตั้งต่อไปนั้น ถัดมาเพียง 10 ชั่วโมงก็เกิดเหตุการณ์ใหญ่ขึ้น
คือการวางระเบิดซุ้มเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ถนนราชดำเนินถึงสองจุดในเวลาไล่เลี่ยกัน
เป็นเรื่องของคนมือซนสร้างสถานการณ์หรือว่าเป็นเรื่องที่ใครมุ่งข่มขู่ใคร กำลังเป็นที่จับตามองของคนไทยทั้งประเทศ
ไม่ปรากฏว่ารัฐบาลเอาจริงเอาจังที่จะจับตัวคนกระทำความผิดมารับโทษ และสู้การเร่งรัดเอาจริงเอาจังในคดี ส.ส.กอบกุลไม่ได้เลย
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และสำคัญ เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นเรื่องที่พูดชุ่ย ๆ ขอไปทีว่าเป็นเรื่องคนมือซนสร้างสถานการณ์ไม่ได้เป็นอันขาด
หรือถ้าเป็นคนมือซนสร้างสถานการณ์ดังที่พูดจริงก็ต้องจับตัวมาดำเนินคดี โดยจะปล่อยให้ลอยนวลไม่ได้ เว้นแต่ไม่เอาใจใส่และปัดสวะความรับผิดชอบหรือสร้างสถานการณ์เสียเอง
เมื่อคนระดับรัฐมนตรีมหาดไทยบอกว่าคนมือซนสร้างสถานการณ์ย่อมแสดงว่ารู้ว่าผู้กระทำความผิดเป็นใคร แล้วทำไมไม่จับ และหากรู้แล้วยังไม่จับตัวผู้กระทำความผิดอยู่ตราบใด รัฐบาลรักษาการนั่นแหละที่จะต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าอาจอยู่เบื้องหลังหรือเป็นผู้บงการในเรื่องนี้เสียเองก็ได้
การที่รัฐมนตรีมหาดไทยออกมาพูดเช่นนี้ ทั้งรัฐบาลและรัฐมนตรีมหาดไทยจึงต้องรับผิดชอบจับตัวคนผิดมาลงโทษ
เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีเหตุการณ์ที่ กกต. เถื่อนสามคนเหิมเกริมบังอาจท้าทายอำนาจสถาบันศาลอย่างออกนอกหน้า ถึงขนาดกล้าท้าทายว่าถ้าศาลมีอำนาจก็ให้ตัดสินมา
โอ้! พระเจ้า มีอะไรหนุนหลังที่ทำให้เกิดความมั่นใจกล้าบังอาจท้าทายถึงขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ควรรู้ได้แล้วว่า กกต.เถื่อนทั้งสามคนจะต้องขึ้นศาลในคดีอาญาในวันที่ 19 มิถุนายน ศกนี้
ซึ่งคดีลักษณะนี้ศาลจะต้องออกหมายขัง เว้นแต่จะมีประกัน และฝ่ายผู้ฟ้องคดีได้ยืนยันแล้วว่าจะคัดค้านการขอประกันตัวแน่นอน ทั้งเหตุผลในหนังสือของประธานศาลฎีกาตามมติที่ประชุมใหญ่นั้นก็เป็นเหตุผลที่สอดคล้องกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณามาตรา 108 และ 108/1 ที่ศาลมีอำนาจจะไม่อนุญาตให้ประกันตัวก็ได้
และถ้าเป็นเช่นนั้น กกต.เถื่อนก็จะต้องพ้นจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 141 (3) ประกอบมาตรา 137 (4) และประกอบมาตรา 106 (3)
การท้าทายขนาดนี้ทำให้ต้องคิดว่าเชื่อดีอะไรอยู่เป็นแน่ และสิ่งที่ถือดีอยู่นั้นก็คงจะมั่นใจว่ามันจะต้องเกิดขึ้นก่อนวันที่ 19 มิถุนายน 2549
นั่นคือมั่นใจว่าจะมีเหตุการณ์พิเศษที่จะขัดขวางหรือช่วยเหลือไม่ให้ กกต.เถื่อนต้องพ้นจากตำแหน่งเพราะหมายขังของศาล
จากการติดตามข่าวสารของเราและจากผลสรุปจากข่าวสารที่สื่อมวลชนทุกสำนักได้วิเคราะห์ไว้ รวมทั้งความคิดเห็นของนักวิชาการเกี่ยวกับเรื่องนี้
สรุปตรงกันว่ายังมีไพ่ตายอีกสองใบที่อาจถูกทิ้งลงมาเมื่อใดก็ได้
ใบแรก คือการก่อรัฐประหารตัวเอง ดังที่สองสนธิและสื่อมวลชนหลายแขนงได้กล่าวเตือนเอาไว้แล้ว
ใบที่สอง คือการสร้างสถานการณ์สงครามกลางเมืองเพื่อข่มขู่คุกคามศาล หรือไม่ก็เพื่อสร้างสถานการณ์ให้กับการทิ้งไพ่ใบแรก สถานการณ์ ณ บัดนี้เรามั่นใจว่าการทิ้งไพ่ใบแรกเสี่ยงตายมากกว่าเสี่ยงเป็น และเห็นจะมีแต่ตายกับตายเท่านั้น แต่ก็ยังประมาทไม่ได้เพราะวิสัยหมาจนตรอกหรือคนถึงทางตันก็อาจจะตัดสินใจบ้าเลือดอะไรก็ได้
ดังนั้นน้ำหนักจึงน่าจะมาอยู่ที่ไพ่ใบที่สอง
ซึ่งสอดคล้องกับข่าวสารที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ที่รัฐมนตรีนักเลงคนหนึ่งพูดในสนามกอล์ฟว่าถ้าจำเป็นก็จะระดมรากหญ้าเข้ามาในกรุงเทพฯ เพื่อให้บทเรียนแบบเนปาลกับใครสักคนหนึ่ง และในวันนี้พลพรรคไทยรักไทยก็เริ่มออกมาประสานเสียงข่มขู่ว่าถ้า กกต.ถูกรังแก หรือพรรคไทยรักไทยถูกยุบก็จะเกิดสงครามกลางเมืองบ้าง จะเกิดการนองเลือดครั้งใหญ่บ้าง
ขอถามหน่อยเถิดที่เหิมเกริมบังอาจข่มขู่เช่นนี้เป้าหมายที่แท้จริงต้องการข่มขู่ใคร?
จำนวนคะแนนเสียงที่เคยได้มาไม่ได้หมายความว่าคนไทยเหล่านั้นยอมเป็นขี้ข้าหรือเป็นผีที่ถูกเสกให้มาทำลายบ้านเมือง ถ้าคิดเช่นนั้นก็เป็นการเข้าใจผิดมหันต์
จำนวนคะแนนเสียงที่เคยได้มานั้นเทียบกันได้ละหรือกับพสกนิกร 63 ล้านคนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว!
เหตุการณ์วางระเบิดซุ้มเฉลิมพระเกียรติ เหตุการณ์ต่อต้านสถาบันศาล และเหตุการณ์ข่มขู่ว่าจะเกิดสงครามกลางเมืองที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันนี้ไม่มีทางเป็นผลดีแก่พรรคไทยรักไทยเลย
หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังมีความจงรักภักดีและเห็นแก่ชาติบ้านเมืองก็จะต้องระงับเหตุเหล่านี้เสียในทันที โดยเฉพาะต้องสั่งให้นักการเมืองไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมบางคนยุติการข่มขู่นั้นในทันที
เพราะคนเขารู้ทันว่าที่ข่มขู่นั้นมุ่งข่มขู่ใคร ซึ่งคนไทยทั้งประเทศไม่มีวันยินยอมและมีแต่จะพร้อมใจกันไปกระทืบคนที่มุ่งร้ายนั้นให้สาสม
แต่เพื่อความไม่ประมาททุกคนก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมและป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นในห้วงเวลาวันที่ 13-19 มิถุนายน 2549 นี้
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9490000073729----------------------------
อ่านแล้วคิดยังไงกันคะ