ผอ.ยูเนสโกกรุงเทพฯชี้แถลงการณ์ร่วม ถือเป็นพันธะของไทยเป็นทางการ
เป็นคำแปลจดหมายอย่างไม่เป็นทางการของผู้อำนวยการสำนักงานยูเนสโกกรุงเทพฯเพื่อตอบจดหมายของ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต และเพื่อนสมาชิกวุฒิสภา รวม 300 คน เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม
..............................................................................................................................................................................
c ข้าพเจ้าขอเตือนให้ระลึกไว้ด้วยว่า ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยประชุมที่ 31 ในปี 2007 (ไครสท์เชิร์ช, นิวซีแลนด์) คณะกรรมการได้มีคำตัดสิน เลขที่ 8B.24 สมัยประชุมที่ 31 ความในย่อหน้าที่ 2 เน้นย้ำไว้ดังต่อไปนี้
ดได้บันทึกแถลงการณ์ต่อไปนี้ของประธานคณะกรรมการมรดกโลกซึ่งได้รับความเห็นพ้องจากคณะผู้แทนของกัมพูชาและคณะผู้แทนของไทย ประเทศผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งกัมพูชาและไทยเห็นพ้องกันโดยสมบูรณ์ว่า ปราสาทพระวิหาร มีคุณค่าความโดดเด่นเป็นสากลและควรต้องได้รับการจารึกไว้ในบัญชีมรดกโลกโดยเร็วที่สุด ดังนั้น กัมพูชาและไทยจึงเห็นพ้องกันว่ากัมพูชาจะเสนอเพื่อขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกอย่างเป็นทางการในการประชุมของคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ 32 ด้วยการรับรองอย่างชัดแจ้งจากไทย
กัมพูชาและไทยยังเห็นพ้องว่าปราสาทพระวิหารนั้นต้องได้รับการเอาใจใส่ดูแลอย่างเร่งด่วนและต้องการความช่วยเหลือด้านการเงินและด้านความเชี่ยวชาญเฉพาะทางจากนานาชาติรวมถึงความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างกันของทั้ง 2 ประเทศด
พันธะในอันที่จะให้ความร่วมมือเพื่อบริหารจัดการและให้ความคุ้มครองปราสาทพระวิหารดังกล่าว ได้รับการเน้นย้ำและแสดงออกอย่างเป็นทางการแล้วโดย แถลงการณ์ร่วมซึ่งลงนามโดยรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยและรองนายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่กรุงปารีส เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2008
แถลงการณ์ร่วมดังกล่าวถูกนำเสนอเพื่อรับการพิจารณาจากคณะกรรมการมรดกโลกในฐานะเป็นส่วนประกอบหนึ่งของแฟ้มนำเสนอเพื่อการขอขึ้นทะเบียน และตามที่ได้อธิบายมาแล้วข้างต้น คณะกรรมการมรดกโลกจะเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดสุดท้ายในเรื่องนี้
กรุณารับทราบด้วยว่า จดหมายของท่านได้นำเสนอต่อไปยัง นางคริสตีนา คาเมรอน ประธานคณะกรรมการมรดกโลกด้วยแล้ว
โปรดรับทราบด้วยว่า กรณีของท่านได้รับการพิจารณาด้วยความใส่ใจสูงสุดแล้ว
ลงชื่อ
เชลดอน เชฟเฟอร์
ผู้อำนวยการยูเนสโก สำนักงานกรุงเทพมหานคร
http://special.bangkokbiznews.com/detail.php?id=2608&username=phavihanถ้ารัฐบาลไทยจะอ้างว่ารัฐมนตรีต่างประเทศของไทยมีเจตนาซ่อนเร้น และไร้วุฒิภาวะ จึงไปทำสัญญากับเขมรอย่างนั้น...
คณะกรรมการพิจารณายูเนสโก จะย้อนกลับว่า นายกฯไทยคนนี้ ก็ไร้วุฒิภาวะเหมือนกัน จึงแต่งตั้งรัฐมนตรีต่างประเทศพรรค์นี้...
นายกฯนอมินี จะสารภาพกับคณะกรรมการฯว่า ตัวนายกฯเอง ก็ไม่เป็นตัวของตัวเองเหมือนกัน....
แต่ขอให้เห็นใจเถอะ ประชาชนคนไทยที่ได้รับรู้ความจริง ข้อตกลงที่ถูกปิดบัง(22 พค.)นั้น กำลังเล่นงานขับไล่เขาและรัฐมนตรี....
ถ้าคณะกรรมการฯ ยึดถือการเซ็นสัญญาระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศ(ไทย)ขายชาติกับรัฐมนตรีต่างประเทศ(เขมร)รักชาติ ซื้อแผ่นดินไทยอย่างเคร่งครัด...
เราจะได้ตรวจสอบคำวินิจฉัยนี้ ก่อนที่รัฐมนตรีขายชาติพรรค์นี้ กลับถึงสนามบินสุวรรณภูมิได้อย่างไร 