ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
04-01-2025, 10:48
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  คนบ้านนอก 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
คนบ้านนอก  (อ่าน 3028 ครั้ง)
คนบ้านนอก
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7


« เมื่อ: 01-07-2008, 13:06 »

                 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-07-2008, 20:36 โดย คนบ้านนอก » บันทึกการเข้า
ริวเซย์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,637


Worrior in The Blue Armor


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 01-07-2008, 13:12 »

มองได้สองแง่มุมถ้าพูดถึงคำว่าล้มเหลว ต้องดูว่าล้มเหลวในแง่มุมไหน


ถ้าในแง่การขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่รัฐบาล ล้มเหลวแน่นอน โดนสกัด เตะถ่วงมาโดยตลอด

แต่ถ้าในแง่การเช็คบิลไอ้เหลี่ยม ต้องถือว่าประสบความสำเร็จและเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงได้เลยทีเดียว...
บันทึกการเข้า

ถ้ามีแฟนแบบนี้เอาไหมครับ^^


moon
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 780


« ตอบ #2 เมื่อ: 01-07-2008, 13:17 »

ไปอ่านลิงค์ข้างล่างนี้ คุณจีได้สรุปไว้ให้แล้ว แล้วลองตัดสินใจดูว่าเป็นตามนั้นหรือไม่

http://forum.serithai.net/index.php?topic=28770.msg312930;topicseen#msg312930
บันทึกการเข้า
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #3 เมื่อ: 01-07-2008, 14:18 »

ไปอ่านลิงค์ข้างล่างนี้ คุณจีได้สรุปไว้ให้แล้ว แล้วลองตัดสินใจดูว่าเป็นตามนั้นหรือไม่

http://forum.serithai.net/index.php?topic=28770.msg312930;topicseen#msg312930

ผมเอามาลงที่กระทู้นี้ด้วยก็แล้วกัน เพราะหัวข้อกระทู้ตั้งมาตรงพอดี

เพียง 1 ปีกับ 9 เดือน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551 คตส. สามารถปฏิบัติงานได้ถึงขนาดนี้ 

- มีคดีส่งฟ้องศาลไปแล้ว 5 คดี
  1. คดีที่ดินรัชดาฯ
  2. คดีสลากพิเศษฯ
  3. คดีหลีกเลี่ยงภาษี
  4. คดีเงินกู้ EXIM BANK
  5. คดีกล้ายางฯ

- มีคดีที่ทำเสร็จส่งให้อัยการสูงสุดไปแล้ว 7 คดี
  1. คดีเครื่อง CTX (อัยการสูงสุดแจ้งสำนวนไม่สมบูรณ์ เป็นหน้าที่ ปปช.รับดำเนินการต่อ)
  2. คดีท่อร้อยสายไฟ
  3. คดีเงินกู้ธนาคารกรุงไทย
  4. คดีแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต
  5. คดีบ้านเอื้ออาทร
  6. คดีเจ้าหน้าที่สรรพากร ตอบข้อหารือภาษีหุ้นชินโดยมิชอบ
  7. คดีร่ำรวยผิดปกติ ได้ทรัพย์สินโดยไม่สมควรจากการคงถือหุ้นสัมปทาน

- มีคดีที่ไต่สวนเสร็จเรียบร้อย ปปช. วินิจฉัยส่งฟ้องได้เลย 3 คดี
  1. คดีรถดับเพลิง
  2. คดีแอร์พอร์ตลิงค์
  3. คดีบ้านเอื้ออาทร ที่เหลือ (โครงการ ร่มเกล้า บางพลี รังสิต คลอง 9 กบินทร์บุรี อรัญประเทศ)

- คดีที่อยู่ระหว่างสรุปสำนวนซึ่ง ปปช.จะรับดำเนินการต่อ
  1. คดีเซ็นทรัลแล็ป
  2. คดีการซื้อทีมสโมสรฟุตบอลแมนฯซิตี้
  3. คดีปกปิดบัญชีทรัพย์สินกรณีซื้อหุ้นบริษัทธนชาตประกันภัย

- คดีที่ส่งสรรพากรเพื่อประเมินภาษีแล้ว
  1. กรณี นายบรรณพจน์ รับหุ้นคุณหญิงพจมาน (ภาษี 546 ล้านบาท)
  2. กรณี นายพานทองแท้ นางสาวพินทองทา ซี้อหุ้น ARI (ภาษี 11,808 ล้านบาท)
  3. กรณี ARI ขายหุ้น 1 บาทจากราคาตลาด 49.25 บาท (ภาษี 20,923 ล้านบาท)
  4. กรณี บ.ชินแซทเทบไลท์ รับค่าสินไหมทดแทน (ภาษี 1,082 ล้านบาท)

ผมงานขนาดนี้แล้วจะบอกว่าล้มเหลวคงไม่ได้นะครับ 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
คนบ้านนอก
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7


« ตอบ #4 เมื่อ: 01-07-2008, 19:52 »

ขอบคุณครับ   

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-07-2008, 20:38 โดย คนบ้านนอก » บันทึกการเข้า
see - u
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,370


.......... I'm not Supergirl


« ตอบ #5 เมื่อ: 01-07-2008, 20:07 »

*  เอามาฝากคุณ  จขกท. ค่ะ .........   

คดีรถดับเพลิง......

ลุงหมักเล่าให้ฟังไม่หมด.....

มหาดไทย ได้มีคำสั่งเร่งด่วน ให้ กทม. เร่งเปิด L/C.....ในขณะที่ อภิรักษ์ ก็ทำท่าจะไม่เปิด...

ได้ทำหนังสือ สอบถามไปยัง มหาดไทย ถึง 3 ครั้ง 3 คราแต่ มหาดไทย คือนายโภคิน พลกุล ยังยื่นยัน

จะให้เปิด แอลซี......


ครั้งนั้น ยังต้องมีการชั่งน้ำหนัก ความเสียหาย ระหว่าง การไม่เปิด แอลซี....กับการผิดเงื่อนไขสัญญา ซึ่งจะต้องมีการปรับ

คณะอนุกรรมไต่สวนของ คตส. ได้สอบแล้ว มีความเห็นว่า นายอภิรักษ์ ไม่น่าจะเป็นสาเหตุให้เกิดความเสียหาย....

เนื่องจาก ความเสียหายได้เกิดขึ้นไปแล้ว เมื่อมีการเซ็นต์สัญญาซื้อขาย....

แต่ด้วยความละเอียด ความเถรตรงของ คณะกรรมการชุดใหญ่ คตส. ยังไม่มั่นใจ...จึงได้มีมติให้ อนุกรรมการ ไปสอบสรุปเรื่องมาใหม่

จนเป็นเหตุให้เกิดความขัดแย้งกัน ระหว่างอนุกรรมการ กับ กรรมชุดใหญ่ ...และในที่ ก็มีมติให้ แจ้งข้อกล่าวหา นายอภิรักษ์...

ทำการสอบสวนเพื่อสรุปในขึ้นสุดท้ายก่อนส่งฟ้อง.....แต่ พยานหลักฐานไปไม่ถึง นายอภิรักษ์ จึงได้ไม่แจ้งข้อกล่าวหา...

ปมประเด็นสำคัญคือ ....เมื่อครั้ง ที่ ทำ TOR....ได้มีการระบุว่า เป็นค้าแบบ รัฐต่อรัฐ....และ เป็นลักษณะ barter trade .

คือ แลก รถดับเพลิง กับ การซื้อไก่ (ประมาณนั้น)......กับเงื่อนไขรายละเอียดต่าง ๆ อื่น ๆ

แต่ต่อมา กลับกลายเป็นว่า เป็นการซื้อระหว่างรัฐบาลไทย...กับ บริษัท เอกชน ของออสเตรีย แล้ว ยังมีการชำระเงิน..

แต่ไม่มีการซื้อสินค้าเกษตร...นั่นจึงเป็นทีมาของการตรวจสอบของ คตส
.


บันทึกการเข้า

    " I  will  unforgive  you  to  do  the  bad  thing  like  this. "   

                           

                        The  fox  changes  his  skin  but  not  his  habits.   *

                 Superman ( It's Not Easy )   >>  http://www.ijigg.com/songs/V2B7G4GPD
    
    
   "  กฏหมายต้องเดินหน้าเอาผิดต่อคนไม่ดี  ........  ไม่ใช่ปล่อยให้คนไม่ดีมากล่าวเอาโทษกฏหมาย  "

                                     
                                          
jerasak
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,432



« ตอบ #6 เมื่อ: 01-07-2008, 20:56 »

ขอบคุณครับ   


       ผมได้อ่านกระทู้ของคุณ jerasak   แล้วเกิดความคิดยังไงบอกไม่ถูกครับ  คือ เรื่องคดีที่ไต่สวนเสร็จเรียบร้อย ปปช. วินิจฉัยส่งฟ้องได้เลย หนึ่งในสามคดี  คือคดีรถดับเพลิง ของ กทม.  ยังเกิดข้อกังขาสำหรับคนต่างจังหวัดอย่างผมมากเลยที่เดียวครับ   

        คดีการจัดซื้อรถดับเพลิงของ กทม. มูลค่า 6,687 ล้านบาท จึงมีข้อสงสัยว่าทำไม นายอภิรักษ์  ไปแก้แอลซีทำไม และ  คตส. ทำไมไม่สืบข้อเท็จจริง ในการเปิดแอลซี หลังจาก ป.ป.ช.ได้นำเรื่องการจัดซื้อรถดับเพลิงมาทบทวนใหม่ ต่อจากนั้นนายอภิรักษ์ ก็ตัดสินใจจัดซื้อต่อไป โดยมีหนังสือเลขที่ กท 0200/77 ลงวันที่ 10 ม.ค. 2548 ถึงกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย เพื่อขอเปิดแอลซี และได้แก้ไขแอลซี  โดยที่ทางกระทรวงมหาดไทยไม่ได้มีคำสั่งให้นายอภิรักษ์ แก้ไขแอลซี เปลี่ยนสถานที่ส่งมอบสินค้าจากท่าเรือยุโรปมาที่ท่าเรือประเทศไทยแต่อย่างใด
       ผมว่ามันมีเงื่อนงำในการแก้ไขแอลซีของนายอภิรักษ์   ตรงนี้เองจึงมีพิรุธ แต่ไม่มีใครกล่าวถึงว่าใครสั่งให้แก้ไขแอลซี

จึงมีมูลเหตุน่าสงสัยและน่าเคลือบแคลงใจ  ผมไม่เข้าใจจริง ๆ               

พอดีว่าเอกสารเรื่องรถดับเพลิง ผมลบทิ้งไปไม่ได้เก็บเอาไว้ในเครื่องแล้ว
ในเบื้องต้นนี้ก็ขอตอบเท่าที่พอจำได้นะครับ

เรื่องแก้แอลซีเปลี่ยนสถานที่ส่งมอบสินค้า เป็นการแก้ให้ตรงกับข้อตกลง
ที่ทำเอาไว้เดิมตั้งแต่สมัยผู้ว่าสมัคร โดยผู้ว่าสมัครทำแอลซีไว้ไม่ตรงกัน
เมื่อได้รับการทักท้วง ผู้ว่าอภิรักษ์ก็เลยแก้ให้ตรงตามข้อตกลงเดิมแค่นั้น

..เรื่องนี้ผู้ว่าอภิรักษ์ตอบไว้ในเอกสารที่ทำเผยแพร่แล้วครับ..
ถ้าผมค้นหาเจอจะนำลิงค์มาลงเพิ่มเติมให้ด้วยก็แล้วกัน 
บันทึกการเข้า

= A dreamer lives for eternity.=
== นัฝัมีชีวิพื่นิรัร์าล ==
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 01-07-2008, 21:10 »

ลากอดีตนายกและลูกเมียขึ้นศาลได้ ก็น่าจะถือว่าสำเร็จแล้วครับ

ความสำเร็จของ คตส. คือการชี้มูลความผิด และศาลประทับรับฟ้อง

นั่นถือว่า ทำให้ข้อสงสัยของประชาชนไปถึงศาลได้

นั่นคือความสำเร็จแล้วครับ ไม่ใช่ล้มเหลว เพราะการทำให้ข้อเคลือบแคลงของสังคม ไปตัดสินกันที่ศาลก็ชอบแล้ว

คตส. ไม่มีหน้าที่ตัดสิน แต่มีหน้าที่สอบสวนแล้วทำเป็นคดีขึ้นสู่ศาล

4-5 คดี ที่อยู่ในศาลจะตัดสินเองว่า ใครผิดใครถูก

จะว่าไป แค่นายกติดคุกคดีเดียวก็คุ้มแล้ว


กรณีรถดับเพลิง กทม. มีหนังสือคัดค้าน มหาดไทยไปหลายครั้ง แต่ที่สุดมหาดไทยมีคำสั่งให้ดำเนินการ สั้นๆ ครับ
บันทึกการเข้า

คนบ้านนอก
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7


« ตอบ #8 เมื่อ: 01-07-2008, 21:39 »

ขอบคุณมากครับ
บันทึกการเข้า
tom
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 156



« ตอบ #9 เมื่อ: 01-07-2008, 22:08 »

ขอบคุณครับ   


       ผมได้อ่านกระทู้ของคุณ jerasak   แล้วเกิดความคิดยังไงบอกไม่ถูกครับ  คือ เรื่องคดีที่ไต่สวนเสร็จเรียบร้อย ปปช. วินิจฉัยส่งฟ้องได้เลย หนึ่งในสามคดี  คือคดีรถดับเพลิง ของ กทม.  ยังเกิดข้อกังขาสำหรับคนต่างจังหวัดอย่างผมมากเลยที่เดียวครับ   

        คดีการจัดซื้อรถดับเพลิงของ กทม. มูลค่า 6,687 ล้านบาท จึงมีข้อสงสัยว่าทำไม นายอภิรักษ์  ไปแก้แอลซีทำไม และ  คตส. ทำไมไม่สืบข้อเท็จจริง ในการเปิดแอลซี หลังจาก ป.ป.ช.ได้นำเรื่องการจัดซื้อรถดับเพลิงมาทบทวนใหม่ ต่อจากนั้นนายอภิรักษ์ ก็ตัดสินใจจัดซื้อต่อไป โดยมีหนังสือเลขที่ กท 0200/77 ลงวันที่ 10 ม.ค. 2548 ถึงกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย เพื่อขอเปิดแอลซี และได้แก้ไขแอลซี  โดยที่ทางกระทรวงมหาดไทยไม่ได้มีคำสั่งให้นายอภิรักษ์ แก้ไขแอลซี เปลี่ยนสถานที่ส่งมอบสินค้าจากท่าเรือยุโรปมาที่ท่าเรือประเทศไทยแต่อย่างใด
       ผมว่ามันมีเงื่อนงำในการแก้ไขแอลซีของนายอภิรักษ์   ตรงนี้เองจึงมีพิรุธ แต่ไม่มีใครกล่าวถึงว่าใครสั่งให้แก้ไขแอลซี

จึงมีมูลเหตุน่าสงสัยและน่าเคลือบแคลงใจ  ผมไม่เข้าใจจริง ๆ               



การแก้ไข แอซี หรือ L/C Amendment สามารถทำได้เมื่อ ธนาคารของคู่ค้าเห็นว่า ไม่เป็นไปตามตกลงกันก็จะทักท้วงมาที่ ธนาคารผู้ซื้อ
ซึ่งการแก้ไขนั้น หาก เจ้าหน้าที่ธนาคาร (Bank Officer) ผู้ดูแลบัญชี เห็นว่าเป็นไปตามเงื่อนไขที่ผู้ซื้อและผู้ขายได้ตกลงกันไว้ ก็ต้องทำตามครับ
และเป็นไปตามกติกา ของการ SWIFT ระหว่างธนาคารครับ
หากไม่ทำ ธนาคารกรุงไทย จะถูกลดความเชื่อถือในสารบบธนาคาร ทั่วโลกครับ
บันทึกการเข้า
qazwsx
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,359


นักธุรกิจและตำรวจ ต้องออกไปจากการเมือง


« ตอบ #10 เมื่อ: 01-07-2008, 22:17 »

 คตส.1 ปี 9 เดือน สะท้อนให้เห็นความล้มละลายทา่งศรัทธาของ อสส. ครับ
บันทึกการเข้า

เล่าปี๋
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,417


ทำดีได้ดีมีไฉน ทำชั่วได้ดีมีถมไป


« ตอบ #11 เมื่อ: 01-07-2008, 22:34 »

คตส.1 ปี 9 เดือน สะท้อนให้เห็นความล้มละลายทา่งศรัทธาของ อสส. ครับ



แหมชอบใจ คคห.ของปู่เย็นจังเลย..... 
บันทึกการเข้า

ขงเบ้งดูดาว เฮอะเอ่อเอ้ย เมื่อดาวตก เสียวในหัวอกเมือเห็นดาว
ไม่พราวไสว  หรือว่าตัวเราจะหมดบุญ จึงเป็นไป
ดาวที่สดใสเมื่อก่อนนั้น  พลันมืดมัว....
คนบ้านนอก
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7


« ตอบ #12 เมื่อ: 01-07-2008, 23:04 »

 อสส. (อัยการสูงสุด) (ไม่ใช่ อาสาสมัครสาธารณสุขนะครับ)  อาจจะเป็นมวยล้มสิ สงสารพนักงานถ่ายเอกสารจังเลยเป็นลมตั้งสองคน ทำกันได้ เครื่องถ่ายเอกสารเสียไป 10 เครื่องเชียวหรือ

        เมื่อครั้งคุณทักษิณ ให้สัมภาษณ์ทางทีวี กล่าวว่า (เชื่อโหร) หลังวันที่ 2 กรกฎาคร 2551 สถานการณ์บ้านเมืองจะคลีคลาย แสดงว่าทักษิณส่งสัญญาณว่าอาจจะมีมวยล้มเกิดขึ้นใน "........" อาจเป็นไปได้ไหมครับ     



        สิ่งใดที่เราไม่คาดฝันมันอาจเกิดขึ้นได้  แต่สิ่งใดที่เราคาดหวังมากไปมันยิ่งทำให้เราเดือดร้อน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2008, 16:59 โดย คนบ้านนอก » บันทึกการเข้า
lcru
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 62



« ตอบ #13 เมื่อ: 01-07-2008, 23:56 »

ไม่เหลวหรอก ได้เงินเดือนกันไปไม่ใช่น้อย
บันทึกการเข้า
คนบ้านนอก
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7


« ตอบ #14 เมื่อ: 02-07-2008, 08:46 »

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-07-2008, 20:40 โดย คนบ้านนอก » บันทึกการเข้า
55555
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,263



« ตอบ #15 เมื่อ: 02-07-2008, 09:26 »

ไม่เหลวหรอก ได้เงินเดือนกันไปไม่ใช่น้อย

ใช่ครับเงินเดือนไม่ใช่น้อย....แต่ ไปจับโกงเป็นแสนล้าน...อันนี้คุ้มมากจริง ๆ ..

แบบที่โบราณเรียกว่า เอากุ้งฝอยไปตกปลาตะเพียนไงครับ....

ส่วนไอ้แบบกินเงินเดือนเป็นแสน แล้วไปตกลงขายชาติ อันนี้ ก็คุ้มเหมือนกัน...(กับคนบางคน)


อสส. (อัยการสูงสุด) (ไม่ใช่ อาสาสมัครสาธารณสุขนะครับ) อสส. อาจจะเป็นมวยล้มสิ สงสารพนักงานถ่ายเอกสารจังเลยเป็นลมตั้งสองคน ทำกันได้ เครื่องถ่ายเอกสารเสียไป 10 เครื่องเชียวหรือ

        เมื่อครั้งคุณทักษิณ ให้สัมภาษณ์ทางทีวี กล่าวว่า (เชื่อโหร) หลังวันที่ 2 กรกฎาคร 2551 สถานการณ์บ้านเมืองจะคลีคลาย แสดงว่าทักษิณส่งสัญญาณว่าอาจจะมีมวยล้มเกิดขึ้นใน อสส. อาจเป็นไปได้ไหมครับ     



        สิ่งใดที่เราไม่คาดฝันมันอาจเกิดขึ้นได้  แต่สิ่งใดที่เราคาดหวังมากไปมันยิ่งทำให้เราเดือดร้อน

อาจเกิดขึ้นได้จริงครับ.....แต่ไม่ควรจะเป็นกรณีนี้ครับ...

เพราะการรวบรวมพยานหลักฐาน....การไต่สวนข้อเท็จ เต็มไปด้วยความตั้งใจ จะเอาผิด...
อัยการสูงสุด อาจเตะถ่วงได้ หรือ ทำสำนวนอ่อนได้...แต่ คตส. หรือ ปปช. ก็มีสิทธิรองแย้งได้เช่นกัน...
หากมีความไม่สุจริต ออส.นั่นแหละครับ..จะตกเป็นผู้ต้องหาอีกคน...

ศาลฏีกา แผนกคดีการเมือง จะพิจารณา จากหลักฐานเอกสาร และ การให้ปากคำ รวมทั้งเหตุผลแวดล้อม...
กรรมการ คตส. ส่วนใหญ่ เป็นพวกผู้พิพากษา ซึ่งถูกฝึกมาให้มีความละเอียดในสำนวนหลักฐานอยู่แล้ว..
การที่หลายคดี ดูล่าช้ามากไม่ทันใจ ส่วนหนึ่งอาจเกิดความไม่ร่วมมือของเหล่า ข้าราชการผู้เกี่ยวข้อง...
ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากการเตะถ่วง ของ ออส.  แต่ ความพยายามในการเสาะหา สืบสวน เพื่อให้เกิดความมั่นใจ
ในการส่งฟ้อง  ก็มีส่วนไม่น้อยที่ทำให้ล่าช้า....แทบจะพูดได้ว่า ออส. เป็นเพียงผู้ส่งเอกสาร ไปยังศาล
เพียงแต่ที่ผ่านมาดูเหมือน จะไม่ค่อยอยากไปส่งเอกสาร ทำให้ยิ่งเสียเวลาหนักเข้าไปอีก...

ถ้าจะไปเทียบเคียงกับ การส่งฟ้องโดยผ่านเจ้าหน้าที่ตำรวจ คงแตกต่างกันมาก....เพราะ เมื่อมีการวิ่งคดี
ตำรวจจะทำสำนวนอ่อน เพื่อให้อัยการตามน้ำ  แล้ว ศาลก็ลงอาญาไม่ได้ เพราะ หลักฐานไม่สามารถมัดตัว
ผู้ถูกกล่าวหาได้....

ผมได้ยิน มาว่า ปปช. มีมติว่า  คดีที่ส่งจาก คตส. จะได้รับการจัดความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ทีเดียว...
เพราะฉะนั้น การส่งฟ้องต่อ ก็คงไม่ล่าช้าเช่นกัน...หากมีการติดขัด หรือ ข้อสงสัยบางประการ..
ปปช. อาจเชิญกรรมการ คตส.บางท่าน เข้าไปนั่งอยู่ใน อนุ ฯ บางคณะ...

มีสัญญาณบ่งบอก ถึง ความชัดเจนของพยานหลักฐานประการหนึ่ง...
ก็คือ ความพยายามของรัฐบาลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดย มุ่งไปที่ 309
และ มาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง....นั่นหมายความว่า ทางฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา ย่อมรู้ดี
ว่า เมื่อ มีการส่งฟ้องร้องเอาผิดแล้ว.....คงยากที่จะแย้งหลักฐาน เพื่อแก้ข้อกล่าวหา...


 
บันทึกการเข้า
คนบ้านนอก
น้องใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7


« ตอบ #16 เมื่อ: 02-07-2008, 10:51 »

ขอบคุณมากครับ 

    มาตรา 309  รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550  เป็นไปด้วยความชอบธรรมหรือเป็นไปเพื่อปกป้องการกระทำผิดใด ๆ ให้เกิดความชอบธรรมหรือเป็นการจำกัดสิทธิในกระบวนการยุติธรรมของผู้ถูกกล่าวหา  มาตรานี้เมื่อประกาศใช้แล้ว จะเป็นประโยชน์เพื่อเอื้ออำนาจ สิทธิ ซ้ำยังเป็นการทำให้รัฐอ่อนแอหรือเป็นการริดรอนหลักนิติรัฐ


   จากมาตรานี้ผมคิดว่า มันยิ่งใหญ่กว่ากฎหมายนิรโทษกรรม กฏหมายนิรโทษฯ มีขอบเขตเวลา คือ ก่อน วันและหลัง แต่มาตรา 309 ให้บังคับใช้ตลอดไปด้วยความชอบธรรม  พวกที่จะแก้ไขเพราะเห็นว่ามันเป็นการบั่นทอดอำนาจนิติรัฐ ทำให้รัฐฯอ่อนแอ


                          เป็นการกระทำเพื่อให้ตน (คณะ องค๋กร)  พ้นผิดหรือเปล่า ครับ
                                                         
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2008, 23:11 โดย คนบ้านนอก » บันทึกการเข้า
see - u
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,370


.......... I'm not Supergirl


« ตอบ #17 เมื่อ: 03-07-2008, 08:46 »

ได้เวลายกเครื่อง "อัยการ"   2 กรกฎาคม 2551    กองบรรณาธิการ

    มติเอกฉันท์ของศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยชี้ขาดว่าประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 อันเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบ
    การกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) รวมทั้งการออก พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประกาศ คปค.ฉบับที่  30  ที่ต่ออายุ คตส.
    ออกไปถึงวันที่ 30 มิ.ย.2551 "ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ" นั้น  เชื่อว่าทำให้สังคมไทยส่วนใหญ่รู้สึกมีความหวังและมีกำลังใจ  ตลอดจน
    เชื่อมั่นและไว้วางใจต่อกระบวนการยุติธรรมในภาคองค์กรอิสระไม่มากก็น้อย  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  ความโล่งอกของบรรดาสมาชิก
    คตส.   เพราะอย่างน้อยที่สุดก็เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า  ความพยายามในการทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐตลอดระยะเวลา
   1 ปี 9  เดือนที่ผ่านมา  กับงบประมาณแผ่นดินที่ทุ่มเทใช้ไปเพื่อตามล่าคนโกงนั้นไม่เป็นโมฆะ  และสามารถเดินหน้าต่อไปตาม
   ครรลองที่พึงเป็นและพึงปรารถนาของคนไทยทั้งแผ่นดิน


   อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความสุขและความยินดีของ คตส. รวมทั้งผู้ที่ไม่อยากเห็นคนโกงลอยนวลนั้น ยากที่จะปฏิเสธได้ว่า นัยสำคัญ
   จากคำวินิจฉัยชี้ขาดของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คนที่เห็นพ้องต้องกันว่า  การทำงานของ คตส.สอดคล้องสนองต่อเจตนารมณ์
   ของรัฐธรรมนูญนี้   ทำให้ทุกสายตาและทุกความข้องใจพุ่งตรงไปที่องค์กรอิสระที่เรียกว่า "อัยการสูงสุด" ทันที เพราะตลอดระยะเวลา
   ที่ผ่านมาในการทำหน้าที่ของ คตส.แม้ต้องประสบกับมรสุมปัญหามากมาย แต่หนึ่งในประเด็นที่สร้างความกังขาส่งผลกระทบต่อภาพ
   พจน์ของ คตส.มากที่สุดคือ ความเห็นที่ไม่ลงรอย และความขัดแย้งในมุมมองด้านกฎหมายของอัยการ  ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญ
   ของกระบวนการยุติธรรมบนเส้นทางฟ้องร้องกล่าวโทษขบวนการทุจริตคอรัปชั่นในวงราชการนั่นเอง


   อัยการสูงสุด ถือเป็นองค์กรอิสระที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2550 มีบทบัญญัติเป็นการเฉพาะเจาะจงในมาตรา 
   246 เพื่อให้องค์กรแห่งนี้มีอำนาจอิสระในการตรวจสอบอำนาจรัฐอย่างแท้จริง
   แต่เป็นที่ปรากฏอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
   การทำงานร่วมกับ คตส.ว่าอัยการมีพฤติกรรมที่ยืนอยู่คนละข้างกับ คตส.และดูเหมือนว่าเป็นผู้จุดประเด็นปัญหาอำนาจหน้าที่ คตส.ขัด
   ต่อรัฐธรรมนูญอีกต่างหาก แม้กระทั่งจนถึงวันสุดท้ายของวาระการทำงานของ คตส.ระหว่างวันที่ 25-27 มิถุนายน 2551 อัยการสูงสุดก็
   สร้างความสับสน ปั่นป่วนในคดีที่ คตส.ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอายัดทรัพย์สิน พ.ต.ท.
   ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นจำนวน 76,671,603,061 บาท เนื่องจากมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติจนเกิดกระแสข่าวอื้อฉาว
   ทิ้งท้ายว่า   "อัยการหักหลัง คตส."


   วันนี้จึงมีความจำเป็นอย่างสูงสุดแล้วที่องค์กรอย่างอัยการจะต้องพิจารณา ทบทวนตัวเอง แม้กระทั่งถึงการแสดงความรับผิดชอบต่อการ
   กระทำของตนเองในฐานะ  "ทนายแผ่นดิน"  ซึ่งได้รับการแต่งตั้งตามอำนาจหน้าที่ร่วมมือร่วมใจกับ คตส.เพื่อการล่าคนโกง แต่กลับ
   เสมือนกลายเป็น "ทนายโจร" อย่างน่าอดสูละอายใจ
  ทั้งนี้ ย่อมเป็นหน้าที่โดยตรงของนายชัยเกษม นิติสิริ ประมุขสูงสุดขององค์กร
   อิสระแห่งนี้ สมควรต้องตรึกตรองพินิจพิเคราะห์ให้ถ่องแท้และละเอียดรอบคอบว่า  ความน่าเชื่อถือศรัทธาและความศักดิ์สิทธิ์ของ
   สถาบันอัยการที่บรรพชนของอัยการได้สั่งสมมาเป็นเวลานับศตวรรษแล้ว จะสามารถกอบกู้คืนมาได้อย่างไร ท่ามกลางวิกฤติศรัทธา
   และสภาพล้มละลายในภาพพจน์ของความซื่อสัตย์และเป็นกลาง


   การเรียกคืนความศรัทธาของประชาชน ว่า อัยการคือทนายความของแผ่นดิน ไม่ใช่ทนายโจรหรือที่ปรึกษาโจร  โดยเฉพาะโจรปล้นชาติ
   ปล้นประชาชนนั้น อาจจะเริ่มต้นด้วยการกลับไปเปิดดูอำนาจหน้าที่ของสำนักงานอัยการสุงสุดตามกฎหมายที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ของ
   สำนักอัยการสูงสุด ซึ่งมี 4 หัวข้อใหญ่ว่า 1.อำนวยความยุติธรรม 2.รักษาผลประโยชน์ของรัฐ 3.คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน
   และ 4.หน้าที่อื่นๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ จากนั้นก็ทบทวนว่า ปัญหาอะไรบ้างที่ทำให้อัยการไม่อาจสามารถบรรลุการทำหน้าที่ตาม
   เป้าหมาย ใช่หรือไม่ใช่ เพราะอัยการชอบที่จะเลือกปฏิบัติตาม  "ข้อยกเว้น" แต่เมิน "หลักการ" ที่พึงกระทำ


   http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&iDate=2/Jul/2551&news_id=160332&cat_id=100

   *  ที่ผ่านมา  อสส. กับ  คตส. มักจะสวนทางกันเสมอในเรื่องความคิด  ทำให้คดีไม่คืบหน้าไปไหนเท่าที่ควร

       บทบาทของ  อสส. ควรได้รับการปรับปรุงใหม่ได้แล้ว  !!!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-07-2008, 09:07 โดย see - u » บันทึกการเข้า

    " I  will  unforgive  you  to  do  the  bad  thing  like  this. "   

                           

                        The  fox  changes  his  skin  but  not  his  habits.   *

                 Superman ( It's Not Easy )   >>  http://www.ijigg.com/songs/V2B7G4GPD
    
    
   "  กฏหมายต้องเดินหน้าเอาผิดต่อคนไม่ดี  ........  ไม่ใช่ปล่อยให้คนไม่ดีมากล่าวเอาโทษกฏหมาย  "

                                     
                                          
สมชายสายชม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,048


« ตอบ #18 เมื่อ: 03-07-2008, 09:29 »

การวัดผลการทำงานของ คตส. โดยผู้อ่านแต่ละคน อาจจะให้คะแนนแตกต่างกันไปตามความรู้สึกนึกคิด

สำหรับผม ไม่รู้หรือไม่แน่ใจว่าจะใช้อะไรเป็นเครื่องตัดสินที่เป็นรูปธรรมได้นอกจากเรื่อง ..

"การแจกขนม ๒ ล้านบาทในที่ทำการศาลฎีกา" .. เรื่องนี้ทำให้ผมเข้าใจว่า ..
"จำเลยเริ่มจะเข้ามุมอับแล้ว

...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-07-2008, 09:30 โดย สมชายสายชม » บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: