ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
08-07-2025, 07:14
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  สมการมุมกลับ.คะแนนไว้วางใจยิ่งสูง ศรัทธาประชาชนยิ่งต่ำ... 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
สมการมุมกลับ.คะแนนไว้วางใจยิ่งสูง ศรัทธาประชาชนยิ่งต่ำ...  (อ่าน 3000 ครั้ง)
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« เมื่อ: 28-06-2008, 21:55 »

ทัศนะวิจารณ์
กาแฟดำ
28 มิถุนายน พ.ศ. 2551 05:00:00

สมการมุมกลับ.คะแนนไว้วางใจยิ่งสูง ศรัทธาประชาชนยิ่งต่ำ

ถ้าคนไทยที่ฟังการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี (สมัคร สุนทรเวช) และรัฐมนตรีอีก 7 คน ตลอดสามวันก่อนการลงมติในสภาฯ เมื่อวานนี้ (27 มิ.ย.) มีสิทธิจะลงคะแนนเสียงเองบ้าง คงจะแตกต่างไปจากที่เฉลี่ยออกมา 280 ต่อ 162 ให้สอบผ่านหมดทุกคนอย่างที่ปรากฏเมื่อวานนี้

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : เพราะหากฟังคำกล่าวหาจากฝ่ายค้าน และเนื้อหาของการตอบโต้จากนายกฯ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่มีอคติหรือผลประโยชน์ส่วนตัวแล้ว รัฐมนตรีหลายคนสอบตกอย่างชัดเจน

แม้ตัวนายกรัฐมนตรีเองก็เถอะ หากประเมินเอาเฉพาะเนื้อๆ ของคำตอบต่อคำถามต่างๆ โดยเฉพาะประเด็นเขาพระวิหาร และการบริหารทิศทางเศรษฐกิจของประเทศภายใต้วิกฤติขณะนี้แล้ว คะแนนที่ชาวบ้านทั่วไปพึงจะให้กับผู้นำประเทศอย่างนี้ก็คงจะปริ่มๆ...คือถ้ารอดมาได้ ก็บาดเจ็บสาหัส


หนีไม่พ้นว่าคนไทยไม่น้อยที่ติดตามการอภิปรายครั้งนี้ต้องถามตัวเอง และคนข้างๆ อย่างดังๆ ว่าหาคนอื่นที่มีความสามารถในการบริหาร และน่าเชื่อในความเป็นผู้นำประเทศดีกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือ?

หรือถามอีกอย่างก็คือว่าทำไมเราต้องอดทนจมปลักอยู่กับคณะรัฐมนตรีชุดนี้ในเมื่อสภาพบ้านเมืองเรียกร้องให้ต้องมีคนดี คนเก่ง คนมีความสามารถโดยเฉลี่ยสูงกว่านี้มากมายหลายเท่านัก

หรือนี่คือผลิตผลที่ดีที่สุดเท่าที่คุณภาพนักการเมืองไทยวันนี้จะพึงกลั่นกรองออกมาให้ได้?

เพราะตัวเลขของ ส.ส. ที่ให้คะแนนไว้วางใจนายกฯ และรัฐมนตรี เปรียบเทียบกับคะแนนไม่ไว้วางใจนั้นช่างแตกต่างไปจากมาตรฐานที่คนทั่วไปประเมินเมื่อได้ยินได้ฟังเนื้อหาและสาระแห่งการอภิปรายในทุกๆ ประเด็น

ตัดเอาเรื่องการกล่าวหาส่วนตัวหรือลีลาวาทะ ของนักการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านในระหว่างการอภิปรายออกไปและพิจารณาเฉพาะเนื้อหาและวิธีคิดรวมไปถึงวิสัยทัศน์ของการทำงานเป็นเสนาบดีที่ต้องมีผลงานแสดงต่อประชาชนแล้ว รัฐมนตรีที่ "สอบผ่าน" การซักถามครั้งนี้มีน้อยกว่าที่ "สอบตก" อย่างแน่นอน

และที่สอบผ่านก็ได้คะแนนเกินครึ่งอย่างเฉียดฉิวยิ่งนัก

ถามว่าถ้าตื้ออยู่ต่อไปอย่างนี้ หรือถูลู่ถูกังกันต่อไปด้วยการอ้างเสียง "ไว้วางใจ" ในการลงมติตามมติของพรรคร่วมรัฐบาล ประชาชนจะรู้สึกอย่างไร?

ผมเชื่อว่าคนไทยส่วนหนึ่งคิดว่าจะต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรีขนานใหญ่โดยเฉพาะที่ต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญกับปัญหาหนักหน่วงเกือบทุกด้าน

และคนไทยอีกส่วนหนึ่งจะบอกว่าไม่เชื่อว่าคุณสมัคร สามารถจะปรับคณะรัฐมนตรีให้หาย "ขี้เหร่" ได้ เพราะผลประโยชน์ของนักเลือกตั้งในพรรคร่วมรัฐบาลมีสูงเกินกว่าที่คุณสมัคร ผู้โดดเดี่ยวจะสามารถทำอะไรที่สมควรจะทำได้

คนไทยอีกหลายส่วนก็จะคิดต่อด้วยซ้ำว่าปรับคณะรัฐมนตรีในกรอบเดิมก็ยังจะไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาอะไรได้มาก เพราะปัญหาไม่ได้อยู่เพียงที่ตัวบุคคลที่มองเห็น หากแต่อยู่ที่ "ผู้อยู่เบื้องหลัง" ที่ยังมีอิทธิพลต่อโครงสร้างอำนาจของรัฐบาล และยังทำทุกอย่างเพื่อปกป้องผลประโยชน์แห่งตน

แปลว่าคนเหล่านี้เชื่อว่าตราบใดที่คุณสมัคร ยังอยู่อย่างนี้ ก็ไม่มีทางที่จะแก้ไขปัญหาการเมือง และเศรษฐกิจได้

ซึ่งก็แปลว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้เป็นเพียง "กลยุทธ์" ของรัฐบาลในการลดแรงกดดันจากการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เท่านั้น  มิได้เป็นการวัดความพอใจหรือไม่พอใจของประชาชนต่อการทำงานของรัฐบาลแต่ประการใด

หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็หมายความว่าคะแนนเฉลี่ย 280 ต่อ 162 ที่ให้นายกฯ และรัฐมนตรีอีก 7 คนอยู่ในตำแหน่งต่อไปทั้ง ๆ ที่มีการชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่องร้ายแรงมากมายในรัฐบาล ก็จะยิ่งเติมเชื้อของความไม่พอใจในหมู่ผู้ชุมนุมที่หน้าทำเนียบ

และผู้คนที่เชื่ออยู่เดิมแล้วว่าคุณภาพของคณะรัฐมนตรีชุดนี้มีปัญหาและไม่มีความสามารถในการแก้ปัญหาของบ้านเมืองได้ก็จะยิ่งเสื่อมศรัทธาต่อรัฐบาล...เพราะมองเห็นแล้วว่าโอกาสที่จะเห็นการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นไปได้ยากเต็มที


เมื่อผู้ถูกปกครอง มีอาการท้อแท้ สิ้นหวังหรือเลิกตั้งความหวังต่อผู้ปกครองประเทศ และมองไม่เห็นว่ากลไกระบอบปัจจุบันจะแก้ไขปัญหาของชาติบ้านเมืองได้อย่างไร เงื่อนปมของปัญหาที่ควรจะคลี่คลายเพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ยิ่งจะขมวดเกลียวหนักหน่วงขึ้น

ดังนั้น ชัยชนะของรัฐบาลในสภาฯ เมื่อวานนี้จึงอาจจะส่งผลในทางตรงกันข้ามจากที่รัฐบาลคาดหวัง

นั่นคือยิ่งเสียง "ไว้วางใจ" คณะรัฐมนตรีเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเพียงใด ก็ยิ่งทำให้เกิดความรู้สึก "หมดศรัทธา" มากยิ่งขึ้น


(เข้ามาร่วมแสดงความเห็นต่อสถานการณ์ร้อน ๆ ของบ้านเมืองได้ที่ www.oknation.net/blog/black ได้ตลอด 24 ชั่วโมง)

http://www.bangkokbiznews.com/2008/06/28/news_271179.php



ดังนั้น ชัยชนะของรัฐบาลในสภาฯ เมื่อวานนี้จึงอาจจะส่งผลในทางตรงกันข้ามจากที่รัฐบาลคาดหวัง

นั่นคือยิ่งเสียง "ไว้วางใจ" คณะรัฐมนตรีเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเพียงใด ก็ยิ่งทำให้เกิดความรู้สึก "หมดศรัทธา" มากยิ่งขึ้น


ผมเชื่อว่า สมเด็จหมัก เมถุน สมเด็จสัปดน และรัฐมนตรีลูกกรอกทั้งหลายอ่านบทความนี้ของกาแฟดำอย่างไม่เข้าใจ
หรือเข้าใจ ก็เข้าข้างพรรคพวกว่าบทความนี้ขาดความเชื่อถือ ไม่สร้างสรรค์ และเป็นความคิดเห็นของสื่อฯที่อคติกับรัฐบาลลูกกรอกและ สมเด็จแม๊ว....

พวกรากหญ้า คนกินหญ้า และพวก'บัตรเติมเงิน'ในเสรีไทยเวบบอร์ดยิ่งไม่สติปัญญา วุฒิภาวะจะอ่านเข้าใจความคิดเห็น และสมการมุมกลับ จึงต้องคล้อยตาม'ใบบอก'ว่าเป็นทัศนะของสื่อฯที่เป็นศัตรู เป็นอริกับสมเด็จแม๊ว สมเด็จหมัก เมถุน และรัฐมนตรีลูกกรอก....


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-06-2008, 21:59 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
dragon baby
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 379



« ตอบ #1 เมื่อ: 28-06-2008, 22:52 »

คะแนนไม่ไว้วางใจในสภา มันไม่มีนัยสำคัญ ทางสถิติอะไรเลย......

ครัทธา หรือ ความเชื่อมั่น มันขึ้นอยู่กับพฤติกรรม และ ข้อมูลที่ประชาชนได้รับมากกว่า...   ใครๆก็เข้าใจได้ว่าพวกเดียวกันก็โหวตให้กัน ก็เท่านั้น..
บันทึกการเข้า
Familie
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 369



« ตอบ #2 เมื่อ: 28-06-2008, 23:05 »

พวกมากลากไป
โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเลย
ถ้าประชาธิปไตยเป็นแบบนี้
อย่ามีเสียดีกว่า
บันทึกการเข้า


บรรพบุรุษ ของไทย แต่โบราณ      ปกบ้าน ป้องเมือง คุ้มเหย้า
เสียเลือด เสียเนื้อ มิใช่เบา           หน้าที่เรา รักษา สืบไป
ลูกหลาน เหลนโหลน ภายหน้า      จะได้มี พสุธา อาศัย
อนาคต จะต้องมี ประเทศไทย       มิยอมให้ ผู้ใด มาทำลาย
วิหค อัสนี
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 946



« ตอบ #3 เมื่อ: 28-06-2008, 23:10 »

สมการมุมกลับแบบนี้ เกิดขึ้นได้เพราะมันประจานให้คนเห็นไส้เห็นพุงโดยทั่วกันว่า...

บรรดาผู้แทนพรรคร่วมเมถุน ล้วนเอาแต่พวกพ้องตัวเอง ตราบใดที่ตนยังจะได้อยู่ในอำนาจ ไม่ว่าใครในรัฐบาลจะไปทำเรื่องชั่วช้าสามานย์อะไรไว้แค่ไหน ก็พร้อมจะยกมือสนับสนุนได้ทั้งนั้น

โดยไร้ซึ่งจิตสำนึก ไร้ซึ่งศักดิ์ศรี ไม่มีความคิดที่จะเป็นผู้แทนปกป้องผลประโยชน์ให้กับชาติและพี่น้องประชาชนที่เลือกพวกเขาเข้ามา มากไปกว่าการปกป้องผลประโยชน์ของนายเงิน และพวกพ้องร่วมคอกเดียวกัน

นอกจากนั้นพฤติกรรมที่ผ่านๆ มายังแสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าตัวผู้แทนเอง หรือพรรคร่วมเมถุน ก็ไม่มีอิสระใดๆ ที่จะตัดสินใจแหกออกไปจากคอกที่เขาบอกบทไว้ กลายเป็นสภาทาสอย่างสมบูรณ์แบบ

นี่แหละคือประชาธิปไตยแบบเหลี่ยมๆ ที่ไฝ่ฝันกัน

บันทึกการเข้า

_______ดังนี้แล
__เปลวไฟจักลุกโชน
___หามีวันดับลงได้
_ตราบที่ในมือพวกสูเจ้า
ยังแต่น้ำมันเตาให้ราดรดไป
NN
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 230


« ตอบ #4 เมื่อ: 28-06-2008, 23:59 »

ผมมองว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ .. (จะเกี่ยวกับสมการที่ว่าหรือเปล่า ?) 

เป็นการโชว์เทคนิคลวดลาย ของ สมัคร ที่สอนเชิงลูกพรรค ให้รู้จักลีลาเสพเมถุน เอ๊ย ลีลานักอภิปรายในสภา ให้รู้ว่าชั้นไหนเป็นชั้นไหนเสียมากกว่า

เหมือนจะใช้เวทีนี้เป็นสื่อ ส่งสารไปถึง ไอ้คนชักใยเบื้องหลังให้รู้ว่า ที่ผ่านมาปล่อยให้แล้ว ช่วยแล้ว แต่ดันไม่มีปัญญาไปให้รอด เอง

- ข้า ก็จะเตะหุ่น ที่ร่องแร่งได้
- ข้า ก็จะโชว์โวหารอวดความดีกลบเอ็งได้
- ข้า ก็จะเตะถ่วงดึงเกมส์ได้อีกพักใหญ่ ถ้ายังคิดแหยมจะมาเปลี่ยนข้า

เมื่อตอนสมัครเข้ามารับตำแหน่ง เขาว่ากันว่า นี่เป็นขบวนสุดท้ายในชีวิต 
ผมเชื่อตามว่า สมัคร จะ "เล่นไปทุกเกมส์เพื่อให้อยู่นานที่สุด .. ทำดีก็ดีได้ ทำร้ายก็เสมอตัว"

ยิ่งเมื่อก่อนต้องทำกับข้าวไปด้วยทำงานด้วย คิดคำไม่ค่อยทัน แต่ตอนนี้ว่างแล้ว หัวแล่นปื๊ดๆ

ส่วนคนชักใย น่าจะแพ้ภัยจนออกอาการให้เห็น ไม่น่าจะนาน .. เพราะที่สุดจะทนเกมส์ อุด แบบ สเวน ไม่ไหว    

บันทึกการเข้า
see - u
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,370


.......... I'm not Supergirl


« ตอบ #5 เมื่อ: 29-06-2008, 08:34 »

*  การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้มีข้อดี  คือ ....................

    ทำให้เราเห็นสันดาน ~ เห็นภูมิปัญญา ~ ธาตุแท้ ~ การวางตัว และ วุฒิภาวะ ของนักการเมืองบางคน

    เริ่มตั้งแต่ตัวนายกเองที่เอาแต่นั่งพับนก..... พอถึงเวลาที่ต้องตอบคำถามในการอภิปราย  ก็เลยพูดไม่รู้เรื่อง

    รมต. เองก็สีข้างถลอกไปหลายคน ...................

    ส่วน สส. ที่ยกมือค้านตลอดเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายพูด ด้วยเรื่องไร้สาระ + ปัญญาอ่อน ยิ่งแสดงให้เห็นว่าไม่มีคุณภาพเลย

    รวมถึง บทบาท ของบางคนที่กระสันต์อยากเป็นประธานสภา ...... แต่ไม่สามารถคุมเกมส์อะไรได้

    การลงคะแนนในลักษณะ  > พวกมากลากไป  <  ยิ่งกลับเป็นสิ่งสะท้อนความเน่าเฟะของสภาเสียงข้างมาก

    รัฐบาล  อาจมีความเข้าใจผิด ๆ ว่า  ..... วิธีการเล่นการเมืองในรูปแบบเดิม ๆ ยังใช้ได้ผลอยู่

    โดยลืมมองไปว่า  นี่คือยุคดิจิตอล  การสื่อสาร + ข้อมูลทำให้คนฉลาดขึ้น....

    ในขณะที่ รัฐบาล  กลับยังทำตัวไดโนเสาร์ล้าหลัง  ด้วยการออกเสียงลงมติในแบบที่ผ่านมา

บันทึกการเข้า

    " I  will  unforgive  you  to  do  the  bad  thing  like  this. "   

                           

                        The  fox  changes  his  skin  but  not  his  habits.   *

                 Superman ( It's Not Easy )   >>  http://www.ijigg.com/songs/V2B7G4GPD
    
    
   "  กฏหมายต้องเดินหน้าเอาผิดต่อคนไม่ดี  ........  ไม่ใช่ปล่อยให้คนไม่ดีมากล่าวเอาโทษกฏหมาย  "

                                     
                                          
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #6 เมื่อ: 29-06-2008, 09:32 »

นักการเมือง ลิ่วล้อนักธุรกิจการเมือง เคยชินทำตัวเป็น'องครักษ์พิทักษ์'
นายกฯนอมินีและรัฐมนตรี'ลูกกรอก'ที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจตามคำสั่งของนักประชาธิปไตยแม๊วๆ

ลืมไปว่าวันนี้เป็นยุคดิจิตอล โลกาภิวัฒน์ คนไทยที่สนใจการบ้าน การเมือง
สามารถติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจทุกนาฑีต่อเนื่อง ได้แสดงความคิดเห็นร่วมกับคนไทย
และคนทั้งโลกทันที ทันเหตุการณ์ รอบรู้เรื่องราวไม่น้อยหน้านักการเมืองในสภาผู้แทนฯ

สามารถชี้หน้าว่า'ผู้แทนฯ'คนไหนทำหน้าที่เป็น'ผู้แทนปวงชน'อย่างสมศักดิ์ศรีหน้าที่
หรือ 'ลิ่วล้อ'ของนักธุรกิจการเมือง และรัฐมนตรี'ลูกกรอก' ลงทุนซื้อสิทธิ-ขายเสียงให้...

ปล. คำว่า'องครักษ์พิทักษ์'รัฐมนตรี'ลูกกรอก' เป็นคำหรูหรา ยกย่องเกินสมควร
น่าจะมีคำอื่นๆ ที่บ่งชี้ เจาะจง เหมาะสมกับพฤติกรรมของพวกมันในรัฐสภา....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-06-2008, 09:36 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
หน้า: [1]
    กระโดดไป: