ตามนี้เลย ขี้เกียจเล่า อยากจะรอด่าอย่างเดียวรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ เป็นหลักและแบบแผนการปกครองบ้านเมืองให้เป็นปกติสุข การบังคับใช้รัฐธรรมนูญจึงต้องเป็นไปโดยสุจริตและเห็นแก่ประโยชน์สุขของบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง
จะใช้รัฐธรรมนูญโดยไม่สุจริต คิดเอาแต่ตีความเข้าข้างตนเองหรือเพื่อประโยชน์พรรคพวกตนนั้นย่อมทำให้เกิดปัญหาดังที่เห็น ๆ กันอยู่
ยิ่งการละเมิดหรือฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญด้วยแล้วเป็นความผิดที่อาจถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง และเป็นเรื่องร้ายแรงเพราะย่อมส่งผลกระทบต่อการปกครองบ้านเมือง จึงกระทำไม่ได้หรือไม่พึงกระทำโดยเด็ดขาด
แต่รัฐบาลพรรคไทยรักไทยดูเหมือนว่าไม่ค่อยให้ความเคารพ ไม่ค่อยให้ความซื่อตรงต่อรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงมีปรากฏการณ์ที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ละเมิดรัฐธรรมนูญและไม่รับผิดชอบในการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญให้เห็นเป็นประจำ
โดยเฉพาะในเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งทรงเป็นประมุข ทรงเป็นที่เคารพสักการะและผู้ใดจะละเมิดมิได้
เรื่องราวใด ๆ ที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะต้องผ่านการกลั่นกรองให้ถูกต้อง และชอบด้วยกฎหมาย ทั้งเป็นไปโดยธรรมเสียก่อน
แต่ปรากฏว่ารัฐบาลพรรคไทยรักไทยได้นำสิ่งผิด ๆ ขึ้นกราบบังคมทูลหลายครั้งหลายหน ตั้งแต่ร่างกฎหมายที่ไม่สมประกอบหรือผิดพลาด หรือพระราชกฤษฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จนถูกศาลพิพากษาเพิกถอนไปหลายฉบับแล้ว
ล่าสุดได้แก่การฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญในขณะที่เป็นรัฐบาลรักษาการอย่างน่าเกลียด
นั่นคือการแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดในขณะที่เป็นรัฐบาลรักษาการ ทั้งๆ ที่รู้ดีอยู่แล้วว่าฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ
เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 215 วรรคสองบัญญัติห้ามมิให้รัฐบาลรักษาการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการหรือพนักงานของรัฐหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากตำแหน่ง
นี่เป็นบทบัญญัติในทางห้ามและรัฐบาลรักษาการย่อมกระทำมิได้ แต่รัฐบาลพรรคไทยรักไทยก็ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญนี้อย่างหน้าซื่อตาใส
แต่เป็นโชคดีของคนไทยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งตามที่เสนอไป
และเป็นเหตุให้ต้องมีการสั่งการกันในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2549 ให้ทุกกระทรวงชะลอการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการเอาไว้ก่อน
แล้วหน้าไหนที่แสดงความรับผิดชอบต่อการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญครั้งนี้บ้าง?
เราเรียกร้องให้กระทรวงมหาดไทยและรัฐบาลรักษาการร่วมกันรับผิดชอบในการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญในครั้งนี้
ถ้าไม่รับผิดชอบก็แสดงว่าหน้าด้านและไม่มีความชอบธรรมที่จะปกครองบ้านเมืองอีกต่อไป และไม่มีใครที่จะยอมรับนับถือคนที่ไม่รับผิดชอบเช่นนี้ให้ปกครองบ้านเมืองอีกต่อไปด้วย
ดังนั้นข้าราชการ พนักงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจทั้งประเทศจึงสบายใจและวางใจได้บ้างว่าได้รับความรับรองคุ้มครองจากรัฐธรรมนูญที่จะไม่ถูกกลั่นแกล้งแต่งตั้งโยกย้ายโดยไม่เป็นธรรมในห้วงเวลาที่ประเทศมีรัฐบาลรักษาการ
แต่ก็ต้องระวังไว้หน่อยหนึ่งเพราะว่าคนเหลี่ยมจัดก็ย่อมหาเหลี่ยมหามุมหลีกเลี่ยงรัฐธรรมนูญ ใช้อำนาจตามอำเภอใจได้เหมือนกัน
เพราะรัฐธรรมนูญยังมีข้อยกเว้นอยู่ในมาตราเดียวกันคือถ้า กกต. ให้ความเห็นชอบก็สามารถแต่งตั้งโยกย้ายได้
และตราบใดที่ กกต. ทั้งสามคนนี้ยังเป็นมหันตภัยของบ้านเมืองอยู่ก็อาจทำอะไรหรือให้ความเห็นชอบตามอำเภอใจได้ เพราะเหตุนี้จึงต้องช่วยกันไล่ กกต. ออกไปให้เร็วที่สุด ความจริง กกต. ไม่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ พนักงานของรัฐ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ แต่ที่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องบ้างก็เพื่อประโยชน์ในการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
เพื่อความสุจริตและเที่ยงธรรมในการเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญจึงให้อำนาจ กกต. ในเรื่องนี้เป็นสองประการ คือ
ประการแรก กกต.มีอำนาจที่จะขอให้ข้าราชการต่าง ๆ ให้การสนับสนุนช่วยเหลือการเลือกตั้งโดยการร้องขอไปยังหัวหน้าส่วนราชการนั้น ๆ และการขอความร่วมมือนี้ยังรวมถึงอำนาจในการขอให้ย้ายข้าราชการเป็นการชั่วคราว ถ้าหากเห็นว่าจะทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรม
ประการที่สอง เมื่อคณะรัฐมนตรีว่างลงซึ่งจะต้องมีการเลือกตั้งทั่วไป รัฐบาลรักษาการจะแต่งตั้งโยกย้ายไม่ได้ เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจาก กกต.
ในประการที่สองนี่แหละที่คนเหลี่ยมจัดจะฉวยโอกาสแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการได้ แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้บังคับของรัฐธรรมนูญด้วยว่า
ข้อแรก โดยทั่วไปจะแต่งตั้งโยกย้ายไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติเป็นหลักห้ามแต่งตั้งโยกย้าย
ข้อสอง ถ้ามีความจำเป็นจะต้องแต่งตั้งโยกย้ายก็ต้องขอความเห็นชอบจาก กกต. ซึ่ง กกต.จะต้องประกอบด้วยคณะทั้งห้าคน และต้องได้รับมติด้วยคะแนนเสียง 4 ใน 5 คืออย่างน้อยต้องได้รับความเห็นชอบจาก กกต. 4 คน
อะไรที่เรียกว่าจำเป็น? ก็คือหากไม่แต่งตั้งโยกย้ายแล้วก็จะเสียหายแก่ราชการหรือรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานของรัฐอย่างร้ายแรง และความจำเป็นนั้นต้องถึงขนาดที่ไม่อาจรอคอยให้รัฐบาลตัวจริงมาแต่งตั้งโยกย้ายได้ คือต้องเป็นเหตุการณ์อันไม่อาจก้าวล่วงได้เท่านั้น
หากย้ายตามอำเภอใจก็จะเป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบและฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ
จะถือแบบอย่างทางทหารไม่ได้ เพราะทางทหารนั้นเป็นข้อยกเว้นเนื่องจากทหารทั้งหมดเป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ทรงเป็นจอมทัพ ทรงมีพระราชอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายทหารได้
ดังนั้นใครที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณแต่งตั้งโยกย้ายก็พึงรำลึกไว้เสมอว่าพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งโยกย้าย จึงไม่มีเหตุที่ใครอื่นจะอ้างได้ว่าเป็นเจ้าบุญนายคุณ แล้วทวงถามเอาบุญคุณให้ทำการตามใจชอบได้
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9490000072265