กาลามชน
|
|
« เมื่อ: 31-05-2006, 08:24 » |
|
บทความใน นสพ. บางกอกโพสต์ ฉบับวันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคม 2549 แปลบทสัมภาษณ์ ของ ศาสตราจารย์ โยชิฟูมิ ทามาดะ อาจารย์มหาวิทยาลัยเกียวโต ซึ่งได้ออกความเห็นต่อประชาธิปไตยของไทย An outsider looking in ซึ่งสัมภาษณ์โดย Songpol Kaopatumtip แปลโดยคุณหนูจันทร์ แห่งราชดำเนิน http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4415047/P4415047.htmlขออนุญาต เอามาให้อ่านเล่น แก้เบื่อ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-05-2006, 08:35 โดย กาลามชน »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กาลามชน
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 31-05-2006, 08:25 » |
|
สำหรับคนไทยที่ต่อต้านการบริหารงานของทักษิณนั้น ความเห็นของ โยชิฟูมิ ทามาดะเกี่ยวกับวิกฤตตอนนี้อาจจะดูเหมือนไม่น่าสัมผัสได้กับความเป็นจริง ทำไมหรือ ยกตัวอย่างเช่น
- เขาคิดว่าศาลรัฐธรรมนูญผิด ที่ตัดสินให้การเลือกตั้งวันที่ 2 เมษา โมฆะ - ทำไมเขาถึงได้ประณามพรรคฝ่ายค้าน 3 พรรค ที่ บอยคอตต์ การเลือกตั้งและ - ทำไมเขาจึงคิดว่าการล้ม ระบอบทักษิณ อาจจะนำไปสู่การเมืองที่ไร้เสถียรภาพ
วิกฤตทางการเมืองที่ยืดเยื้อนี้กำลังทำร้ายประเทศไทย แต่อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเกียวโตคนนี้กล่าวว่าหลักการของประชาธิปไตยไม่ควรประนีประนอม เพื่อที่จะได้ให้ประเทศกลับเข้าอยู่ในร่องในรอย แทนที่จะให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เมษายน โมฆะ ศาลรัฐธรรมนูญควรจะปล่อยให้ กกต. จัดการเลือกตั้งต่อไปเพื่อให้ได้ สส. ครบ 500ที่นั่ง ความจริงแล้ว ศาลสามารถที่จะอนุญาตให้รัฐสภาเปิดประชุมสภาครั้งแรกได้ด้วยซ้ำ ถึงแม้จะได้ สส. ไม่ครบ 500 เพื่อที่จะได้จัดตั้งรัฐบาลชั่วคราว ซึ่งจะได้ทำการปฏิรูปการเมืองใหม่โดยให้หลายฝ่ายเข้าร่วมด้วย
ศาสตราจารย์วัย 48 ปีพูดต่อไปว่า อะไรทำให้เกิดการกบฏต่อรัฐบาลที่มาจากรัฐธรรมนูญ
คนญี่ปุ่นทีนี่ไม่เข้าใจว่าทำไมการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เมษา จึงเป็นโมฆะ ในเมื่อจัดการเลือกตั้งภายใน 60 วันหลังจากการยุบสภาตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้แล้ว และ การจัดคูหาเลือกตั้งแบบใหม่ไม่เห็นจะเป็นเรื่องรุนแรง ศาสตราจารย์ทามาดะกล่าว คูหาเลือกตั้งที่นี่ (ประเทศญี่ปุ่น-ผู้แปล) ก็เป็นแบบเดียวกัน (หันหลังออก-ผู้แปล) แต่ว่าคนลงคะแนนต้องเขียนชื่อเต็มของผู้สมัครรับเลือกตั้งและพรรคของผู้สมัครฯ ลงบนบัตรเลือกตั้งด้วย
ทำไมถึงไม่เห็นไม่ออกมาต่อต้านการเลือกตั้ง อบต.ปีที่แล้ว ทั้งที่จัดคูหาเลือกตั้งแบบเดียวกัน เขาคิดว่าน่าจะเกิดจากการขาดการประชาสัมพันธ์ต่อสาธารณชนและไม่มีสื่อวิพากษ์วิจารณ์ต่อพรรคฝ่ายค้านที่บอยคอตต์การเลือกตั้ง พวกเขารู้ว่าไม่อาจชนะทักษิณได้ในการเลือกตั้ง ดังนั้นจึงคิดหาวิถีทางต่างมากมายเพื่อทำลายประชาธิไตยของไทย เขากล่าวว่า การบอยคอตต์การเลือกตั้งนั้นแสดงว่าพวกเขาปฏิเสธระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
ในประเทศญี่ปุ่นนั้น แม้ว่าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) จะโดดเด่น พรรคฝ่ายค้านยังต้องปฏิบัติตนให้ต่อไป เสนอนโยบายใหม่ให้เป็นที่น่าสนใจต่อการเลือกตั้ง ถ้าพรรคฝ่ายค้านได้คะแนนเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม รัฐบาลอาจจะต้องพิจารณานโยบายของพรรคฝ่ายค้านด้วย
เขาพูดต่อว่า ก่อนที่พวกต่อต้านทักษิณจะออกมาเคลื่อนไหวนั้น ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าประเทศไทยมีระบอบทางการเมืองที่ดีที่สุดในเอเซียน แต่เดี๋ยวนี้พวกเขาคิดว่ามันแย่กว่าประเทศฟิลิปปินส์เสียอีก
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-05-2006, 08:31 โดย กาลามชน »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กาลามชน
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 31-05-2006, 08:26 » |
|
เกาะติดสถานการณ์ที่เป็นจริง
ตั้งแต่พวกต่อต้านออกทำให้นายกฯสุจินดา คราประยูร ลาออก เมื่อปี 1992 นักวิเคราะห์และปัญญาชนไทยได้ยกย่องชนชั้นกลางว่าเป็นผู้มีบทบาทและสนันสนุนประชาธิปไตย ภาพวีรบุรุษของชนชั้นกลางถูกท้าทางโดย ศ.ทามาดะ ผู้ซึ่งเสนอทางเลือกสำหรับขบวนการประชาธิปไตยของไทย ในหนังสือที่ได้รับรางวัลในชื่อว่า Democratisation in Thailand: Grappling with Realities. (ประชาธิปไตยในประเทศไทย เกาะติดกับความเป็นจริง)
หนังสือนี้ตีพิมพ์ในญี่ปุ่นเมื่อ ปี2003 (พ.ศ. 2546) โดยเน้นที่ปี 1990(พ.ศ. 2533) เมื่อกลุ่มทหารมีอำนาจคุกคามประเทศไทย และเป็นสาเหตุของการชุมนุมต่อต้านสุจินดา อำนาจทางทหารลดลง รัฐธรรมนูญปี 2540 การเลือกตั้ง สว. ปี2543 ตลอดจนการเลือกตั้งทั่วไปปี 2544 ที่ทำให้ทักษิณและพรรคไทยรักไทยขั้นมามีอำนาจ
เพื่อที่จะทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ทางการเมืองเหล่านี้ ศ. ทามาดะมองย้อนหลังไปที่ปี 2523 เมื่อ นายกฯเปรม ติณสูรานนท์ สามารถรวมศูนย์อำนาจ เพื่ออนุรักษ์ระบอบประชาธิปไตย โดยการเอาชนะพวก สส. ด้วยการแจกจ่ายงบพัฒนาต่างๆ ขณะเดียวกันก็สลายกลุ่มฝ่ายซ้ายต่างๆ โดยการกระทำเช่นนี้ ระบบการเมืองจึงส่งต่อไปยังนักการเมืองพรรคต่างๆ และหน่วยงานเกี่ยวกับชนบทก็กลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองที่สำคัญ
อย่างไรก็ตาม การรักษาสมดุลระหว่างอำนาจของชนชั้นกลางในเมือง และกลุ่มชนบทที่ใหญ่กว่า ได้เปลี่ยนไปเมื่อกลุ่มจัดการได้เข้ารวบอำนาจการเป็นผู้นำในการต่อต้านสุจินดาเมื่อ พฤษภาคม 2535
ผู้นำในเหตุการณ์นี้ก็คือ จำลอง ศรีเมือง ผู้ซึ่งประสบผลสำเร็จในการเคลื่อนขบวนกลุ่มคน แต่อย่างก็ตามเมื่อมีการนองเลือด ตัวเขาและสุจินดาก็ถูกประณาม ความน่าเชื่อถือของจำลองลดลงและชนชั้นกลางเองก็สามารถต่อสู้และเป็นผู้นำ ใน ปฏิรูปการเคลื่อนไหวได้อย่างเหมาะสม ศ. ทามาดะอธิบาย ในเหตุการณ์นี้ได้รับการสนับสนุนอย่างมหาศาลจากสื่อซึ่ง บทบาทของชนชั้นกลางได้รับการประเมินค่าที่สูงเกินไป และถูกกำหนดให้เป็นกองหน้าของระบอบประชาธิปไตย
กลุ่มคนก้าวหน้าชนชั้นกลางได้ปรับจุดอ่อนต่างๆของตนเองไปเป็น อำนาจฝ่ายพลเรือน เคลื่อนไหวกลุ่มปัญญาชน กลุ่มทุน และ องค์กรอิสระต่างๆ เพื่อไปสลายกลุ่มชาวนาซึ่งเสียงน้อยกว่า
ศ. ทามาดะ กล่าวว่า ความสำคัญของการเคลื่อนไหวใน พรบ. รัฐธรรมนูญปี 2540 แม้ว่าจะเป็นฉบับรัฐธรรมนูญประชาชน แต่ก็เข้าข้างพวกชนชั้นกลางในเมืองมากกว่าประชาชนส่วนใหญ่ในชนบท
การกำหนดให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งเพื่อเข้าไปทำหน้าที่ในสภา ต้องจบอย่างน้อยปริญญาตรี ถือว่าเป็นการตัดสิทธิ์ของคนในชนบทจำนวน 95 % เขาอีกอธิบายว่า แล้วยังเป็นการสนับสนุนการเลือกตั้งของกลุ่มคนในเมืองผ่านสัดส่วนของตัวแทน ตลอดจนจำนวนที่นั่งในคณะรัฐมนตรีก็มิได้มาจากคัดเลือกจากแต่ละที่นั่งตามรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นเสียงข้างมากจากชนบท
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กาลามชน
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 31-05-2006, 08:28 » |
|
การเมืองไทยไม่หยุดนิ่ง
ศ. ทามาดะ เริ่มศึกษาการเมืองไทยที่มหาวิทยาลัยเกียวโตปี 2524 เวลานั้นไม่มีผู้เชี่ยวชาญเรื่องประเทศไทยที่มหาวิทยาลัย และหนุ่มน้อยทามาดะพบว่า มันเป็นเรื่องยากยิ่งที่จะจับหัวข้อนี้ 2 ปีต่อมาเขาตัดสินใจมากรุงเทพฯ ที่ซึ่งเขาใช้เวลาศึกษาการเมืองไทยคือคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ขณะเดียวกันก็เรียนภาษาไทยไปด้วย ตำราไทยส่วนใหญ่ที่มีอยู่ในตอนนั้นล้วนแต่แปลมาจากตำราต่างประเทศ โดยมีการศึกษารูปแบบประสบการณ์ของการเมืองไทยอยู่ไม่กี่ชิ้น ดังนั้นเขาจึงเริ่มศึกษาหนังสือพิมพ์ไทยและหนังสือรายสัปดาห์ด้านการเมือง ซึ่งเขาได้ข้อมูลลึกๆทางด้านการเมืองไทย
ระหว่างที่เขากลังเกียวโตไปในปี 2528 เขาได้รับการขอร้องให้แปลหนังสือ Thak Chaloemtiaranas Thailand: The Politics of Despotic Paternalism (หนังสือนี้ผู้แปลไม่รู้จักจึงไม่ได้แปล) จากภาษาไทยเป็นภาษาญี่ปุ่น หนังสือเล่มนี้เป็นเกียรติแต่ Mr.Thak ที่ได้รับรางวัล Masayoshi Ohira Memorial และก็เป็นแรงบันดาลใจให้กับ ศ. ทามาดะต่อไปในจังหวะก้าวทางด้านวิชาการของไทย และผลของจังหวะก้าวนั้นก็คือ หนังสือ Democratisation in Thailand: Grappling with Realities ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลเดียวกันนี้ในปี 2547 เมื่อขึ้นไปรับรางวัลนี้ ศ. ทามาดะ ได้กล่าวไว้ว่า การเมืองไทยไม่หยุดนิ่งและเปลี่ยนแปลงเร็วมาก และผมก็จะศึกษามันต่อไป
แล้วเขาจะประเมินอนาคตของการเมืองไทยอย่างไร เขากล่าวว่า เราจะต้องลากเส้นแบ่งระหว่างเสถียรภาพของรัฐบาลและเสถียรภาพของระบบประชาธิปไตย การเมืองไทยก่อนการเลือกตั้งทั่วไปปี 2544 หรือก่อนประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 มีลักษณะของการขึ้นและลง ของการรวมรัฐบาล ลักษณะนี้การเมืองไม่มั่นคงอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ระบบการเมืองของมันเอง ซึ่งไม่ใช่ทหารแต่เป็นประชาธิปไตย ก็ยังคงมีเสถียรภาพ คนไทยน้อยคนเป็นห่วงผลของการเลือกตั้ง เพราะพวกเขารู้ว่าการเปลี่ยนรัฐบาลจะมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก แต่ความจริงแล้ว การเมืองไทยตอนนั้นน่าเบื่อ อย่างไรก็ตามเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้ร่างขึ้น ปัญญาชนหลายคน ให้ความสนใจเพียงการก่อตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ พวกเขาต้องการนายกรัฐมนตรีที่เข้มแข็ง เขาตั้งข้อสังเกตว่า เพื่อให้สัมฤทธิ์ผลตามนี้ พวกเขาพยายามทำให้ตัวแทนที่ได้รับเลือกมานั้นอ่อนแอ
ประชาชนไทยได้นายกรัฐมนตรีที่เข้มแข็งหลังการเลือกตั้งทั่วไปปี 2544 กลับกลายเป็นว่าได้รัฐบาล ที่เข้มแข็งเกินไปที่จะเอาชนะได้ในการเลือกตั้ง ฝ่ายตรงข้ามพยายามใช้วิธีที่ไม่เป็นประชาธิปไตยที่จะโค่นล้มรัฐบาลลง
ในความเห็นของเขา พรรคไทยรักไทยจะต้องล้มถ้าคุณทักษิณออกจากการเมือง เพราะพรรคเป็นของคุณทักษิณ และผลของมันต่อจากนั้นก็คือจะได้รัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพเหมือนกับอดีตที่ผ่านมา เพราะผมไม่คิดว่าเราจะเห็นพรรคการเมืองที่เข้มแข้งพอที่จะได้เสียงข้างมากในรัฐสภาได้เด็ดขาดเช่นนี้อีก
ศ. ทามาดะไม่ได้คิดว่าระดับของรัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพจะจัดการอะไรไม่ได้ แต่รัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพจะทำให้ประชาชนคิดถึงผู้นำที่เข้มแข็งอย่างทักษิณ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
กาลามชน
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 31-05-2006, 08:28 » |
|
ประวัติส่วนตัว
ศาสตราจารย์ โยชิฟูมิ ทามาดะเกิดเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2501 ที่เมืองยีฟู ประเทศญี่ปุ่น เขาจบการศึกษาระดับปริญญาตรีปี 2524 จบปริญญาโท ปี 2526 และ ปริญญาเอกปี 2548 จากมหาวิทยาลัยเกียวโต เขาศึกษาการเมืองไทยที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ปี2526-2528 โดยได้รับทุนการศึกษาจากกระทรวงศึกษาธิการของญี่ปุ่น เขาเริ่มอาชีพสอนหนังสือเมื่อปี 2530 ที่ Ehime University ทางตะวันตกของประเทศญี่ปุ่น เขาย้ายไปที่ ศูนย์กลางการศึกษาของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มหาวิทยาลัยเกียวโต เมื่อปี 2533 และได้อยู่กับมหาวิทยาลัย ทางด้านการศึกษาเอเชียและอัฟริการะดับปริญญาโท ตั้งแต่ปี 2541 โดยวิชาเอกของเขาคือการเมืองเปรียบเทียบและไทยศึกษา
เขาได้รับรางวัล Masayoshi Ohira Memorial ซึ่งจัดเป็นครั้งที่20 ในปี 2547 สำหรับหนังสือของเขาที่ชื่อว่า Democratization in Thailand: Grappling with Realities (Kyoto University Press, 2003) ระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทย เกาะติดกับความเป็นจริง (โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยเกียวโต ปี 2546) เขาพิมพ์หนังสือเล่มใหม่ร่วมกับ Dr. Kimura Kan ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการเมืองเกาหลี ชื่อเรื่อง Democratization and Nationalism in Contemporary World หนังสือที่มีชื่อเสียงของเขาที่เป็นรู้จักของทุนการศึกษาไทยคือ Itthiphon and Amnat : An Informal aspect of Thai politics(1991) ซึ่งได้แปลเป็นภาษาไทยแล้ว
ศ. ทามาดะแต่งงานแล้วและมีลูกสาวและลูกชายอย่างละคน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ใบไม้ทะเล
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 31-05-2006, 08:34 » |
|
ก่อนที่ ศาตราจารย์จะวิจารณ์สถานการณ์ของบ้านเมืองคนอื่น
ดิฉันก็อยากให้ศาตราจารย์ รู้อะไร ติ้นลึก หนา ที่มาที่ไปก่อนจะออกมาวิเคราะห์ ไม่ใช่มองแต่อะไรภายนอก ด้านเดียว หรือรับข้อมูลด้านเดียว
ศ. ทามาดะไม่ได้คิดว่าระดับของรัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพจะจัดการอะไรไม่ได้ แต่รัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพจะทำให้ประชาชนคิดถึงผู้นำที่เข้มแข็งอย่างทักษิณ
เข้มแข็งจริงๆๆ เพราะเกาะเก้าอี้จนแข็งไปแล้ว แกเท่าไรก็ไม่ยอมออก หุหุ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
|
|
|
กาลามชน
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 31-05-2006, 08:43 » |
|
เพื่อให้รู้จักประเทศไทยดี ศจ ทามาดะ เรียนภาษาไทย และมาศึกษาที่ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ฯ ถ้าเป็นเรื่องของการเมืองในประเทศไทย คนญี่ปุ่น และอาจจะรวมทั้งรัฐบาลญี่ปุ่น คงจะเชื่อถือความเห็นของ ศจ.ทานาดะ มากที่สุด
ผมเอามาเผยแพร่ต่อ ไม่ใช่เพราะเห็นว่าเป็นบทวิเคราะห์ที่ดี แต่เอามาเพื่อเป็นข้อมูลให้รับทราบว่า ผู้ชำนาญการเมืองในญี่ปุ่นเขามองประเทศไทยแบบนี้
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-05-2006, 08:49 โดย กาลามชน »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นู๋เจ๋ง
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 31-05-2006, 09:09 » |
|
เป็นความเห็น 1 ความเห็นของชาวต่างชาติ คนญี่ปุ่นที่คิดว่ารู้จักการเมืองไทย แต่จะบอกว่าเค้าวิเคราะห์ผิดหรือถูก ก็ใช้เวลา ดูกันไป แต่เค้าไม่ได้บอกว่า ถ้ามีเหตุการณ์ลักษณะนี้ นายกควร แสดงสปิริต ลาออกไปก่อน เนอะ
คิดว่าการวิเคราะห์ของเค้าอาจได้ข้อมูลจากสื่อ ที่เขียนๆกัน ผิดบ้างถูกบ้าง ไม่ก็อาจจะมีคนรู้จัก ที่เป็นคนในรัฐบาลนี้ หรือเพื่อนใน ทรท แล้ว นำความเห็นนั้นไปวิเคราะห์ เปิดหนังสือเล่มเดียวกับที่ คนไทยถือๆ อ่านๆนั่นแหละ วิเคราะห์แบบ มองต่างมุมหรือไม่ก็ ว่าตามน้ำ ที่เค้าว่าๆกันไป
นักวิชาการ นักรัฐศาสตร์ ที่เป็นคนไทยแท้ๆ เอง ก็แสดงความเห็นแตกต่างในหลากหลายแง่มุม..มากมาย มี ศ.ดร.ชัยอนันต์ ศ.ดร.ประเวศ ศ.ดร.สมบูรณ์ ศ.ดร. อีกตั้งเพียบ ก็วิเคราะห์ ได้ ตรงและแรง กว่าอีกนะคะ
แต่ก็ ขอบคุณค่ะ ที่นำมาให้อ่าน
คนไทยเองแหละค่ะ ที่ต้อง จัดการ และ นำเสนอให้ชาวโลกดูว่า การเมืองแบบไทย ที่นี่ไม่เหมือนใคร และมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ประเทศไทยเราก็ มีประวัคิศาสตร์การเมืองที่ยาวนาน ศ.ญี่ปุ่น คนนี้ก็คงต้องศึกษาการเมืองไทยให้ลึกซึ้งกว่านี้ อีกต่อไป
อยากบอกผู้อ่านว่า การวิเคราะห์ ของคนเป็น ศาสตร์จารย์ก็ ผิดพลาดได้ เพราะศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ในไทย ว่าเจ๋งๆ เจอปาก ศ.ดร เสรี เรื่องปฎิญญาฟินแลนด์ คนเดียว ศ. กับนักวิชาการดังๆ ก็ ชะงักกันทั้งประเทศแล้วล่ะค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
|
|
|
ใบไม้ทะเล
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 31-05-2006, 09:10 » |
|
เพื่อให้รู้จักประเทศไทยดี ศจ ทามาดะ เรียนภาษาไทย และมาศึกษาที่ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ฯ ถ้าเป็นเรื่องของการเมืองในประเทศไทย คนญี่ปุ่น และอาจจะรวมทั้งรัฐบาลญี่ปุ่น คงจะเชื่อถือความเห็นของ ศจ.ทานาดะ มากที่สุด
ผมเอามาเผยแพร่ต่อ ไม่ใช่เพราะเห็นว่าเป็นบทวิเคราะห์ที่ดี แต่เอามาเพื่อเป็นข้อมูลให้รับทราบว่า ผู้ชำนาญการเมืองในญี่ปุ่นเขามองประเทศไทยแบบนี้
ใช่ค่ะ แต่ว่า นั้นคือ อาจารย์เขามองอีกมุมไงค่ะ ทำไมคนญี่ปุ่นต้องเชื่อความเห็นของอาจารย์มากที่สุดล่ะค่ะ ถ้าอย่างงั้น คนเมกาพูดไทยได้ เรียนรัฐศาสตร์ที่จุฬา เสนอความเห็นมา ฉันเอาไปให้เพื่อนเมกาอ่าน เขาก็คงต้องเห็นด้วยเหรอค่ะ เพราะไม่ใช่แค่อาจารย์คนเดียวหรอกค่ะ ที่เรียนภาษาไทย รู้ภาษาไทย อยู่เมืองไทย คนต่างเทศมากมายที่รุ้จักเมืองไทย และอาจจะดีกว่าก็ได้ คนญี่ปุ่นบางคน คนไกล้ตัวดิฉันเอง ยังไม่ชอบทักษินเลยนะค่ะ ทั้งๆฉันก็ไม่เคยคุยเรืองการเมืองกับเขาเลย บทความวิเคราะห์อันนี้ ที่ดิฉันคิดว่า อาจารย์เขามองอะไรด้านเดียวเพราะ เขาไม่บรรยาย ระบบทักษิโน มีผลอะไรกับประเทศ บอกแค่ว่าว่าทักษินออกแล้วจะเป็นอย่างไร เราๆก็มีแล้วนิ กระทู้ที่ว่า ขาดทักษิน แล้วจะเป็นอย่างไร ใช่ว่าคนไทยไม่สนใจการเมือง คนไทยสนใจการเมือง แต่พวกเขาเข้าถึงข้อมูลไม่ทั่วถึงเท่านั้น สังเกตซิค่ะ ว่าทำไม โนโหวตในกทม ใน ตัวเมืองของ ตจว ถึงได้มากโข เอาการ อันนี้ ท่านอาจารย์ควรเอามาคิดบ้าง ท่านพูดเองนิว่า ประชาธิปไตยไม่ควรประนีประนอม เพื่อที่จะได้ให้ประเทศกลับเข้าอยู่ในร่องในรอย. นี้ไงค่ะ ศาลไม่ประนีประนอมแล้ว เพราะท่านก็ต้องการให้การเมืองอยุ่กับร่องกะรอย หุหุ ไม่ใช่ไปให้ กกต ..............
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-05-2006, 09:15 โดย ใบไม้ทะเล »
|
บันทึกการเข้า
|
立てばしゃくやく、座ればぼたん、歩く姿はゆりの花
|
|
|
batman
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: 31-05-2006, 09:34 » |
|
ก็ดีครับมีทั้งเห็นด้วยไม่เห็นด้วย และที่อยากได้ยินจากท่านศาสตราจารย์ โยชิฟูมิ ทามาดะ ว่าท่านจะวิเคราะห์ประเด็นของพฤติกรรมของผู้นำและคนรอบข้าง รวมถึงประเด็นการบกพร่องทางจริยธรรมที่พูดกันมากนั้น ว่าอย่างไร อีกอย่างเรื่องการเลือกตั้งนั้น ที่ญี่ปุ่นให้ผู้ลงคะแนนต้องเขียนชื่อเต็มของผู้สมัครรับเลือกตั้งและพรรคของผู้สมัครฯ ลงบนบัตรเลือกตั้งด้วย นั้นแสดงให้เห็นว่าระดับการศึกษาของคนณี่ปุ่นดีมากแตกต่างกับบ้านเราอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นการวิเคราะห์เปรียบเทียบกับญี่ปุ่นโดยเงื่อนไข(สมมติฐาน)ที่แตกต่างกันก็ไม่ถูกต้องแล้ว ผมก็เห็นว่าบ้านเราน่าจะเอาอย่างญี่ปุ่นบ้างน่ะโดยต้องเขียนชื่อและพรรคที่ตนเลือกให้ได้ นั้นแหละจะได้ซื้อเสียงไม่ง่ายเหมือนตอนนี้ (เดี๋ยวก็มีคนบอกอีกว่าเป็นการกีดกันตัดสิทธิ์ของประชาชนที่เขียนหนังสือไม่ได้.... ก็ได้อย่างเสียหลายอย่างเน่อะ)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
POchrat
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 31-05-2006, 09:59 » |
|
ถ้าจะเอาแบบบ้านเค้า ผมเห็นว่าทักษิณ อาจต้องลาออกไปสิบกว่ารอบแล้วมั้งครับ นี่ รมต. อะไรก็เห็นยังอยู่กันครบเลย
แต่ผมก็เห็นด้วยเรื่องบอยคอต พรรคร่วมฝ่ายค้านน่าจะสู้มากกว่านี้ โดยเฉพาะตอนที่จะไปร่วมอะไรกันนั่นน่ะตอนก่อนสมัคร พรรคฝ่ายค้านยังสู้ได้ไม่ดีพอว่าหมู่หรื่อจ่า อยู่ๆ ก็เดินลงจากเวทีซะงั้น เล่นเอางุนงงซะพักใหญ่เลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แอ่นแอ๊น
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 31-05-2006, 10:42 » |
|
ศาสตราจารย์วัย 48 ปีพูดต่อไปว่า อะไรทำให้เกิดการกบฏต่อรัฐบาลที่มาจากรัฐธรรมนูญ
คนญี่ปุ่นทีนี่ไม่เข้าใจว่าทำไมการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เมษา จึงเป็นโมฆะ ในเมื่อจัดการเลือกตั้งภายใน 60 วันหลังจากการยุบสภาตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้แล้ว และ การจัดคูหาเลือกตั้งแบบใหม่ไม่เห็นจะเป็นเรื่องรุนแรง ศาสตราจารย์ทามาดะกล่าว คูหาเลือกตั้งที่นี่ (ประเทศญี่ปุ่น-ผู้แปล) ก็เป็นแบบเดียวกัน (หันหลังออก-ผู้แปล) แต่ว่าคนลงคะแนนต้องเขียนชื่อเต็มของผู้สมัครรับเลือกตั้งและพรรคของผู้สมัครฯ ลงบนบัตรเลือกตั้งด้วย
ช่วยไปบอกอาจารย์คนนี้ด้วยว่า ขนาดใช้ตรายางยังปั๊มกันผิดเลย ขืนให้เขียนชื่อ สงสัย บัตรเสียมากกว่านี้อีกหลายเท่า http://www.bangkokpost.com/280506_Perspective/28May2006_pers003.phpเอาลิ้งค์มาให้เผื่ออยากอ่านต้นฉบับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-05-2006, 11:03 โดย แอ่นแอ๊น »
|
บันทึกการเข้า
|
"เมื่อเจตนาเบี่ยงเบนไปจากความจริง การนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง บางทีก็เป็นเพียงภาษาสุภาพสำหรับการพูดเท็จนั่นเอง" : วิถีแห่งปราชญ์ พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๒๐๖
|
|
|
พรรณชมพู
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 31-05-2006, 11:05 » |
|
"อะไรทำให้เกิดการกบฏต่อรัฐบาลที่มาจากรัฐธรรมนูญ"
ก่อนที่พวกต่อต้านทักษิณจะออกมาเคลื่อนไหวนั้น ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าประเทศไทยมีระบอบทางการเมืองที่ดีที่สุดในเอเซียน แต่เดี๋ยวนี้พวกเขาคิดว่ามันแย่กว่าประเทศฟิลิปปินส์เสียอีก
"คนญี่ปุ่นทีนี่ไม่เข้าใจว่าทำไมการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เมษา จึงเป็นโมฆะ ในเมื่อจัดการเลือกตั้งภายใน 60 วันหลังจากการยุบสภาตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้แล้ว "
คนญี่ปุ่น พื้นฐานจากการอบรมมาโดยญี่ปุ่น ถึงจะศึกษาเรื่องของเมืองไทยมามากแค่ไหน แต่มุมมองก็ยังเป็นญี่ปุ่น
คนไทยก็ไม่เคยเข้าใจว่า ทำไมประเทศญี่ปุ่นต้องยกกองทัพออกมาเข่นฆ่าคนเอเซียด้วยกัน ไม่เข้าใจว่า ทหารญี่ปุ่นทำไมโหดร้าย ฆ่าประชาชนเป็นว่าเล่น ข่มขืนสตรี ทารก แล้วฆ่าทิ้ง เหตุการณ์ที่นานกิง ญี่ปุ่นยังไม่ยอมขอโทษจีนจนถึงทุกวันนี้
คนไทยไม่เข้าใจว่า เมื่อญี่ปุ่นรุกรานประเทศไทย และบังคับให้ไทยเข้าร่วมรบในสงครามโลก ทำไมญี่ปุ่นโอหังถึงขนาดเอาโต๊ะไปตั้งในวัดพระแก้ว ต่อหน้าองค์พระแก้วมรกตที่คนไทยนับถือ แล้วบังคับให้เซ็นสัญญาจะไปร่วมฆ่าคนด้วยกันต่อหน้าพระ ทั้งๆที่ญี่ปุ่นไม่น้อยก็นับถือศาสนาพุทธ
คนไทยก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมญี่ปุ่น ทนใช้รัฐธรรมนูที่อเมริกันร่างไว้ให้ และเหยียดราชวงศ์เหลือเพียงแค่สัญญลักษณ์ อีกทั้งไม่คิดฟื้นฟูวัฒนธรรมประเพณีเกี่ยวกับราชวงศ์ของประเทศตัวเอง ทั้งๆที่ญี่ปุ่นไม่เคยมีปฎิญญาฟินด์แลนด์
ก็ถามกันเล่นๆค่ะ ท่านศษสตรจารย์ชาวญี่ปุ่น ท่านก็วิจารณ์ไปตามความเห็นของท่าน เคารพในความเห็น เพราะอย่างน้อยก็ยังพอจะเชื่อได้ว่า แม้ท่านจะวิจารณ์แบบไม่ค่อยได้สาระ ก็คงไม่ได้รับเงินใครมาวิจารณ์ ท่านพยายามค่ะ แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ
ที่สำคัญ คนในโลกจะเห็นไทยรักไทยมาถูกต้องหรือน่าบูชาเพียงไร ก็เป็นความเห็นค่ะ ไทยรักไทยจะอยู่ได้ ต้องด้วยคนไทยยอมรับ ไม่ใช่ดิ้นพราดๆไปหาบทวิจารณ์ของต่างชาติมารับรอง
คนไทยไม่เอาไทยรักไทยแล้ว ญี่ปุ่นอยากได้ ยินดียกให้ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
RiDKuN
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 31-05-2006, 13:34 » |
|
ผมอ่านจบแล้ว สรุปว่าไม่ได้อะไรเพิ่มเติมนอกจากความรู้ใหม่ที่ว่าในโลกนี้มีคนญี่ปุ่นคนหนึ่งมีความคิดเหมือนกับคนแถวพันทิปราชดำเนินเป๊ะๆ เลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คนไม่มี "อุดมคติ" ไม่ใช่ "นักการเมือง"
|
|
|
davil amature
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 31-05-2006, 14:01 » |
|
เขาจบการศึกษาระดับปริญญาตรีปี 2524 จบปริญญาโท ปี 2526 และ ปริญญาเอกปี 2548 จากมหาวิทยาลัยเกียวโต เขาศึกษาการเมืองไทยที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ปี2526-2528 สังเกตุว่าท่านได้ศึกษามาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำที่ติดอันดับโลกนะครับก่อนที่จะมาศึกษาที่จุฬา
อย่าลืมว่าท่านเป็นคนญี่ปุ่นซึ่งเป็นเผ่าพันธ์ที่มีเลือดนักสู้สูง ผู้ในที่หนีไม่กล้าสู้ซึ่ง ๆ หน้าไม่ว่าเหตุผลใดก็ตามย่อมได้รับการประนามเป็นเรื่องปกติ แต่บทความนี้จะเป็นจริงหรือไม่ก็ดูในอนาคตต่อไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงมันก็แค่สิ่งที่เรารับรู้ และจิตใจเรายอมรับว่าจริง ทั้ง ๆ ที่ความจริงมันไม่ใช่เลยก้ได้
|
|
|
O_envi
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 31-05-2006, 17:39 » |
|
พี่กับศจ.คนนั้นช่วยเอาทักษิณไปเป็นนายก ญี่ปุ่นละกันครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
The change musts come one by one.It has to start with you
|
|
|
AsianNeocon
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 31-05-2006, 20:50 » |
|
The Economist ก็มองแบบเดียวกับ ญี่ปุ่น และ อเมริกา
ซึ่งมันไม่แปลกเพราะว่า
ต่างชาติ ไม่มีหน้าที่ต้องปกป้องผลประโยชน์ประเทศไทยหรือคนไทย
แต่มันต้องปกป้องผลประโยชน์ตัวเอง เช่น สิทธิประโยชน์ทางภาษี มาถลุงสิ่งแวดล้อมเมืองไทยตั้งโรงงาน กรณีCTX GMO สิทธิบัตรพรรณพืชของไทย ที่ต่างชาติเอาไป FTA AFTA(คนได้ประโยชน์ตัวจริงคือ ญี่ปุ่น ชัดเจนมาก)
ไม่มีรัฐบาลไทยชุดไหนอีกแล้ว ที่จะปกป้องต่างชาติได้เท่ารัฐบาลหน้าเหลี่ยม
ดูอย่าง นาย Daniel Lian ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชาวสิงคโปร์ ที่ทำงานกับ Morgan Stanley สาขาสิงคโปร์ ก็เชียร์หน้าเหลี่ยมมาตลอด
อย่าคิดว่า ถ้าเป็น ฝรั่ง ญี่ปุ่น แล้วจะเป็นพระเจ้า ดีไปหมด พวกนี้วาระซ่อนเร้นเยอะ อะไรที่เป็นผลประโยชน์มันเงียบหมด ถามว่าทำไมเผด็จการ Soeharto ของอินโดนีเซีย ครองอินโดมา 30 ปี โกงชาติไปตั้งมาก ฆ่าคนไปตั้งเยอะ แต่อเมริกา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ กลับไม่ว่าอะไร แต่ที จีน พม่า พวกนี้กลับจะเอาเป็นเอาตาย ตราหน้า จีนกับพม่า เป็นผู้ร้ายตัวฉกาจ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-05-2006, 20:56 โดย ThaiTruth »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
so what?
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 31-05-2006, 21:45 » |
|
อ่านบทความแล้วความรู้สึกก็คงเหมือนฝรั่งอเมริกันฟังอาจารย์ปทุมพร (ขออภัยถ้าสะกดชื่อท่านผิด) วิจารณ์การเมืองอเมริกา หรือคนรัสเซียฟังคุณนิติภูมิบรรยายเกี่ยวกับการเมืองรัสเซียนั่นแหละครับ ไม่ใช่ว่าสองท่านนี้กับท่านศาสตราจารย์ญี่ปุ่นจะไม่เก่ง แต่ข้อมูลดิบที่ท่านผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ได้รับยังถือว่าไม่ลึกซึ้งหลากหลายครบทุกแง่ทุกมุมเท่ากับคนที่อาศัยอยู่ในประเทศเหล่านั้นเอง หลายอย่างพวกท่านก็ต้อง assume แล้วสรุปเอาตามความเข้าใจ เนื่องจากข้อมูลไม่ชัดเจน
ผมมีเพื่อนฝรั่งหลายคนที่ตั้งรกรากอยู่เมืองไทยมานานกว่ายี่สิบปี เป็นระดับ professional ทั้งนั้น การศึกษาก็มีตั้งแต่ปริญญาตรีถึงเอก เชื่อไหมครับว่าทุกคนถามเป็นเสียงเดียวกันว่า คนไทยปล่อยให้หน้าเหลี่ยมปู้ยี่ปู้ยำประเทศมาได้ยังไงตั้งห้าปี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
บุรุษไร้นาม
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: 31-05-2006, 22:06 » |
|
ญี่ปุ่น ไม่ใช่พ่อ ครับ ถ้าเป็นพ่อ คุณกาลามชน ก็ขอโทษที ต่างชาติมันไม่สนใจผลประโยชน์ของไทยนี่ครับ เหมือนที่คุณ ThaiTruth บอกนั่นแหละครับ แล้วทำไมเราต้องไปเชื่อมันด้วยล่ะ ญี่ปุ่นมันก็แค่ประเทศ ที่สินค้าส่งออกที่ดีที่สุดคือ หนังโป๊ ไม่ใช่ TOYOTA
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เงินยิ่งใช้ ยิ่งหมด บุญ ยิ่งทำ ยิ่งได้ .......กูจะสู้แม้รู้ว่าพวกกูน้อย สู้ไม่ถอยแม้รู้ว่าจะดับสลาย แผ่นดินนี้พ่อกูอยู่ปู่กูตาย กูสุดอายหากเสียทีไพรีครอง ใครบ้างเหวยจะร่วมสู้กับกูบ้าง ใครบ้างเหวยจะอยู่ข้างไทยใจหาญ ใครบ้างเหวยจะละสุขสนุกสำราญ ใครบ้างเหวยยอมวายปราณเพื่อไทยคง
|
|
|
ผู้ทำลาย
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: 31-05-2006, 22:14 » |
|
ญี่ปุ่น ไม่ใช่พ่อ ครับ ถ้าเป็นพ่อ คุณกาลามชน ก็ขอโทษที ต่างชาติมันไม่สนใจผลประโยชน์ของไทยนี่ครับ เหมือนที่คุณ ThaiTruth บอกนั่นแหละครับ แล้วทำไมเราต้องไปเชื่อมันด้วยล่ะ ญี่ปุ่นมันก็แค่ประเทศ ที่สินค้าส่งออกที่ดีที่สุดคือ หนังโป๊ ไม่ใช่ TOYOTA คิดเหมือนกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
แสนยานุภาพผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน
|
|
|
HILTON (ปาล์มาลี)
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: 31-05-2006, 22:24 » |
|
อ้ายญี่ปุ่นนี้มันต้องเป็นเพื่อนกับ ทนงซังแน่ พูดอะไรเหมือนกันยังกับแกะ ตอนประท้วงที่สนามหลวง มีคนญี่ปุ่น ไม่ได้เป็นถึงศจ แต่ติดตามการเมืองไทย บอกว่าคนญี่ปุนไม่หน้าด้านเท่าคนไทย แค่รถไฟตกรางเขาลาออกแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Can ไทเมือง
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: 31-05-2006, 22:30 » |
|
ถ้าผู้นำญี่ปุ่น มาเป็น ผู้นำไทย ผมคิดว่า เค้าคว๊านท้องไปหลาบรอบแล้ว
ความหน้าบาง และศักดิศรีของความเป็นผู้นำ มันต่างกันครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Coolly_Jade
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: 01-06-2006, 02:26 » |
|
สิ่งที่น่าสังเกตุก็คือ ผลงานของศาสตราจารย์ท่านนี้ เกิดขึ้นและถูกเผยแพร่ หลังจากที่รัฐบาลญี่ปุ่นเสนอเจรจาFTAกับไทย ส่วนในจุดอื่นๆที่เห็นดีๆและตรงประเด็นก็มีอยุ่เยอะ โดยเฉพาะการกล่าวถึงรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ทักษิณาธิปไตย เสรีทางความคิด เผด็จการต่อการแสดงออก ใครเห็นด้วยเป็นคนดี ใครคัดค้านเป็นกุ๊ย
|
|
|
teera999
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: 01-06-2006, 03:11 » |
|
พวกไอ้ยุ่นที่ประเทศมันมีแต่หนังลามกเคยอ่านรัฐธรรมนูญของไทยก่อนเห่าหรือไม่ก็ไม่รู้ ถ้าไม่รู้ว่าทำไมถึงโมฆะก็ไม่ต้องออกมาแสดงความเห้นโง่ๆ ประเด็นที่ไอ้ศจ.หน่อมแน้มสงสัยว่าทำไมการหันออก ถึงผิดก็เพราะมัน เอาโนโหวตมาไว้ด้านล่างทำให้การลงเสียงไม่เป็นความลับไง ไอ้ ศจ.โง่ บ้านเอ็งให้เขียนชื่อมันก็ไม่รู้สิว่าเลือกใครสักแต่วิจารณฺแต่ไม่เคยใส่ใจเนื้อหาเลยรายละเอียดแค่นี้ก็ไม่มีปัญญาหา ศจ. ที่ได้มาสงสัยซื้อมาแน่ๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Ziggy Stardust
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: 01-06-2006, 04:20 » |
|
การนำสภาพแวดล้อมทางการเมืองของประเทศหนึ่งไปเปรียบกับประเทศอื่นๆแล้วนำมาวิจารณ์คงจะทำไม่ได้ เพราะแต่ละประเทศมีองค์กอบที่แตกต่างกันทั้งขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม และรูปแบบการปกครอง รวมไปถึงนิสัย สันดาน และพฦติกรรมของนักการเมืองในแต่ละประเทศที่แตกต่างกันอีกด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
A tiger can smile A snake will say it loves you Lies make us evil
|
|
|
That's right.
|
|
« ตอบ #25 เมื่อ: 01-06-2006, 07:18 » |
|
The wise man is always a good listener.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
::วิญญาณห้อง2::
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: 01-06-2006, 08:32 » |
|
มา........ ขำ....... 5555
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
--------this is the world-------
|
|
|
R O S #41
|
|
« ตอบ #27 เมื่อ: 01-06-2006, 09:25 » |
|
เห็นด้วยและเปงยิ่งกับThe Economist ก็มองแบบเดียวกับ ญี่ปุ่น และ อเมริกา
ซึ่งมันไม่แปลกเพราะว่า
ต่างชาติ ไม่มีหน้าที่ต้องปกป้องผลประโยชน์ประเทศไทยหรือคนไทย
แต่มันต้องปกป้องผลประโยชน์ตัวเอง เช่น สิทธิประโยชน์ทางภาษี มาถลุงสิ่งแวดล้อมเมืองไทยตั้งโรงงาน กรณีCTX GMO สิทธิบัตรพรรณพืชของไทย ที่ต่างชาติเอาไป FTA AFTA(คนได้ประโยชน์ตัวจริงคือ ญี่ปุ่น ชัดเจนมาก)
ไม่มีรัฐบาลไทยชุดไหนอีกแล้ว ที่จะปกป้องต่างชาติได้เท่ารัฐบาลหน้าเหลี่ยม
ดูอย่าง นาย Daniel Lian ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชาวสิงคโปร์ ที่ทำงานกับ Morgan Stanley สาขาสิงคโปร์ ก็เชียร์หน้าเหลี่ยมมาตลอด
อย่าคิดว่า ถ้าเป็น ฝรั่ง ญี่ปุ่น แล้วจะเป็นพระเจ้า ดีไปหมด พวกนี้วาระซ่อนเร้นเยอะ อะไรที่เป็นผลประโยชน์มันเงียบหมด ถามว่าทำไมเผด็จการ Soeharto ของอินโดนีเซีย ครองอินโดมา 30 ปี โกงชาติไปตั้งมาก ฆ่าคนไปตั้งเยอะ แต่อเมริกา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ กลับไม่ว่าอะไร แต่ที จีน พม่า พวกนี้กลับจะเอาเป็นเอาตาย ตราหน้า จีนกับพม่า เป็นผู้ร้ายตัวฉกาจ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ไม่มีอะไรที่ จะทำไม่ได้ และไม่ได้มา นอกจากเราจะท้อแท้ และยอมแพ้กับมัน
|
|
|
นู๋เจ๋ง
|
|
« ตอบ #28 เมื่อ: 01-06-2006, 11:19 » |
|
อยากอ่านความเห็น ศ. ญี่ปุ่น วิจารณ์ กรณี สมมุติ นะ ว่าสมมุติ
ถ้าหากว่า นายจุนอิชิโร โคอิซูมิ นายกรัฐมนตรี ญี่ปุ่น เงินเดือน ปีละ 13200000 บาท (ข้อมูล จาก yahoo) แล้วเป็นเจ้าของ บริษัท ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เช่น TOYOTA, SONY, NTT หรือมีมีย หรือมีลูกๆ ถือห้นใหญ่บริษัทเหล่านี้ แล้ว ขายหุ้นใหญ่ TOYOTA ให้เกาหลีเหนือ ขายหุ้นใหญ่ NTT ให้ จีน ขายหุ้นใหญ่ SONY ให้เกาหลีใต้ และอยากรู้ว่า นายกญี่ปุ่น 1.จะกล้าทำหรือเปล่า 2. ถ้าทำ จะยังหน้าด้านอยู่ในตำแหน่งอีกหรือเปล่า 3. จะยุบสภา หนีหรือเปล่า
แล้วอ้าง 16 ล้านเสียง ศ. ญี่ปุ่น จะว่ายังไง ???
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
~จะแน่วแน่...แก้ไข...ในสิ่งผิด~
|
|
|
บุรุษไร้นาม
|
|
« ตอบ #29 เมื่อ: 01-06-2006, 14:32 » |
|
^ ^ ^
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
เงินยิ่งใช้ ยิ่งหมด บุญ ยิ่งทำ ยิ่งได้ .......กูจะสู้แม้รู้ว่าพวกกูน้อย สู้ไม่ถอยแม้รู้ว่าจะดับสลาย แผ่นดินนี้พ่อกูอยู่ปู่กูตาย กูสุดอายหากเสียทีไพรีครอง ใครบ้างเหวยจะร่วมสู้กับกูบ้าง ใครบ้างเหวยจะอยู่ข้างไทยใจหาญ ใครบ้างเหวยจะละสุขสนุกสำราญ ใครบ้างเหวยยอมวายปราณเพื่อไทยคง
|
|
|
|