ไม่มีหลุม500ศพที่ใต้-พรทิพย์โวยไกรศักด

ม่มีหลุม500ศพที่ใต้-พรทิพย์โวยไกรศักดิ์

ค้นเจออีก3กระบอกอาวุธโจร

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระราชทานดอกไม้เยี่ยมไข้ "ครูจุ้ย" เหยื่อคนร้ายที่ถูกจับเป็นตัวประกัน รุมทำร้ายบาดเจ็บ ขณะที่อาการยังหนัก ไม่รู้สึกตัว หายใจเองไม่ได้ ต้องใช้เครื่องช่วย แพทย์ยืนยันจะรักษาตามมาตรฐานวิชาชีพที่ดีที่สุด ด้าน "หมอพรทิพย์" โวย "ไกรศักดิ์" ข้อมูลผิด โต้ลั่นไม่ใช่ 500 ศพ แต่มี 200-300 ศพ แถมเป็นชาวพม่า-เขมร ศพไม่มีญาติ ฝังที่ปัตตานีเท่านั้น ผบ.ทบ.รุดนราธิวาส หารือมาตรการคุ้มกันครู ยันหากเกิดเหตุ ทหารจะใช้เวลา 10 นาทีเข้าที่หมายช่วยเหลือ ส่วนเหตุรุนแรงรายวันยังมีต่อเนื่อง ยิงดับหนุ่มตากใบ ประกบยิงผัวเมียตายเจ็บ ทหารพรานลุยค้นปัตตานีเจออาก้า 2 กระบอก ที่ยะลาพบเอ็ม 16 อีกกระบอก

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 28 พ.ค. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้พล.อ.อ.โยธิน ประยูรโภคราช เป็นผู้แทนพระองค์ อันเชิญดอกไม้พระราชทานเยี่ยมไข้ น.ส.จูหลิง ปงกันมูล หรือครูจุ้ย ครูโรงเรียนบ้านกูจิงลือปะ ต.เฉลิม อ.ระแงะ จ.นราธิวาส หนึ่งในครูที่ถูกจับเป็นตัวประกัน และถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่ร.พ.สงขลานครินทร์ จ.สงขลา โดยมอบให้กับ นายสุน และนางคำมี ปงกันมูล พ่อแม่ของครูจุ้ย ยังความปลาบปลื้มปีติ และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณแก่ครอบครัวของครูจุ้ย รวมถึงคณะแพทย์ที่ทำการรักษา และประชาชนที่มาเยี่ยมให้กำลังใจ

สำหรับอาการของครูจุ้ย คณะแพทย์ร.พ.สงขลานครินทร์ ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 9 ระบุว่า ยังคงไม่รู้สึกตัวเหมือนเดิม สัญญาณชีพคงที่ ความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์เกือบปกติ ไม่สามารถหายใจได้ด้วยตนเอง จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจควบคุมการหายใจทั้งหมด สามารถรับอาหารทางสายยางได้มากขึ้น สิ่งที่ดำเนินการคือใช้ยากระตุ้น เพื่อควบคุมการเต้นของหัวใจ และความดันอย่างต่อเนื่องในปริมาณเท่าเดิม ใช้เครื่องช่วยหายใจ เพื่อควบคุมการหายใจทั้งหมด

แถลงการณ์ของคณะแพทย์ระบุต่อว่า ตลอดเวลายังคงให้ยาปฏิชีวนะ เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากการบาดเจ็บ และรักษาอาการปอดติดเชื้อ ยังคงให้ยาป้องกันภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหาร ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการบาดเจ็บที่รุนแรง ปรับความสมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย จนเกือบอยู่ในภาวะปกติ สรุปภาพรวมโดยทั่วไปครูจูหลิงมีอาการคงที่ โดยยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และยาควบคุมความดันตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม คณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง จะให้การรักษาตามมาตรฐานวิชาชีพที่ดีที่สุดต่อไป

วันเดียวกัน พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ รักษาการ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่ นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ รักษาการ ส.ว.นครราชสีมา และประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา อ้างว่าเมื่อเดือนที่แล้ว พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ พบหลุมฝังศพในพื้นที่จ.นราธิวาส และจ.ยะลา คาดมีประมาณ 500 ศพว่า ข้อมูลที่นายไกรศักดิ์เปิดเผย เป็นข้อมูลที่ผิด แท้จริงแล้วศพดังกล่าวมีอยู่ประมาณ 200-300 ศพ ทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้รับข้อมูลเบื้องต้นนี้มาจากทางตํารวจ แจ้งว่าเป็นศพชาวพม่าและกัมพูชา ถูกฆาตกรรมและไม่มีญาติ ฝังอยู่ในพื้นที่อ.เมือง จ.ปัตตานี เท่านั้น ส่วนที่จ.นราธิวาส และจ.ยะลา ไม่มี

ด้านนายไกรศักดิ์กล่าวว่า ข้อมูลเกี่ยวกับหลุมฝังศพในพื้นที่จ.นราธิวาส และจ.ยะลา ที่เปิดเผยนั้น ยืนยันว่ามีอยู่จริง ไม่ใช่มีแค่ในพื้นที่ภาคใต้อย่างเดียว ยังตรวจพบที่ จ.ตาก อีกแห่งหนึ่งด้วย มีอยู่หลายสิบศพ จําเป็นต้องพูดข้อมูลเหล่านี้ เพื่อยับยั้งไม่ให้เกิดขึ้นอีก แต่ยอมรับว่าเป็นข้อมูลเก่าที่พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เคยพูดบ่อย แต่เป็นข่าวนิดเดียว และคงต้องขอปรึกษาเกี่ยวกับข้อมูลกับ พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ และคณะกรรมการสิทธิฯ คนอื่นก่อน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แน่นอน คาดว่าในวันจันทร์ที่ 29 พ.ค. จะเริ่มดําเนินการได้

พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดรายงานแล้วว่าเป็นหลุมศพปกติ ไม่มีอะไร เรื่องนี้ต้องดูว่าใครเป็นคนพูด และมีน้ำหนักความเชื่อถือมากแค่ไหน ถ้าเป็นผู้สื่อข่าวไปสำรวจไปถ่ายรูปก็อาจจะน่าเชื่อถือ แต่ถ้าเป็นเพียงแค่คำพูด คิดว่าไม่ควรไปคิดมาก เพราะตรวจสอบตลอดเวลา และมีผู้สื่อข่าวอยู่ในพื้นที่ตลอด ส่วนจะดำเนินการอย่างไรต่อหรือไม่ ขณะนี้ถือว่ารับทราบ และตรวจสอบแล้วไม่มีอะไร ถ้ามีญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตคงออกมาแล้ว

สำหรับสถานการณ์ต่างๆ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมเทศบาลเมืองนราธิวาส พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. พร้อมด้วย พล.ท.องค์กร ทองประสม แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบช.ภาค 9 นายประชา เตรัตน์ ผวจ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงใน จ.นราธิวาส ประชุมร่วมกับครูในพื้นที่การศึกษาเขต 1 จ.นราธิวาส เพื่อชี้แจงนโยบายดูแลความปลอดภัยให้แก่ครูและนักเรียน

พล.อ.สนธิกล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทราบจำนวนกลุ่มแนวร่วม และผู้ก่อเหตุแล้ว มีเพียงประมาณ 3,000-5,000 คนเท่านั้นที่อยู่ในพื้นที่ มีความชัดเจนประสงค์หวังแบ่งแยกดินแดนและปกครองตัวเอง แต่เป็นจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั้งหมดกว่าล้านคน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ส่วนแนวทางดูแลความปลอดภัยในพื้นที่นั้น เน้นกองกำลังในพื้นที่แล้วว่า ให้จัดชุดเข้าไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุทันทีที่เกิดเหตุ โดยจะต้องใช้เวลาไม่เกิน 10-15 นาที เพื่อเข้าไปช่วยเหลือ และติดตามจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็ว เชื่อว่าวิธีนี้จะทำให้ประชาชนในพื้นที่เชื่อถือการดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่มากขึ้น

ผบ.ทบ.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังกำชับให้ดำเนินงานด้านจิตวิทยามวลชนให้มาก ด้วยการลงไปพูดคุยกับกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อให้ทราบถึงความเคลื่อนไหว และจำแนกคนที่ดีออกจากคนไม่ดีภายในหมู่บ้านด้วย ส่วนกรณีที่ทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่เกิดความล่าช้าไปบ้างนั้น เป็นเพราะภูมิประเทศในพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ทุกที่มีชุมชนอยู่รวมกัน ทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ยากขึ้น ในการที่จะจู่โจมคนร้ายอย่างทันที

ด้านนายธวัช แซ่ฮ่ำ ประธานสมาพันธ์ครู จ.นราธิวาส กล่าวว่า ตามที่ผบ.ทบ.พูดถึงสถานการณ์คลี่คลายและดีขึ้นนั้น ไม่เป็นความจริง โดยส่วนตัวเป็นครูและคนในพื้นที่ รับทราบปัญหาด้วยตนเองตลอด ยืนยันว่าปัญหาในพื้นที่จ.นราธิวาสรุนแรงขึ้นมาก ในหมู่บ้านบางแห่งไม่ยอมส่งเด็กเข้าโรงเรียนของรัฐ บางแห่งติดธงชาติไทย แต่ฝ่ายตรงข้ามเอาออก แล้วติดธงสีเขียวแทน จึงเห็นว่าโรงเรียนในพื้นที่สีแดง ควรจัดให้มีครูตชด.มาสอนด้วย เป็นครูและรปภ.ภายในตัว

ส่วนนายไพรัฐ แสงทอง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) นราธิวาส เขต 1 กล่าวว่า ครูในพื้นที่เสี่ยงภัยอย่างมาก โดยเฉพาะครูที่อยู่ในพื้นที่สีแดงจำนวน 50 โรง ในพื้นที่อ.ระแงะ อ.ศรีสาคร อ.รือเสาะ อ.บาเจาะ และอ.เจาะไอร้อง เป็นพื้นที่อันตราย เห็นด้วยหากกำลังเจ้าหน้าที่สามารถถึงที่หมาย หากเกิดเหตุร้ายได้ภายใน 10 นาที แต่ต้องเป็นไปในลักษณะการปฏิบัติจริงเท่านั้น ถึงจะสามารถสร้างความมั่นใจให้ครูในพื้นที่ได้

ผอ.สพท.นราธิวาส เขต 1 กล่าวต่อว่า โดยเฉพาะในวันจันทร์ที่ 29 พ.ค. โรงเรียนในพื้นที่จ.นราธิวาส ทุกแห่งจะเปิดการเรียนการสอนตามปกติ ยกเว้นโรงเรียนบ้านกูจิงลือปะ หมู่ 4 ต.เฉลิม อ.ระแงะ ยังงดเปิดการเรียนการสอนไว้ชั่วคราว ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ เพื่อหาที่เรียนให้กับเด็กนักเรียน นอกจากนี้ บุคลากรและครูในพื้นที่จ.นราธิวาส สามารถแสดงความจำนงขอย้ายออกจากพื้นที่ได้ เบื้องต้นมีครูขอย้ายจำนวน 100 กว่าคน จาก 3.000 คน

ขณะที่เหตุรุนแรงในพื้นที่ต่างๆ นั้น เวลา 03.30 น. ร.ต.ท.วิริยะ โชติกวี ร้อยเวรสภ.อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตที่ถนนเอเชีย 18 เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารรุดไปยังที่เกิดเหตุพบศพนายมะโซ ปิตาราโซ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21/1 หมู่ 3 ต.นานาค อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าหน้าผาก กระสุนทะลุศีรษะด้านหลัง สอบสวนทราบว่า ขณะที่ผู้ตายขับขี่รถจักรยานยนต์ มีคนร้าย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ก่อนชักอาวุธปืนยิงเสียชีวิต และขโมยเอารถจักรยานยนต์หลบหนีไปด้วย สันนิษฐานในเบื้องต้นอาจมาจากเรื่องความแค้นส่วนตัว และสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่

ต่อมาเวลา 06.10 น. พ.ต.ท.วิเชียร ยันตรัตน์ รองผกก.ป.สภ.อ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงที่ถนนสายเจาะไอร้อง-ตอหลัง บ้านลูโบะดือแย หมู่ 6 ต.ตันหยงลิมอ อ.ระแงะ หลังรับแจ้งจึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารรุดไปยังที่เกิดเหตุ เป็นทางเปลี่ยว ข้างทางเป็นป่ายางพาราและป่าละเมาะรกทึบ พบนางแมะยะ ดอเลาะ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 183 หมู่ 5 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซอง 1 นัด เข้าสะบักขวา แขนขวาอาการสาหัส จึงนำส่งร.พ.นราธิวาสราชนครินทร์ ตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนลูกซอง 2 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนทราบว่า นางแมะยะนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีแดง ไม่ติดป้ายทะเบียน โดยมีนายดอหาซา ดอเลาะ อายุ 35 ปี สามี ซึ่งหายไปหลังเกิดเหตุ ออกจากบ้านไปกรีดยางที่บ้านตันหยงลิมอ อ.ระแงะ ระหว่างทางมีคนร้าย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ประกบจากด้านหลัง ก่อนที่คนร้ายนั่งซ้อนท้ายใช้อาวุธปืนลูกซองยาวจ่อยิงเผาขน 2 นัดซ้อน กระสุนถูกนางแมะยะ บาดเจ็บ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.อ.ระแงะ ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.เจาะไอร้อง เพื่อติดตามหานายดอหาซา กระทั่งพบนายดอหาซา ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองชนิดเดียวกันเข้าลำตัวและศีรษะ เสียชีวิตแล้ว

ด้านจ.ยะลา เวลา 03.00 น เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวน ลอบวางเพลิงรถจักรยานยนต์ของนางอนงค์ เตมะศิริ อยู่บ้านเลขที่ 254/102 หมู่ 9 ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา ได้ความเสียหาย กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่อยู่ว่ามาจากเรื่องส่วนตัว หรือสถานการณ์ความไม่สงบ และเวลา 06.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.อ.รามัน จ.ยะลา รับแจ้งเหตุยิงกันที่ถนนสายรามัน-โกตาบารู บ้านพงจือนือเระ หมู่ 3 ต.กายูบอเกาะ อ.รามัน รุดไปที่เกิดเหตุพบนายรอฮิง โต๊ะเยง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่ 4 บ้านกาปงบารู ต.เรียง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่ลำตัวและคอ บาดเจ็บสาหัส จึงนำส่งร.พ.รามัน

จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเหตุนายรอฮิง ขับขี่รถจักรยานยนต์ เดินทางกลับจากกรีดยาง เมื่อขับขี่มาถึงที่เกิดเหตุ มีคนร้าย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ ตามประกบ เมื่อสบโอกาสคนนั่งซ้อนท้ายใช้อาวุธปืนยิงจนได้รับบาดเจ็บ ส่วนสาเหตุอยู่ในระหว่างการสอบสวน ว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ หรือเรื่องส่วนตัว

ต่อมาเจ้าหน้าที่จากกรมทหารพรานที่ 41 ค่ายวังพญา ต.วังพญา อ.รามัน จ.ยะลา ร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 11 อ.รามัน เข้าตรวจค้นในพื้นที่เป้าหมาย 2 จุด คือบ้านปาแตรายอ หมู่ 2 ต.เกะรอ อ.รามัน หลังสืบทราบว่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบนำอาวุธปืนสงครามจากพื้นที่อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เข้ามาซุกซ่อนไว้ที่บ้านปาแตรายอ จากการตรวจค้นพบอาวุธปืนอาก้า 2 กระบอก ซองกระสุน และกระสุนปืนอาก้า 18 นัด สภาพพร้อมใช้งาน ซุกซ่อนอยู่บริเวณเชิงเขาใกล้สวนยางพารา

จากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารพรานอีกชุด เข้าตรวจค้นในพื้นที่บ้านกูแบสีรา หมู่ 4 ต.กอลำ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พบอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก พร้อมซองกระสุน 2 ซอง และกระสุนจำนวน 34 นัด สภาพพร้อมใช้งาน ห่อหุ้มด้วยผ้ายาง ซุกซ่อนไว้ในกอต้นกะพ้อ บนคันนา ห่างจากถนนสายหลักของหมู่บ้านประมาณ 15 เมตร เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดไปตรวจสอบหาที่มาของอาวุธปืน พร้อมทั้งจะตรวจสอบว่าเคยถูกนำไปก่อคดีความไม่สงบในพื้นที่ใดบ้าง

หน้า 1

อย่าพึ่งเชื่อนะครับ เพราะว่าข่าวทุกข่าวที่ออกมาจากสื่อล้วนบิดเบือนมาแล้ว