ท่านขุนน้อย
3 มิถุนายน 2551 กองบรรณาธิการ
เสียผู้เสียคน!!!
ตายซะแล้ว...น้าหมัก...งานนี้ต้องเรียกว่า...ตายจริงๆ ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี-หนีไม่พ้น เพราะกระทั่งแค่ความเป็นผู้เป็นคนยังรักษาเอาไว้ไม่ได้...ก็เท่ากับว่า...หมดแล้ว!!! ที่ยังพอขยับเขยื้อน เคลื่อนไหว เดินไป-เดินมา หายใจเข้า-หายใจออก ได้อยู่...อันนั้น...คงต้องใช้คำว่า ซาก จะไปสรุปว่าเป็นชีวิต เป็นมนุษย์มนาโดยปกติ ย่อมเป็นไปไม่ได้โดยเด็ดขาด...
----------------------------------------------
แรกๆ ที่บุญหล่นทับ ชักหัวแม่เท้าหลบไม่ทัน จำต้องกลายมาเป็น ผู้นำ ชาติบ้านเมืองอยู่จนทุกวันนี้ ถ้าหากจะให้คำจำกัดความว่าเป็นประเภท ต้นทุนทางสังคมต่ำ กว่าปกติ...ก็พอจะรับฟังได้ แต่หลังจากผ่านการบริหารราชการมา 2 เดือน 3 เดือน...ไม่ว่าต้นทุนระดับใดๆ ดูๆ มันจะไม่เหลือติดปลายนวมเอาซะเลย พูดง่ายๆ ว่าออกไปในแนว ไม่มีราคา อย่างที่ใครต่อใครเขาว่าเอาไว้นั่นแหละ แต่พอมาในช่วงวันสองวัน...ยิ่งหนักหนาสาหัสเข้าไปใหญ่ โดยเฉพาะวันเสาร์ต่อวันอาทิตย์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา...นอกจากไม่เหลือราคาแล้ว ยังดันติดลบเข้าไปอีกต่างหาก เสียผู้เสียคน...ชนิดราคาความเป็นคนยังแทบไม่เหลือ...
--------------------------------------------------
คือถ้าหากแค่...จั๊บๆๆ...ต่อหน้าไมโครโฟนของนักข่าว ไม่ว่าจะเป็นนักข่าวไทยแท้ๆ อย่างไอเอ็นเอ็น หรือนักข่าวฝรั่งแท้ๆ อย่างซีเอ็นเอ็นก็ตาม...อันนี้มันยังพอ บิด กันได้ อะไรที่เคยถุยไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง 6 ตุลามีคนตายคนเดียว เรื่อง แบงก์เจ๊ง เรื่อง แผนรัฐประหารจับรัฐมนตรีขึ้น ฮ.เดี่ยว ฯลฯ เมื่อไหร่ที่มันม้วนกลับลอยเข้ามาโปะหน้า ก็หลบแวบฉากขวา เบี่ยงซ้าย ใช้ตะโพก ซี่โครง เถลือกไถลลงคูลงคลอง...อย่างมากก็แค่เลือดออกซิบๆ ใช้ยาสมานแผลเบทาดีนทาให้ทั่วทั้งสีข้าง ตั้งแต่หัวไปยันตาตุ่ม...อีกไม่กี่วันกี่สัปดาห์ ผู้คนก็อาจลืมๆ กันไปหมดแล้ว...
------------------------------------------------
แต่คราวนี้...มันคนละเรื่องคนละม้วน ไม่ได้มีใครเอาไมโครโฟนเข้าไปจ่อ ล้อมหน้าล้อมหลัง ตั้งคำถามสร้างแรงกดดันให้เลยแม้แต่น้อย แต่เรียกว่า...ตั้งท่าง้างกันมาตั้งแต่ก้นซอย ไล่มาตั้งแต่เริ่ม ทำขรึม หลังเสร็จประชุมสภากลาโหมเย็นวันศุกร์ ป่าวประกาศให้ใครต่อใครเตรียมฟังคำแถลงอย่างเป็นทางการในเช้าวันเสาร์ พอได้เวลาก็ใส่สูทผูกเนคไท เพิ่มบรรยากาศซีเรียสเอาจริงเอาจัง แสยะหน้า แสยะปาก หาง (ตา) ชี้ จมูกตก ส่งเสียงคำรามจากปากถึงรูหูของประชาชน 64 ล้านโดยตรง สามารถสรุปได้อย่างชัดเจนว่า จะต้องเอากันให้...แตกหัก...ในวันนี้...ผมเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ไม่ว่าตำรวจ...หรือทหาร เรียกว่า...แง่งๆๆ...โฮ่งๆๆ...ฮึ่มๆๆ...แฮ่ๆๆ...ชัดถ้อยชัดคำทุกประโยค โดยไม่จำเป็นต้องมีล่ามมาคอยแปลให้เสียเวลา...
-----------------------------------------------
และแล้วว์ว์ว์...ก็อย่างที่รู้ๆ กันไปแล้วนั่นแหละท่าน เช้าวันรุ่งขึ้น...ดันกลายเป็น บิวตี้ฟูล ซันเดย์ ไปซะฉิบ!!! เหลือแต่สูทไม่ต้องมีเนคไท ได้บรรยากาศลำลองแบบสบายๆ หน้าเยิ้ม หน้าตูม หัวเราะหัวใคร่ จมูกไหวพะเยิบพะยาบ กลายเป็นรายการภาษาไทยวันละอ้ำไปโดยทันที ในเมื่อคำว่า สลาย ตามพจนานุกรม...ไม่ได้หลุดออกมาจากปากของกระพ้มเลย... คำว่า แตกหัก ก็จึงมีความหมายถึงการเตรียมการที่จะนำเอาทหารและตำรวจแบกกล้องโทรทัศน์เข้าไปทำการเจรจากับม็อบแบบนิ่มๆ ละมุนละม่อม และสันติวิธี...พูดไป-เช็ดไป ทั้งลื่น ทั้งไถล ทั้งเฉอะแฉะไปทั่วห้องส่งและทั่วประเทศด้วยประการละฉะนี้...
------------------------------------------------
อันที่จริง...ถ้าหากมองโลกในแง่ดี อย่างน้อย...ก็คงต้องถือว่าเป็นบุญเป็นกุศล ที่เราๆ-ทั่นๆ ทั้งหลายยังโชคดี ไม่ต้องเห็นภาพผู้คนเลือดตกยางออก เด็ก สตรี คนชรา ถูกฉุดกระชากลากถูกันต่อหน้าต่อตา แต่ก็อย่างว่า...ในโลกแห่งความเป็นจริง การที่คนระดับนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติทั้งสำนัก แถมยังเป็นรัฐมนตรีกลาโหมควบคุมกองทัพทั้ง 3 เหล่าทัพโดยตรง ลุกขึ้นมาประกาศว่าจะใช้ตำรวจและทหารที่อยู่ในมือตัวเอง ออกไปห้ำหั่น จัดการกับอะไรต่อมิอะไร ตามคำสั่งชนิดเต็มปากเต็มคำ แต่จู่ๆ...ดัน แห้ว ซะดื้อๆ!!! อันนี้นี่แหละ...ที่ต้องเรียกว่า...เสียผู้เสียคน ไม่ใช่ทหารเสีย ตำรวจเสีย...แต่เป็นผู้ออกคำสั่งหรือผู้มีอำนาจหน้าที่นั่นแหละ...เสียชนิดที่ไม่น่าจะอยู่เป็นผู้เป็นคนได้อีกต่อไปแล้ว...
-----------------------------------------------------
เพราะฉะนั้น...แทบไม่ต้องพูดถึงการเป็นรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีอีกเลย กระทั่งเป็น พ่อครัว หรือเป็นพิธีกรรายการ ชิมไป-บ่นไป ก็ยังลำบาก คิดง่ายๆ ว่า...แค่ไปบอกสูตรให้ใครต่อใครตักเกลือใส่แกงซัก 1 หรือ 2 ช้อนชา คนที่ได้ยินได้ฟังมันจะไปแน่ใจได้อย่างไร? ว่าเอาเข้าจริงๆ แล้ว...จะหมายถึง เกลือ แท้ๆ หรือจะหมายถึง น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ หรือ 2 ช้อนโต๊ะกันแน่??? เพราะขนาดคำว่า แตกหัก กับ สลาย มันยังไปกันคนละเรื่องคนละม้วนได้ถึงเพียงนี้ แทนที่จะได้กินแกงส้มเปรี้ยวๆ เค็มๆ ให้มันแซ่บๆ
ถึงใจ ดันกลายเป็นแกงเขียวหวานไปแทนที่...สู้ไปจ้าง หมึกแดง อาจารย์ ยิ่งศักดิ์ มาเป็นพรีเซนเตอร์จะไม่ดีกว่าหรือ??? นอกจากน่าเชื่อ น่าไว้วางใจได้แล้ว ราคาค่าตัวยังไม่น่ารุนแรงถึง 80,000 บาทอีกต่างหาก...
--------------------------------------------------
สรุปว่า...งานนี้พวก พันธมิตรฯ ก็เลยรับเอาไปเต็มๆ เคยมี แกนนำ อยู่แค่ 5 คน เคลื่อนไหวอะไรมันอาจจะยังดูติดๆ ขัดๆ แต่พอได้ แกนนำคนที่ 6 ชื่อว่า น้าหมัก มาช่วยเสริมอีกแรงหนึ่ง ทั้ง เรตติ้ง ทั้ง ความชอบธรรม พุ่งกระฉูดโดยทันที นอกจากจะช่วยเรียกม็อบในวันเสาร์ที่ผ่านมา ให้เพิ่มจำนวนขึ้นเป็นแสนๆ ยังช่วยค้ำประกันข้อเรียกร้อง ที่ตั้งเอาไว้สูงโด่เด่ว่าให้ รัฐบาลลาออก กลายเป็นสิ่งที่มีเหตุมีผลไปดื้อๆ เพราะถ้าหากผู้ที่มีหน้าที่นำพาชาติบ้านเมืองยังเป็นซะยังงี้...มันก็หมดแล้ว!!! ประเทศนี้ ไม่ว่าจะแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่แก้ก็ตาม...
-------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก จอห์น วูล์ฟกัง วอน เกอเต... "ผู้ซึ่งไม่สามารถสั่งการแม้กระทั่งตัวเองได้...ก็คือผู้ที่เป็นทาสโดยถาวร..."
---------------------------------------------
http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&iDate=3/Jun/2551&news_id=159362&cat_id=500no comment