จริงๆ เอกยุทธ อัญชันบุตร ได้แนะนำกลยุทธนี้นานแล้ว ไม่ต้องกลัวว่า ต่างชาติจะตื่นตระหนก เพราะยังไงทุนที่เข้ามาก็มีแต่ "ฝรั่งหัวดำ" ทั้งนั้น เพื่อมาฟอกเงิน
ทำให้มันปิดการซื้อขายไปเลย ดูซิว่า มันจะอยู่ได้ไหม
นี่คือตัวอย่างของคนที่เรียกตัวเองว่า นักลงทุน แต่แท้จริงมันคือ "ปอบกินชาติ" หรือ "ผีพนัน"ถ้าสนธิ...ไม่ออกมากู้ชาติ...หุ้นไทยตอนนี้ 1400 จุด เท่าอินโดนีเซีย...ใช่ไม่ใช่ถ้าสนธิบอกว่า กู้อะไร อันนั้นเจ๊ง ทันที
ตอนนั้น..บอกว่า..กู้แบงค์ แบงค์ เกือบเจ๊ง เพราะกู้แล้วชักดาบ
ตอนนี้บอกว่า กู้ชาติ ......ชาติจะเป็นอย่างไร
ที่แน่ๆ ทุกอย่างในประเทศหยุดชะงัก หมด
แผนการพัฒนาต่างๆ หยุดหมด
ชาติต้องเสียเงินมาเลือกตั้งอีก 3 พันล้าน
นักวิเคราะห์ทั้งหลายบอกว่า
หุ้นไทยตอนนี้ควรจะ 1400 จุด เท่าอินโดนีเซีย
ถ้าสนธิ ไม่ออกมากู้ชาติ
เหตุว่า สมัยช่วงเกิดวิกฤตินั้น เราออกสตาร์ทเกือบเท่ากันที่
300 จุด แต่พื้นฐานทางเศรษฐกิจนั้นของเราแกร่งกว่าเยอะ
แต่ไฉน อินโด ไปไกลกว่าเรา
ยิ่งในปี 2006 เงินลงทุนจากต่างชาติ
เข้ามาลงทุนในภูมิภาคนี้เป็นจำนวนมาก
จากคุณ : findXXXX
- [ 6 พ.ค. 49 06:16:41 ]
และนี่คือตัวอย่างของทัศนคติของ "นักเรียนนอก" ที่กลับมาเมืองไทยพร้อมกับนิสัย "ศรีธนญชิน" และ "ประเทศฉิบหายข้าไม่สน ขอให้หุ้นใน portfolio ข้าพุ่งกระฉูดก็พอ" ไม่ได้ความมั่งคั่งที่ตัวเองมีมาสร้างผลผลิตใดๆ นอกจากอาชีพกินตามน้ำในตลาดลักทรัพย์ความคิดเห็นที่ 32
น้องสาวของดิฉันย้ายไปอยู่อินโดนีเซียมานานราว 28 ปี
ก่อนหน้านี้ อินโดนีเซียยังมีนโยบายที่ไม่เปิดกว้างในแง่ของการเอื้อการลงทุนให้กับต่างชาตินัก แต่ก็ยังเปิดเสรีด้านการเงินมากกว่าประเทศไทย
จนกระทั่งหลังวิกฤติ ประเทศมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดของโลกแห่งนี้ ก็เริ่มทำตามกฎของโลกเสรี ขยายขอบเขตให้การลงทุนจากต่างชาติเข้าไปในประเทศมากขึ้น และรวมทั้งการลงทุนของคนในประเทศสู่ต่างประเทศด้วย
ให้ต่างชาติร่วมลงทุนด้านพลังงาน เช่น โรงกลั่นน้ำมัน ทำเหมืองถ่านหิน เหมืองทองคำ อินโดนีเซียเป็นประเทศที่ส่งออกก๊าซมากที่สุดในโลก บังเอิญว่าหลายปีมานี้ พลังแพงมาก การเปิดเสรีก็เอื้อให้ทุนต่างชาติเข้าไป
ส่วนในประเทศไทย เรามีแต่รัฐบาลทหารเท่านั้น ที่สามารถอยู่ได้นาน 8 ปี 10 ปี เพราะผู้คนกลัวอำนาจ นอกนั้น เข้าๆ ออกๆ ล้วนแล้วแต่ไม่ทันจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
เมื่อคุณทักษิณขึ้นมาเป็นนายก ในสมัยแรก หุ้นก็ตีขึ้นมาตั้ง 800 จุด หรือขึ้นมา 300% แซงหน้าประเทศอื่นในย่านนี้ อีกทั้งสารพัดโครงการใหญ่ๆก็เกิดขึ้น ท่ามกลางการนินทา ขุดคุ้ย คัดค้าน ต่อต้าน สารพัดปัญหา โดยเฉพาะเรื่องธุรกิจส่วนตัว และกระจายหุ้นรัฐวิสาหกิจสู่มหาชน
เมื่อผ่านการเลือกตั้งสมัยที่สองเข้ามาด้วยคะแนนสูงถึง 19 ล้านเสียง ต่างชาติก็คิดที่จะขนเงินเข้ามาไล่ซื้อหุ้นไทยเหมือนกัน แต่หลายปีหลังนี่ เรามีแต่หุ้นขนาดใหญ่เก่าๆไม่กี่ตัว กลุ่มที่เข้ามาแรกๆก็ซื้อตุนไว้ที่ราคาถูกมากพอแล้ว กลุ่มหลังๆก็มาไล่ซื้อต่อจนราคา over value
หุ้นใหม่ๆที่ตั้งท่าจะเข้ามาในตลาด ก็มีผู้คัดค้าน เข้ามาไม่ได้แม้แต่ตัวเดียว ตลาดเราก็เลยเหมือนถูกบอนไซเอาไว้
ด้านการลงทุนนอกตลาด แม้จะมีโครงการใหญ่ๆอีกหลายโครงการที่จะสร้างความแข็งแกร่งและร่ำรวยให้กับประเทศ ซึ่งต่างชาติก็รอดูความชัดเจนอยู่ ว่าคุณทักษิณจะมีอำนาจสามารถผลักดันให้เกิดขึ้นหรือไม่ เพราะรู้นิสัยคนไทยดีว่า เป็นชนชาติที่ขี้ตื่น ขี้อิจฉา ขี้กลัว และขี้หวงไม่เข้าเรื่อง
เมื่อคุณทักษิณได้ตัดสินใจขายธุรกิจสื่อสารของครอบครัวออกไปทั้งหมด เพราะว่าทั่วโลกจะมีการเปิดเสรีโทรคมนาคมเรื่องก็คงจะไม่ร้ายแรงอะไร ถ้านายสนธิไม่เริ่มประโคมโหมโรงโจมตี ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว และใช้ความเป็นสื่อ ที่พูดเก่ง รุกรุนแรง ยุยงจนมีคนเข้ามาร่วมด้วย
สร้างความสั่นคลอนให้รัฐบาล และความไม่มั่นใจให้กับนักลงทุนต่างชาติ
ดิฉันได้ลงบทความของต่างชาติไว้ครั้งหนึ่งในห้องนี้ แต่หาไม่เจอแล้ว
แต่สรุปได้ความว่า ต่างชาติมองว่า การเปิดเสรีเพื่อเอื้อการลงทุนเป็นจุดสำคัญที่สุด ซึ่งหากว่าเปลี่ยนนายก และรัฐบาลที่อ่อนแอกว่าที่เป็นอยู่ ก็จะทำไม่สำเร็จ
จากคุณ : prettyXXXXX
- [ 6 พ.ค. 49 17:37:51 ]
ผมขอย้ำว่า
ประเทศนี้เป็นประเทศที่ต้องคำสาป แม้หลังยุคหน้าเหลี่ยมไปแล้ว ก็ยังมีคนพร้อมขายชาติได้เสมอทุกเมื่อ และมีจำนวนมากถึงหลักสิบๆล้านคน