เปลวสีเงิน
คนปลายซอย
5 พฤษภาคม 2551 กองบรรณาธิการ
วันนี้ ๕ พฤษภาคม คือเป็นที่ระลึกถึงวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเถลิงถวัลยราชสมบัติ หรือที่ชาวบ้านเรียกทั่วไปว่า "เสด็จขึ้นครองราชย์" เมื่อ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ พสกนิกรชาวไทยก็ยกวันนี้เป็น "วันฉัตรมงคล" ตลอดมา
บางท่านอาจสับสนว่า ปวงชนชาวไทย ร่วมเฉลิมฉลองวันทรงครองราชสมบัติ ครบ ๖๐ ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๙
และอีกไม่กี่วันนี้ ในหลวงของเราก็จะทรงครบรอบปีที่ ๖๒ ในการครองสิริราชสมบัติ
แต่ถ้านับตามวันฉัตรมงคล จากวันที่ ๕ พฤษาคม ๒๔๙๓ บางท่านอาจสับสนตามตัวเลขว่า น่าจะยังไม่ถึง ๖๐ ปี เพราะนับแล้วได้เพียง ๕๘ ปีเท่านั้น?
ความจริงตรงนี้มีรายละเอียดอยู่นิดหนึ่ง เพียงแต่บางท่านอาจไม่ได้ทำความเข้าใจแต่แรก คืออย่างนี้ครับ
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘ ทรงสิ้นพระชนม์ พระอนุชา คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ก็ทรงรับพระบรมราชาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์
เป็นรัชกาลที่ ๙ แห่งประเทศไทยโดยสมบูรณ์ สืบต่อจากพระบรมเชษฐาธิราช เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๘๙
วันครองราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรานับจาก ณ วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๔๘๙ เป็นต้นไปครับ ถึง ณ ขณะนี้ก็ย่างเข้าปีที่ ๖๒ ดังกล่าว
ส่วนที่เรียกวันที่ ๕ พฤษภาคม ของทุกปี นับจากปีพุทธศักราช ๒๔๙๓ เป็นต้นมาเป็น "วันฉัตรมงคล" ประเด็นอยู่ตรงนี้ครับ
คือ ณ วันที่ทรงรับพระบรมราชาภิเษกขึ้นเป็นรัชกาลที่ ๙ นั้น พระองค์ยังทรงไม่บรรลุนิติภาวะ เมื่อทรงเป็นพระมหากษัตริย์แล้ว ก็เสด็จไปทรงศึกษาต่อที่ยุโรป
เสด็จนิวัติประเทศไทยอีกทีก็ทรงเจริญวัย เรียกว่าทรงบรรลุนิติภาวะแล้ว สามารถปฏิบัติพระราชภารกิจได้ด้วยพระองค์เอง
รัฐบาลขณะนั้นก็ได้น้อมเกล้าฯ จัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกขึ้นถวาย เมื่อ ๕ พฤษภาคม ๒๕๙๓ และก็ถือเอาวันนี้เป็นวันฉัตรมงคลเรื่อยมา
ก็หวังว่า ต่อไปนี้ไม่สับสนกันแล้วนะครับ เมื่อมีการเอ่ยถึงวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๔๘๙ กับวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓
วันนี้ ตั้งแต่ ๒ โมงเช้า ถึง ๕ โมงเย็น ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เปิดปราสาทพระเทพบิดร ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว ในพระบรมมหาราชวัง ให้ประชาชนเข้าถวายบังคมสมเด็จพระบูรพมหากษัตริย์ด้วยนะครับ
ไม่น่าพลาดกันนะครับ รีบไปกันแต่เช้าๆ หน่อย ทานข้าว-ทานปลาให้เรียบร้อย พกน้ำติดตัวไปด้วยก็ดี เพราะผู้คนจะต้องมากแน่นอน ข้อสำคัญ โปรดแต่งตัวให้เรียบร้อย
ประเภทรองเท้าแตะ กางเกงขาสั้น เสื้อยืด หรือที่ว่า "นุ่งห่มไร้กาลเทศะ" นั้น อย่าเลยครับ ไม่ควรอย่างยิ่ง และเขาจะไม่ให้เข้าแน่นอน!
พูดถึงวันฉัตรมงคล มีคำถามหนึ่งที่เป็น "คำถามประจำปี" คือ มักถามกันรวมๆ ว่า
"ปีนี้ มีใครได้เป็นคุณหญิงบ้าง?"
ครับ..หมายถึงว่า ปีนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าแก่ท่านใดบ้าง?
ปีนี้ ทรงงดพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ครับ ก็หมายความว่า ไม่มี "คุณหญิงใหม่" เกิดขึ้นในปีนี้!
สถาบันพระมหากษัตริย์ กับความเป็นคนไทย-ประเทศไทย เป็นเงาซึ่งกันและกัน เหมือนตัวเรา กับเงาของตัวเรา แยกไปจากกันไม่ออก ฉะนั้น รักษาชาติก็ต้องรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์
ในทางเดียวกัน การพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็เท่ากับพิทักษ์รักษาประเทศชาติ
เคยคุยกันไปอย่างน้อยก็ ๒ ครั้งแล้วใช่ไหมครับว่า "อย่าเอาสถาบันมาเล่นกันพร่ำเพรื่อ" เพราะไม่เป็นผลดีกับองค์รวมของความเป็นประเทศ และความเป็นเอกภาวะจิตของพี่น้องไทยร่วมชาติ
เรื่องการเมือง ๑ เรื่องศาสนา ๑ เรื่องสถาบัน ๑ มีคนบอกเป็นประจำว่า ในวงเพื่อนก็ดี ในวงพี่น้องครอบครัวก็ดี ในวงข้าว-วงเหล้าก็ดี พูดง่ายๆ คือ ถ้าต้องการถนอมรักษาความรักสมัครสมานสามัคคีให้ราบรื่น
ถ้าไม่จำเป็น อย่าเอาทั้ง ๓ เรื่องนี้มาคุยในเชิงถกเถียงกัน!
แต่ขณะนี้ ดูเหมือน..ผมใช้คำว่า "ดูเหมือน" นะครับ มีคนจงใจดึงเอาสถาบันมาสร้างเป็นเงื่อนไขเพื่อแบ่งแยก ด้วยเป้าประสงค์เร่งเร้าความขัดแย้งไปสู่ความแตกหัก
อย่าลืมนะครับ ขณะนี้อาชีพ "ค้าของเก่า" กำลังเฟื่อง!
ของดีๆ ขนาดสายไฟฟ้า สายโทรศัพท์ ฝาท่อ นอตสะพาน ฯลฯ ยังเกิดมนุษย์สายพันธุ์ "ประชานิยม" ลักตัด ลักถอด ลักขโมยไปขายพ่อค้า "รับซื้อของเก่า"
ของราคาเป็นล้านๆ อย่างนอตเสาไฟฟ้าแรงสูง มนุษย์สายพันธุ์ประชานิยมมันยังขโมยไปขายแลกเศษเงิน ด้วยไม่รู้คุณค่า หวังเพียงราคาแลกข้าวไปมื้อๆ
ทุกวันนี้ก็ทำนองนั้น มนุษย์วัตถุในสังคมทุนนิยม กำลังจ้องรื้อ จ้องถอดของมีค่าที่เป็นแกนสังคมชาติไปแลกเศษเงินเล็กๆ น้อยๆ กับพ่อค้ารับซื้อของเก่า ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์บ้าง ด้วยความสะใจเฉพาะตัวบ้าง ด้วยโมหาหน้ามืดบ้าง ด้วยความจงใจบ้าง
กระทั่งครูบาอาจารย์ นักวิชาการบางคนก็เถอะ อาศัยนามสถาบันทางการศึกษาเป็นกระดอง แล้วแสดงบทบาท "ถอดนอตประเทศ" ด้วยนึกว่าโก้ ทันสมัย ทำตัวเหมือนนั่งปลายกิ่งไม้ แล้วตั้งหน้าตั้งตาเลื่อยโคนกิ่ง
ทำอย่างนี้ คงนึกว่า "ล้มชาติ" แล้วตัวเองจะรอด แถมเป็นฮีโร่กระมัง?
ผมว่ามันมีอย่างอื่น เรื่องอื่น ให้พูด ให้ทำ ให้ต่อต้าน ให้ล้มล้าง บนความหมาย "สร้างสรรค์สังคมชาติ" สู่สิ่งใหม่ที่ดีกว่า มากมายหลายอย่าง โดยไม่จำเป็นต้องดึง "สถาบัน" มาเล่น มาเป็นเงื่อนไข มาเป็นเครื่องมือสาดใส่กันอย่างที่ทำกันอยู่ขณะนี้เลย
ผมก็รู้ว่า "พูดไปก็เท่านั้น" เพราะไม่มีอะไรที่จะหยุดยั้งธนูที่น้าวจนสุดสายของใครบางในขณะนี้ได้แล้ว
แต่ก็นั่นแหละ ผมก็ขอทำในสิ่งที่ไร้ความหมาย ในความหมายเฉพาะตัวผมเองว่า "ได้ทำในสิ่งที่ควรทำ" ตามหน้าที่อันพึงมีแล้ว
ก็เท่านั้น..ในยามนี้!อืมมม..ผมมีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ "โมร็อกโก" อาณาจักรสุดตะวันตก ที่คุณ "สาวิตรี สุวรรณสถิตย์" ไปเที่ยวแล้วบันทึกทั้งภาพสุดซึ้งและเรื่องราวสุดแสนจะน่าอิจฉาไว้ และมีการ์ดแนบมาว่า
"งานเปิดตัวหนังสือ โมร็อกโกอาณาจักรสุดตะวันตก" ๗ พฤษภาคม เวลา ๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. ที่ร้าน AL MAJLIS โดย ฯพณฯ เอล ฮัสซัน ซาอิด เอกอัครราชทูตโมร็อกโกประจำประเทศไทย
เห็นหนังสือ พลิกดูภาพ และอ่านบางบทแล้วพูดได้คำเดียวว่า "จิตเตลิด" ไปโมร็อกโกทันทีทันใด เพราะใจผมติดอยู่กับคำว่า "คาซาบลังกา" ผ่านภาพยนตร์ก่อนผมเกิด จนฝันฝังใจ
ซักวันหนึ่งถ้าไม่ตายเสียก่อนต้องขอไป "โมร็อกโก" และขอไปเมืองคาซาบลังกา นั่งบาร์ทอดหุ่ย ย้อนยุค ย้อนบรรยากาศเคล้าเสียงเปียโนซักครั้งเถอะ!
แต่เมื่อยังไม่มีโอกาส แค่ได้ลูบคลำผ่านภาพ-ผ่านหนังสือ "โมร็อกโก" อาณาจักรสุดตะวันตก ของคุณสาวิตรี ก็ถือว่าชาตินี้มีวาสนา "ครึ่งทาง" ระหว่างฝันแล้วครับ.
http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&iDate=5/May/2551&news_id=158105&cat_id=200