สถานการณ์บ้านเมืองไทยในขณะนี้ เกิดการแตกแยกเป็นสองขั้วอย่างชัดเจน ขั้วหนึ่งนั้นเป็นขั้วดั้งเดิมคือ กลุ่มที่ต้องการระบอบการปกครองด้วยประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข กับขั้วที่สองอันเกิดจากกลุ่มทุนนิยมสามานย์และคอมมิวนิสต์ซึ่งจับมือกัน และมีเป้าหมายเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง โดยผลสุดท้ายนั้น จะต้องลดทอนพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ หรือถ้าเป็นไปได้ก็ให้กีดกันออกไปจากระบบการเมืองโดยสิ้นเชิง
การดำเนินการของทั้งสองฝ่ายนั้น มีการดำเนินการทั้งในระดับการเมืองและระดับภาคประชาชน แต่เดิมการแสดงออกของขั้วที่ต้องการเปลี่ยนแปลงนั้น จะเป็นไปโดยสงวนท่าที ปิดบังซ่อนเร้นเป้าหมายที่แท้จริง โดยนับจากการแตกพ่ายของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ขบวนการในฝ่ายของคอมมิวนิสต์ก็อยู่ในสภาวะฝังตัว จนกระทั่งสบโอกาศเข้าร่วมในกลุ่มทุนสามานย์ ซึ่งมีเป้าหมายคล้ายกัน ถึงจะแตกต่างในสาระสำคัญบางประการ แต่เป้าหมายที่อาจจะกล่าวได้ว่า สำคัญที่สุดนั้น คือการล้มหลักของบ้านเมือง จึงมีการสงวนจุดร่วมแสวงจุดต่าง เพื่อร่วมกันรบกับเป้าหมายสำคัญก่อน แล้วหลังจากได้รับชัยชนะแล้ว จึงจะหันมาชิงความได้เปรียบซึ่งกันและกัน
ในมุมมองของกลุ่มคอมมิวนิสต์นั้น เชื่อว่าเมื่อประเทศก้าวเข้าสู่ระบบการปกครองแบบใหม่ ซึ่งอำนาจการปกครองจะตกอยู่กับกลุ่มทุนนิยมสามานย์ ภายในเวลาไม่นานนัก ประชาชนจะลุกฮือขึ้นต่อต้านกลุ่มทุนนิยมสามานย์อีกครั้ง เพราะทนต่อ การคอรัปชั่นเล่นพรรคเล่นพวก และกดขี่ข่มเหงประชาชนที่ไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรง ไม่ได้ เป็นโอกาศอีกดีที่กลุ่มคอมมิวนิสต์จะทำการชิงอำนาจอีกครั้ง และได้รับชัยชนะในที่สุด จึงจะเห็นได้ว่า ในการต่อสู้คราวนี้ มีการแทงข้างหลังกลุ่มทุนนิยมสามานย์ ด้วยการเปิดเผยเป้าหมายหลักของการโจมตี ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นหอกอันสำคัญที่ทิ่มแทงกลุ่มทุนนิยมสามานย์ให้บาดเจ็บ นับเป็นการรบสองสมรภูมิอย่างฉลาดลึกล้ำ
ในสองขั้วที่ต่อสู้กันอยู่นั้น มีกลุ่มชนทุกสาขาวิชาชีพเข้าสังกัดอยู่ รวมถึงกลุ่มสีเขียว ซึ่งเป็นกลุ่มกำลังหลักสำคัญในการต่อสู้ ซึ่งบัดนี้เชื่อกันว่า กลุ่มสีเขียวนี่แหละจะเป็นตัวตัดสินการสู้รบ ที่อาจะเรียกได้ว่าเป็นการสู้รบครั้งสุดท้ายที่ชี้ขาดอนาคตของประเทศไปตลอดกาล
การจัดสรรกำลังรบ หลังจากมีหัวหน้ากลุ่มสีเขียวคนใหม่ เป็นที่จับตามองจากทุกฝ่าย กลุ่มอำนาจที่ทำการยึดอำนาจประเทศเมื่อไม่นานมานี้ ถูกตัดกำลังไปจนหมดสิ้น บัดนี้อำนาจสีเขียวตกอยู่ในการสั่งการของหัวหน้าสีเขียวเกือบสมบูรณ์แล้ว แต่อำนาจนั้นเป็นเพียงมายา เพราะการสั่งการสีเขียวนั้น ยังมีอำนาจที่เหนือกว่า นั่นคือ บารมี และ เงิน
จึงมองเห็นได้ว่า ขณะนี้กลุ่มสีเขียวเองก็แบ่งแยกออกเป็นสองส่วน แม้แต่ในผู้ที่ศึกษามาร่วมรุ่นเดียวกัน ก็แตกแยกออกเป็นสองฝักสองฝ่าย แล้วแต่ทัศนะของแต่ละบุคคล ว่าจะเลือกฝ่ายไหน ไม่เพียงกลุ่มสีเขียว สีอื่นๆก็เช่นกัน การแตกแยกเป็นไปอย่างกว้างขวาง ล้ำลึก
การกระตุ้นให้เกิดเงื่อนไขในการเคลื่อนกำลังของกลุ่มสีเขียว บัดนี้พร้อมแล้ว เหลือแต่เพียงการชิงไหวชิงพริบกัน เพราะการแพ้ชนะในคราวนี้ จะจบลงด้วยการไม่สมานฉันท์ จะเป็นภาพในอดีต ที่มีสีเขียวสองกลุ่ม ออกมาปะทะกันเอง แนวรบด้านใดจะแตกพ่าย หากมีการเคลือนพล อีกไม่นานคงได้รู้กัน
ส่วนใหญ่การยึดอำนาจ มักจะมีหัวหน้าใหญ่ของกลุ่มสีเขียวเป็นผู้นำ แต่ก็มีหลายครั้ง ที่ไม่ใช่ คราวนี้ผลจะออกมาเป็นเช่นไร น่าลุ้น น่าติดตาม
ใครจะชิงปฎิวัติได้ก่อนกัน และใครจะชนะในขั้นสุดท้าย ไม่ว่าผลจะเป็นเช่นไร ประเทศเสียหายยับเยินแน่นอน อะไรมันจะเกิด มันก็ต้องเกิด ถึงคราวแล้ว
