คณะบุคคลที่อยู่ในบัญชีแค้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
กลุ่มและคณะบุคคลที่อยู่ในบัญชีแค้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
โดย ไทกร พลสุวรรณ
Terran เรียบเรียง
กลุ่มที่หนึ่ง
คณะบ้านสี่เสาเทเวศน์ที่มี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์เป็นผู้นำ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเชื่อว่ากลุ่มคนเหล่านี้อยู่เบื้องหลังการโค่นอำนาจของเขา ตั้งการแอบสนับสนุนอย่างลับๆกับกลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาลทักษิณ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถึงกับระบายแค้นด้วยวาจาว่า ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ เข้ามาก้าวก่าย และกดดันรัฐบาล ซึ่งผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญตามความหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จึงถือว่าเป็นแค้นที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ยอมให้อภัย
กลุ่มที่สอง
คณะ คปค. (คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีองค์พระมหากษัตริย์เป็นประมุข) ซึ่งได้สั่งให้ทหารเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลทักษิณในคืนวันที่ 19 กันยายน 2549 พ.ต.ท.ทักษิณ เสียใจกับการกระทำของนายทหารคณะนี้มากเพราะเขาคิดว่านายทหารทุกคนที่ร่วมมือกันยึดอำนาจจากเขาล้วนได้รับตำแหน่งในช่วงเวลาที่เขาเป็นผู้นำรัฐบาล คณะนายทหารเหล่านี้เขาล้วนเป็นผู้เสนอแต่งตั้งแทบทั้งสิ้น นี่คือความเข้าใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เขายังเคยให้สัมภาษณ์สื่อเมื่อถูกยึดอำนาจแล้วว่า “แทบไม่เชื่อเลยว่านายทหารที่ผมแต่งตั้งมาจะกล้ายึดอำนาจจากผม” นายทหารที่ พ.ต.ท.ทักษิณ แค้นมากที่สุดคงหนีไม่พ้น พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เพราะถ้าไม่มี พล.อ.สนธิ ในฐานะเป็นผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้นำในการยึดอำนาจรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 คงยากที่จะประสบความสำเร็จ และก็เป็น พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน นี่ล่ะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าใจว่าเข้าไปชักนำให้ลูกน้องในพรรคไทยรักไทยแยกตัวออกมาตั้งพรรคการเมืองต่างๆ ทั้งกลุ่มมัชฌิมา ของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ทั้งกลุ่มเพื่อแผ่นดิน ของนายพินิจ จารุสมบัติ จนกระทั่งบุคคลเหล่านี้ถูกกล่าวหาโจมตีจากคนในพรรคไทยรักไทยว่าเป็นคนทรยศ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงมีความแค้นต่อ พล.อ.สนธิ อย่างมาก อาจจะเทียบเท่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ด้วยซ้ำไป ถึงจะมีการพูดคุยกันตอนหลังว่า ให้ต่างคนต่างอยู่ หรือคุยกันอย่างพี่น้องที่ พล.อ.สนธิ นำมาเปิดเผยนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลยในความเป็นจริง ถ้าหาก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เชื่ออย่างนั้นก็ถือว่า พล.อ.สนธิ รู้จัก พ.ต.ท.ทักษิณ น้อยไป แค้นนี้ไม่มีวันให้อภัยเพียงแต่ว่าจะชำระแค้นเมื่อไหร่แค่นั้น ทหารอีกคนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ รู้สึกไม่พอใจแต่ไม่ถึงกับแค้นก็เพราะด้วยนิสัยส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เขาเป็นคนที่เปิดเผย พูดอะไรขวานผ่าซากตรงไปตรงมา คนที่อยู่วงในทราบดี ในอดีตในเรื่องธุรกิจ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นคนในลักษณะนี้ เขาจะไม่พอใจกับคู่แข่งทางธุรกิจของเขา แต่เขาจะไม่เคียดแค้นหากแพ้ทางธุรกิจที่ต่อสู้กันแบบซึ่งหน้า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนชอบความท้าทาย ใหม่ๆในขณะที่กำลังรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งในการเลือกตั้ง 6 มกราคม 2544 พ.ต.ท.ทักษิณ จะทำการเมืองแบบรุกเข้าไปและทำลายการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ตรงๆ โดยไม่ใช้เล่ห์เหลี่ยมในการโจมตี นี่คือนิสัยส่วนตัวถาวรอย่างหนึ่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ เขาจะชื่นชอบอย่างมากในการเข้าต่อสู้ทางการเมืองที่เปิดเผย เพราะ จะทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจหากเอาชนะได้ แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะใช้อุปกรณ์และอำนาจทุกอย่างที่เขามีเข้าต่อกรกับศัตรูทางการค้าหรือการเมืองของเขา พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร คุณหญิงจารุวรรณ มณฑกา นต.ประสงค์ สุ่นศิริ และอีกหลายคน ก็เป็นกลุ่มบุคคลที่ออกมาต่อต้านการใช้อำนาจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตรงๆหลายๆครั้งอย่างเปิดเผย ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ จัดสถานะของกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์เช่นนี้อยู่ในพวกที่ทำให้ไม่พอใจ แต่ไม่จัดอยู่ในประเภทต้องแก้แค้น ในกลุ่มบุคคลประเภทที่ทำให้ไม่พอใจก็มีอยู่จำนวนหนึ่งถือเป็นพวกที่ช่วยกระตุ้นความสามารถของ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนนายทหารคนอื่นๆก็เป็น เพียงทหารที่ต้องทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา จึงไม่ได้ตกเป็นกลุ่มบุคคลที่ต้องชำระแค้น
Last Update : 25 เมษายน 2551 9:34:06 น.
3 comments
Counter : 280 Pageviews.
กลุ่มที่สาม
กลุ่มนักเคลื่อนไหวภาคประชาชนที่ออกมาชุมนุมเดินขบวนต่อต้านรัฐบาลทักษิณนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ จะจัดลำดับการชำระแค้นและสถานะพวกนี้ไว้ 2 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1 คนที่ทักษิณเคยอุ้มชูและให้เงินสนับสนุนมาก่อน คนกลุ่มนี้ พ.ต.ท.ทักษิณถือว่าเนรคุณ พ.ต.ท.ทักษิณ แค้นพวกนี้มาก ถึงขนาดมีข่าวปล่อยออกมาว่ามีการจัดทำบัญชีแค้นต้องชำระไว้แล้ว ทำไม พ.ต.ท.ทักษิณต้องชำระแค้นคนพวกนี้ ? เหตผลที่สืบค้นทางลึกมาได้ก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ รู้สึกว่า คนพวกนี้เลี้ยงเสียข้าวสุกจึงอยากจะเอาไปทำปุ๋ยซะเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณคิดว่าตนเองให้ทั้งงานให้ทั้งเงิน นักเคลื่อนไหวภาคประชาชนที่เคยได้รับเงินช่วยเหลือกิจกรรมจากนายภูมิธรรม หรือ บริษัท AIS ระวังตัวไว้ให้ดีทักษิณแค้นพวกคุณมาก เพราะคุณทักษิณรู้สึกเสียหน้ารู้สึกเสียรู้พวกคุณทั้งหลาย เคยมีคำพูดหนึ่งหลุดออกมาขณะเมาไวน์ “เอาเงินกูไปแล้วยังมาไล่กูอีก” ก่อนสบถสุดท้าย “อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้ว” ส่วนอีกคนหนึ่งที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้คือ คณสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นคนแรกสุดที่สามารถจุดกระแสขับไล่ทักษิณได้สำเร็จ (มีหลายกลุ่มคณะบุคคลเคยพยายามทำ แต่ไม่สำเร็จ) จากการสืบหาตามแหล่งข้อมูลใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ มีการจัดให้คุณสนธิ ลิ้มทองกุล อยู่ในบัญชีแค้นพิเศษแยกจากบัญชีแค้นทั่วไป สาเหตุเพราะ คนทั้งสองเป็นเพื่อนกันมาอย่างยาวนานทั้งเรื่องธุรกิจและความสัมพันธ์ส่วนตัว ต่างคนต่างเกื้อกูลกัน ในช่วงแรกของรัฐบาลทักษิณ หลังการเลือกตั้งทั่วไป 6 มกราคม 2544 คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ก็ได้ทำหน้าที่ปกป้องและสนับสนุนรัฐบาลทักษิณมาโดยตลอด จนกระทั่งเกิดกรณีที่ดินรัชดาซึ่ง คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภรรยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ประมูลได้ในราคาถูกกว่าราคาท้องตลาดมาก และคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ก็เอาเรื่องนี้มาพูดออกทีวี จนทำให้ภรรยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ (และกรณีขัดแย้งอีกหลายประการ) สุดท้ายก็ทำให้คนทั้งคู่แตกกัน และนำมาซึ่งการเคลื่อนไหวต่อต้านเขาอย่างเข้มข้นในเวลาต่อมา พ.ต.ท.ทักษิณ คิดว่าถ้าไม่มีสนธิ ลิ้มทองกุล จุดกระแสคนชั้นกลางให้ต่อต้านเขา พล.อ.เปรม คงไม่สามารถหาจุดอ่อนเขาได้ และ พล.อ.สนธิ คงไม่มีความชอบธรรมในการนำกำลังทหารเข้ายึดอำนาจจากเขา ดังนั้นคณสนธิ ลิ้มทองกุล คือคนสุดท้ายที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะชำระแค้นโดยการแก้แค้นจะทำเป็นขบวนการจนคุณสนธิ ลิ้มทองกุล จะทนรับได้
พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการเห็นคุณสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัว เป็นคนที่ไร้เกียรติ ไม่มีใครในสังคมให้ความเชื่อถืออีกต่อไป สุดท้าย คุณสนธิ ลิ้มทองกุล อาจปลิดชีวิตตัวเองหนีความอับอาย หรืออาจประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต แต่ก่อนตายคุณสนธิ ลิ้มทองกุลต้องเห็นความพินาศของตัวเองเสียก่อน
ส่วนนักเคลื่อนไหวทางการเมืองภาคประชาชนที่เหลือส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่ต่อต้านคุณทักษิณอย่างเปิดเผย และไม่เคยได้รับเงินสนับสนุนจาก พ.ต.ท.ทักษิณ และบริวาร จึงถูกจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับ พล.อ.สพรั่ง นั่นคือกลุ่มบุคคลที่ทำให้คุณทักษิณไม่พอใจ
ยังเหลืออีกเพียงกลุ่มคณะเดียวที่ต้องกล่าวถึงคือ พรรคประชาธิปัตย์ ในความคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ พรรคประชาธิปัตย์ แทบไม่มีราคาอะไรเลย คุณทักษิณจะไม่ทำลายพรรคประชาธิปัตย์ แต่จะควบคุมไม่ให้ขยายมวลชนและเติบโตขึ้น พ.ต.ท.ทักษิณ ยังต้องการใช้พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้มารับรองการได้มาซึ่งอำนาจทางการเมืองของเขา ให้การได้มาซึ่งอำนาจทางการเมืองมีความถูกต้องและชอบธรรม เพื่อใช้อ้างกับนานาอารยประเทศได้ ว่าพรรคการเมืองของเขา(พ.ต.ท.ทักษิณ)ได้เข้าสู่การเลือกตั้ง และมีการแข่งขันกันจริง จนพรรคการเมืองของเขาได้รับการเลือกตั้งมาเป็นเสียงข้างมาก แล้วชี้ให้นานาอารยประเทศดูพรรคประชาธิปัตย์ เห็นมั้ย ? ดูซิ นี่ไง ฝ่ายค้าน
--------------------------------------------------------------------------------------------
ข่าวเก่าแล้ววววววววววว
หน้าตัวเมียแบบแม้ว จะกลัวไปทำม๊ายยยยยยยยยย
