วิทยุชุมชนทั่วปท.รวมพลต้าน"จักรภพ"แทรกแซงวิทยุชุมชนทั่วประเทศเตรียมรวมพลต้าน"จักรภพ” ฮุบคลื่น 23 เม.ย.นี้ นักวิชาการ ม.เชียงใหม่ ไล่กลับไปอ่านกฎหมายผู้ประกอบการวิทยุฯให้ละเอียด ชี้รัฐกับ ปชช.แยกคลื่นชัดเจน ผู้ประสานงานเครือข่ายวิทยุชุมชนแห่งชาติเชื่อเป็นฐานกล่อม ปชช.แก้ รธน.
รัฐสภา - 21 เม.ย.51 -
จากกรณีที่นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในการสัมมนาที่จังหวัดขอนแก่น ในลักษณะที่ต้องการจัดระเบียบวิทยุชุมชน โดยยื่นข้อเสนอให้วิทยุชุมชนจัดสรรเวลาให้รัฐคลื่นละ 2-3 ชั่วโมงเพื่อแลกกับการอำนวยความสะดวกในการเปิดวิทยุชุมชนต่อไป ซึ่งได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นนี้อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในส่วนของภาคประชาชนที่เปิดวิทยุชุมชนอย่างต่อเนื่อง
โดยนาย
วีรพล เจริญธรรม ผู้ประสานงานสหพันธ์วิทยุชุมชนแห่งชาติ กล่าวว่า
ตาม พ.ร.บ.ผู้ประกอบการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุแห่งชาติปี 2551 ระบุชัดเจนว่ากรมประชาสัมพันธ์และวิทยุชุมชน มีสถานะภาพเท่ากัน ไม่มีใครอยู่เหนือใคร ซึ่งโดยตัวตนของนายจักรภพ การออกมาพูดในลักษณะเช่นนี้ ไม่ผิดจากที่ตนได้เคยทำนายไว้ เพราะเขาเป็นรัฐมนตรีที่ต้องการเข้ามาจัดการกับสื่อ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับพรรคพลังประชาชนโดยเฉพาะ
การข่มขู่วิทยุชุมชนในลักษณะเช่นนี้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขามีเป้าหมายที่จะใช้วิทยุชุมชนเป็นฐานในการประชาสัมพ ันธ์เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยอาศัยเครือข่ายวิทยุขนาดเล็กที่มีนักการเมืองหนุนหลัง เพื่อเป็นฐานในการประชาสัมพันธ์นโยบายประชานิยมอีกทางหนึ่ง เพราะขณะนี้ภาพลักษณ์ของนโยบายประชานิยมของรัฐบาลพรรคพลังประชาชนกำลังเสื่อมถอย
“ตาม พ.ร.บ.ผู้ประกอบการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุแห่งชาติปี 2551 ได้เขียนไว้อย่างชัดเจนว่า ให้กำหนดหน่วยงานใหม่ที่ชื่อ กสทช. มาดูแลในการจัดสรรคลื่นความถี่ ไม่ใช่ให้กรมประชาสัมพันธ์ มาเป็นผู้ดูแล และมาตรา 78 ในส่วนของบทเฉพาะกาล ยังให้ กสช. เป็นผู้ดูแลก่อนในเบื้องต้น ก่อนที่ กสทช.ยังไม่ได้ตั้งขึ้น ซึ่งตามหลักกฎหมาย ก็เห็นว่านายจักรภพ ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาแทรกแซงในส่วนใดได้เลย
ซึ่งในวันพุธที่ 23 เม.ย.ที่จะถึงนี้ กลุ่มสหพันธ์วิทยุชุมชนแห่งชาติ จะจัดประชุมกันเพื่อแสดงท่าทีตอบโต้ กรณีที่นายจักรภพ ต้องการเข้ามาแทรกแซงวิทยุชุมชนในลักษณะเช่นนี้” ผู้ประสานงานสหพันธ์วิทยุชุมชนแห่งชาติกล่าว
นาง
จิรพร วิทยศักดิ์พันธุ์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและวิเทศน์สัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในฐานะคณะกรรมการเครือข่ายสื่อภาคประชาชนภาคเหนือกล่าวว่า
ตามหลักของ พ.ร.บ.ผู้ประกอบการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุแห่งชาติปี 2551 ได้แบ่งการจัดสรรคลื่นความถี่ออกเป็น 3 ส่วนคือส่วนของธุรกิจ ส่วนของภาคประชาชนและส่วนของรัฐบาล ซึ่งแต่ละส่วนไม่สามารถก้าวก่ายการทำงานของกันและกันได้
ดังนั้น นายจักรภพ ควรกลับไปอ่าน พ.ร.บ.ฉบับนี้ให้ดีเสียก่อน
เพราะการพูดในลักษณะเช่นนี้ เป็นเหมือนการแทรกแซงสื่อภาคประชาชนและบิดเบือนการปฏิรูปสื่อ ทั้งนี้รัฐมีสื่อที่อยู่ในส่วนของตนเองเป็นจำนวนมาก
และเมื่อ พ.ร.บ.ฉบับนี้ได้เปิดพื้นที่ให้ภาคประชาชนเพื่อใช้สื่อสร้างความเข้มแข็งให้ เกิดขึ้นในชุมชนและถ่วงดุลในเรื่องการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ รัฐจึงไม่มีสิทธิ์ในการแทรกแซงแม้แต่นิดเดียว
การออกมาพูดของนายจักรภพ สร้างความตื่นตัวให้กับวิทยุชุมชนเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในส่วนของวิทยุชุมชนภาคเหนือเองจะมีการหารือในเรื่องท่าทีของนายจักรภพ ในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน
http://www.komchadluek.net/2008/04/21/x_main_a001_199213.php?news_id=199213ปชป.ขู่ถอด"จักรภพ"ไล่บี้วิทยุชุมชนเป็นพวกแลกปิดสถานีปชป. ขู่ถอดจักรภพ ใช้อำนาจไม่โปร่งใส เผยไล่บี้วิทยุชุมชนขอนแก่นออกข่าวรัฐวันละ 2-3 ชั่วโมงแลกไม่ปิดสถานี เตรียมนำหารือกับคณะกรรมการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนของพรรค 22 เมษายนนี้ พร้อมเชิญรักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์มาให้ข้อมูลเปลี่ยนชื่อช่อง 11 เป็นเอ็นบีที
นายบุญยอดสุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะกรรมการคุ้มครองสิท ธิเสรีภาพสื่อมวลชน พรรคประชาธิปัตย์
กล่าวถึงกรณีที่กรมประชาสัมพันธ์อนุญา ตให้เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์กิจกรรมของเครือข่ายแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เ ผด็จการ (นปก.) อาทิ กลุ่มพลเมืองภิวัฒน์ กลุ่มวิทยุชุมชนคนรักแท็กซี่ เกี่ ยวกับการรณรงค์ต่อต้านรัฐธรรมนูญปี 2550 ว่า เห็นได้ชัดเจนว่ารัฐบาลใช้เครื ่องมือของรัฐเพื่อทำประโยชน์ให้ตัวเอง และทำอย่างไม่รักษาคำพูดที่เคยแถลงนโ ยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา
นายบุญยอดกล่าวว่ายังทราบมาว่า
รัฐบาลได้ใช้วิธีการไล่บี้สถานีวิทย ุชุมชนพื้นที่ จ.ขอนแก่น ให้เผยแพร่ข่าวของรัฐบาลวันละ 2-3 ชั่วโมง เพื่อแลกเปลี่ยนไม่ให้สถานีวิทยุชุมชนดังกล่าวถูกปิด ซึ่งในเรื่องดังกล่าวนั้นตนจะ นำไปหารือกับคณะกรรมการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน พรรคประชาธิปัตย์อีกค รั้งในวันที่ 22 เมษายนนี้ นายบุญยอดกล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีที่นายจักรภพเพ็ญแขรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลกรมประชาสัมพันธ์ ละเมิดกฎหมายและรัฐธรรมนูญฐานแทรกแซงสื่อมวลชน กรณีที่เปลี่ยนชื่อสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 เป็นสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที (ช่อง 11) ว่า
วันที่ 22 เมษายนนี้จะหารือแนวทางที่จะเ ชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องในเรื่องกล่าว อาทิ นายเผชิญ ขำโพธิ์ รักษาการอธิบดีก รมประชาสัมพันธ์ รวมไปถึงเชิญตัวแทนจากบริษัท ฟาติมาบรอดคาสติ้ง อินเตอร์เน ชั่นแนล จำกัด
มาให้ข้อมูลกรณีที่ถูกถอดผังรายการจากคลื่นวิทยุเอฟเอ็ม 105 วิสดอมเรดิโอ หากขอความร่วมมือไปแล้วไม่ได้รับการตอบรับ พรรคประชาธิปัตย์ก็ จะตั้งเรื่องฟ้องนายจักรภพ กรณีใช้อำนาจหน้าที่อย่างไม่โปร่งใส และอาจจะส่ง ผลให้มีการล่าชื่อเพื่อถอดถอนจากการเป็นรัฐมนตรีด้วย
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 19 เมษายน นายจักรภพกล่าวระหว่างไปร่วมงานสัมมนา "สื่อมวลชนคนวิทยุชุมชน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีผู้ประกอบการวิทยุชุมชนใน พื้นที่ภาคอีสานเข้าร่วมรับฟังกว่า 500 คน ที่โรงแรมโซฟิเทล ราชา ออคิด จ.ข อนแก่น โดยจะให้ผู้ประกอบการวิทยุชุมชนมาร่วมโครงการทดลองพัฒนาความร่วมมือร ะหว่างรัฐบาลและวิทยุชุมชน ถ้าผู้ประกอบการวิทยุชุมชนใดเข้าร่วมโครงการจะเข ้าไปเจรจากับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) หรืออาจจะลงนามบันทึกข้อตกลงร่วม กับ สตช.ห้ามจับผู้ประกอบการวิทยุชุมชนระหว่างการดำเนินการโครงการดังกล่าว
http://www.komchadluek.net/2008/04/21/x_pol_k001_199083.php?news_id=199083