คนดังของโลก : วอร์เรน บัฟเฟตต์

[aiwen^mei]

โกโก ชาแนล (CoCo Chanel)



กาเบรียล บองเนอร์ ชาแนล (Gabrielle Bonheur Chanel) หรือที่เธอเรียกตัวเองว่า โกโก ชาแนล (CoCo Chanel) คือ แฟชั่นดีไซเนอร์คนดังของโลกที่นำเอาเสื้อผ้าชุดที่เธอออกแบบ เรียกว่า Little Black Dress ออกมาเผยแพร่ จนทำให้เสื้อผ้าสไตล์วิกตอเรียนในยุคนั้น สั่นสะเทือนและหายสาบสูญไป รวมทั้งไข่มุกปลอม เสื้อชนิดรัดเอวคล้ายชุดกันฝน เสื้อถัก ธรรมดาสเวตเตอร์คอเต่า พลอยตกขอบไปด้วยจนกระทั่งในยุคนั้นผู้หญิงนิยมสวมเสื้อแจ็กเกต ไม่มีคอ สวมกระโปรงทรงแคบขลิบริมแบบของชาแนล ซึ่งลอกเลียนกันทั่วไปทั้งเมือง เธอนำเอาแฟชั่นกางเกงขายาวสำหรับผู้หญิงมาเผยแพร่อีกด้วย

ในปี 1921 หมอดูทำนายทายทักว่า เธอจะรวยเป็นเศรษฐีเพราะน้ำหอม และว่าเลข 5 เป็นเลขมงคลสำหรับชีวิตของเธอ เธอจึงเปิดตัวน้ำหอม ตั้งชื่อง่ายๆว่า Chanel No.5 น้ำหอมดังกล่าวกลายเป็นน้ำหอมอมตะยอดนิยมแห่งยุค ที่โลกรู้จักและนิยมใช้กันเรื่อยมา เรียกว่าร้านค้าทุกร้านต้องมี Chanel No.5 ไว้ขายไม่เคยขาด นอกจากนั้น เธอยังเปิด แฟชั่นเฮาส์ และธุรกิจสิ่งทอ โรงงานทำน้ำหอม และเครื่องประดับชั้นดีที่เรียกว่า คอสตูม จิวเวลรี่ มีคนงานรวมทั้งสิ้น 3,500 คน

กาเบรียล ชาแนล เกิดที่เมืองโซมูร์ เมื่อ 19 สิงหาคม 1883 บ้านเกิดของเธออยู่ทางใต้ ของฝรั่งเศส ในตระกูลชาวนาผู้ยากจน เธอเรียนหนังสือพออ่านออกเขียนได้ เมื่ออายุได้ 16 ปี เธอมีคู่รักเป็นนายทหาร และหนีตามคู่รักไปเป็นช่างเสื้ออยู่ที่ปารีส ครั้นอายุได้ 20 เธอกลับมาบ้านกับคู่รักคนใหม่ พออายุได้ 30 เธอตกเป็นเมียน้อยของนักธุรกิจชาวอังกฤษ และเปิดห้องเสื้อที่โดวิลล์ ออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้าทันสมัย มีลูกค้าคนแรกๆเป็นเจ้าหญิง และดัชเชสหลายต่อหลายคน เริ่มแรกเธอออกแบบหมวกและขายหมวกก่อนทั้งร้านที่ ปารีสและที่โดวิลล์

ความโด่งดังของชาแนลทำให้เธอเกือบได้แต่งงานกับดยุก แห่งเวสมินเตอร์ ขุนนางชั้นสูง ชาวอังกฤษ ซึ่งเธอเยาะว่า ดัชเชสแห่งเวสมินเตอร์มีตั้งหลายคนแล้ว แต่โกโก ชาแนล มีเพียงคนเดียว...

[aiwen^mei]

ไดอานา วรีแลด์ บรรณาธิการนิตยสารโว้กยุคนั้น บรรยายไว้ว่า เสื้อผ้าที่เธอออกแบบตัดเย็บ ให้สตรีล้วนเป็นรูปแบบของเลขานุการ หรือพนักงานจดชวเลข คือนุ่งกระโปรงสั้นปิดเข่า สวมเสื้อตัวในผูกโบที่คอ สวมเสื้อตัวนอกไม่มีคอแขนยาวเท่าความยาวของเสื้อถึงเอว ขลิบริม และตกแต่งที่ตัวเสื้อ ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ “ชุดของชาแนล” (Chanel Suit) หรือชุดผู้หญิง ทำงาน เพราะผู้หญิงจำนวนล้านเริ่มหางานทำในปี 1920 เธอแนะนำให้สตรีตัดผมและดัดผม และให้เลิกใช้คอร์เซตต์ที่ไม่สะดวกในการใช้ชีวิตประจำวันออกเสีย

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เธอปิดห้องเสื้อ แต่ยังคงใช้ชีวิตอยู่ที่ปารีสกับนายทหารนาซีชื่อ ฮันส์ กุนเธอร์ ฟอน ดิงค์ลาจ หลังสงคราม โลกครั้งที่ 2 เธอถูกประณามหยามเหยียด เรื่องการใช้ชีวิตคู่ เธอจึงหนีไปอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ แล้วกลับมาปารีสในปี 1954 และเปิด

ห้องเสื้ออีกครั้งหนึ่ง จนกระทั่งถึงแก่กรรมเมื่อ 10 มกราคม ปี 1971 หลังเธอถึงแก่กรรม ผู้ช่วยของเธอ คือ กาสตง แบร์เธอโลต์ และรามอน เอสปาร์ซา ช่วยกันดูแลและจัดระเบียบ ให้เหมือนที่เธอยังมีชีวิตอยู่ ต่อมา คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ เป็นผู้รับผิดชอบและเป็นผู้นำของบริษัท ในปี 1969 บรอดเวย์ มิวซิคอล จัดละครเวทีเกี่ยวกับประวัติชีวิตของเธอ โดยให้แคธรีน เฮปเบิร์น รับบทโกโก ชาแนล

ชาแนลเป็นดีไซเนอร์ออกแบบเสื้อผ้าที่ดีที่สุดในยุคของเธอ เธอมักพูดว่า เธอจะใช้ชีวิตให้เต็มที่ สุดๆไปเลยตลอดศตวรรษ สำหรับผู้หญิงทุกวันนี้ ชาแนลเป็นแรงผลักดันให้ผู้หญิงเป็น นักออกแบบใหม่ออกสู่วงการแฟชั่นชั้นสูง แม้เสื้อผ้าที่เธอออกแบบจะดูธรรมดาๆ สำหรับผู้หญิงยุคนี้ แต่ในยุคของเธอมีผู้งุนงงกันว่าเธอคิดได้อย่างไร เธอเป็นแรงบันดาลใจ ให้ผู้หญิงเป็นนักออกแบบเสื้อผ้า เธอพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าผู้หญิงก็ทำได้ นอกจากนั้น เธอยังคบหากับศิลปินและผู้นำทางความคิด เช่น ปิกัสโซ, สวาวินสกี และค็อกโต ฯลฯ ค็อกโตถึงกับเคยเอ่ยปากว่า เธอทำงานด้านแฟชั่นเพื่อที่จะให้ความสำคัญแก่นักดนตรี กวี และจิตรกร.

วัชรี สายสิงห์ทอง

http://thairath.co.th/news.php?section=international05&content=70928

[personal jesus]

แวะมาอ่าน    

[aiwen^mei]

แวะมาอ่าน    

ขอบคุณค่ะ 

หยิบไทยรัฐมาอ่านคอลัมน์นี้เมื่อเช้าวันเสาร์ แล้วรู้สึกทึ่งกับผู้หญิงเก่งคนนี้ค่ะ ถึงชีวิตเธอจะโดนหยามเหยียดในบางมุม แต่ความคิดสร้างสรรค์ของเธอก็นำพาผู้หญิงเข้าสู่โลกของการทำงานได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

ที่ชอบที่สุดก็ตรงที่ นำแฟชั่นกางเกงขายาวมาให้ผู้หญิงได้ใส่นี่แหละค่ะ เป็น trend setter ที่เยี่ยมยอดมาก ๆ 

[เล่าปี๋]

  แวะมาอ่านเช่นกันครับคุณ เม่ย  ขอบคุณ 谢谢你  

[aiwen^mei]

ขอบคุณคุณขวานผ่าซากมากหลายค่ะ

ไว้จะเลือกเรื่องของคนดังที่รวบรวมโดยคุณวัชรี สายสิงห์ทอง มาโพสต์ต่อ เคยอ่านเรื่องของ "แองเจลีน่า โจลี่" มีบางประเด็นน่าสนใจมาก ๆ ค่ะ 

[aiwen^mei]

รวยกว่า “บิล เกตส์” (1) [15 มี.ค. 51 - 15:22]



หลังจากครองแชมป์เป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกมาต่อเนื่อง 13 สมัยซ้อน ล่าสุด “บิล เกตส์” ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์ เพิ่งเสียแชมป์ความมั่งคั่งให้เพื่อนมหาเศรษฐีคนสนิท วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนวัยดึก ขวัญใจอเมริกันชนทั้งประเทศ จากการจัดอันดับบุคคลที่ร่ำรวย ที่สุดในโลกปี 2008 โดยนิตยสารฟอร์บส์ระบุว่า ขณะนี้ คุณป๋าวัย 77 มีทรัพย์สินอยู่ในมือถึง 62 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แซงหน้าแชมป์เก่าอยู่ 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สาเหตุที่รวยขึ้น กว่าปีก่อน 10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเพราะบริหารกิจการได้เพอร์เฟกต์ ทำให้หุ้น ไต่ระดับขึ้น 25% ตั้งแต่กลางเดือน ก.ค.ปีที่แล้ว

ในโลกของการลงทุน ไม่มีใครไม่รู้จัก “ป๋าวอร์เรน บัฟเฟตต์” นักลงทุนระดับชั้นเซียนที่ ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก คุณป๋าเป็นลูกชายนักการเมืองท้องถิ่นในรัฐเนบราสกา สหรัฐอเมริกา เคยหาลำไพ่พิเศษด้วยการเป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์ และรู้จักยื่นขอคืน ภาษีครั้งแรกตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยกเดียว อายุแค่ 13 ปี โดยแจ้งขอลดหย่อนภาษี 35 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นค่าจักรยาน ที่ซื้อไว้ทำงาน และพออายุ 15 ปีเต็ม เขาก็หุ้น กับเพื่อน ลงทุนซื้อเครื่องพินบอลมือสอง ราคา 25 ดอลลาร์สหรัฐฯ นำไปวาง ให้บริการในร้านตัดผม ภายในเวลาไม่กี่เดือน ทั้งคู่สามารถถอนทุนคืนได้หมด และนำกำไรไปซื้อเครื่องพินบอลเพิ่มอีก 3 เครื่อง สร้างรายได้เข้ากระเป๋

นอกจากจะมีหัวเซ็งลี้มาแต่เล็กแต่น้อย คุณป๋าของเรายังฝึกวิทยายุทธ์ การลงทุนจากปรมา จารย์ด้านการลงทุน “เบน เกรแฮม” ระหว่างเรียนเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย หลังจาก ร่ำเรียนจบ เขาตามตื๊อขอติดสอยห้อยตาม “เกรแฮม” โดยไม่รับเงินเดือนสักบาท แต่ก็ถูก ปฏิเสธ จึงต้องเบนเข็มหันมาทำงานเป็นโบรกเกอร์ตลาดหุ้น และรับจ๊อบเป็นอาจารย์ ภาคค่ำ สอนเรื่องหลักการลงทุน ที่มหาวิทยาลัยเนบราสกา ระหว่างนั้น เขาค่อยๆเก็บเล็ก ผสมน้อย และรวบ รวมเงินจากพรรคพวกเพื่อนฝูง ตั้งตัวเป็นผู้จัดการกองทุน บริหารไป บริหาร มาต้องตัดสินใจเลิกกองทุนส่วนตัว เพราะราคาหุ้นทะยานสูงขึ้นมาก และมีความ เสี่ยงสูงเกินรับมือไหว

ในปี 1965 เขาได้ตัดสินใจเทกโอเวอร์กิจการสิ่งทอบริษัท “เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์” แม้ในเวลา นั้นจะดูไร้อนาคต จนถูกวิจารณ์ว่าตัดสินใจผิด แต่ด้วยวิสัยทัศน์มองการณ์ไกล บริษัทดังกล่าว ได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วกลายเป็นโฮลดิ้ง คอมปานี เข้าลงทุนในธุรกิจ หลากหลายประเภท ทั้งธุรกิจประกันภัย, จิวเวลรี่, สาธารณูปโภค, อาหาร รวมทั้งถือหุ้น ในบริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น โคคา-โคลา, เวลล์ส ฟาร์โก และแอนเฮอเซอร์บุสช์

แม้จะร่ำรวยมหาศาลเป็นถึงมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก และนักลงทุนตลาด หุ้นราย ใหญ่ที่สุดของโลก แต่ “ป๋าบัฟเฟตต์” ก็ขึ้นชื่อในเรื่อง ความสมถะและ ขี้เหนียว เขายังอาศัยอยู่ในบ้านหลังเก่าที่บ้านเกิดในเมืองโอมาฮา ซึ่งซื้อไว้ตั้งแต่ปี 1958 ในราคา 31,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยปกติป๋าไม่ชอบพกมือถือ, ไม่มี คอมพิวเตอร์ในบ้าน, ชอบขับรถด้วยตนเอง รถคันปัจจุบันคือ คาดิลแลค ดีทีเอส และมีร้านอาหารโปรดเป็นร้านสเต๊กแถวบ้าน ทุกครั้งที่ไปทานจะ สั่งเมนูเดิมๆ ได้แก่ ทีโบน สเต๊ก กับฮัชบราวน์ และเชอร์รี่ โค้ก ส่วนกิจกรรม ยามว่างของ มหาเศรษฐีคือ เล่นไพ่บริดจ์กับเพื่อนฝูง บ่อยครั้ง “บิล เกตส์” ก็มาร่วมแจมด้วย

สำหรับชีวิตส่วนตัวของซีอีโอใหญ่แห่งกลุ่มธุรกิจเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ไม่ค่อยเป็นที่เปิดเผยนัก ทราบแต่ว่าเขาแต่งงานกับ “ซูซาน ทอมป์สัน” เมื่อปี 1952 มีลูกด้วยกัน 3 คนคือ ซูซี่, ฮาเวิร์ด และปีเตอร์ อย่างไรก็ดี ทั้งคู่แยกกันอยู่ในปี 1977 และยังคงสถานะแต่งงาน จนกระทั่ง ฝ่าย หญิงเสียชีวิตในปี 2004 หลังจาก “ป๋าบัฟเฟตต์” ตกพุ่มม่ายเมียตายได้ไม่กี่ปี เขาก็ตัดสินใจ ลั่นระฆังวิวาห์อีกครั้ง ขณะฉลองวันเกิดครบรอบ 76 ปี โดยฝ่ายหญิงเป็นเพื่อนเก่าแก ่ของครอบครัวชื่อว่า “แอสทริด เม็งส์”

ชีวิตส่วนตัวอาจจะประหยัดมัธยัสถ์สุดๆ แต่ “ป๋าบัฟเฟตต์” ก็ได้ชื่อว่าเป็นนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อกลางปี 2006 คุณป๋าประกาศยกหุ้น 10 ล้านหุ้นในกลุ่มธุรกิจเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ บริจาค ให้มูลนิธิบิล แอนด์ เมลินดา เกตส์ สร้างสถิติการบริจาคสูงสุดในประวัติศาสตร์ ป๋ายังประกาศ แผนบริจาคหุ้นเพิ่มเติม มูลค่า 6.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เข้ามูลนิธิการกุศลที่ก่อตั้ง ขึ้นในนาม ของภรรยาและลูกๆ

สาเหตุที่ “ป๋าบัฟเฟตต์” ตัดสินใจแบ่งความรวยให้องค์กรการกุศล แทนที่จะเหลือไว้เป็นมรดก ให้ลูกหลาน ก็เพราะไม่เห็นด้วยกับการสืบทอด ความรวยเป็น มรดกจากรุ่นสู่รุ่น... “ผมอยาก ให้ลูกๆมี ทรัพย์สิน เงินทองเพียงพอ ที่จะทำอะไรให้งอกเงย แต่ไม่ใช่มี มรดก กองโต จนไม่คิดทำอะไร นอกจากนอนเสวยสุขบนกองเงิน กองทอง ที่ผมสร้าง มาเองกับมือ”.

มิสแซฟไฟร์

http://thairath.co.th/news.php?section=international05&content=82399


 

[เล่าปี๋]

ขอขอบคุณ คุณ เม่ย ที่นำมาให้อ่านครับ....谢谢你  

[freerider]

บทความดีจัง

ขอฝากตัวนะคะ เพราะเพิ่งท่องที่นี่ ยังไม่ได้เขียนบล๊อก แต่แวะเวียนไปทักทายกันได้ค่ะที่ล้งค์นี้
เรียนเชิญแวะเยี่ยมเยียน ชมภาพสวยๆที่ลิ้งค์นี้ได้เลยค่ะ
ภาพสดๆ เหตุการณ์....สาวใหญ่รับโทรศัพท์ชายแปลกหน้ากับคำถามอย่างว่า........อย่าคลิกหากใจไม่แข็งพอ...!!!!
http://www.oknation.net/blog/buzz/2008/03/21/entry-1

[เล่าปี๋]

บทความดีจัง

ขอฝากตัวนะคะ เพราะเพิ่งท่องที่นี่ ยังไม่ได้เขียนบล๊อก แต่แวะเวียนไปทักทายกันได้ค่ะที่ล้งค์นี้
เรียนเชิญแวะเยี่ยมเยียน ชมภาพสวยๆที่ลิ้งค์นี้ได้เลยค่ะ
ภาพสดๆ เหตุการณ์....สาวใหญ่รับโทรศัพท์ชายแปลกหน้ากับคำถามอย่างว่า........อย่าคลิกหากใจไม่แข็งพอ...!!!!
http://www.oknation.net/blog/buzz/2008/03/21/entry-1

เก่าแถวไหน มาใหม่แถวนี้....


แหะๆล้อเล่นนะครับ  ยินดีที่ได้รู้จักสมาชิกใหม่(เว็บนี้)