ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
02-12-2024, 23:39
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สโมสรริมน้ำ  |  "ก้านกล้วย" แอนิเมชั่นไทย ที่คนไทยต้องดู 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
"ก้านกล้วย" แอนิเมชั่นไทย ที่คนไทยต้องดู  (อ่าน 13629 ครั้ง)
narong
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654



เว็บไซต์
« เมื่อ: 07-05-2006, 10:50 »

ใช้เวลาถ่ายทำนานถึง 2 ปี สำหรับภาพยนตร์แอนิเมชั่นสามมิติเรื่องแรกของไทย "ก้านกล้วย" โดยผู้กำกับมากฝีมืออย่าง "คมภิญญ์ เข็มกำเนิด" พร้อมทีมแอนิเมเตอร์ทั้งชาวไทยและต่างชาติกว่า 300ชีวิต งานนี้ "เสี่ยตั้ม" บอสใหญ่ "กันตนา" ระดมทุนสร้างสูงสุดกว่า 150 ล้านบาทเลยทีเดียว
       
       ได้ผู้กำกับฝีมือดีที่มีความเชียวชาญด้านแอนิเมชั่นโดยเฉพาะอย่าง "ป้อน คมภิญญ์" มานั่งแท่นควบคุมการผลิตทั้งหมดโดยเจ้าต้องขอออกมาการันตีด้วยตัวเองถึงคุณภาพว่าถึงแม้เป็นหนังการ์ตูนแอนิเมชั่นที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องประวัติศาสตร์แต่รับรองดูสนุกไม่เครียด ที่สำคัญไม่ใช่หนังการ์ตูนขำก๊ากอย่างที่ผ่านมาแน่นอน
       
       "เรื่องนี้เป็นหนังการ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่องแรกของกันตนาหลังจากที่้ทำหนังใหญ่มาแล้วอย่างกาเหว่า ที่ บางเพลง ที่เราหยิบยกเรื่องช้างขึ้นมาเพราะเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองไทย เป็นช้างของพระนเรศวรที่ใช้ในสงครามยุทธหัตถีมีลักษณะดี หลังโค้งแบนเหมือนก้านกล้วย ทีนี้ทางผู้บริหารคุณตั้ม เป็นคนที่สนใจด้านประวัติศาสาตร์เรื่องของช้าง น่าจะเป็นสิ่งที่คนไทยจะได้รับรู้ ตอนแรกทางคุณตั้มตั้งใจให้เป็นทีวีซีรีส์ก่อน เสร็จแล้วบทออกมามันมีความเหมาะสม สร้างทีมงานมาถึงจุดหนึ่งแล้วเราอยากทำหนังใหญ่ที่คนไทยทำ"
       
       "ปกติเราดูหนังต่างชาติอยู่เรื่อยๆ ถึงเวลาพร้อม ทีมงานพร้อม ทุนเราก็พร้อมเรามีเรื่องที่ดีอยู่ในมือ สร้างออกมาเป็นเรื่อง สร้างเป็นสัตว์พิเศษและเป็นสัตว์บกที่ใหญ่ที่สุดเหมือนกัน มองตาใสซื่อบริสุทธิ์ที่สามารถสื่อสารกับคนได้ แล้วในโลกแอนนิเมชั่นปัจจุบันก็ยังไม่มีใครเอาเรื่องช้างมาทำเป็นจริงเป็นจัง แล้วเรื่องราวในประวัติศาสตร์ของไทยเป็นพื้นฐานของเรา เรื่องที่จะทำควรจะเป็นเรื่องที่อยู่บนฐานรู้จักกับมันจริงๆ ก่อน และเป็นประโยชน์ต่อทีมงานด้วย มันเหมือนจิ๊กซอว์ตัวหนึ่งที่ทำให้เราเข้าใจภาพรวมของตัวเองได้มากขึ้น หนังเรื่องนี้ออกไปคนดูก็จะได้อะไรกลับมาด้วย"
       
       ใช้โครงเรื่องประวัติศาสตร์ ทว่าส่วนใหญ่จะเกิดจากการผูกเรื่องขึ้นมาเอง
       "ไม่ใช่ประวัติศาสตร์จ๋า คือเราผูกเรื่องเองมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์แล้วเอาเรื่องราวประวัติศาสตร์รวมเข้าไปด้วย ตัวเมนของเราคือก้านกล้วยเป็นเมนหลัก อยู่กับแม่ในป่าไม่มีพ่อ มารู้ว่าพ่อเป็นช้างรบเป็นช้างป่าเลยออกไปตามหาพ่อ เราก็ยังเดินตามก้านกล้วยเขาไปเรียนรู้ว่าสมัยนั้นเป็นยังไง ยังไม่มีเมืองไทยมีแต่อยุธยา หงสาวดี ก้านกล้วยมีโอกาสได้เข้าไปรู้จักกับพระนเรศวร ดึงคนดูตามก้านกล้วยเข้าไป จนถึงไคลแมกซ์ของเรื่องคือสงครามยุทธหัตถีแต่มันจะเป็นภาพที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน เป็นแอนิเมชั่นเราสามารถใส่อะไรเข้าไปได้เยอะเป็นพิเศษ พอเข้าไปดูปุ๊ปเห็นภาพประวัติศาสตร์ของไทยเราไม่ซีเรียสแต่สนุกสนาน"
       
       "ด้วยความที่เป็นแอนิเมชั่นเราพยายามทำให้เรื่องมันสนุกไม่เอาเรื่องของประวัติศาสตร์มาใส่ให้ซีเรียสมากเว้นไว้ ตรงนั้นที่เป็นข้อมูลจำเป็นจริงๆ เราก็เอามาปรับทำให้เหมาะสม คือถ้าหวังจะดูหนังประวัติศาสตร์เลยคงไม่ขนาดนั้น แต่มันมีเกร็ดของประวัติศาสตร์หล่นมาเป็นระยะๆ เป็นจุดๆ อันนี้คงต้องอยู่ที่คนดูต้องไปสานต่อเอาเอง"
       
       เน้นวิธีการเล่าแบบไทย แต่นำเสนอในรูปแบบที่เป็นสากลมากขึ้น นั่นคือจุดที่น่าสนใจของการร์ตูนเรื่องนี้
       "เวลาทำอะไรเราทำถึงกึ๋นทำจากภายใน การแสดงการเคลื่อนไหว การพูดคุยทำอะไรต่างๆ เรียกว่าเป็นคุณภาพของเรา คือตรงนั้นฝรั่งทำอะไรก็เป็นฝรั่ง ฝรั่งเขียนลายไทยก็ยังดูเป็นฝรั่ง คนไทยเขียนลายไทยก็ดูเป็นไทยเพราะทุกอย่างมันออกมาจากข้างไหน หนังเรื่องนี้มันเป็นไทยทั้งเรื่อง ทั้งดีไซน์ วิธีการแสดงออก ชีวิตความเป็นอยู่ การตอบโต้ การคิดอะไรต่าง แต่เราก็พยายามทำให้มันเป็นสากลมากที่สุด ยกระดับมาตรฐานวิธีการเล่าเรื่องที่มันสากลใครๆ ดูสามารถเข้าใจ มีส่วนร่วมไปได้คือมีลักษณะพิเศษไม่เหมือนที่อื่น"
       
       "วิธีกรเล่าเรื่อง เล่าเรื่องแบบไทย สื่อเรื่องราวออกมาให้เป็นสากลคนทั่วไปสามารถรับรู้ได้ คือบางทีลายไทยมีลักษณะของไทย แต่จริงๆ แล้ววิถีชีวิตต่างหากที่เป็นไทย ปัจจุบันที่เป็นอยู่เราไม่จำเป็นต้องลายไทย ใส่เสื้อผ้าแบบฝรั่งแต่วิธีประกอบ วิธีการแสดงออกต่างหากที่เป็นไทย อย่างเช่นปฏิกิริยาสัมพันธ์กัน ฝรั่งก็มีไม่เหมือนไทย ป่าที่เราทำก็ไม่เหมือนที่ไหนในโลกเป็นป่าของเมืองไทย ต่างชาติมาดูก็จะรู้สึกไม่เหมือนที่ไหนในโลก"
       
       รวมไปถึงรายละเอียดทุกขั้นตอนศึกษาข้อมูลจากสถานที่จริง สร้างสรรค์ตัวละคร อีกทั้งเฟ้นหาทีมงานที่เหมาะสมมานานร่วมปี
       "เรายังไม่มีบุคลากรที่สามารถนำมาใช้ได้ในทันที ก็มีการเทรนกันขึ้นในกันตนาเองก็มีเปิดแอนิเมชั่นสคูลอาจารย์ทั้งจากของไทยและต่างประเทศมาสอน เพราะส่วนหนึ่งเราได้อิทธิพลมาจากตะวันตกนะเยอะ ได้ครูฝรั่งที่มีฝีมือทางด้านนี้หลายปีมาสอน โดยเปิดให้กับบุคคลที่สนใจจากภายนอกและพนักงานเองด้วย ส่วนขั้นตอนในการเตรียมทีมงานเราใช้ภาพยนตร์สั้นเรื่องซนที่ถ่ายจบไปแล้วทางช่อง 7 เป็นการเทรนทีมงานการทำฟิล์มโปรดักชั่น การทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มถ้ามันไม่ประสบความสำเร็จเราก็แก้ไข"
       
       "กว่าจะมั่นใจ มันเป็นสิ่งที่เราไม่เคยทำมาก่อน ก่อนหน้าที่ผมทำอยู่บลูสกายสตูดิโอที่อเมริกา ก็เป็นบริษัทการทำงานคล้ายๆ กับกันตนาที่ทำโฆษณามาก่อน เสร็จแล้วมีโปรเจ็กต์ที่จะทำหนังใหญ่เรื่องแรก โอกาสที่จะคัดคนเขาก็มีสูงคนที่มีประสบการณ์ 4 - 5 ปี แต่ในขณะเดียวกันของเราโอกาสที่จะได้คนลักษณะนั้นมันยาก เพราะว่ามันต้องใช้คนที่มีฝีมือมากๆ ในเรื่องของการจัดการ ทั้งตัวอาร์สติสท์ด้วยในเรื่องของเทคนิกด้วยที่เป็นเรื่องช้างทั้งโขลง คือช้างมันยากนิดนึงที่จะทำการเคลื่อนไหวไม่เหมือนคน ช้างจะตัวใหญ่มี 4 ข้าง ยากมากต้องหาการออกแบบที่เหมาะสมจึงจะสามารถสร้างอารมณ์ขึ้นมาได้"
       
       "ถ่ายที่เขาใหญ่เป็นหลัก เพราะที่เขาใหญ่มีโขลงช้างป่าที่ได้รับการอนุรักษ์อยู่หรือวิถีชีวิตของช้างป่ามันเป็นยังไงบ้าง การเลี้ยงช้างคนกับช้างอยู่ด้วยกันยังไง แต่ช้างป่ากับช้างบ้านไม่เหมือนกันเข้าไปเขาใหญ่เพื่อจะไปดูวิถีชีวิตของช้างป่า แต่ไม่รู้เป็นโชคดีหรือโชคร้ายที่เราไม่มีโอกาสได้เจอช้างป่าเราพยายามที่จะรวมเอาบรรยากาศทั้งหมดหาข้อมูลมาได้มากที่สุด ธรรมชาติมันเป็นแม่แบบที่สำคัญที่สุด ทุกรูปต้องสวยต้องเนียน ต้องเนี้ยบหมด รูปมันต้องใช้ราคามีกระบวนการในการออกแบบ อย่างที่บอกว่าเราคิดว่าตรงนี้เวิร์กแล้วแม้ว่าตรงนี้เราทำไปแล้วบางที่ก็ต้องดึงออก บางทีนั่งดูเรารู้สึกได้นะ"
       
       ไม่เว้นมีแต่ทีมพากย์ที่มีการเลือกเฟ้นมาเป็นอย่างดี
       "เราต้องใช้ทีมพากย์ตรงนี้เรามีทีมพากย์ซึ่งเป็นของกันตนาอยู่แล้ว มีคุณแอน นันทนาบุญหลงมาเป็นผู้ควบคุม กำกับเสียงเราก็เสนอแลกไอเดียกันว่าคนที่มีลักษณะนี้ เราอยากได้เสียงแบบนี้ ตอนเด็กก้านกล้วยก็ซน แก่นอยากรู้อยากเห็น ถูกแม่ควบคุมความประพฤติหน่อยลึกๆ ยังมีบุคลิกของตัวเอง เราก็ต้องหาตัวละครที่มีบุคลิกแบบนั้น ตัวละครแบบนั้น ก็ได้น้องเก็ท(แฟนฉัน)ซึ่งมีประสบการณ์ทั้งถ่ายโฆษณา และถ่ายภาพยนตร์มาก่อน เราเคสมาหลายคนสุดท้ายมาจบที่น้องเก็ทเพราะเขามีความเป็นก้านกล้วยในตัวสูงมาก เขาจะอินสั่งปุ๊บได้เลย"
       
       "ก้านกล้วยมี 3 ระดับตั้งแต่เป็นเด็กมากเราก็ต้องก่ารสียงเด็กที่อายุยังน้อยพอสมควร ก็ให้ลูกของทีมงานมาพากย์ ตอนที่เป็นช่วง 9 - 12 ก็ได้น้องเกรซ พอเติบโตถึงช่วงฉกรรจ์ 18 - 19 เราได้คุณภูริมา เพราะเขาจะมีเสียงที่ค่อนข้างขึ้นจมูกนิดนึงในเบื้องต้นเราก็ได้คุณแอนมาเป็นไกด์ดูโครงเรื่องทั้งหมดก่อนว่าเรื่องราวเป็นยังไง"
       
       เผย เสียเวลา 3 ปีทำการ์ตูนแอนิเมชั่น ถือว่าคุ้มค่ากับคุณภาพของงานที่จะออกมาสู่คนดู
       "อยากให้ไปเห็นกระบวนการทำงานว่าละเอียดทำงาน เราให้เวลาในการทำน่าจะประมาณ 3 ปี ส่วนหนึ่งต้องรับว่าเป็นเรื่องของการลองผิดลองถูกด้วย ทุกอย่างมันเป็นไปตามสเต็ปเป็นการเรียนรู้ คือถ้าจะพูดถึงหนังไทย 3 ปีมันก็ดูยาว แต่ในแอนิเมชั่นรายละเอียดระดับนี้มันก็ประมาณนี้แหละครับ"
       
       "ผมถือว่าของเราก็อยู่ในระดับสากลได้ ผมก็ติดต่อกับเพื่อนร่วมงานสมัยทำอยู่บลูสกายสตูดิโอ เขาดูก็พอใจ ทึ่งไม่รู้มาก่อนว่าคนไทยจะสามารถทำได้ขนาดนี้ เขาไม่เคยเห็น มาตรฐานมันคืออะไร"
       
       ไม่ได้เน้นความตลกเป็นหลัก
       "ไม่ใช่หนังเด็กเข้าไปดูแล้วหาก๊ากอย่างเดียวหนังมันเริ่มซีเรียสมากขึ้น แต่มันเป็นซีเรียสในระดับที่เด็กรับได้แน่นอน ไม่มีโหดร้ายแต่สเกลมันก็ดูใหญ่ขึ้น เพราะมันเริ่มเข้าสู่สงครามยุทธหัตถีผู้ชายเขาสู้กันเราก็ทำให้มันพอดี มันสอนเรื่องของความรักชาติ หนังแอนิเมชั่นเรื่องแรกของไทยที่มันเป็นอาวุธทางวัฒนธรรมซึ่งทุกวันนี้เราได้เห็นหนังต่างชาติได้เรียนรู้วัฒนธรรมของเขาแต่ว่ารากของเราอยู่ที่ไหน รักชาติแบบรู้ว่ากำพืดของตัวเองคืออะไร เหง้าของเราอยู่ที่ไหน การที่หยิบเรื่องประวัติศาสตร์ขึ้นมาทำคงเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง"
       
       วอนวงการหนังไทยให้ความสำคัญกับการ์ตูนแอนนิเมชั่นมากขึ้น
       "ภาพยนตร์เป็นภาษาที่ผมยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้เหมือนกัน ตัวผมชอบงานแอนิเมชั่นมาตั้งแต่เด็กๆ เห็นพัฒนาการของเขา หลังจากจบที่ ม.ศิลปากรก็มีเราอยู่คนเดียวที่สามารถทำด้านนี้ต่อมาได้ คนอื่นก็เหมือนกับว่าทำได้แต่ไม่มีความพร้อม เราทำได้เพราะโอกาสดีกว่าเขา คนสนใจมากแต่มันไม่ช่องทางให้ทำจริงๆ ตอนที่ผมจบจากศิลปากรใหม่ๆ โอกาสที่จะได้ทำเอาเข้าจริงแค่งานโฆษณา นานๆ จะเจอสักชิ้นแต่ไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ ผมเลยเลือกที่จะไปเรียนต่อและไปทำงานที่โน่นมันมีโอกาสมากกว่า"
       
       "ปัจจัยหนึ่งที่ผมมองคือว่าการเข้ามาของคอมพิวเตอร์ กราฟฟิกเข้ามามันเป็นโอกาสให้กับเด็กสร้างจินตนาการได้มากขึ้น อีกส่วนหนึ่งคือการให้ความสำคัญกับเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ตรงนี้มันทำให้เกิดการครีเอทการสร้างงาน สมัยก่อนสมมติว่าเราเป็นซื้อหนังเข้ามาครั้งละ 20,000กับสร้างหนังเองครั้งละ 20,0000 ถ้าจะเอาง่าย เอาคุณภาพเขาคงเลือกซื้อหนังที่ประสบความสำเร็จแน่"




http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9490000058355

ขออนุญาติเชียร์บริษัทเก่าหน่อยครับจะได้มีกำลังใจพัฒนางานแอนนิเมชั่นออกมาเรื่อยๆ Razz
บันทึกการเข้า

ผู้ที่ไม่สามารถจะใช้คนดี
ก็ย่อมจะใช้คนไม่ดีหรือคนเลว
ถ้าไม่เชื่อผู้ซื่อสัตย์หวังดีต่อตน
ก็จะต้องไปเชื่อคนประจบสอพลอ
MonkeyBone
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 99



« ตอบ #1 เมื่อ: 07-05-2006, 11:02 »

ไม่พลาดแน่นอนค่ะ จะหาโอกาสไปดูให้ได้
หนังการ์ตูนของไทยนี่ไม่ได้เข้าโรงหนังอย่างงี้มานานแสนนาน.....
(นานจนจำไม่ได้ว่าเคยมีด้วยรึปล่าวหนอ)

แต่อาจจะด้วยใช้เวลาในการสร้างนาน จำได้ลางๆว่ามีทีเซอร์โปรโมตตั้งแต่งาน TAM ครั้งแรกแล้ว
ออกมาลงโรงช่วงนี้ เลยทำให้เทคนิกดูล้าหลังไปหน่อยนึง (หน่อยนึงนะ)

คงต้องชวนกันไปดูเยอะๆ จะได้เป็นกำลังใจ เป็นแรงใจให้คนทำการ์ตูนบ้านเรา
อยากทำ อยากทำ อยากทำ และได้ทำกันต่อไป 


ปล. ซักวันนึงจะทำบ้างให้ได้เลย หนังการ์ตูนเนี่ย
บันทึกการเข้า
narong
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 07-05-2006, 11:09 »

ผมดูการ์ตูนเรื่องแรกของไทยที่ทำออกมาเป็นหนังโรงคือเรื่อง สุดสาคร
บันทึกการเข้า

ผู้ที่ไม่สามารถจะใช้คนดี
ก็ย่อมจะใช้คนไม่ดีหรือคนเลว
ถ้าไม่เชื่อผู้ซื่อสัตย์หวังดีต่อตน
ก็จะต้องไปเชื่อคนประจบสอพลอ
MonkeyBone
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 99



« ตอบ #3 เมื่อ: 07-05-2006, 11:11 »

สุดสาครนี่ แต้วทันดูในวีดีโอหล่ะค่ะ  น่าจะอยู่ซัก ป.1- 2 อ่ะตอนนั้น
บันทึกการเข้า
narong
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654



เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 07-05-2006, 11:16 »

จำได้ว่าผู้สร้างนามสกุล "เงากระจ่าง" สงสัยต้องรอป้าเสลามาช่วยเฉลย Razz
บันทึกการเข้า

ผู้ที่ไม่สามารถจะใช้คนดี
ก็ย่อมจะใช้คนไม่ดีหรือคนเลว
ถ้าไม่เชื่อผู้ซื่อสัตย์หวังดีต่อตน
ก็จะต้องไปเชื่อคนประจบสอพลอ
สาวบางกอก
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 81



« ตอบ #5 เมื่อ: 07-05-2006, 12:25 »

ขออนุญาตช่วยป้าเสลานะคะ  Very Happy

ปยุต เงากระจ่าง

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี



ปยุต เงากระจ่าง บรมครูด้านการ์ตูนเคลื่อนไหวของไทย เกิดวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2472 ที่หมู่บ้านคลองวาฬ ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สำเร็จการศึกษาจาก โรงเรียนเพาะช่าง ตั้งแต่วัยเยาว์เด็กชายปยุตมีความหลงไหล ในตัวการ์ตูนเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกับบุคลิกของตัวตลก ในหนังตลุงอย่างไอ้แก้ว ไอ้เปลือย ไอ้เท่ง รวมถึงตัวการ์ตูนแมวเฟลิกซ์ จากหนังการ์ตูนอเมริกันเรื่อง Felix the Cat ของ Pat Sullivan ซึ่งเคยมีโอกาสเข้าไปฉายในประจวบคีรีขันธ์



แรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์การ์ตูนของปยุต เกิดขึ้นเมื่อเขาได้พบกับ เสน่ห์ คล้ายเคลื่อน จิตรกรชื่อดังคนหนึ่งของเมืองไทย โดยบังเอิญ ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2484 การพบกันครั้งนั้น เสน่ห์ได้ชวนเด็กชายปยุต ไปทำภาพยนตร ์การ์ตูนด้วยกันเมื่อเข้ากรุงเทพ

เมื่อปยุตเดินทางมาศึกษา ต่อที่กรุงเทพในปี พ.ศ. 2487 ที่ โรงเรียนเพาะช่าง ก็ไม่ลืมที่จะออก ตามหา เสน่ห์ คล้ายเคลื่อน เพื่อที่จะทำการ์ตูน ตามที่เคยสัญญา แต่ด้วยโชคชะตา ทำให้เขาคลาดกับเสน่ห ์ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ปยุตก็ยังพอทราบข่าว ของเสน่ห์และ การทดลองสร้างหนังการ์ตูนจาก หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งในช่วงนั้น

กว่าปยุตจะได้พบกับเสน่ห์ก็ต่อเมื่อ ปยุตบังเอิญเดินผ่านวัด เห็น เหม เวชกร และช่างเขียนอีกหลายคน ซึ่งมารวมกัน ในงานนฌาปนกิจศพ ของเสน่ห์ คล้ายเคลื่อน และได้ทราบว่าการทดลอง ทำการ์ตูนของเสน่ห์เมื่อ 2 ปี ก่อนประสบความล้มเหลว เนื่องจากขาดการสนับสนุน ปยุตจึงตั้งปณิธาณ ที่จะสานต่อความตั้งใจของ เสน่ห์ คล้ายเคลื่อน ในอันที่จะสร้าง ภาพยนตร์การ์ตูน เรื่องแรกให้จงได้

8 ปีต่อมา ปยุตจึงทำให้ความฝันเป็นจริง เมื่อสามารถสร้างภาพยนตร์การ์ตูน ไทยสำเร็จเป็นเรื่องแรก ตั้งชื่อ "เหตุมหัศจรรย์" เป็นภาพยนตร์การ์ตูน ขนาดสั้น ความยาว 12 นาที นำออกฉายเป็น รายการพิเศษสำหรับสื่อมวลชนและผู้ชมเฉพาะ ที่โรงภาพยนตร์ ศาลาเฉลิมไทย เมื่อ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2498 ซึ่งได้รับการกล่าวขวัญถึงอย่างกว้างขวางตามหน้าหนังสือพิมพ์ สำนักข่าวสารอเมริกันได้มองเห็นความสามารถของ ปยุต ซึ่งเวลานั้นปยุต ได้ทำหน้าที่เป็นช่างเขียน ของสำนักข่าวสารอยู่แล้วโดยได้ให้เงิน 10,000 บาท และส่งปยุต ไปดูงานการสร้างภาพยนตร์การ์ตูนที่ญี่ปุ่น

ต่อมาในปี พ.ศ. 2500 จึงได้รับการนำออกฉายสู่สาธารณชน ประกอบในรายการฉายภาพยนตร์เรื่อง "ทุรบุรุษทุย" ของ ส.อาสนจินดา ณ โรงภาพยนตร์บรอดเวย์ พระนคร

ต่อมา ปยุตได้สร้างภาพยนตร์การ์ตูน 20 นาที อีก 2 เรื่อง ได้แก่ "หนุมานเผชิญภัย (ครั้งใหม่)" (2500) ของสำนักข่าวสารอเมริกัน และ "เด็กกับหมี" (2503) ขององค์การ สปอ. นอกจากทำงานที่สำนักข่าวสารอเมริกัน แล้ว ปยุตยังรับจ้างทำหนังโฆษณาให้กับสินค้าต่าง ๆ อีกด้วย ซึ่งผลงานหลายชิ้น ก็ยังคงอยู่ในความทรงจำ ของผู้คนร่วมสมัยเป็นอย่างดี

ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2511 ปยุต ได้รับเชิญเป็นอาจารย์พิเศษ สอนที่วิทยาลัย เพาะช่าง ในแผนกพาณิชย์ศิลป จนกระทั่งเดือนกรกฎาคม ปีพ.ศ. 2519 ปยุตจึงได้ลาออกจากการเป็น อาจารย์พิเศษที่เพาะช่าง เพื่อทุ่มเทเวลาทั้งหมด ให้กับการทำหนังการ์ตูนขนาดยาวเรื่องแรกของประเทศไทย เรื่อง "สุดสาคร"



ด้วยข้อจำกัดทางการเงินทุนและการสนับสนุน ทำให้การสร้าง "สุดสาคร" เป็นไปด้วยความยากลำบาก ซ้ำร้าย ปยุต ยังต้องเสียดวงตาข้างซ้าย จากการตรากตรำตลอดเวลากว่า 2 ปี จนกระทั่ง สุดสาครภาพยนตร์การ์ตูน ขนาดยาวเรื่องแรกและ เรื่องเดียวของไทยออกฉาย ในเดือน เมษายน พ.ศ. 2522

ปยุตเคยเสนอโครงการที่สร้างภาพยนตร์การ์ตูนไทย ไปยังที่ต่าง ๆ แต่ก็มักจะได้รับการปฏิเสธในเชิงที่ว่า "..ตัวการ์ตูนไม่ต้องกิน ทำไมถึงแพง อย่างนี้จ้างคนเล่นไม่ดีกว่าหรือ..." หลังจากเรื่องสุดสาคร ปยุต ก็ไม่ได้ทำหนังการ์ตูนจนกระทั่งปี พ.ศ. 2535 เขาได้รับการว่าจ้าง JOICEP FILM ประเทศญี่ปุ่น ให้สร้างภาพยนตร์ เพื่อการศึกษาสำหรับสตรีเรื่อง "ชัยชนะของสาวน้อย" (My Way)

ต่อมาในปีพ.ศ. 2541 มูลนิธิหนังไทย ได้มีการเชิดชูเกียรติของ ปยุต โดยตั้งรางวัลภาพยนตร์สั้นยอดเยี่ยมด้านอนิเมชั่นว่า รางวัล ปยุต เงากระจ่าง ซึ่งการจัดประกวดทุกปีใน รางวัลเทศกาลภาพยนตร์สั้นของประเทศไทย

ปัจจุบัน ปยุต เงากระจ่าง ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาให้กับโรงงานทำการ์ตูนไทยหวัง ประจำประเทศไทย และเป็นที่ปรึกษาด้าน Animation ให้กับหลายๆองค์กรและสถาบันการศึกษา


ข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%95_%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-05-2006, 12:27 โดย สาวบางกอก » บันทึกการเข้า
narong
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654



เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 07-05-2006, 12:38 »

ขอบคุณครับ Razz
บันทึกการเข้า

ผู้ที่ไม่สามารถจะใช้คนดี
ก็ย่อมจะใช้คนไม่ดีหรือคนเลว
ถ้าไม่เชื่อผู้ซื่อสัตย์หวังดีต่อตน
ก็จะต้องไปเชื่อคนประจบสอพลอ
เสลา
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 514



« ตอบ #7 เมื่อ: 07-05-2006, 12:41 »

คุณ narong โยนลูกมาให้ป้ารับ
ป้าก็ยินดีรับตามประสาคนแก่ เวลาว่างแยะ

และก็จำได้ว่าผู้สร้างการ์ตูน animation ของไทยเรื่องแรก
เรื่อง"สุดสาคร"  นั้นคือ คุณปยุต เงากระจ่าง
คนที่มีลูกสาวสวย ชื่อ นันทนา เงากระจ่าง
ซึ่งเคยเล่นเป็น อีเรียม นางเอกหนังเรื่อง "แผลเก่า"
เมื่อหลายปีก่อนนู้นนนน
โดยที่คุณนันทนาเธอก็เคยช่วยคุณพ่อปยุต เขียนการ์ตูน
ทำหนัง สุดสาครนี้ด้วย

ป้าเสลากำลังเตรียมค้นเรื่องราวของคุณปยุต เงากระจ่าง
โชคดีที่คุณสาวบางกอกมาช่วยทัน
ต้องขอบคุณ"คุณสาวบางกอก" มากๆ
และขอให้กำลังใจกับคณะผู้สร้างภาพยนต์การ์ตูนของไทยต่อๆไป
ให้ประสบความสำเร็จไม่น้อยหน้าต่างประเทศ


บันทึกการเข้า

500
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 391



« ตอบ #8 เมื่อ: 07-05-2006, 13:13 »

พูดถึงก้านกล้วย คิดถึงอันนี้อ่ะ


* horse.jpg (18.74 KB, 350x162 - ดู 7626 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

สาวบางกอก
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 81



« ตอบ #9 เมื่อ: 07-05-2006, 13:15 »

นางเอกแผลเก่าเป็นลูกสาวคุณปยุตเหรอค่ะ ที่สรพงษ์เล่นเป็นไอ้ขวัญใช่ไหมคะ เรียมเหลือทนแล้วนั่นขวัญของเรียม....
สรพงษ์ไม่รู้จะเล่นการเมืองแบบท่าน(ว่าที่)ส.ว.สมบัติ หรือเปล่า ดารานักร้องหันมาเล่นการเมืองกันเยอะ ไม่รู้ต่อไปเราอาจได้นายกเป็นดาราแบบเรแกน หรือผู้ว่าแบบอาโนลด์คนเหล็ก  Shocked  Shocked  Shocked

ขอระบายอีกนิด  Laughing ชอบลายเส้นของบรมครู เหม เวชกร มากๆค่ะ ทั้งลายเส้น การลงสี การให้แสงเงา การจัดองค์ประกอบ การเว้นที่ว่าง ยอดเยี่ยมไร้ที่ติเป็นเอกลักษณ์ลายเซ็นของท่านที่ไม่มีใครลอกเลียนแบบได้
ประทับใจมาตั้งแต่ตอนเด็ก ได้อ่านหนังสือพุทธประวัติของครูเหม แต่เรื่องผีของครูเหมไม่ได้อ่าน เพราะกลัวค่ะ  Laughing
ตอนเรียนมหาลัยได้ดูนิทรรศการแสดงผลงานครูเหมต้นฉบับจริง ตื้นตันใจมากค่ะ อยากให้มีจัดแสดงอีกครั้ง




ใครมีลูกมีหลานก็ช่วยอุดหนุนหนังไทย แอนิเมชั่นไทย กันนะคะ อีกเรื่องที่จะไปดูคือ "หมากเตะ" น่าจะสนุกดี
บันทึกการเข้า
ดอกเข็มขาว
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 534



« ตอบ #10 เมื่อ: 07-05-2006, 14:46 »

ใช้คะเรื่องผีของครูเหมน่ากลัวจริงๆ
ได้อ่านมา 2 เล่ม รูปประกอบวาดได้สวยมาก
บันทึกการเข้า

GN-001 Exia
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 809


Celestial Being...


« ตอบ #11 เมื่อ: 07-05-2006, 16:10 »

เป็นความพยามที่ดีของคนไทยที่น่าส่งเสริม
บันทึกการเข้า


พวกที่เอาคำว่า "เสรีภาพ" มาบังหน้าเพื่อเบียดเบียนคนอื่นนี่มันเลวที่สุด
นทร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,441



เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 07-05-2006, 21:21 »

เห็นฟอร์มแล้ว ผมว่าน่าดูนะ....
บันทึกการเข้า

"ประชาชน อย่าทิ้งประเทศชาติ"
bobo
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 143



เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: 07-05-2006, 22:30 »

อนิเมชั่นจะเป็น 2D หรือ 3D ก็ดูสนุก  สำคัญที่เนื้อหามากกว่า   สุดสาครได้ดูตอนเด็กๆ จำไม่ค่อยได้แล้ว  เคยสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ได้สร้างเรื่องอื่นๆ อีก   


เรื่องราวและประวัติของครูเหม  ลองไปค้นดูมีในเวบของนิตยสารสารคดี  ฉบับที่ ๑๘๘ เดือน ตุลาคม ๒๕๔๓ http://www.sarakadee.net/feature/2000/10/

  เหม  เวชกร
                           จิตรกรไร้สำนักเรียน ช่างเขียนนอกสถาบัน

                           สำหรับคนอายุ ๕๐ ปีขึ้นไป ชื่อของ เหม เวชกร คงคุ้นหูคุ้นตาในฐานะ นักเขียนภาพวิจิตรชื่อก้องของยุคสมัย
                           คนรุ่นหลังอายุสัก๓๐ปีขึ้นไป ยังคงคุ้นตากับภาพเขียนภาพประกอบฝีมือ เหม เวชกร ที่ปรากฏอยู่ตามหนังสือแบบเรียน....
                           ทว่าไม่กี่ปีให้หลัง เด็กรุ่นหลังจากนั้นแทบจะนับรายได้ ที่จะรู้จักชื่อ และผลงานของช่างเขียนคนนี้ แทบไม่น่าเชื่อว่า
                           เวลาเพียงสามทศวรรษหลังจากการเสียชีวิตของจิตรกรช่างเขียนผู้ยิ่งยงแห่งยุค
                           ชื่อของเหม เวชกร ในความรับรู้ของคนรุ่นใหม่ ๆ จะสูญหายไปแทบไม่เหลือซาก
                           จริงหรือที่ว่า เหมเป็นคนพิเศษของยุคสมัยของเขา
                           และวันนี้ ยุคของเหม เวชกร ยุคของสามัญชนไทย ได้ถุกเปลี่ยนไปแล้ว
                           ได้จบลงอย่างสิ้นเชิงแล้ว โลกของเหม เวชกร นั้นจบสิ้นลงไปแล้ว

                           อ่านต่อคลิกที่นี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-05-2006, 04:58 โดย คนจรฯ » บันทึกการเข้า

  you are beautiful 20061. You are beautiful   2. Thank You  3. How Do I Live  4. She Will Be Loved  5. Kiss Me  6. I am with you  7. Walking Away  8. Vincent  9. separate lives  10. RUNAWAY  11. Wonderful Tonight  12. Torn  13. hand in my pocket  14. More Than Words  15. Bizarre Love Triangle  16. Stay (I Missed You)  17. the blower's daughte  18. Fields Of Gold
(ลุง)ถึก สไลเดอร์
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,026



« ตอบ #14 เมื่อ: 08-05-2006, 02:16 »

ไม่ใช่จะดูถูกฝีมือการกำกับหนังไทยโดยฝีมือคนไทยแต่อย่างใด
แต่เท่าที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าหนังไทยของเราจะหนักไปทางด้านโฆษณากันทั้งนั้น
หนังไทยที่ผมสามารถดูแล้วดูอีกโดยไม่เคยเบื่อก็คือ "โหมโรง" ครับ นอกจากนั้น
ยังไม่เคยมีหนังไทยเรื่องไหนๆที่ประทับใจผมเลยสักเรื่อง
เอ...หรือว่าเราเป็นพวกอนุรักษ์นิยมหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ

 Laughing Laughing Laughing Laughing Laughing Laughing Laughing Laughing Laughing
บันทึกการเข้า

(ลุง)ถึก สไลเดอร์
narong
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654



เว็บไซต์
« ตอบ #15 เมื่อ: 08-05-2006, 10:17 »

หนังไทยมีข้อจำกัดในการสร้างอย่างเช่น ถ้าจะสร้างแนววิทยาศาสตร์คงขัดๆกับคนไทยไปหน่อย
เพราะคนไทยไม่ใช่คนที่คิดเทคโนโลยีใหม่ๆมากเท่าไหร่? เช่น หลายเรื่องที่ทำออกมาแนวนี้แป๊กทุกเรื่อง

คนไทยส่วนใหญ่ยังเป็นคนที่เชื่อถือในโชคลางและชอบความสนุกสนาน
จึงเห็นแต่หนังที่สร้างออกมาเป็นแนวที่เรียกว่าน้ำเน่า,แนวตลก
หรือแนวไสยศาสตร์เป็นส่วนใหญ่ที่ทำออกมาแล้วโอกาสเจ๊งน้อย

ฉนั้นคนเขียนบทของไทยจึงอ่อนในการผูกเรื่องให้ชวนติดตาม
เพราะกลัวว่าคิดอะไรที่ซับซ้อนมากๆคนดูก็จะไม่เข้าใจ
หรือคนที่ดูหนังฝรั่งมากๆก็มักเอาไปเปรียบเทียบแล้วมาโจมตีว่าไม่ได้เรื่อง Cool
บันทึกการเข้า

ผู้ที่ไม่สามารถจะใช้คนดี
ก็ย่อมจะใช้คนไม่ดีหรือคนเลว
ถ้าไม่เชื่อผู้ซื่อสัตย์หวังดีต่อตน
ก็จะต้องไปเชื่อคนประจบสอพลอ
โลกสวยงาม
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 309



« ตอบ #16 เมื่อ: 08-05-2006, 11:50 »

ยอมรับว่าก้านกล้วย เป็นหนังแอนิเมชั่น (การ์ตูน)ที่น่าสนใจ เพราะจัดสร้างและกำกับ ควบคุมโดยคนไทยส่วนใหญ่ (คนไทยเก่งขึ้น) แต่คงไม่ไปดู (ขอไม่ชาตินิยมนะคะ) เพราะหนังยังไม่ค่อยตรงสเปีกเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับหนังแอนิเมชั่น ค่ายฮอลลีวู๊ด  แต่ก็เป็นกำลังใจนะคะ สำหรับทีมงานทุกคน Kiss
บันทึกการเข้า

รักและห่วงแผ่นดินไทย 
คนไทยทุกคนต้องตอบแทนคุณและสามัคคี
สาวบางกอก
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 81



« ตอบ #17 เมื่อ: 19-05-2006, 21:06 »

ไปดู "ก้านกล้วย" มาแล้วค่ะ  Very Happy

ประทับใจกว่าที่คิดไว้มาก ดูจากหนังตัวอย่างทางช่อง 7 แล้วแอบดูถูกในใจว่าคงน่าเบื่อแน่เลย ภาพคงไม่เนียน
แต่ผิดคาด หนังดีมากค่ะ บอกได้ว่าไม่อายการ์ตูนฝรั่งเลย

ยอดเยี่ยมทั้งเนื้อเรื่องที่อิงประวัติศาสตร์ได้อย่างสนุกน่าติดตาม ภาพสวยมาก ดนตรีประกอบไพเราะ ได้ทั้งความรู้ ความบันเทิงและคติสอนใจ
ถ้าไปฉายต่างประเทศ น่าจะเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของไทยที่ดี

ไม่อยากเล่ารายละเอียดมาก เดี๋ยวไปดูแล้วไม่สนุก  Laughing

เชียร์ให้จูงลูกจูงหลานไปดูกัน (ผู้ใหญ่ก็ดูได้ ไม่เบื่อค่ะ)
เด็กๆจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ไทยเกี่ยวกับพระนเรศวรมหาราชและสงครามยุทธหัตถี (แต่ไม่ได้มีรายละเอียดมากขนาดสุริโยไทนะ)

กว่าเราลูกหลานไทยจะได้อยู่บนแผ่นดินไทยที่สงบร่มเย็น บูรพกษัตริย์และบรรพบุรุษต้องเสียสละเลือดเนื้อชีวิตแลกมา
บันทึกการเข้า
ลับ ลวง พราง
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 945



« ตอบ #18 เมื่อ: 19-05-2006, 21:13 »

คงไม่ไปอะ ไม่มีคนไปด้วย ไม่อยากดูหนังในโรงคนเดียว เดี๋ยวต่อมอิจฉาแตก รอเช่า VCD มาดูดีกว่า
บันทึกการเข้า

"คนฟุ่มเฟือย แม้จะรวยก็มักขัดสน คนประหยัด แม้จะจนก็มักมีเหลือเก็บ"
จูล่ง_j
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,901



« ตอบ #19 เมื่อ: 19-05-2006, 21:17 »

ตอนแรก ก้านกล้วย นี่แทบไม่อยู่ในสายตาผมเลย
แต่พอดู พรีวิว ตามทีวี เริ่มรู้สึกน่าสนใจ
แต่มีคิวหนังสองเรื่องที่อยากดูมากกว่า ดาวินซีโค๊ด X-MEN 3
ผมดูหนังอาทิตย์ละเรื่อง ไม่รู้ก้านกล้วย จะออกไปก่อนรึเปล่า
บันทึกการเข้า

Wadoiji
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 801


รักษ์ประชาธิปัตย์


เว็บไซต์
« ตอบ #20 เมื่อ: 19-05-2006, 21:26 »

เรียนยุ่งมาก TT_TT แต่อยากดูมากเลยค่ะ

ดูพรีวิวก็ร้องไห้แล้ว เจอคำพูดซึ้งๆเข้าไป.... เฮ้อ... - -"
บันทึกการเข้า

สาวบางกอก
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 81



« ตอบ #21 เมื่อ: 19-05-2006, 21:53 »

คุณ Wadoiji คะ ดิฉันก็น้ำตาคลอเบ้าเกือบไหล แต่ทำนบยังไม่แตก ซึ้งเหมือนกันค่ะ

แอบเหล่ๆไปทางน้องสาวที่ชวนไปดู (อายุ 10 ขวบ) อ้าว น้ำตาพรากเชียว  Cry สงสารก้านกล้วย

โปรแกรมหน้า ดาวินซีโค้ดค่ะ แต่อ่านหนังสือซะแล้ว คงไม่ลุ้นเท่าไหร่ รู้เรื่องหมดแล้ว

ชอบดูหนังค่ะ พยายามช่วยอุดหนุนหนังไทยเสมอเท่าที่กำลังทรัพย์จะอำนวย

หนังไทยปีนี้ที่ประทับใจนอกจากก้านกล้วยก็ เด็กหอ เป็นหนังดีมากอีกเรื่อง ไม่รู้ว่าออกเป็น VCD หรือยัง เป็นหนังน่าดูอีกเรื่อง
บางเรื่องก็ไม่ชอบนะ เช่น กระสือวาเลนไทน์
อย่างเรื่อง คำพิพากษาของมหาสมุทร (ของผู้กำกับชื่อเป็นเอก) เป็นหนังที่รอคอยและตั้งความหวังไว้สูง เพราะชอบเรื่องรักน้อยนิดมหาศาลมากๆ แต่ดูแล้วไม่ประทับใจเท่าไหร่
บันทึกการเข้า
แนวสกา
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 633



« ตอบ #22 เมื่อ: 19-05-2006, 22:04 »

ก็น่าสนใจดีนะครับ แต่ดาวินชี่โคตกำลังลังเล

เพราะกลัวไม่ประทับเหมือนตอนอ่าน อย่างที่เห็นคือ โรเบิร์ต แลงดอน ไม่เหมือนที่คิดไว้
บันทึกการเข้า

ทุกคนล้วนมักมีอำนาจวาสนา ตัวข้าต้องการเพียงเสพดื่มกิน
bobo
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 143



เว็บไซต์
« ตอบ #23 เมื่อ: 24-05-2006, 15:14 »

เพลงช้างชูไทย

คำร้อง  ประภาส  ชลศรานนท์
ทำนอง/เรียบเรียง  สุรชัย  บุญแต่ง

ขับร้อง  ยืนยง  โอภากุล
กีตาร์  ป๊อป  เดอะซัน
ระนาด  ทวีศักดิ์  อัครวงษ์
และ 
วงโจงกระเบน  วงกลองกัมปนาท


ช้างชูเมืองไทย    เมืองไทยเป็นเมืองของช้าง 
คนไทยไม่ชูคนไทย  ฝรั่งหน้าไหนเขาจะมาชูเรา


พ่อพลายเดินนำหน้าทัพหลวง   ชูงวงร้องดังพังข้าศึกถอยไป
งัดงาชูเพื่อกู้ชาติไทย  ถูกจารึกไว้ในประวัติสร้างกรุง

ช้างชูไทยมาตั้งกี่ร้อยปี  เรี่ยวแรงมากมีเอามาลากชักซุง
สร้างกำแพงสร้างแก่งสร้างคุ้ง  จนเฟื่องจนฟุ้งเป็นกรุงสยาม

ช้างชูเมืองไทย    เมืองไทยเป็นเมืองของช้าง 
คนไทยไม่ชูคนไทย  ฝรั่งหน้าไหนเขาจะมาชูเรา


ลูกไทยเราต้องส่งเสริมไทย  อย่างงวงช้างไทยชูขึ้นโบกผืนธง
แล้วธงไทยจะยืนมั่นคง  เมื่อไทยเลิกหลงชูฝรั่งทั้งปี

ลูกหลานไทยยังมีเก่งหลายคน  ซ่อนตัวสร้างตนรอโอกาสสักที
เจอะที่ไหนอย่าได้รอรี  มาช่วยบายศรีช้างเผือกเมืองไทย
 
ชูช้างไทยด้วยใจที่โตอย่างช้าง   ชูชาติไทยให้ไทยได้โตอย่างไทย
ชูช้างไทยด้วยใจที่โตอย่างช้าง   เพื่อลูกไทยชูไทยด้วยใจอย่างช้าง

ช้างชูเมืองไทย    เมืองไทยเป็นเมืองของช้าง 
คนไทยไม่ชูคนไทย  ฝรั่งหน้าไหนเขาจะมาชูเรา
(คนไทยไม่ชูคนไทย  ฝรั่งหน้าไหนเขาจะมาชูไทย)


คลิกฟังเพลงช้างชูไทย 



wall paper ก้านกล้วย

       
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-05-2006, 09:48 โดย bobo » บันทึกการเข้า

  you are beautiful 20061. You are beautiful   2. Thank You  3. How Do I Live  4. She Will Be Loved  5. Kiss Me  6. I am with you  7. Walking Away  8. Vincent  9. separate lives  10. RUNAWAY  11. Wonderful Tonight  12. Torn  13. hand in my pocket  14. More Than Words  15. Bizarre Love Triangle  16. Stay (I Missed You)  17. the blower's daughte  18. Fields Of Gold
เสลา
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 514



« ตอบ #24 เมื่อ: 25-05-2006, 08:42 »

เมื่อเช้าฟังรายการคุณสรยุทธ
พูดถึงภาพยนตร์เรื่องก้านกล้วยนี้ว่า
เป็นภาพยนตร์การ์ตูนแอนนิเมชั่น
ไม่เหมือนการ์ตูนทั่วๆไป

ท่านใดที่มีความรู้ กรุณาอธิบายข้อแตกต่าง
ระหว่างการ์ตูนแอนนิเมชั่นกับการ์ตูนธรรมดา
ว่าต่างกันอย่างไร ...จะเป็นพระคุณยิ่ง
บันทึกการเข้า

narong
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654



เว็บไซต์
« ตอบ #25 เมื่อ: 25-05-2006, 10:07 »

เมื่อเช้าฟังรายการคุณสรยุทธ
พูดถึงภาพยนตร์เรื่องก้านกล้วยนี้ว่า
เป็นภาพยนตร์การ์ตูนแอนนิเมชั่น
ไม่เหมือนการ์ตูนทั่วๆไป

ท่านใดที่มีความรู้ กรุณาอธิบายข้อแตกต่าง
ระหว่างการ์ตูนแอนนิเมชั่นกับการ์ตูนธรรมดา
ว่าต่างกันอย่างไร ...จะเป็นพระคุณยิ่ง


เท่าที่ผมเข้าใจคือ การ์ตูนสมัยก่อนเช่น สุดสาคร จะวาดรูปการเคลื่อนไหวทีละรูปแล้วนำรูปมาถ่ายลงฟิล์มทีละเฟรม
การเคลื่อนไหวจึงดูเหมือนกระตุกๆไม่ค่อยสมจริง

ส่วนการ์ตูนแอนนิเมชั่น จะวาดรูปบนคอมพ์แล้วนำมาจัดการเคลื่อนไหวโดยใช้คอมพ์ทั้งหมด
ทำให้รายละเอียดของภาพรวมทั้งการให้แสงเงาและการเคลื่อนไหวดูเป็นธรรมชาติมากกว่า

ในเรื่องนี้คิดว่าน่าจะใช้โปรแกรม MAYA เป็นหลัก
บันทึกการเข้า

ผู้ที่ไม่สามารถจะใช้คนดี
ก็ย่อมจะใช้คนไม่ดีหรือคนเลว
ถ้าไม่เชื่อผู้ซื่อสัตย์หวังดีต่อตน
ก็จะต้องไปเชื่อคนประจบสอพลอ
สาวบางกอก
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 81



« ตอบ #26 เมื่อ: 25-05-2006, 22:44 »

เมื่อสองวันก่อน ไปดู "ก้านกล้วย" มาเป็นรอบที่สอง

ตอนแรกนึกว่า ดูรอบสองคงเฉย แต่...คราวนี้...น้ำตาเจ้ากรรมมันก็ยังไหลออกมา Cry ซาบซึ้งตรึงใจเหลือเกิน

เลยอดใจไม่ไหว...เข้ามาเชียร์อีกรอบ  Embarassed

แฮ่มๆ ด้วยจรรยาบรรณของนักดูหนัง(จนกระเป๋าแห้ง)...ขอไม่เผยรายละเอียดเนื้อเรื่องมาก Laughing

อยากให้ไปดูในโรงกันค่ะ เพราะภาพมันสวยมาก ดูในโรง จะได้อรรถรสกว่าดูที่บ้านเยอะทีเดียว

แต่ถ้าไม่สะดวกรอวีซีดีออกก็ได้ค่ะ

ถ้าใครยังสองจิตสองใจ ลองให้โอกาสหนังไทยเรื่องนี้ดูนะคะ พาลูก พาหลาน แฟน กิ๊ก ไปดู จะได้รักชาติรักแผ่นดินกัน



วันนี้ก็เพิ่งดู "ดาวินซีโคด" มา คิดว่า "ก้านกล้วย" ประทับใจมากกว่าค่ะ (อ่านหนังสือสนุกกว่าในหนัง รายละเอียดมันเยอะกว่า)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-05-2006, 22:58 โดย สาวบางกอก » บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: