ไปเจอจากเว็บโคราชรายวันนะครับ ข่าวการให้สัมภาษณ์ของกำนันต่าย ช่วงต้นเดือนธันวา 2550
ได้กล่าวว่า
นายสมัครเคยดูถูกประชาชนชาวอีสานไว้มาก และยังบอกว่าก
ารที่พลังประชาชนดึง
นายสมัคร และ นายเฉลิม มาชนกับประชาธิปัตย์ เป็นการใช้การเมืองในอดีตที่สาดโคลนกันไปมา..น่าสนใจว่าตอนนี้กำนันต่ายได้เข้าไปมีส่วนร่วมทำงานกับรัฐบาลคุณสมัคร+คุณเฉลิมด้วยหรือไม่..
และที่เคยลงพื้นที่ภาคใต้เป็นทีม 25 คนเอาไว้ ตอนนี้เพื่อแผ่นดินก็ไปรวมกับพลังประชาชนแล้ว
และมี ส.ส.ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกด้วย
ที่กำนันต่ายเคยบอกจะแก้ปัญหาให้ได้ หมายถึงแก้ปัญหาโจรใต้หรือเปล่า และจะทำยังไงต่อไป
ลองพาคุณเฉลิมลงไปเก็บข้อมูลอีกสักรอบดีไหม 
--------------------------------------------------------------------------------------------------
ปลด! โซ่ข้อกลางร่วม "พผด"
"กำนันต่ายฝัน" ๑๑๐ ที่นั่ง
หยัน "ปากหมัก" ลูกพรรคหนีโคราชรายวัน ปีที่ ๓๓ ฉบับที่ ๑๖๘๗ วันอังคารที่ ๔ เดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐
http://www.koratdaily.com/news/1687/01_11.aspพรรคเพื่อแผ่นดิน ผงก! ฟุ้ง ‘บิ๊กจิ๋ว’ ร่วมพรรคสร้างความเข้มแข็ง ‘กำนันต่าย’ อ้าง! นโยบายตรงใจสร้างสมานฉันท์ชาติ
เย้ยพลังประชาชนคิดผิดเอา‘หมัก’เป็นหัวหน้า เหตุลูกพรรคทรท.หนี เพราะด่าคนอีสานไว้มาก เชื่อได้ส.ส.อีสานไม่เกิน
๕๐ ที่นั่ง แต่ ‘เพื่อแผ่นดิน’ ตั้งเป้ากวาดส.ส. ๑๑๐ ที่นั่ง ดัน ‘สุวิทย์’ นั่ง ‘นายกรัฐมนตรีอีสาน’
เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ ที่ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อแผ่นดิน จังหวัดอุดรธานี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ
อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาร่วมเปิดตัวและให้กำลังใจผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) พรรคเพื่อแผ่นดิน
ทั้งแบบสัดส่วนและแบบแบ่งเขตกลุ่ม ๓ โดยมีพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ประธานพรรค พล.อ.วิชิตยาทิพย์ ที่ปรึกษา
หัวหน้าพรรคพร้อมด้วยผู้สมัครแบบสัดส่วนของพรรค อาทิ นายสุพร สุภสร, นางอรัญญา สุจนิล อดีตส.ว. และนาย
วีระ ชัยพิมลผลิน อดีตรองผวจ.สกลนคร และแกนนำพรรค ให้การต้อนรับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ กล่าวว่า ทุกคน
ต้องช่วยกันประคับประคองให้การเลือกตั้งในครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เพราะปีนี้เป็นปีมหามงคล ควรจะสร้างสิ่งที่
ดีงามให้กับในหลวงของเรา ซึ่งหลังจากการเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้วทุกอย่างน่าจะเจรจากันได้ ซึ่งพรรคพลังแผ่นดิน
ก็ต้องเข้มแข็งพอที่จะร่วมเป็น “โซ่ข้อกลาง” จำได้ไหม ขณะนี้ตนเองก็เป็นอยู่แล้ว เป็นโซ่ที่มีความแข็งแรงพอ
ที่จะทำหน้าที่ได้สำเร็จซึ่งจะต้องรวมกับพวกเราชาวภาคอีสานทุกคน
ในขณะที่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ประธานพรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า พรรคเราเป็นพรรคที่อยู่ตรงกลาง
สลายความขัดแย้งทั้งหลายทั้งปวง พล.อ.ชวลิตท่านเห็นว่าพรรคทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อแผ่นดิน ศาสนาและ
พระมหากษัตริย์ จึงได้เทใจให้กับพรรคนี้ ซึ่งท่านไม่เคยใส่เสื้อของพรรคไหน ใส่เสื้อของพรรคแผ่นดินพรรคเดียว
เราเป็นพรรคใหม่ ทำด้วยความสงบเสงี่ยมเจียมตัวเนื่องจากเป็นพรรคตั้งใหม่ โอกาสทำงานทางการเมืองน้อย
เราจึงต้องเร่งที่จะทำให้สำเร็จให้ได้ พยายามที่จะเข้าไปทำหน้าที่ในการที่ประสานทุกๆ ส่วนให้เกิดความสงบ
เรียบร้อยในบ้านเมือง เพื่อแผ่นดิน เพื่อความสุขของคนไทย
ทางด้านนายสุรชาติ(กำนันต่าย) ชำนาญศิลป์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน และผู้สมัครส.ส.เขต ๔ จ.อุดรธานี
กล่าวกับ โคราชรายวัน ฉบับเลือกตั้งอีสาน’๕๐ ว่า เมื่อวันที่๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ พรรคเพื่อแผ่นดินเปิดตัว
พลเอกชวลิต ยงใจยุทธอดีตนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมเป็นที่ปรึกษาของพรรค ซึ่งสาเหตุที่พลเอกชวลิต ตัดสินใจครั้งนี้
ก็เนื่องจาก นโยบายพรรคที่ชัดเจนที่ต้องการสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในประเทศสอดคล้องกับความตั้งใจ
ของท่านที่ต้องการเป็นโซ่ข้อกลางแก้วิกฤติของชาติ ซึ่งท่านก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของประเทศที่นักการเมืองหลายพรรค
ให้ความเคารพนับถือ อย่างไรก็ตามสำหรับการตัดสินใจของท่านครั้งนี้ จะมีผลต่อคะแนนนิยมของพรรคหรือไม่นั้น
ก็ขึ้นอยู่กับประชาชน เมื่อถามว่าพลเอกชวลิต เคยเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากภาคอีสาน ซึ่งตรงกับพรรคเพื่อแผ่นดิน
ที่ชูนายสุวิทย์ คุณกิตติหัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากภาคอีสานตรงนี้ คิดว่าประชาชนชาวอีสานจะให้การ
สนับสนุนมากน้อยเพียงใด นายสุรชาติ กล่าวว่า ในอดีตที่พลเอกชวลิต เป็นนายกรัฐมนตรี ได้พัฒนาคุณภาพชีวิต
ของคนอีสานอย่างมาก เช่น โครงการอีสานเขียว เป็นต้น ซึ่งถ้าหากการเลือกตั้งครั้งนี้ได้นายกรัฐมนตรีที่มาจาก
ภาคอีสาน ผมคิดว่าปัญหาต่างๆ ของภาคอีสาน จะได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังมั่นใจ ‘เพื่อแผ่นดิน’ ได้ส.ส. ๑๑๐ ที่นั่ง
ต่อคำถามที่ว่าพรรคเพื่อแผ่นดิน ประกาศตนว่า เป็นพรรคของคนอีสาน คาดว่าจะสามารถกวาดที่นั่งส.ส.
ในพื้นที่ภาคอีสานได้เท่าไหร่ นายสุรชาติ กล่าวว่า ขณะนี้กระแสตอบรับจากประชาชนที่มีต่อพรรคเพื่อแผ่นดิน
ดีขึ้นเรื่อยๆ ผนวกกับที่พลเอกชวลิต ตัดสินใจเข้าร่วมกับพรรค ซึ่งคาดว่าจะกวาดส.ส.ได้ประมาณ ๕๐ คนขึ้นไป
อย่างไรก็ดี พรรคยังคาดหวังส.ส.ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ดังนี้ ภาคอีสานจะได้ส.ส.มากกว่า ๕๐-๗๐ คน
ภาคเหนือไม่ต่ำกว่า ๒๐ คน ภาคกลาง ๑๐ คนขึ้น ขณะที่กทม.จะได้มากกว่า ๑๐ คน ส่วนภาคใต้พรรคไม่ได้
คาดหวังอะไร เพราะเป็นเขตพื้นที่ของพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นเป้าหมายส.ส.ของพรรคน่าจะได้ ๑๑๐ คน
ขณะนี้พรรคมีความมั่นใจมากเพราะผู้แทนส่วนใหญ่เป็นอดีตส.ส.พรรคไทยรักไทยเดิม ฐานเสียงแน่นหนา
อยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง โดยเฉพาะภาคอีสานตอนบน
อัดพปช. ‘ไทยรักไทยไม่แท้’ เมื่อถามว่าจะสู้พรรคพลังประชาชนหรือไทยรักไทยเดิมที่มีฐานเสียงแน่นหนาในภาคอีสานได้หรือไม่
นายสุรชาติกล่าวว่า ไม่อยากจะดูถูก เพราะเราก็มาจากเลือดไทยรักไทยเดิมเหมือนกัน แต่ตนมั่นใจว่าครั้งนี้
พรรคพลังประชาชนจะได้ส.ส.ในพื้นที่ภาคอีสานไม่เกิน ๕๐ คนแน่นอน อย่าลืมว่าผู้สมัครส.ส.พรรคพลังประชาชน
ไม่ใช่ไทยรักไทยเดิมร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนใหญ่เป็นอดีตส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคไทยรักไทยเดิมที่ไม่เคย
ลงพื้นที่พบปะประชาชน และผู้สมัครส.ส.หน้าใหม่ที่อาศัยพรรคพลังประชาชนแจ้งเกิด ขณะที่ผู้สมัครส.ส.
พรรคเพื่อแผ่นดินเป็นของแท้ที่มาจากพรรคไทยรักไทยเดิมและเมื่อถามต่อไปว่า ที่บอกว่าผู้สมัครส.ส.พรรค
เป็นของแท้ที่มาจากพรรคไทยรักไทยเดิม เหตุใดจึงไม่ไปลงสมัครในนามพรรคพลังประชาชน ซึ่งประชาชน
ส่วนใหญ่ก็รู้ดีว่าคือตัวแทนของพรรคไทยรักไทย นายสุรชาติ กล่าวว่า เรื่องนี้ประชาชนต้องตั้งข้อสังเกตว่า
เหตุใดบรรดาอดีตส.ส.พรรคไทยรักไทย จึงต้องย้ายพรรคหรือตั้งพรรคใหม่ โดยเฉพาะอดีตส.ส.ที่มาจาก
ภาคอีสานเกือบทั้งหมด ทั้งนี้ก็เพราะว่าเราไม่เห็นด้วยที่แกนนำพรรคดึงนายสมัคร สุนทรเวช มาเป็นหัวหน้าพรรค
พลังประชาชน
เพราะนายสมัครได้ดูถูกประชาชนชาวอีสานไว้มากในอดีต และยังเป็นการใช้บุคลิกที่ตรงไปตรงมา
ของนายสมัคร และนายเฉลิม อยู่บำรุง เป็นยุทธวิธีหนึ่งในการตอบโต้พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งถือว่าคิดผิดอย่างมาก
เพราะการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงไปมากแล้วเราไม่ควรใช้การเมืองในอดีตที่สาดโคลนกันไปมา ประชาชนจะเบื่อเอา
...