อ่า ผมไม่ได้เถียงเรื่องประเด็นของศาสนานะครับ
แต่พูดถึงเหตุการณ์ความขัดแย้งทางศาสนามันมีมา
ตั้งนานแล้ว ไม่ใช่พึ่งมามี
ถูกต้องเลยครับคุณ eAT ..
ทีนี้ในกรณีมีเหตุการณ์ที่กระทบกับแก่นแกนของศาสนา ศาสนิกชนของศาสนานั้นๆ
ก็อาจรู้สึกว่าต้องเคลื่อนไหว ซึ่งไม่ใช่เพื่อความเข้าใจของคนในศาสนาตัวเองครับ
แต่เพื่อความเข้าใจของคนศาสนาอื่นมากกว่า..
ตัวอย่างกรณี Davinci Code หากไปกระทบสถานะขององค์ศาสดาคือ พระเยซู
ทำให้คนศาสนาอื่นเชื่อตามว่ามีการหลอกลวงเกิดขึ้นจริงๆ ชาวคริสต์ทั้งหลาย-
ก็จะกลายเป็นผู้นับถือศาสนา ที่เกิดขึ้นจากความหลอกลวงในสายตาของคนอื่น
ซึ่งเท่ากับกระทบต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์นะครับ ถ้าข้อมูลนิยายเป็นความจริง
เหมือนทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์อย่างเรื่องวิวัฒนาการก็แล้วไป อย่างนั้นเขาก็ต้อง
ยอมรับ แต่ถ้าข้อมูลถูกเปิดโปงแล้วว่าจับแพะชนแกะเขาไม่ยอมอยู่เฉยก็ถูกแล้ว
ในความเห็นของผม แก่นแกนสำคัญของศาสนาคริสต์ไม่ได้อยู่ที่ว่า องค์พระเยซู
เป็นมนุษย์หรือเป็นพระเจ้า แต่อยู่ที่ว่าพระเยซูเป็นองค์พระผู้ไถ่ (Messiah) ตามที่
ปกาศกทั้งหลายได้ทำนายไว้หรือไม่ เพราะถ้าไม่ใช่ก็เท่ากับว่าไม่มีศาสนาคริสต์
และผมเชื่อว่าชาวคริสต์ทั้งหลายต่างมีความเชื่อว่าพระเยซูเป็นพระผู้ไถ่
อาจเทียบเท่ากับเรื่องที่ว่า นิพพาน ในศาสนาพุทธมีจริงหรือไม่ ซึ่งอาจสำคัญ-
ยิ่งกว่าเรื่องที่ว่าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้จริงหรือไม่ หรือประสูติแล้ว
ทรงพระดำเนินไปเจ็ดก้าว พร้อมเปล่งวาจาว่าจะเกิดเป็นชาติสุดท้ายจริงหรือไม่
และผมก็เชื่อเช่นเดียวกันว่าชาวพุทธทั้งหลายต่างเชื่อว่า นิพพาน มีจริง
---
ทุกศาสนาที่สามารถเผยแผ่ในระดับสากล ต่างมีจุดเด่นของตัวเองครับ
ทำให้สามารถยืนยงผ่านวันเวลานับร้อยนับพันปี..
อาจกล่าวได้ว่าศาสนาคริสต์มีลักษณะเด่น ที่จะเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง
ในสังคมวัฒนธรรมที่แตกต่างกันทั่วโลก เพราะมีแนวคิดหลักที่เน้นความเป็น
อันหนึ่งอันเดียวกันของมวลมนุษยชาติ และโดยที่แต่ละวัฒนธรรมมักมีความเชื่อ
เกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถดลบันดาลสิ่งที่อยู่นอกเหนืออำนาจมนุษย์ให้กับ
ผู้ที่บวงสรวงกราบไหว้บูชา ไม่ว่าจะเป็นรูปเคารพ สิ่งมีชีวิต ภูเขาแม่น้ำ ตลอดถึง
ปรากฏการณ์ธรรมชาติต่างๆ วัฒนธรรมใดที่ให้คุณค่ากับความรักใคร่สามัคคี
ความสงบสันติในสังคม และคุ้นชินกับการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างสามารถยอมรับ
นับถือศาสนาคริสต์ได้ ทำให้ศาสนาคริสต์สามารถเผยแผ่ไปได้ทั่วโลก
ในขณะที่ศาสนาพุทธมีลักษณะเด่นตรงความเป็นเหตุเป็นผล ซึ่งทุกคนสามารถ
คิดพิจารณาตาม โดยมักจำแนกแจกแจงเรื่องต่างๆ ไว้เป็นระบบหมวดหมู่ชัดเจน
แนวทางที่แนะนำให้ประพฤติปฏิบัติ ก็มีการจัดลำดับเป็นขั้นเป็นตอนไว้ชัดเจน
ทุกคนสามารถทดสอบพิสูจน์ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมีความเชื่อศรัทธามาก่อน
ซึ่งใกล้เคียงกับหลักวิทยาศาสตร์ และวิทยาการสมัยใหม่มาก จึงเป็นที่ยอมรับ
ในระดับสากล โดยเฉพาะยุคปัจจุบันที่คนเราไม่ค่อยศรัทธาอะไรง่ายๆ ครับ