นายสุวัฒน์ วรรณศิริกุล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคพลังประชาชน ในฐานะประธานภาค กทม. เปิดเผยถึงความขัดแย้งในการจัดผู้สมัครส.ส.แบบสัดส่วน กทม. ว่า ตอนนี้ถือว่าเรื่องจบแล้ว
ซึ่งนายสมัครก็ได้ชี้แจง และขอโทษต่อ ส.ส.กทม. เพื่อให้เข้าใจตรงกัน ซึ่งจะปล่อยให้เป็นของเรื่องผู้ใหญ่ไปเคลียร์ และขอโทษกันเอาเอง โดยเฉพาะในประเด็นที่มีการล้ำเส้น เปลี่ยนแปลงโผโดยที่ไม่ได้บอกกัน
โดยได้นำ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรณ นายคณวัฒน์ วสินสังวร อดีตเอกอัครราชทูต ออกไป ทั้งที่พรรคได้ทาบทามไว้แล้ว ตรงนี้เป็นสิ่งที่เราไม่พอใจที่สุด ส่วนกรณีที่นำ นายจตุพร พรหมพันธ์ และนายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ เข้ามาไว้แทน ทางเราก็ไม่ได้ติดใจ และไม่อยากพูด ถึงเพราะต้องเดินหน้าเลือกตั้ง ทั้งนี้ ยืนยันว่ากระแสข่าวที่จะออกนั้นไม่จริง ยังอยู่ในพรรคครบ
นายสุวัฒน์ ยังกล่าวถึงกรณี นายสมัคร ใช้วาจาไม่สุภาพต่อสื่อมวลชนว่า ที่ผ่านมาพรรคก็เข้าใจธรรมชาติ และบุคคลิกของนายสมัคร ทำให้หลายคนอาจจะไม่คุ้น ยอมรับว่าตนยังไม่ได้ฟังรายละเอียด
"แต่หากนายสมัครพูดจาไม่สุภาพต่อสื่อมวลชนจริง ผมก็ไม่สบายใจ และคงไม่สามารถพูดอะไรมาก เพราะว่านายสมัครเป็นหัวหน้า แต่เชื่อว่าหากข่าวเผยแพร่ทางสื่อไปแล้ว อาจทำให้คนที่ไม่เข้าใจธรรมชาติ และบุคลิกที่นายสมัครเป็นคนพูดจาตรงๆ โผงผาง ก็อาจเกิดภาพลบต่อนายสมัครได้ ส่วนกระแส กทม.นั้นคงตัวใครตัวมัน"
เมื่อถามว่า พรรคจะหาวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างไร นายสุวัฒน์ กล่าวว่า ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะนายสมัครก็เป็นหัวหน้า ทั้งนี้หากมีการใช้วาจาดังกล่าวที่ไม่สุภาพ ตนในฐานะผู้ที่มีอาวุโสรุ่นใกล้ๆ กัน ก็จะไปพูดคุยกับนายสมัครบ้าง
ทำไปทำมาท่าจะเละ เหลวเป๋ว ความหวังอันเรืองรองต้องมลายหาย เพราะความหยาบกร้าน และจองหองพองขน แต่หัวหดไม่กล้าดีเบตสู้กับใครด้วยสติปัญญาอันน้อยนิด กลับกระทบชิ่งไปถึงทรราชย์ผู้พลัดถิ่น เร่ร่อนอยู่ต่างแดน อนาคตอันมืดมนได้ใกล้ปิดฉากลงทุกขณะ
เกมส์ล้มกระดานครั้งนี้กับล้มไม่ได้เพราะดันจุดไฟเผาเบี้ยและเบ๊ม้ารับใช้ของพวกเดียวกันเอง ของขุนปลอมนอมินีกำกับแบบไร้ซึ่งสมอง
ขุนจริงๆก็ได้แต่เก็กซิม ขุนยังไงกูก็ขุนไม่ขึ้น กลับซากศพที่ได้ตายไปแล้วเมื่อ 19 กย.