ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
14-05-2025, 23:08
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  ไม่ตรงใจองคมนตรี สนช ถอนร่างไปปรับปรุงใหม่ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
ไม่ตรงใจองคมนตรี สนช ถอนร่างไปปรับปรุงใหม่  (อ่าน 2310 ครั้ง)
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« เมื่อ: 09-10-2007, 21:30 »

วิปสนช.มีมติให้ถอนร่างป. อาญาคุ้มครองประธาน-องคมนตรีไปทบทวนใหม่ หลังจากที่ 63 สนช.ดันเสนอร่างแก้ไข ป.อาญาขยายความคุ้มครองให้เป็นความผิดอาญาแผ่นดินเพิ่มโทษหนักถึง 5 ปีพ่วงแก้ไขป.วิอาญาให้ศาลมีอำนาจสั่งห้ามเสนอข่าวสอบสวนการฟ้องในความผิดต่อกษัตริย์-ราชินี

ผู้สื่อข่าว'มติชนออนไลน์'รายงานเมื่อวันที่ 9 ตุลาคมว่า ในการประชุมคณะกรรมการประสาน(วิป)ระหว่างรัฐบาลกับคณะกรรมาธิการสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ซึ่งมีนายบัญญัติ จันทน์เสนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน มีการหยิบยกร่าง พ.ร.บ.แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา(ป.อาญา)ที่ให้ขยายความคุ้มครองพระราชโอรส พระราชธิดา ประธานองคมนตรี องคมนตรี และผู้แทนพระองค์ ห้ามผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายบุคคลดังกล่าวและร่าง พ.ร.บ.แก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา(ป.วิอาญา)ที่ให้อำนาจศาลสั่งห้ามสื่อมวลชนเสนอข่าวคดีที่อยู่ระหว่างการสอบสวนไต่สวนหรือพิจารณาคดีในการกล่าวหาหรือฟ้องในความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ขึ้นมาพิจารณาซึ่งที่ประชุมมีมติให้ถอนร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวออกไปปรับปรุงใหม่เนื่องจากมีกรรมาธิการหลายคนไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการขยายการคุ้มครองถึงประธานและองคมนตรี ทำให้จะไม่มีการเสนอร่างกฎหมายทั้งสองฉบับต่อที่ประชุม สนช.ในวันที่ 10 ตุลาคมนี้

จากนั้นเมื่อเวลา 16.00 น.ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ซึ่งเป็นผู้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวได้แถลงถึงการขอถอนร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับนี้ออกจากวาระการประชุม ซึ่งเดิมนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน สนช. ได้บรรจุไว้ในวันที่ 10 ตุลาคม

นายพรเพชรกล่าวว่า จากการที่มีการเสนอข่าว คณะองคมนตรีได้หารือกันแล้ว และมีองคมนตรีที่รู้จักกับตนโทรศัพท์มาแจ้งว่า คณะองคมนตรีไม่ค่อยสบายใจที่ตนและคณะจะเสนอร่างกฎหมายเพื่อคุ้มครององคมนตรีเป็นพิเศษ ขอบคุณในความหวังดีและห่วงใย แต่ไม่ต้องการรับการคุ้มครองนี้ แต่ไม่ขัดข้องในการคุ้มครองพระบรมวงศานุวงศ์ ดังนั้น จึงขอถอนร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับออกจากวาระการประชุม เพื่อสนองตอบองคมนตรี ส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระบรมวงศานุวงศ์นั้น จะกลับมาพิจารณาดูอีกครั้งว่าจะมีความจำเป็นแค่ไหน เหตุผลจริงๆก็มีเพียงเท่านี้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรัฐบาลเองก็พูดว่า อาจจะมีประเด็นในส่วนของพระบรมวงศานุวงศ์กว้างขวางกว่านั้นอีกหลายประเด็น ซึ่งรัฐบาลกำลังคิดอยู่

'หลังจากได้รับโทรศัพท์จากองคมนตรี ผมได้แจ้งวิป สนช.(คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการ สนช.) ซึ่งวันนี้มีการประชุมกัน วิปก็บอกว่าแก้บางเรื่องได้หรือไม่ ผมก็บอกว่าไม่ได้ เพราะเดี๋ยวกฎหมายจะบกพร่อง จึงขอถอนออกทั้งหมด ถือว่าเรื่องสำหรับองคมนตรีถือเป็นการอันยุติ' นายพรเพชรกล่าว

หลังการประชุมวิป สนช. นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ วิปสนช. กล่าวว่า นายพรเพชร ในฐานะผู้เสนอได้ขอถอนร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับนี้กลับไปปรุงปรุงในส่วนที่มีข้อผิดพลาด

ข่าวแจ้งว่า ระหว่างการประชุมกรรมธิการหลายคนแสดงความเห็นว่า ไม่เห็นด้วยกับการขยายความคุ้มครองถึงประธานและองคมนตรี จึงควรพิจารณาให้รอบคอบโดยเฉพาะนางจุรี วิจิตรวาทการ  สนช.เห็นว่าควรถอนร่างไปปรับปรุงใหม่ ซึ่งได้รับเสียงสนับสนุนจากท่านผู้หญิงปรียา เกษมสัตน์ ณ อยุธยา สนช.ซึ่งอภิปรายว่า ได้รับทราบว่า องคมนตรีบางท่านไม่สบายใจที่จะให้มีกฎหมายคุ้มครองในลักษณะดังกล่าว

'หลังจากปรากฏเป็นข่าวมีคนโทรศัพท์ไปหารือนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน สนช.ซึ่งนายมีชัยเองก็เห็นด้วยว่า ควรพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ ในที่สุดที่ประชุมจึงมีมติให้ถอนร่างดังกล่าวออกไปทบทวนทั้หมด'แหล่งข่าวกล่าว

ตามรายงานข่าวจากรัฐสภาเมื่อวันที่ 8 ตุลาคมว่า ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันที่ 10 ตุลาคมนี้ มีวาระพิจารณารับหลักการในร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ที่น่าสนใจ 2 ฉบับคือ

1.ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา (ป.อาญา)ฉบับที่...พ.ศ. ..ซึ่งมีสาระสำคัญคือให้ความคุ้มครอง พระราชโอรส พระราชธิดา ประธานองคมนตรี องคมนตรี และผู้แทนพระองค์ ห้ามผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายบุคคลดังกล่าว

2.ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา)ฉบับที่...พ.ศ...ที่มีบทบัญญัติให้พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการหรือคู่ความยื่นคำร้องต่อศาลให้มีคำสั่งมิให้สื่อมวลชนโฆษณาข้อเท็จจริง พฤติการณ์ต่างๆวิพากษ์วิจารณ์คดีที่อยู่ระหว่างการสอบสวน ไต่สวนหรือพิจารณาคดีในการกล่าวหาหรือฟ้องในความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ซึ่งถุกวิพากษ์วิจารณ์อาจนำไปสู่การจำกัดสิทธิเสรีภาพในการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร่างกฎหมายทั้งสองฉบับมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย กับคณะ รวม 63 คน เป็นผู้เสนอ โดยเหตุผลในการเสนอร่างกฎหมายฉบับแรกคือ ร่างแก้ไข ป.อาญาระบุว่า มีบุคคลบางประเภทมีความเกี่ยวเนื่องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และอาจได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่บางประการอันเป็นราชการในพระองค์ อีกทั้งได้รับการรับรองสถานะและอำนาจหน้าที่ไว้ในรัฐธรรมนูญเสมอมา ได้แก่ พระราชโอรส พระราชธิดา ประธานองคมนตรี องคมนตรี และผู้แทนพระองค์ ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงมอบหมายให้ไปเปิดการประชุมรัฐสภาสมัยสามัญ และในปัจจุบันบุคคลดังกล่าวได้รับความคุ้มครองในกรณีหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายเช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป(เป็นความผิดอันยอมความได้ซึ่งผู้เสียหายต้องร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนหรือฟ้องต่อศาลเอง) จึงสมควรกำหนดให้การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดและรับโทษหนักขึ้น(เป็นคดีอาญาแผ่นดิน พนักงานสอบสวนสามารถดำเนินคดีผู้กระทำผิดได้เองหรือมีผู้อื่นที่มิใช่ผู้เสียหายสามารถกล่าวโทษได้)

สำหรับรายละเอียดของร่างกฎหมายดังกล่าว มีการเพิ่มหมวด 1/1 ความผิดต่อพระบรมราชวงศ์ องคมนตรีและผู้แทนพระองค์ ดังนี้

มาตรา 112/1 'ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระราชโอรส พระราชธิดา ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ'

มาตรา 112/2 'ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายประธานองคมนตรี องคมนตรี หรือผู้แทนพระองค์ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ระบุ 'ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี' ซึ่งอยู่ในในหมวด 1 ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

ส่วนร่างกฎหมายฉบับที่สองคือ ร่างแก้ไข ป.วิอาญาผู้เสนอให้เหตุผลว่า โดยที่คดีความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ กรณีที่มีการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายควรได้รับการคุ้มครองระหว่างการดำเนินคดีไม่ให้มีการวิพาษ์วิจารณ์หรือแสดงความเห็นในสื่อสาธารณะอันจะกระทบกระเทือนต่อสถาบัน จึงควรกำหนดให้ศาลมีอำนาจสั่งห้ามการโฆษณาดังกล่าวและกำหนดบทลงโทษการฝ่าฝืนคำสั่งศาล

สำหรับรายละเอียดของร่างกฎหมายฉบับนี้คือ

มาตรา 14/1 'ระหว่างการสอบสวน ไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณาคดีที่มีการกล่าวหาหรือฟ้องในความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามหมวด 1 ลักษณะ 1 ภาค 2 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ในกรณีเห็นสมควร พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ หรือคู่ความอาจยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้สั่งห้ามมิให้โฆษณาข้อเท็จจริง พฤติการณ์ต่างๆ การวิพากษ์วิจารณ์ หรือความเห็นเกี่ยวกับคดีไม่ว่าในสื่อประเภทใด หากศาลพิจารณาคำร้องดังกล่าวแล้วเห็นว่ามีเหตุอันสมควรเพื่อการคุ้มครองปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้ศาลสั่งอนุญาตตามคำร้องและอาจกำหนดเงื่อนไขหรือวิธีการใดๆ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามคำสั่งห้ามของศาลดังกล่าวได้

'การฝ่าฝืนคำสั่งของศาลตามวรรคหนึ่ง ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

การฝ่าฝืนคำสั่งของศาลตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าเป็นการกระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งอีกกรณีหนึ่งด้วย และให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 33 มาใช้บังคับโดยอนุโลม'

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการตรวจสอบรายชื่อ  สนช. 63 คน ที่ลงชื่อเสนอร่างกฎหมายทั้งสองฉบับ ปรากฏว่า  มี สนช.สายสื่อมวลชน 4 คน ประกอบด้วย นายภัทระ คำพิทักษ์  นายคำนูณ สิทธิสมาน ,นายสำราญ รอดเพชร และนางประภา เหตระกูล ศรีนวลนัด นอกจากนั้นยังมีรายชื่อที่น่าสนใจคือ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาะการสถาบันพระปกเกล้า นางจุริ วิจิตรวาทการ อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์(นิด้า) นายสุจิต บุญบงการ อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?id=6957&catid=1


คงต้องเพิ่มระวางโทษจำคุกไม่เกินสามร้อยปี ปรับไม่เกินหกแสนล้านบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับมั้งนั่นถึงจะสมกับเป็นกฎหมายคนเหนือคน
บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 09-10-2007, 21:37 »

นายพรเพชรกล่าวว่า จากการที่มีการเสนอข่าว คณะองคมนตรีได้หารือกันแล้ว และมีองคมนตรีที่รู้จักกับตนโทรศัพท์มาแจ้งว่า คณะองคมนตรีไม่ค่อยสบายใจที่ตนและคณะจะเสนอร่างกฎหมายเพื่อคุ้มครององคมนตรีเป็นพิเศษ ขอบคุณในความหวังดีและห่วงใย แต่ไม่ต้องการรับการคุ้มครองนี้
บันทึกการเข้า

meriwa
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,100



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 09-10-2007, 22:40 »

รุ้สึกจะมีควายอยากจะได้กฏหมายเพื่อจะให้มีสิทธิ์เท่ากับคน

อย่างว่า ควายมันก็คิดได้แค่นี้ละ 
บันทึกการเข้า

ผู้ปกครองระดับธรรมดา   ใช้ความสามารถของตน    อย่างเต็มที่
ผู้ปกครองระดับกลาง       ใช้กำลังของคนอื่น             อย่างเต็มที่
ผู้ปกครองระดับสูง           ใช้ปัญญาของคนอื่น           อย่างเต็มที่

                                                                  ...คำคมขงเบ้ง
อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,406



« ตอบ #3 เมื่อ: 10-10-2007, 08:54 »

อยู่เมืองไทยเราจะยอมรับกฎหมายที่จะทำให้ชนชั้นปกครองทำตัวแอบอย่างนั้นต่อไปเหรอ
อยากได้อะไรก็ไม่บอกตรงๆ กระพริบตาหรือส่งสัญญาณเอา ยังกะไม่ใช่คน คิดดูว่าพวกสนช.
มีวาระอยู่ไม่กี่เดือน งานก็ล้นทะลัก ไหนยังต้องมาเถียงกันเรื่องนายกเขายายเที่ยงอีก แต่ยัง
อุตส่าห์ทำตัวว่างมากไปจัดการให้ในสิ่งที่เค้าไม่ได้ขอ บังเอิญว่ามีคนตาไวเอามาลงเว็บบอร์ด
แล้วไหลไปหนังสือพิมพ์จนเป็นข่าวใหญ่ คราวนี้เกิดมีคนไม่สบายใจหน้าบางไม่อยากให้ดูว่า
เป็นคนเหนือคน ก็บอกฝากว่าให้เอาออก คนไหนอะไรยังไงไม่รู้ฝากบอกอีกแล้ว อยากได้ก็
ไม่พูดเอง ไม่อยากได้ก็ไม่พูดเอง กฎหมายคุ้มครองคนเหนือคนมันจะผลักให้มนุษย์ธรรมดา
เป็นอีแอบไปได้ ถ้ามนุษย์เหล่านั้นไม่มีปัญหาเรื่องการปกครองก็ว่าไปอย่าง ถ้ามีอำนาจที่จะ
ปกครองมนุษย์ไพร่ทั้งหลายในประเทศ ไม่รู้มันจะวุ่นวายแค่ไหน ส่งสัญญาณกันทั้งวัน ไอ้คน
รับก็เดาผิดเดาถูก ชักเข้าชักออกมันอยู่นั่นแหละ ไม่ไปไหนซะที กรรมประเทศไทย เห้อ
บันทึกการเข้า
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #4 เมื่อ: 10-10-2007, 10:16 »

ก็ต้องรอดูกันต่อไป เพราะกฎหมายนี้ ผู้เสนอไม่ได้ให้การว่า ปรึกษาผู้ที่เกี่ยวข้องในกฎหมายก่อนหรือไม่ จึงเป็นช่องโหว่ให้พวกคิดกบฎทรยศชาติ เอามาเล่นเป็นประเด็นทางการเมืองได้

แต่ผลจากการดูหมิ่นประธานองคมนตรี ก็เห็นอยู่ว่า ไอ้ตัวหัวหน้ามันไม่มีแผ่นดินจะอยู่เรียบร้อยแล้ว เมียก็เช่นกัน ลูกก็ทยอยฉิบฮ้ายไปตามๆกันแร้ววว 

ไม่ต้องมีกฎหมายก็คงได้ เพราะเท่าที่เห็น กรรมมันสนองเข้าให้แล้ว 
บันทึกการเข้า
Anthony
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 296



« ตอบ #5 เมื่อ: 10-10-2007, 14:26 »

ผมว่าไม่จำเป็นหรอก กม.นี้ เอาแค่บังคับใช้ กม.ที่มีอยู่ให้ได้ก็พอแล้ว

จะได้เห็น แก็ส กับ ท้าว นอนคุกเหมือน พยาธิพิชัย กับ นังท่อนจัน ซะที
บันทึกการเข้า

ขอต่อต้านสื่อชั่วอย่าง ไทยรัฐ โลกวันนี้ และประชาทรรศน์

คนไทยจะฉลาดขึ้นต้องเลิกบริโภคสื่อในเครือเหล่านี้ทั้งหมด
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 10-10-2007, 14:43 »

ภูเขาสูงใหญ่แม้ ก็ไม่พ้นกองขี้หมา หรือรอยเท้าของเต่าแลน

ชอบแล้วที่ ท่านองคมนตรี ขอบใจในความหวังดี แต่ไม่ขอรับความคุ้มครองโดยกฎหมายพิเศษ

ผมก็บอกแล้ว ยกไว้ก็ดีจะได้มีคนดี ๆ ให้กราบไหว้ อย่างน้อยก็อีก 18 คน

สุดท้ายก็เป็นหน้าที่คนดี ๆ ที่จะต้องช่วยปกป้องคนดี

เพราะเราเจ็บแค้นแทนท่านไปก็เท่านั้น หากท่านไม่เอาโทษ ไม่เอาเรื่องไม่เอาราว เดี๋ยวก็จะมีม้อบเชียร์ป๋า

เหมือนที่ผ่านมา ทั้งสงขลา ทั้งโคราช


บันทึกการเข้า

อธิฏฐาน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,912


รักษาประเทศชาติ เป็นหน้าที่ของชาวไทยทุกคน


« ตอบ #7 เมื่อ: 10-10-2007, 15:05 »


คนไม่ดีหากคิดร้ายคนดี ย่อมจะแพ้ภัยตนเองค่ะ
บันทึกการเข้า

หยุด...สัมปทานอุทยานแห่งชาติ
http://www.oknation.net/blog/sandstone
snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #8 เมื่อ: 13-10-2007, 09:54 »

“กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมีปัญหามากอยู่แล้ว”   

Lese majeste law still problematic
The Nation วันที่ 11 ต.ค.2550


โดย ธงชัย วินิจจะกูล
ผู้แปล: พงศ์เลิศ พงศ์วนานต์


การเสนอแก้ไขกฎหมายหมิ่นฯ นี้เลอะเทอะและไม่ฉลาดเอาเสียเลย กฎหมายเท่าที่
เป็นอยู่ก็มีปัญหาในหลายแง่มุมมากพออยู่แล้ว

โดยพื้นฐานแล้ว กฎหมายข้อนี้ขัดแย้งกับหลักการในรัฐธรรมนูญที่ว่า “ประชาชนทุกคน
มีความเสมอภาคกันภายใต้กฎหมาย” แต่ประเทศไทยยอมให้ความขัดแย้งนี้ดำรงอยู่
ตลอดมาด้วยกลไกและบรรทัดฐานทางกฎหมายที่น่ากังขา

ยิ่งกว่านั้น ปัญหาที่น่าหนักใจก็คือ การฉ้อฉลใช้กฎหมายนี้เพื่อจุดประสงค์ทางการเมือง
เพราะกฎหมายอนุญาตให้ใครก็ได้กล่าวหาใครก็ได้ว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ต่างจาก
กฎหมายหมิ่นประมาท ที่เฉพาะผู้เสียหายเท่านั้นที่จะดำเนินการฟ้องร้องได้ กฎหมาย
หมิ่นฯ จึงกลายเป็นอาวุธทางการเมืองที่ฉวยใช้ง่ายเหลือเกิน

ผู้ถูกกล่าวหาโดยคดีหมิ่นฯ ได้รับความเสียหายไปแล้ว ไม่ว่ากระบวนการหรือผลทาง
กฎหมายจะออกมาเป็นอย่างไร และทั้งๆ ที่กรณีส่วนใหญ่ถูกยกฟ้องหรือไปไม่ถึงศาล
ข้อหาหมิ่นฯ จึงถูกใช้อย่างไม่ต้องคิดหรือเป็นการเมืองสามานย์ แทนที่จะได้รับการ
จัดการอย่างระมัดระวังรอบคอบมากที่สุด

การเสนอแก้ไขกฎหมายครั้งนี้ละเมิดหลักการทางกฎหมายและขนบธรรมเนียมในหลาย
แง่ และอาจจะยิ่งทำให้มีการใช้กฎหมายนี้เป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างหนักข้อมาก
ขึ้นไปอีก


ประการแรก การแก้ไขครั้งนี้จะเป็นการยกสถานะคนกลุ่มเล็กๆ (รวมถึงคนที่ไม่ใช่เจ้า)
ขึ้นเหนือประชาชนทั่วไป ซึ่งจะสร้างแบบอย่างที่อันตราย เนื่องจากอาจจะมีการออก
กฎหมายที่จะสร้างชนชั้นอภิสิทธิ์หรือพวก “firsts among the equals” เพิ่มขึ้นมาอีก

การแบ่งชนชั้นในสังคมอย่างเป็นทางการโดยมีกฎหมายรองรับกลับมากและหนักยิ่งขึ้น
ไปกว่าที่เป็นอยู่อีก แทนที่จะเป็นไปในทางที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น

ประการที่สอง การแก้ไขครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้คนกลุ่มเล็กๆ มีสถานะสูงกว่าประชาชน
ทั่วไปอย่างถูกกฎหมาย แต่ยังเป็นการยกบุคคลบางคนให้มีอภิสิทธิ์และฐานะใกล้เคียง
เจ้า
อีกด้วย  นี่เป็นการไม่สมควรทั้งต่อสถาบันกษัตริย์ ขนบประเพณี และเป็นการลบหลู่
หยามหลักประชาธิปไตยของสังคมสมัยใหม่ทุกประการ

การเสนอแก้ไขกฎหมายในครั้งนี้อาจจะเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเสียเองด้วยซ้ำ

ประการที่สาม ในโลกสมัยนี้ ที่ทุกคนบนโลกล้วนมีผลประโยชน์ทางวัตถุ ทั้งในเชิง
การเมืองและเศรษฐกิจ ความโปร่งใส (transparency) และการสามารถตรวจสอบ
ได้ (accountability) เป็นสิ่งจำเป็น
มากยิ่งกว่าเดิม การเสนอแก้ไขครั้งนี้กลับเดินไป
ในทิศทางที่ตรงกันข้าม คือทำให้บุคคลที่อยู่ในตำแหน่งและความรับผิดชอบสูงอยู่
ในความเร้นลับและไม่สามารถตรวจสอบได้

ลองนึกดูว่าหากบุคคลดังว่านี้ทำอะไรที่สร้างความเสียหายแก่สถาบันกษัตริย์ เขาก็
จะได้รับการปกป้องด้วยกฎหมายตามที่แก้ไขครั้งนี้
เพราะตรวจสอบวิพากษ์วิจารณ์
ไม่ได้ หมายความว่า เขาจะไม่ถูกลงโทษจากการสร้างความระคายเคืองต่อสถาบัน
กษัตริย์

ประการที่สี่ การใช้กฎหมายหมิ่นฯ เป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ของอภิสิทธิ์ชนและ
พวกพ้องก็จะได้รับการปกป้องโดยกฎหมายตามที่แก้ไขครั้งนี้ ผลกระทบที่จะเกิดแก่
สถาบันกษัตริย์นั้นอาจใหญ่โตและอันตรายเกินกว่าจะคิดได้ในขณะนี้

ประการที่ห้า ทำไมถึงจะต้องห้ามสื่อมวลชนเสนอข่าวกรณีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ?
เพื่อปกป้องสถาบันกษัตริย์ หรือว่าเพื่อข่มขู่สื่อไม่ให้นำเสนอข่าวการใช้กฎหมายหมิ่นฯ
ในทางฉ้อฉลกันแน่? สมาชิก สนช. สายสื่อมวลชนที่สนับสนุนการเสนอแก้ไขนี้ควรจะ
มีความละอายที่ได้ทรยศเพื่อนร่วมวิชาชีพและประชาชน

สุดท้าย เจตนาในการแก้ไขกฎหมายหมิ่นฯ ในครั้งนี้ โดยตัวของมันเองก็เป็นการใช้
กฎหมายหมิ่นฯ ในทางฉ้อฉล นั่นคือเป็นการให้การคุ้มครองคนบางคนที่อยู่ในความ
ขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบัน นี่เป็นการแก้ไขกฎหมายที่ผิดตั้งแต่ต้นแล้ว

หากมีการแก้ไขกฎหมายหมิ่นฯ ได้จริงๆ การกล่าวหาและคดีหมิ่นฯ ก็จะเพิ่มจำนวนขึ้น
อย่างแน่นอน ยิ่งมีคดีความขึ้นโรงขึ้นศาลมากขึ้นเท่าใด ความสนใจก็จะยิ่งพุ่งไปที่
สถาบันกษัตริย์มากขึ้นเท่านั้น แต่จะสร้างอภิสิทธิ์ให้คนบางคน (รวมถึงคนที่ไม่ใช่เจ้า)
ทั้งๆ ที่พวกเขากระทำการที่ไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์ของสาธารณชนและไม่สมควรจะ
ได้รับการคุ้มครองพิเศษเหนือกฎหมายแล้วก็ไม่สามารถลงโทษพวกเขาเหล่านั้นได้
แม้กระทั่งหากพวกเขาสร้างความเสื่อมเสียแก่สถาบันกษัตริย์ก็ตาม

บทเรียนจากทั่วโลกแสดงให้เห็นว่าการมีอภิสิทธิ์มากเกินไปอย่างนี้ ในที่สุดจะนำไป
สู่ความไม่พอใจของสาธารณชนและความปั่นป่วนในสังคม

กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่เป็นอยู่ก่อผลเสียต่อสถาบันกษัตริย์ มากกว่าที่จะ
เป็นผลดี การแก้ไขคราวนี้จะยิ่งก่อผลเสียมากขึ้นไปอีก

การเสนอแก้ไขครั้งนี้ทำกันอย่างไร้ความยั้งคิด ถึงจะยอมถอนร่างแก้ไขออกไป ความ
คิดและความพยายามผลักดันเรื่องนี้ก็ยังสมควรต้องถูกประณามอยู่ดี


เราจะต้องไม่ยอมให้มันหวนกลับมาอีก   

http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=9886&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai
บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #9 เมื่อ: 13-10-2007, 10:00 »

ผมว่าไม่จำเป็นหรอก กม.นี้ เอาแค่บังคับใช้ กม.ที่มีอยู่ให้ได้ก็พอแล้ว

จะได้เห็น แก็ส กับ ท้าว นอนคุกเหมือน พยาธิพิชัย กับ นังท่อนจัน ซะที

‘พระยาพิชัย’ – ‘ท่อนจัน’ รายงานตัวที่ศาล คดีเงียบ อัยการยังไม่ยื่นฟ้อง

http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=9899&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-10-2007, 10:03 โดย snowflake » บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
ScaRECroW
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,000


สุสูสัง ลภเต ปัญญัง - ผู้ฟังดี ย่อมเกิดปัญญา


เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 13-10-2007, 11:19 »

ถ้าคนไทยส่วนใหญ่ ยอมรับในสิ่งนี้ มันเป็นเรื่องที่คนส่วนน้อยจะต้องคิดเอาเองว่า จะย้ายบ้านไปอยู่แล้วโอนสัญชาติเป็น ลาว เวียดนาม หรือพม่า ไม่มีสถาบันกษัตริย์  หรือว่าจะอยู่ในประเทศไทยต่อไป ถ้าจะอยู่ต่อไปก็ต้องอยู่ภายใต้วัฒนธรรมที่คนส่วนใหญ่เขาอยู่กัน ไม่อย่างนั้นก็โน่น Wisconsin at Madison อย่างที่ธงชัยอยู่ ผมไม่เคยรู้สึกว่าธงชัยเป็นคนไทยมานานแล้ว เขาเป็นแค่คนที่เคยเกิดบนแผ่นดินไทย แล้วอาศัยสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเป็นเครื่องมือประกอบการทำมาหากิน
บันทึกการเข้า

Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.

ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่?
ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน
ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
หน้า: [1]
    กระโดดไป: