กระทู้นี้ได้ตั้งขึ้นในห้องราชดำเนินเพื่อเผยแพร่บทความและความคิดของ"สมาชิกเสรีไทย"ต่อสาธารณชนด้วย
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4351996/P4351996.html.............................................
กกต. และ พรรคทรท. ออกมากล่าวกับสาธารณชนเสมอๆ ว่า ตนได้ทำทุกอย่างตามขั้นตอนกฎหมาย และ กติกา แล้ว ขอให้ฝ่ายตรงข้ามยึดมั่นในกฎ และ กติกาด้วย
แม้จะมีคำคัดค้านจากคณาจารย์และประชาชนที่เป็นผู้รู้ทางกฎหมายรัฐธรรมนูญอย่างใดก็แล้วแต่ ทั้ง กกต. และ ทรท. ก็ยังยืนกรานว่า ตนเองทำอย่างถูกต้องทุกอย่าง พวกที่คัดค้านทั้งหลาย
ล้วนเป็นผู้ฉีกรัฐธรรมนูญ ทำลายประชาธิปไตยแต่แล้ววันนี้..
เมื่อศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยแล้ว กลับปรากฏว่า ที่ทั้งกกต. และ ทรท. ได้จัดการเลือกตั้งไปจนแล้วเสร็จเมื่อวันที่ ๒ เมย. ที่ผ่านมา ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ด้วยคะแนนเสียง ๘ ต่อ ๖ ทำให้ต้องมีการเพิกถอนการเลือกตั้งที่ผ่านมา
แม้หลายฝ่ายจะกล่าวว่า ที่มีวันนี้ได้เพราะกระแสพระราชดำรัสของในหลวงกระตุ้นจิตสำนึกของบรรดาศาลทั้งหลายทั้งปวงก็ตาม แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ถ้าดึงดันทุรังจะเปิดสภาง่อยแบบไม่ได้กติกา ก็จะเอา "กติกู" อย่างที่คนบางกลุ่มคิดทำแล้ว
ชาติบ้านเมืองจะเสียหายมากกว่านี้แน่นอน เพราะคณะรัฐบาล และ รัฐสภาที่เกิดขึ้น ล้วนได้มาจากการกระทำอัน
ขัดต่อกฏหมายรัฐธรรมนูญ ทั้งสิ้น
หากไม่มีผู้ร้องต่อศาล
หากไม่มีพระราชดำรัส
และหากไม่มีการเรียกร้องของพันธมิตร และ ประชาชนทุกภาคส่วนที่รัฐบาลตราหน้าว่า เป็นคนทำลายประชาธิปไตยแล้วล่ะก้อ
ผมก็ไม่แน่ใจว่า จะมีคำวินิจฉัยที่เกิดขึ้นหรือไม่
.......................................
ทำไมอ้างว่า ทำทุกอย่างถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว ทำไมจึงยังไม่พอเพียง???????กกต. โดยเฉพาะพลตอ.วาสนา และแกนนำพรรคไทยรักไทย รวมทั้งผู้สนับสนุนที่จตุจักร และในเว็ปพันทิปนี้ เคยย้อนถามตัวเองในคำถามข้างต้นบ้างไหมครับ? ถ้าเคย ได้คำตอบในใจว่าอย่างไร ตรงกับคำวินิจฉัยของศานรธน.หรือไม่?
ต้องเก็บไปคิดนะครับ เพราะบ้านเมืองเสียหายทั้งเศรษฐกิจและงบประมาณมหาศาล เพื่อสนองความคิดที่ไม่ถูกต้องของคนกลุ่มหนึ่งในสังคมที่บอกว่า "ทำตามกฎหมาย ตามกติกาทุกอย่าง" แล้ว
นี่คือ คำตอบของผมที่จะให้กับพวกท่านนะครับ...
ตัวบทกฎหมายไม่ใช่ความถูกต้อง แต่การนำตัวบทกฎหมายมาใช้ต่างหากที่ทำให้กฎหมายนั้นถูกต้อง สมบูรณ์ตัวบทกฎหมายเป็นเพียงตัวหนังสือที่สะท้อนเจตนารมณ์ของผู้ร่าง ตรงนี้สำคัญที่ต้องตีความเจตนารมณ์ของผู้ร่างกม.ด้วย ไม่ใช่ตีความตามเจตนารมณ์ของตนเอง
การกำหนดวันเลือกตั้ง ๓๕ วัน ทั้งที่กฎหมายให้ขอบเขตไว้สูงสุดถึง ๖๐ วันในกรณียุบสภา ย่อมมีเจตนารมณ์ที่จะให้เกิดความเที่ยงธรรมต่อทุกพรรคการเมือง เป็นเจตนารมณ์ที่ดี
กกต.และรัฐบาลอ้างเหตุงานพระราชพิธีสำคัญ จึงทำให้ต้องเลือกตั้งเร็ว แต่ทำไปทำมาผ่านไปแล้วกว่า ๖๐ วันก็ไม่อาจมีรัฐบาลที่ชอบธรรมได้
เพราะท่านคิดเข้าข้างตัวเองว่า
ตัวเองคิดอย่างนี้ถูกต้องความจริงไม่ใช่..
ถ้ากกต.กำหนดให้มีการเลือกตั้งภายใน ๗ วัน ๑๐ วัน ก็ย่อมทำได้ตามอำนาจของกกต. และไม่ขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญด้วย อ้างเหตุผลได้สารพัดสารพัน ยกเว้นอย่างเดียวที่อ้างไม่ได้ คือ ไม่ได้มีความเที่ยงธรรมในการจัดการเลือกตั้ง
นี่ผมยกตัวอย่างให้ฟังนะ เพราะกกต.อ้างทำตามกม.เสมอ กำหนดแค่ ๑๐ วันก็ไม่ผิดกฎหมายครับ ใครก็ค้านท่านไม่ได้ แต่ท่านมีความเที่ยงธรรมหรือไม่ ศาลรธน.ตัดสินแทนแล้ว
การหันคูหาเลือกตั้งแบบผิดประเพณี..
กกต.อ้าง มีความบริสุทธิ์ใจ ได้ทำการวิจัยมาก่อนหน้านี้แล้ว
นี่ก็ไม่ผิดกฎหมายนะครับ ท่านทำได้ตามอำเภอใจของท่าน
แต่เห็นกันอยู่โทนโท่ว่า คนที่เดินเข้าคูหาทีหลังเห็นการกระทำของคนที่กำลังกาบัตรอย่างชัดเจน โดยไม่ต้องเอากล้องอะไรมาซูมหรอกครับ
เพราะมันเป็นการเปิดเผยพวกท่านมิได้บอกกล่าวประชาชนที่ไปใช้สิทธิ์ด้วยการประกาศโดยถ้วนทั่วกัน เพื่อให้มีประชามติในการแสดงความเห็นกลับมาในทางไม่เห็นด้วย แต่พวกท่านใช้วิธี "รวบรัดความคิดของตัวเองว่าเป็นความถูกต้อง" และไม่ผิดกฎหมาย
ถ้าท่านประกาศก่อน แน่นอนจะมีผู้ร้องต่อศาลปกครองขอให้แก้ไขใหม่เหมือนกรณีตรายาง ซึ่งนั่นเป็นสิทธิ์ของประชาชนที่เขาของสงวนความลับในการกาบัตรของเขาที่ไม่ต้องการเปิดเผย
ไปจำกัดสิทธิ์นี้ไว้ให้ท่านเป็นคนตัดสินใจแทนนี่ต่างหากที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และส่งผลให้พวกท่านเป็น "โมฆะชน" ในการจัดการเลือกตั้งครั้งนี้
และศาลรธน.ก็ได้พิพากษาไปแล้วเช่นกันว่า พวกท่านทำถูกกม.หรือคิดไปเองว่า ตนเองทำถูกกม.
........................................
น่าสงสารหลายอมยิ้มที่ต้องถูกยึดไปเพราะก่อนหน้านี้ได้ออกมาโต้แย้งการกระทำของกกต. และรัฐบาลต่อประชาชนกลุ่มหนึ่งที่คิดว่า ความคิดของพวกตัวเองเป็นใหญ่ และถูกต้องในสังคมแล้ว
พวกที่ถูกยึดเพราะกรณีที่ผมว่า ก็ขอให้คิดว่า
สละชีพ(อมยิ้ม)เพื่อชาติก็แล้วกันนะครับ