นี่คือบทสรุปหลังจากที่ผมหายศรีษะจากห้องนี้ไปนาน ผมเคยเป็นคนหนึ่งที่เห็นด้วยกับการปฏิวัติรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยา เมื่อปีก่อน ในเวลานั้นจุดมุ่งหมายของผม บอกตรง ๆ ว่า มิได้คิดอะไรมากไปกว่าการที่ทำให้ข้อคลางแคลงใจในกรณีทุจริตของ พตท.ดร.ทักษิณ ปรากฏออกมา แต่โดยเนื้อแท้ผมก็ไม่ได้ทุกข้อกล่าวหาที่มีการพูดถึง แต่ผมคงไม่ขอบอกไว้ ณ ที่นี่ว่าผมเชื่ออะไรและไม่เชื่ออะไรบ้าง และในกรณีของผมมิใช่ ตาสว่างหรือมืดบอด
เพราะจุดยืนของผมที่มีมาตลอดมิได้ผันแปรไป สิ่งที่ผมเชื่อยังคงอยู่เช่นนั้น เพียงแต่สิ่งที่เปลี่ยนคือ มุมมองที่มีต่อการรัฐประหาร ภายใต้รองเท้าบู๊ตของ พล.อ.สนธิ บุญรัตยกลิน
เพราะในช่วงแรก ผมคิดว่าสิ่งที่ คมช. จะทำคือการล้างไพ่และทำให้สิ่งที่ถูกต้องปรากฏ มิใช่การเผาโรงนาทั้งเรือนเพื่อฆ่าหนูตัวเดียวแบบนี้ เพราะหลังจากที่ได้คุยกับพี่ ๆ หลายคนเค้าได้ให้ทัศนะคติมุมนี้ว่า (ขอย้ำว่าพี่คนนี้เกลียด พตท.ดร.ทักษิณ เข้าไส้เช่นเดียวกับผม)
"คมช. มันทำไม่ถูก พูดง่าย ๆ ไอ้การปฏิวัติก็ไม่ถูกแล้ว แต่เมื่อคิดว่ามันเป็นทางออกไม่ว่ากัน แต่หลังจากปฏิวัติต้องวางมือแล้วทุกอย่างต้องปล่อยให้ทางพวกการเมืองเค้าทำกันเอง และที่สำคัญต้องไม่ให้มีข้อครหาว่ามีการกระทำทุกอย่างมีใบสั่ง" พี่คนนั้นซดเหล้าหนึ่งโฮกแล้วพูดต่อว่า "แล้วไอ้การฉีกรัฐธรรมนูญเนี่ย ถามจริง ใครสั่งใครสอนให้ทำ ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ "
ถ้าในภาษาของผมก็ต้องบอกว่า "เทพารักษ์ต้นไม้ไหน สั่งสอนให้ทำแบบนั้น"
เพราะหลังจากที่ คมช. เข้ามาทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่แบบที่ถูกต้อง อย่างน้อย ๆ ก็ในสายตาผม เพราะวันนี้ก็เข้าสู่ระบบเดิม ๆ ของการเมืองไทยคือ พวกใครพวกมัน ใครเข้ามาคนของคนคนนั้นก็เข้ามาเป็นใหญ่เป็นโต โดยไม่สนใจว่า มีความเหมาะสมแค่ไหนอย่างไร และที่เห็น ๆ มาแต่ละคนก็มีปัญหา
และกว่าครึ่งหรือเกือบทั้งหมด คนเหล่านั้นทำงานด้วยปาก หากเราเอาคณะรัฐมนตรีของทักษิณมาตั้งแล้ว ก็ยังต้องบอกว่า รัฐบาลชุดนี้เป็นชุดที่เหลาเหย่ที่สุด เพราะแต่ละคนเข้ามาในฐานะมือปราบหรือผู้ประทานสิ่งที่ถูกต้อง แต่ทุกคนกลับมีเงื่อนงำและชนักเต็มตัว แผลเต็มหลัง ขุดใครขึ้นมาเป็นเห็นแผลที่เหวอะหวะ
ถ้าจะมองในประสา ปฐม คนของทักษิณแม้จะเลว แต่เขาก็มาตามขั้นตอนริมิได้อ้างถึงความชอบธรรม แต่คนที่มาโดยอ้างความชอบธรรมแต่ไม่ทำให้ความชอบธรรมนั้นปรากฏ นับว่า เลวกว่าเลว
ไม่นับการบริหารราชการแผ่นดินที่มีแต่ความผิดพลาด
และตลอดเวลามา การเดินสายให้ข่าวของ พล.อ. สนธิ นั้นได้อ้างแต่ละคำถึงความเลวร้ายของ คุณทักษิณ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่า คำพูดเหล่านั้นเป็นจริงแค่ไหน โดยส่วนตัวถามว่า ทักษิณ โกงไหม
แน่นอนครับ
แต่เท่าที่ พล.อ. สนธิ พูดไหม คงไม่ใช่ เพราะผมไม่เชื่อว่าจะมีใครที่เลวอะไรได้ขนาดนั้น ไม่มีใครที่ไม่มีคุณงามความดีอะไรเลย เพียงแต่เราจะมองเขาในบทบาทไหนเท่านั้น และแม้ปากจะอ้างธรรมาภิบาลและความมือสะอาดของตน แต่ทุกการกระทำของ รัฐบาลชุดนี้อีกทั้งเหล่าคมช.กลับยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความทุจริตกว่าทุจริต
มองดูคนไหนในพวกนี้แล้วเราเห็นความซื่อสัตย์สมราคาคุยบ้างครับ ผมเองแม้เคยเคียงข้างคุณลุงแอ้ดผู้น่ารักยังต้องเหยเกเมื่อเจอความประพฤติแต่หนหลังเช่นนี้
วันนี้ประเทศเราเป็นอะไรแค่ไหน เราไม่รู้หรอกครับ เพราะเชื่อว่าข่าวสารที่เราได้รับวันนี้ยังไม่เต็มที่และถูกต้องร้อยเปอร์เซนต์ แต่ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ประเทศชาติบอบช้ำไม่น้อยอย่างแน่นอน
ดังนั้นสิ่งที่ผมอยากบอกคือ หลังจากที่ผมทบทวนตัวเองมาเป็นเวลาพอสมควรผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า การรัฐประหาร "ไม่ใช่" ทางออกของเรื่องราวทั้งหมด ไม่ว่า นายกรัฐมนตรีที่เราได้มาจะเป็นอย่างไร ระบบและอย่างอื่น ๆ มักจะมีเงื่อนไขที่คลี่คลายในตัวมันเอง ไม่ใช่การเปลี่ยนมือเช่นนี้ เพราะมันไม่ต่างกับเอาผีออกแล้วให้ปีศาจมาอยู่ศาลนี้แทน ผลสุดท้ายคือเราไม่ได้อะไรเลย
เพราะสิ่งที่ต้องการประคับคองระบบของประเทศคือ การแก้ไขและปรับปรุงอีกทั้งประคับประคองให้ระบบระบอบมันไปได้
การปฏิวัติ คือ การโค่นสิ่งที่ก่อมานานให้ล่มสลายและต้องรอให้คนมาโค่นใหม่อีกครั้งเพื่อล้างเผ่าพันธ์ที่ปีศาจและเหล่า คมช. ได้สืบทอดไว้ ดังนั้นการล้มและโค่น ล้มและโค่นจะวนเวียนอย่างไม่จบสิ้น
ทุกวันนี้ผมรู้แล้วล่ะครับ... ว่า ระบบ มันต้องแก้ปัญหาด้วยการเสริมและอุดรอยรั่ว ไม่ใช่ทำลายเพื่อให้เกิดการอีกครั้งและวนเวียนเป็นวัฏจักรแบบไม่มีวันจบสิ้น
คารวะสันติชนทุกท่าน
ปฐม