คุณ เจได ครับ ผม ไม่ได้บอกว่า ปชป. เป็น พรรคที่เลวน้อยที่สุด
ผมบอกว่า ลุงแก จะเชื่ออะไร จะคิดยังไง ผมไม่ว่า แล้ว ผม เชื่อ ว่า ปชป. เลวน้อยที่สุด
อย่างที่คุณบอกแหละ ความเชื่อ มันรื่องส่วนตัว ผมก็ไม่ได้ก้าวก่ายนะ ต่างคนต่างเชื่อ
ส่วนที่ผมเชื่อ ย้ำว่าเชื่อ เพราะ เหตุผล ส่วนตัว ย้ำว่าส่วนตัว
ผมอาจจะอายุไม่มาก แต่เท่าที่เห็นการเมืองมา10กว่าปี มีพรรคอะไรมั้ง ที่ตั้งขึ้นมาแล้ว ล้มหายตายจากไป นโยบาย ที่โยนมาหาเสียง แล้วก็ดับวูบไป พร้อมกับพรรค การสร้างบุลคลทางการเมือง สร้างแบบไหน
ชาติไทย ก็เคยมีนโยบายดูด ไม่ต่างกับที่ตอนนี้กำลังโดนดูด ควม.ไม่ต่างกัน รวมมุ้งมาเลย ยกเข่งกันมา จนมาจบที่ ไทยรักไทยหลอดใหญ่สุดๆๆ
พรรคการเมืองที่เอาหัวกระทิทางการเมืองแต่ละกลุ่มมารวมๆกัน มันจะมีอุดมการณืแท้จริงร่วมกันได้ไหม ผมไม่เชื่อว่าได้ หรือถ้าบอกว่า อุดมการณ์มาเป้นรัฐบาลไว้ก่อน อันนี้ผมเชื่อแน่นอนว่าเหมือนกัน
พรรคที่ตกลงจากจุดสูงสุดแล้วดำรงอยู่ได้ มันเหลือกี่พรรค ชท. ปชป. จากความเชื่อเหล่านี้ ผมเลยคิดว่า คำว่าพรรคเฉพาะกิจ จึงมีขึ้นแล้วพรรคเฉพาะกิจ จะเลวน้อยที่สุดได้อย่างไร ในเมื่อ สร้างมาเฉพาะกิจ
เสริมอีกนิด ก็ไอ ปรส สปก เน่ยแหละ ทำให้ผมไป กา สส.ไทยรักไทย p.พรรค ชพน. ไป1 ครั้ง แต่แล้ว มันก็แสดงออกถึงการมาเพื่ออะไร ครั้งที่สองเลย ขอ ปชป. มาตรวจสอบดีก่า แต่ตรวจไม่ได้วะ มันเก่ง กฎหมาย จนเจาะรูพรุนมุดไปหมดทุกที
เป็นอีกเรื่องจริงที่น่าเศร้าสำหรับผมครับ ผมเคยต่อยลูกพี่ลูกน้องผม ที่เป็นคนจังหวัดมุกดาหาร
วันนั้นเมากันทั้งคู่
ไอ้นั่นก็พร่ำเพร้ออยู่เรื่องเดียว นายกทักษิณเป็นคนเก่ง คนทำงาน พาประเทศชาติเจริญ
มันมีคำหนึ่ง ที่ทำให้ผมฟิวส์ขาดทันทีนั่นก็คือ "รวยแล้วไม่โกง นายกทักษิณมากู้ชาติ เหมือนพระเจ้าตากสินกลับมาเกิด"
สังคมเล็กๆยังแทยอยู่กันไม่ได้ นับประสาอะไรกับสังคมใหญ่ๆครับ
เพราะความเชื่อนี่แหละครับ อย่าว่าแต่คนละภาคเลย ภาคเดียวกัน ญาติกันก็อัดกันมาแล้ว
ผมเกลียดทักษิณเพราะบริษัทมันเคยโกงบิลค่าโทรศัพท์ผม
ผมเลยเกิดอคติไม่เอาเหลี่ยมมาตั้งแต่ปี 2542
ผมนั่งด่าทักษิณทุกวันตอนปี 2544-45 เรื่องมันแปรรูปองค์การโทรศัพท์ ซึ่งผมมีอคติกับ AIS มาก
ผมเลยไปหาข้อมูลมาว่า แปรรูปครั้งนี้ มันได้อะไร ตอนนั้นได้แต่วิเคราะห์ว่า มันคงแก้สัมปทานอะไรซักอย่างเพื่อต่ออายุสัมปทานมัน
ตอนนั้น ผมตกใจมากที่มันแปรรูปองค์การโทรศัพท์ เพราะตอนนั้นข้อมูลผมยังไม่แน่นมาก ผมจึงกลัวว่า มันจะแปรรูป 100% ให้เอกชน แล้วเอาเงินตัวมันเองมาซื้อองค์การโทรศัพท์ ผมกลัวว่ารัฐจะไม่ได้เงินค่าสัมปทาน แล้วกลัวมันต่ออายุสัมปทาน AIS ไปชั่วโคตรของมัน ซึ่งผมเกลียด AIS มาก ยอมไม่ได้
ผมเลยดิ้นใหญ่เหมือนคนบ้าเลยครับ ด่ามันทุกวัน ผมมีเพื่อนร่วมด่าทักษิณอยู่ 3-4 คนเอง ในจังหวัด (ในเวลานั้นนะ)
จากนั้นก็โดนแปรยับเรียบหมด กสท ไปรษณีย์ ปตท ฯลฯ ตามลำดับไป
ปี 2546-47 ผมไปอยู่ออสเตรเลียประมาณปีกว่า ดูข่าวทีไรก็เศร้า ทั้งข่าวไฟใต้ ชูวิทย์ โดนอุ้ม แต่ยังใจชื้นหน่อยที่มีข่าวสนามบินแห่งใหม่ กำลังเดินหน้าสร้างเต็มสตรีม
(ตอนนั้นเริ่มไม่ได้สนใจการเมืองแล้ว เพราะทำงานเหนื่อย)
พอกลับมาอยู่เมืองไทย ก็เริ่มกลับมาบ้าการเมืองอีกรอบ พอรู้ว่ามีบริษัทท่าอากาศยานไทย ผมยิ่งน็อตหลุดเข้าไปอีก ข้อมูลไม่มีหรอกครับ ตอนนั้น แต่ใจอคติสุดๆ
ผมคิดว่ามันเอาเงินหลวงซึ่งมาจากภาษีไปสร้างสนามบิน แล้วพอสร้างเสร็จ มึงเสือกจะแปรรูปมาขายให้เอกชนอีกเหรอวะ
ผมจึงเริ่มตั้งสมาคมด่าทักษิณต่ออีกรอบ
ปลายปี 2547 ผมมาเรียนต่อโทที่กรุงเทพ มาด่าทักษิณต่อที่มหาลัยอีก
นักศึกษา ป โท รวมทั้ง ป เอก หลายคนก็ชื่นชมพี่เหลี่ยมแบบสุดๆอีก บางคนโชว์ลาวขนาดออกความเห็นว่า จะแปรรูปไฟฟ้าเหรอ ดีนี่ เอกชนจะได้มาทำแข่ง ไฟฟ้าจะได้ถูก
"โถ...... พ่อมึงมีเงินสร้างเขื่อนแข่งการไฟฟ้าเหรอวะสาด ธุรกิจผูกขาดแบบนี้ แปรไปมีแต่กำไร ค่าไฟถูก เอามีดมาฆ่ากูได้เลย" (แต่ผมคิดในใจนะ
)
พอจะเลือกตั้งทักษิณ 2 ผมมองทะลุไปจนคาดเดาได้ว่า ทักษิณได้เสียงเกิน 350 เสียงแน่
ผมชูธงในการให้เลือกฝ่ายค้านเข้ามา เดี๋ยวมันจะทำอะไรไม่ได้
(เพราะมีตัวอย่างให้เห็นครับ ในสมัยทักษิณ 1 พรรคประชาธิปัตย์ ยังอภิปรายแบบจิกแบบด่าอยู่ มันทำให้คนเอือมไปมาก แต่ผมก็ได้ข้อมูลการแก้สัมปทาน AIS จากฝ่ายค้าน แต่คนมันไม่สนใจกันครับ)
สรุป ผลที่ได้ออกมา มันได้ถึง 377 เสียง ฝ่ายค้านไม่พอยื่นอภิปรายทุจริต ผมอาละวาดไปทุกที่ ที่ผมได้คุยเรื่องการเมือง
คำตอบที่ได้จากชาวบ้านก็คือ "ปล่อยนายกทักษิณจัดการเล๊ย ฝ่ายค้านไม่ต้องมีอ่ะ รำคาญ ถ่วงความเจริญ"
สัดเอ๊ย มึงไปอยู่กับซัดดัม อุสเซนกันให้หมดเลยไป๊ พวกเลว
และแล้ววันหนึ่ง คดี CTX ก็โผล่ ....
ทุกจริตโครงการใหญ่ๆเริ่มส่งกลิ่นเหม็นออกมา
จนโกตั๊บ ออกมา..........
ผมเลิกด่าทักษิณเลยครับตอนนั้น เพราะเค้าหาว่าผมเชื่อสนธิ เสียอารมณ์
และผมก็ได้แต่นั่งดูเหตุการณ์บ้านเมืองมาแบบไม่ค่อนอยากจะใส่ใจ เพราะความเบื่อหน่าย
จนถึงวันรัฐประหาร....
ข้าน้อยถึงได้กลับมาอีกหน....