ผมสงสัยว่ากระทูถูกลบ เพราะไปพูดถึงความจริงด้านไม่ดีของสนธิ ลิ้มทองกุล(ไม่แนใจ)่

สองสามวันก่อน ผมได้ตั้งกระทู้ โดยเอา บทความที่ลงในมติชนสุดสัปดาห์เกี่ยวกับเรื่องที่ไม่ดีของสนธิ ลิ้มทองกุล มาลง ผมไม่ได้เข้ามาดูทุกวัน มาวันนี้ ผมเข้ามาดู ผมหากระทู้ตัวเองไม่เจอ ไม่แน่ใจ ย้ำ ไม่แน่ใจ ว่าถูกลบหรือเปล่า หรือผมหาไม่ดีเอง (แต่ผมหาหลายรอบนะ) ยังไงฝากเว็บมาสเตอร์ช่วยดูให้ด้วย
ถ้าไม่ถูกลบ ผมก็ขออภัยล่วงหน้า แต่ถ้าถูกลบ ผมขอเหตุผลด้วยครับ
เบื้องหลัง...อาหารคาว-มื้อค่ำ บรรหาร-มติชน"ลิ้มรส" จน "บาดลิ้น"
อาหารคาว...มื้อค่ำ ของ "บรรหาร ศิลปอาชา" กับผู้บริหารมติชน ที่อาคารสำนักงานย่านประชาชื่น เมื่อ 16 สิงหาคม "แตกต่าง" จากอาหารคาว..มื้อค่ำ ที่ "บรรหาร" ร่วมซดหูฉลาม ร้านซ้ง ย่านปิ่นเกล้า กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อ 27กรกฎาคมเป็นความแตกต่าง ที่เกิดขึ้นทั้งบรรยากาศ ถานที่ และรสชาติของอาหาร...!ร้านซ้งเป็นร้านเก่าแก่มีชื่อเสียงเรื่องหูฉลามรสเลิศ ขณะที่อาหารบนชั้น 9 อาคารมติชน อุดมไปด้วยพืชผักและน้ำพริก จะคล้ายกันบ้างก็ที่ "อารมณ์" บนโต๊ะอาหาร เพราะทั้งสองมื้ออบอวลไปด้วยกลิ่นอาย การเมืองในช่วงวิกฤต1 ทุ่มตรง "บรรหาร" พร้อมด้วย สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล, นิกร จำนง, วราวุธ ศิลปอาชา และ จณิสตา ลิ่วเฉลิมวงศ์ มาตามนัดบรรยากาศมื้อค่ำอบอวลไปด้วยนํ้ามิตรแห่งความคุ้นเคย มี "บรรหาร" นั่งหัวโต๊ะ มี"วราวุธ" นั่งประกบซ้ายมือ ตามด้วย "สมศักดิ์" และ "จณิสตา" ส่วนขวามือขนาบข้างด้วย "ขรรค์ชัย บุนปาน" และคณะผู้บริหารมติชน
ระหว่างอาหารถูกทยอยนำขึ้นโต๊ะ นักข่าวสาวออกปากกระเซ้าแบบมีอารมณ์ขันเป็นออเดิร์ฟว่า "น่าน้อยใจ ที่เห็นท่านบรรหารให้สัมภาษณ์กับเครือเนชั่นแบบหมด
เปลือก"
"บรรหาร" เอ่ยด้วยน้ำเสียงฉันมิตรว่า "ก็วันนี้จะมาเปิดเผยกับมติชนให้หมด ในวันไปกินหูฉลามกับนายกฯ เป็นข้อมูลที่ไม่เคยบอกกับเนชั่น จะมาบอกมติชนแห่งเดียว"มีเสียงฮือฮาระคนเสียงหัวเราะรอบๆ โต๊ะอาหาร...!!จากนั้นการสนทนาภาษาการเมืองพร้อมๆ กับการรับประทานอาหารมื้อค่ำก็เริ่มต้นขึ้นพร้อมขออนุญาต "บันทึกเทป" อินไซด์ "หูฉลามสมานฉันท์" แบบคำต่อคำ"บรรหาร" เริ่มต้นเล่าถึงการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่งผู้ใหญ่พรรคไทยรักไทยมาขอพบที่บ้านพักในเวลา 2 ทุ่มของคืนวันที่ 5 กรกฎาคม"ผมเชิญเข้ามานั่งในห้องแอร์ที่เย็นฉ่ำ" บรรหารทำท่าทางประกอบ พร้อมหันมากระเซ้านักข่าวสาวว่า "ตรงนี้ผมก็ไม่ได้บอกเนชั่นนะ" พร้อมเสียงหัวเราะในลำคอเป้าหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณคือ ต้องการให้ "บรรหาร" เป็นตัวกลางสร้างความสมานฉันท์กับพรรคประชาธิปัตย์ และมหาชนขณะที่ "บรรหาร" ต่อรองว่า กดปุ่มให้ กกต.3 คนลาออก แล้วจะเป็นตัวกลางสมานฉันท์ให้แต่เรื่องเงียบหายนานนับสัปดาห์...??
กระทั่งวันที่ 14 กรกฎาคม "ประภัตร โพธสุธน" เลขาธิการพรรคชาติไทย เป็น "ตัวเชื่อม" ให้ "บรรหาร-ทักษิณ" นัดพบกันอีกครั้ง แต่เนื่องด้วยวันที่ 20 กรกฎาคม"บรรหารและครอบครัว" ต้องเดินทางไปอลาสก้าตารางนัดจึงไปเลื่อนไปเป็นวันที่ 27 กรกฎาคม หลังเดินทางกลับ
การนัดพบที่ร้านซ้งเพื่อกิน "หูฉลาม" จึงมีขึ้นเวลา 20.00 น. ของวันที่ 27 กรกฎาคม"ไม่มีใครรู้ แม้แต่ท็อป (วราวุธ ศิลปอาชา ลูกชาย) ถาม ผมก็ไม่บอก ไปคนเดียว"บรรหารเล่าด้วยเสียงอันดังลั่น โดยมี "ลูกท็อป" ที่นั่งอยู่ข้างๆ พยักหน้ารับคำพูดบิดา
"เมื่อมาถึง ผมเห็นใบหน้านายกฯ ตอนพูด ดูโหงวเฮ้งคนเก่ง โหงวเฮ้งเขาจะแย่แล้วซีดๆ เซียวๆ ผมก็พูดขึ้นตอนแรกเลยว่า นายกฯ คงไม่มีความสุขตอนนี้ นายกฯ ตอบว่า พี่ผมจะสุขอย่างไรผมถูกด่าทุกวัน สื่อมวลชนก็ด่าผม อ้าว...ก็ปากคุณเป็นพิษนี่ผมพูดอย่างนี้เลยนะ ก็เตือนแล้วไม่เชื่อ"
ท่าทาง น้ำเสียง และอารมณ์ที่ดุดัน กอปรกับเป็นเรื่องที่ไม่เคยรับรู้มาก่อน ทุกคนจึงฟัง "มังกร" วาดลวดลายด้วยท่าทีสงบนิ่ง
"มังกรเมืองสุพรรณ" บอกถึงการต่อรองบนโต๊ะอาหารว่า ถ้าจะให้เป็นตัวแทนสมานฉันท์ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องรับปากว่าจะไม่ใช้อำนาจเงิน อำนาจรัฐ ในการเลือกตั้ง "นายกฯ บอกว่า พี่บรรหาร ผมจะไม่ใช้ คราวนี้จะให้นิดเดียว คนละไม่กี่ตังค์ แล้วเวลาเลือกตั้งผมจะเดินทางไปต่างประเทศเลย ผมก็ถามว่า นายกฯ บอกไม่ใช้ แต่หัวหน้าวังมันใช้ คุณต้องเบรกไม่ให้ใช้สิ เพราะมันจะเอาโควต้ามาต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีและอำนาจรัฐอย่าใช้ เพราะสู้กันตัวต่อตัวคุณก็ชนะ ถ้าทำได้ ผมรับจะไปเจรจาให้ ซึ่งนายกฯ ก็บอกว่า เอาพี่ ผมเอาจริงๆ..."
ดูเหมือนน้ำเสียงและสีหน้า "บรรหาร" จะ "เชื่อ" ในสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดแต่ถูกคำถามดักคอว่า "แล้วท่านเชื่อที่นายกฯ บอกหรือเปล่า"...?
ครุ่นคิดสักพัก...ก่อนตักข้าวคำแรกเข้าปาก แล้วบอกว่า "ผมดูสีหน้านายกฯ แล้วคิดว่าคราวนี้คงพูดจริง เพราะมรสุมข้างๆ มันล้อมรอบเยอะ..."
"แล้วผมบอกว่าไม่ต้องห่วง ที่ลือว่าผมจะเป็นนายกฯ ไอ้คนข้างๆ คุณมันบอกว่า ผมจะเป็นตาอยู่ ก็บอกไปว่า เอาคนในพรรคคุณขึ้นมาก็แล้วกัน ใครก็ได้ จะเป็นสมคิด (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์) ก็ได้ แต่โภคิน (นายโภคิน พลกุล รองหัวหน้าพรรค) ไม่ได้ สุดารัตน์ (คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รองหัวหน้าพรรค) ไม่ได้ สมคิดได้คนเดียว พูดกับเขาดีๆ ซึ่งนายกฯ บอกว่ากำลังพิจารณาอยู่ว่าจะเป็นใครดี นี่คือสิ่งที่ผมพูด"
เป็นการการันตีว่า หลังเลือกตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องเว้นวรรค และคนที่เหมาะสมนั่งตำแหน่งนายกฯ คือ "สมคิด"
รสชาติอาหารไทยแบบง่ายๆ เริ่มออกรส พอๆ กับบรรยากาศของวงสนทนาบนโต๊ะอาหาร เมื่อมีเสียงดังขึ้นว่า "คุณทักษิณ คงไม่ยอม พราะมีข่าวมาว่าไม่เฉพาะคุณทักษิณเท่านั้น คุณหญิงพจมาน ก็ไม่เอา"
"บรรหาร" ส่ายหน้า พร้อมพูดสวนทันที "...ถ้าจะไม่เอา มันก็ติดอยู่ที่ตัวคุณสมคิดเอง"
"ตอนที่ผมป่วยเป็นโรคกระเพาะ แล้วสมคิดไปทำบอลลูนหัวใจ ก็ไปนั่งคุยกับแกว่า ถ้าท่านนายกฯ เว้นวรรคคุณต้องไปเป็นแทน แกบอกว่า ท่านนายกฯ บรรหาร ถ้าผมจะเป็น ผมต้องเป็นตัวของตัวเองบ้าง รัฐมนตรีผมต้องดูบ้าง ถ้าตั้งมาให้หมด ผมก็ทำอะไรไม่ได้ นี่อาจเป็นข้อแม้ของแกเหมือนกัน หากท่านสมคิดเป็น นายกฯ นอมินี" เป็นคำตอบที่แม้จะไม่ได้ออกจากปาก "สมคิด" แต่ด้วยเครดิตของ "บรรหาร" ฟ้าที่มืดครึ้มจึงเปิดสว่างขึ้น
หลังเลือกตั้งพรรคชาติไทยจะร่วมรัฐบาลหรือไม่...เป็นคำถามที่ยิงใส่อีกชุด... การถอนหายใจเฮือกใหญ่คือปฏิกิริยาที่แสดงออกมา ก่อนบอกว่า "อย่าเพิ่งพูด ผมอาจไม่พูดก็ได้ แต่ถ้าทักษิณ เป็นนายกฯ ผมไม่ร่วมแน่นอน แต่ถ้า อภิสิทธิ์ (เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์) ได้เสียงเกินครึ่ง ผมก็ต้องอยู่ประชาธิปัตย์"
มีการขยายความต่อ..."ผมพูดกับนายกฯ ว่าเลือกตั้งครั้งที่แล้วคุณทำความเจ็บชํ้าน้ำใจให้เขาเยอะเลย อย่างเสธ.หนั่น (พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน) คุณไปทำเขาทำไม (กรณีลงพื้นที่หาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 พิจิตร ไทยรักไทย คู่แข่ง ศิริวัฒน์ บุตรชาย พล.ต.สนั่น) คุณจะลงไปปราบชาละวัน เขาเจ็บใจมาก คือนายกฯ เท่าที่จับจุดได้ เสียเพราะคนใกล้ชิดที่มีไม่กี่คน คือไอ้ห้อยโหน สงสัยนายกฯ โดนมนต์เขมร"
เมื่อ "พญามังกร" เล่นมุข...บรรยากาศงานสัมมนาจึงกลายเป็นงานรื่นเริงในชั่วพริบตา...!!
เมื่อทุกคนอิ่มหนำกับอาหารคาว... ผลไม้ก็ถูกลำเลียงมาวางบนโต๊ะ เป็นสัญญาณว่าอีกไม่นาน การสนทนาจะสิ้นสุดแต่ปรากฏว่า ยังมีก๊อกสุดท้าย...?
เมื่อเอ่ยชื่อ "สนธิ ลิ้มทองกุล" แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในอีกมุมหนึ่งว่า เมื่อปลายปี 2547 สนธิขอให้พรรคชาติไทยร่วมต้านการตั้งสมเด็จเกี่ยว วัดสระเกศ เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช แต่เมื่อตรวจสอบข้อมูลแล้ว บรรหาร
จึงถอยห่าง"แต่ที่น่ากลัวคือ สนธิพูดว่าการเมืองต่อไปนี้เขาต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง จะให้ใครชุบมือเปิบไม่ได้ อันนี้อันตราย จะกลายเป็นว่าจะล้มระบอบทักษิณ แล้วได้ระบอบสนธิขึ้นมา สนธิพยายามเดินงานอย่างนี้มา 2-3 ปีแล้ว" บรรหาร...ทิ้งท้าย
เหล่านี้...คือสิ่งที่เกิดขึ้นในวงสนทนา "มื้อค่ำ" บนชั้น 9 อาคารสำนักงานมติชน
ที่แม้จะไม่ใช่ "อาหารเหลา" อย่างดี แต่ทุกคนที่ได้ลิ้มรสก็ซี้ดซ้าด...จนบาดลิ้น...!!
คัดลอกจาก มติชนสุดสัปดาห์ วันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 26 ฉบับที่ 1358