ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
01-02-2025, 23:49
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  แหล่งหลบภาษี (tax havens)ระดับโลกอยู่ไหน? โปรดติดตาม..... 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
แหล่งหลบภาษี (tax havens)ระดับโลกอยู่ไหน? โปรดติดตาม.....  (อ่าน 1952 ครั้ง)
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« เมื่อ: 25-06-2007, 10:27 »

แหล่งหลบภาษี (tax havens)ระดับโลกอยู่ไหน? โปรดติดตาม
 
25 มิถุนายน พ.ศ. 2550 07:28:00
 

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ถ้าอยากรู้ว่า ทำไมธนาคารสวิส ที่ชื่อ UBS AG สาขาที่สิงคโปร์ ยังไม่ตอบคำถามเพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท Ample Rich ของทักษิณ ชินวัตร และลูกเมีย ที่หมู่เกาะ British Virgin Island (BVI) ตามคำขอของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ก็ติดตามรายการ "ชีพจรโลกกับสุทธิชัย หยุ่น" เวลา 4  ทุ่ม ทางช่อง 9 โมเดิร์น ไนน์ คืนนี้ครับ

  เพราะเราไปเจาะลึกถึงหมู่เกาะและประเทศต่างๆ ที่ทำให้นักธุรกิจทั้งหลายมาจดทะเบียนบริษัทของตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี และเพื่อไม่ต้องตอบคำถามของประชาชน และรัฐบาลของตัวเอง

 รายการคืนนี้จะย้อนไปวิเคราะห์ที่มาที่ไปของคำว่า " Swiss bank accounts" หรือ "บัญชีธนาคารสวิส" ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเรื่องอื้อฉาว เพราะนักการเมืองหลายประเทศที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง และฉ้อฉลเงินทองของประชาชนนั้น มักจะแอบไปฝากเงินเหล่านั้นในธนาคารสวิส เพื่อปิดบังซ่อนเร้นอาชญากรรมต่อประเทศของตัวเอง...และโยกย้ายเงินผิดกฎหมายเหล่านั้น ไป "ฟอก" ในที่ต่างๆ

 ตัวอย่างที่เกรียวกราวมากในเอเชีย คืออดีตประธานาธิบดี เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส แห่งฟิลิปปินส์ ที่ถูกประชาชนโค่นล้ม และเมื่อสอบสวนกันอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ก็พบว่าเขาเอาเงินที่โกงจากประชาชนไปฝากไว้ที่ธนาคารสวิสนั่นแหละ

 คณะกรรมการสอบสวนของฟิลิปปินส์ ต้องกดดันรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์อย่างหนัก และต่อเนื่องจึงสามารถเจาะเข้าไปถึงบัญชี "นิรนาม" เหล่านั้น และเมื่อสวิตเซอร์แลนด์ถูกกล่าวหาว่า ช่วยนักการเมืองฉ้อฉลก่ออาชญากรรมต่อประเทศตัวเอง ถือเป็น "ผู้สมรู้ร่วมคิด" ในการกระทำความผิดได้ รัฐบาลสวิสจึงยอมแก้กฎหมายหลายประเด็น เพื่อบังคับให้ระบบธนาคารของตัวเองต้องเปิดเผยข้อมูล และร่วมมือกับการสอบสวนการกระทำที่ผิดกฎหมายของ "ลูกค้า" เหล่านี้

 ต่อมาหลายประเทศรวมทั้งเกาะแก่งหลายแห่ง เช่น BVI ในทะเลแคริบเบียน หรือ Bermuda ก็กลายเป็นที่ที่บริษัทและนักธุรกิจจากหลายประเทศ ที่ต้องการจะหา " ที่พักพิงภาษี" หลบมาจดทะเบียนและทำธุรกิจผ่าน (ทางกระดาษ) ที่นั่น

  ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ สิงคโปร์ก็ปรับเปลี่ยนกฎหมายของตัวเอง เพื่อจะทำตัวเป็น "สวิตเซอร์แลนด์" สำหรับเอเชีย...นั่นคือให้สิทธิผู้มาฝากเงินหรือลงทุนในบางประเภทเปิด "บัญชีปิด" ที่ไม่ต้องตอบคำถามของใคร และไม่ต้องเปิดเผยให้สาธารณชนรู้ ...เพราะสิงคโปร์รู้ว่าบริการอย่างนี้ จะเป็นที่ต้องการของนักธุรกิจและนักการเมืองในเอเชียที่มีปัญหากับรัฐบาลของตัวเอง หรือสามารถถูกสอบสวนไปถึงต้นตอของแหล่งเงินได้...จึงเปิดบริการเช่นนี้เพื่อทำให้ตัวเองเป็น "ศูนย์กลางการเงิน" ในทุกๆ ด้าน...  เพราะรู้ว่าประเทศอื่นที่มีกลไกการตรวจสอบเรื่องเงินทองเข้มข้น ก็ไม่สามารถเสนอบริการอย่างนี้มาแข่งกับตัวเองได้

ตั้งแต่มีเรื่องการขายหุ้นชินคอร์ป จากตระกูลของอดีตนายกฯ ทักษิณ มีชื่อ Ample Rich ที่ไปจดทะเบียนที่หมู่เกาะ BVI และมีคำประกาศของที่ปรึกษาด้านกฎหมายของทักษิณ ที่บอกนักข่าวว่า "วันนี้ ผมไม่ได้รับมอบหมายมาพูดเรื่องจริยธรรม" (เมื่อถูกถามเรื่องทำไมคุณทักษิณ และครอบครัวไม่เสียภาษีเลยแม้แต่บาทเดียว ในเมื่อขายหุ้นให้เทมาเส็กของสิงคโปร์ได้เงินมาตั้ง 73,000 ล้านบาท) คนไทยก็สงสัยว่า คำว่า "tax haven" หรือ "ที่พักหลบภาษี" นั้น มันคืออะไรกันแน่? เขาทำได้อย่างไร? ถ้านักการเมืองไทยแอบเอาเงินที่ได้มาอย่างน่าสงสัยไปฝากที่นั่น โดยที่เราตรวจสอบไม่ถึง เรามีวิธีการจะเรียกร้องให้เขาเปิดเผยข้อมูลได้หรือไม่?

 ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นคำถามที่ต้องหาคำตอบสำหรับคนไทยทั้งประเทศ ที่ยังมีความสงสัยคลางแคลงว่า พวกเกาะแก่งหลบและเลี่ยงภาษีเหล่านี้ มันอยู่ที่ไหนและมีกฎกติกามารยาทอย่างไร?

 อย่าลืมดู "ชีพจรโลก" 4 ทุ่มคืนนี้ แล้วเขียนมาร่วมแสดงความเห็นที่นี่ หรือที่ blog ของผมที่ www.oknation.net/blog/black ครับ
 

http://www.bangkokbiznews.com/2007/06/25/WW12_1238_news.php?newsid=80653


ระหว่างที่เหลี่ยม ลี สิงกะโปโตกเรืองอำนาจ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เหลี่ยมฯ ภรรยาและบริวาร คนสนิทที่รับใช้ใกล้ชิดเดินทางไปสิงกะโปโตกมากที่สุด พร้อมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่จำนวนมาก ครั้งหนึ่งเคยเป็นข่าว"เช่าเหมาลำ"เครื่องบินจากรัสเซียมาบรรทุกกระเป๋าเดินทางหลายสิบใบ โดยเฉพาะ.....

เงินที่ใช้ในการซื้อทีมฟุตบอลอาจจะเป็นจากสิงกะโปโตกของเหลี่ยมฯ ก็ได้
 
      ก่อนหน้านี้ นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแห่งประเทศไทย ประกาศว่าจะมีการตรวจสอบเงิน 81.6 ล้านปอนด์ (ประมาณ 5,700 ล้านบาท) ที่อดีตนายกรัฐมนตรีนำมาซื้อทีมเรือใบสีฟ้า ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ “คตส.” จะไม่ปล่อยให้การทำธุรกิจดำเนินต่อไปได้แน่นอนในกรณีที่เงินก้อนดังกล่าวเป็นเงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
       
     อย่างไรก็ตามคีธ แฮร์ริส ซีอีโอแห่งธนาคารเพื่อการลงทุน เซย์มัวร์ เพียร์ซ ของอังกฤษ  ผู้เป็นนายหน้าในการซื้อหุ้นแมนฯ ซิตี้ ของ “เสี่ยแม้ว” ยืนยันผ่านทางบีบีซี เรดิโอ ไฟว์ ไลฟ์ว่า “เงินที่เขานำมาซื้อทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นเงินที่ชอบด้วยกฎหมายจริง และโอนมายังประเทศอังกฤษอย่างโปร่งใส สามารถตรวจสอบที่มาได้อย่างชัดเจน แม้ว่าจะยังเป็นที่สงสัยในประเทศไทยอยู่ก็ตาม  แต่ผมมั่นใจว่าเงินดังกล่าวจะผ่านการตรวจสอบของ คตส. อย่างแน่นอน เพราะว่าเงินอยู่ในบัญชีธนาคารของอังกฤษและไม่อยู่ในข่ายที่จะถูกอายัดทรัพย์” Question
       
http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9500000073513

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-06-2007, 10:30 โดย ปุถุชน » บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ScaRECroW
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,000


สุสูสัง ลภเต ปัญญัง - ผู้ฟังดี ย่อมเกิดปัญญา


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 25-06-2007, 10:36 »

อยู่ที่สิงคโปร์
บันทึกการเข้า

Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.

ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่?
ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน
ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #2 เมื่อ: 25-06-2007, 10:41 »

... นั่นคือให้สิทธิผู้มาฝากเงินหรือลงทุนในบางประเภทเปิด "บัญชีปิด" ที่ไม่ต้องตอบคำถามของใคร และไม่ต้องเปิดเผยให้สาธารณชนรู้ เพราะสิงคโปร์รู้ว่าบริการอย่างนี้ จะเป็นที่ต้องการของนักธุรกิจและนักการเมืองในเอเชียที่มีปัญหากับรัฐบาลของตัวเอง หรือสามารถถูกสอบสวนไปถึงต้นตอของแหล่งเงินได้...จึงเปิดบริการเช่นนี้เพื่อทำให้ตัวเองเป็น "ศูนย์กลางการเงิน" ในทุกๆ ด้าน...  เพราะรู้ว่าประเทศอื่นที่มีกลไกการตรวจสอบเรื่องเงินทองเข้มข้น ก็ไม่สามารถเสนอบริการอย่างนี้มาแข่งกับตัวเองได้


นี่คือที่มาที่ทำให้สิงกะโปโตก เป็น"ศูนย์กลางการเงิน" เพื่อแข่งกับ ฮ่องกงที่เป็น"ศูนย์กลางการเงิน"ของโลกที่แท้จริงมากกว่า........
การเปิดโอกาสให้เงินสกปรกจากนักค้าสิ่งผิดกฎหมาย นักธุรกิจการเมือง นักการเมือง ฝากในธนาคารของเขา ทำให้เงินส่งผ่านที่นี่ ไปประเทศอื่นๆ ถูก"ฟอกสะอาด"ไปประเทศต่าง ๆ เช่น อังกฤษได้ด้วย เป็นต้น....
บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
ScaRECroW
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,000


สุสูสัง ลภเต ปัญญัง - ผู้ฟังดี ย่อมเกิดปัญญา


เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 25-06-2007, 11:05 »

บัญชีพวกนี้ ต้องเสียเงินค่าฝาก
บันทึกการเข้า

Politic is nothing but the continuation of [the sin of] 7 by other means.

ท่านคิดว่า นรม. ควรทำอย่างไรเมื่อพบว่ากฏหมายบางฉบับมีช่องโหว่?
ก.ใช้อำนาจ นรม.ที่ได้รับมาจากประชาชนแก้กฏหมายเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านั้น เพราะเป็นประโยชน์ของแผ่นดิน
ข.ฉวยโอกาสใช้ช่องโหว่เหล่านั้นเพื่อประโยชน์ของตนเองและคนรอบข้าง แล้วก็อ้างว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #4 เมื่อ: 25-06-2007, 13:19 »

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง สวิสยื่นคำขาดกับเยอรมันว่า หากกองทัพของเยอรมันบุกสวิสเซอร์แลนด์ ชายฉกรรจ์ชาวสวิสทุกคน จะทำสงครามกองโจรกับกองทัพเยอรมัน ในภูมิประเทศของเทือกเขาแอลป์ และจะยอมตายทุกคนหากไม่สามารถสู้รบชนะ แต่หากว่าเยอร์มันไม่บุกสวิส และยอมรับในความเป็นกลางของสวิส สวิสยินดีทำธุรกิจกับเยอร์มัน ทั้งเรื่องอาวุธ อุปกรณ์ในการทำสงคราม เช่นนาฬิกา เครื่องวัดที่ใช้บนอากาศยานและในเรือรบหรือเรือดำน้ำ และอะไรทุกอย่างที่สวิสมีความสามารถ ทั้งหมดขายเป็นเงินสด และแลกเป็นอาหารและถ่านหิน เพื่อนำมาให้ชาวสวิสยังชีพ

ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองนั้น สวิสเซอร์แลนด์บรรลุข้อตกลงนี้กับเยอรมัน ต่างก็เป็นลูกค้าและพ่อค้าที่ดีต่อกัน สวิสผลิตยุทธปัจจัยขายให้เยอรมันชนิดสุดฝีมือ และเยอรมันก็ส่งอาหารและถ่านหินให้สวิสไม่ขาด รวมไปถึงธนาคารของสวิส ที่ได้รับฝากทรัพย์สมบัติที่ทหารนาซีเอสเอส ปล้นมาจากชาวยิว ว่ากันว่า เฉพาะทองคำที่งัดออกมาจากฟันเลี่ยมทองของศพยิว ก็มีน้ำหนักเป็นตันแล้ว ยังมีเครื่องเพชร เครื่องประดับต่างๆ ที่เหยื่อชาวยิวนับสิบล้านคนถูกปล้นไป และยังมีทรัพย์สมบัติที่ขนมาจากปารีส และประเทศที่เยอรมันเข้ายึดครอง

จนอเมริกัน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส เข้ายึดเบอร์ลิน เป็นอันสิ้นสุดสงครามในยุโรป 

อเมริกันจึงเข้าจัดการกับสวิสเซอร์แลนด์ ด้วยคำร้องขอให้ธนาคารสวิส คืนทรัพย์สมบัติของเยอรมันที่นำไปฝากไว้ทั้งหมด 

สวิสเซอร์แลนด์ ตอบด้วยอาการยโสว่า สวิสเป็นกลาง และระบบธนาคารของสวิส ไม่อนุญาติให้กระทำเช่นนั้น และเตือนอเมริกันด้วยถ้อยคำเดียวกับที่เตือนเยอรมันว่า หากกองทัพของสัมพันธมิตรบุกสวิสเซอร์แลนด์ ชายฉกรรจ์ชาวสวิสทุกคน จะทำสงครามกองโจรกับกองทัพสัมพันธมิตร ในภูมิประเทศของเทือกเขาแอลป์ และจะยอมตายทุกคนหากไม่สามารถสู้รบชนะ คำเดียวกันเปี๊ยบ 

อเมริกันไม่รู้ว่ากลัวหรือเปล่ากับคำขู่ สิ่งที่อเมริกันทำก็คือ ปิดกั้นเส้นทางรถไฟที่เข้าสวิสทั้งหมด ไม่มีอาหาร ถ่านหิน เข้าสู่สวิสเซอร์แลนด์  สวิสประกาศลั่นว่าไม่มีทางบีบคั้นสวิสได้สำเร็จ อเมิรกันก็เฉย แล้วนั่งรอ

เจ็ดวันถัดมา สวิสก็ติดต่อมาว่า ยอมแล้วจ้า แล้วก็เปิดธนาคารให้อเมริกันตรวจสอบ ยึดทรัพย์สมบัติที่ถูกปล้นไปทั้งหมดกลับคืนมา 

หลังจากสงครามโลก สวิสตะเกียกตะกายจนมีความสามารถสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และพยายามผลิตและกักตุนอาหารไว้ เพื่ออนาคตหากถูกใครบีบให้เปิดเซฟธนาคารอีก อาจจะสู้ได้นานกว่าเจ็ดวัน 

และจวบจนบัดนี้ สวีสเซอร์แลนด์ ยังไม่เลิกหากินกับการรับฝากเงินสกปรกจากทั่วโลก ไม่ว่าเงินนั้นจะมาจากสิ่งโสมมเพียงใด จากทรราช จากนักคอรัปชั่น จากอาชญากร พ่อค้ายาเสพติด จากไหนก็ได้ เพื่อความมั่งคั่งของสวิส

สิงคโปร์พยายามเจริญรอยตามสวิสในเรื่องนี้ หากินได้จากทุกเรื่อง สกปรกโสมมแค่ไหนก็ไม่เกี่ยว ขอให้ได้เงินมาเท่านั้นเป็นพอ

สองประเทศนี่ ท้ายที่สุดต้องวิบัติและสิ้นชาติสูญเผ่าพันธ์ค่ะ ไม่เชื่อก็คอยดูไป 
บันทึกการเข้า
มีคณา
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 463



« ตอบ #5 เมื่อ: 25-06-2007, 16:16 »

คุณพรรณชมพูคะ Who are you? ถามเล่นๆค่ะ เพราะเห็นเป็น พหูสูตรจริงๆ อ่านแล้วได้ความรู้ดีจัง ขอบคุณค่ะ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: