อีกหนึ่งแนวรบ ที่อาจจะดุเดือดกว่าที่สนามหลวง
แม้วรู้ว่าก่อคดีไว้เยอะ ทุกคดีก็ต้องไปจบที่ศาล
แม้วเคยขู่ว่าให้ระวังวิกฤตตุลาการ2
แม้วมีเงินมากมาย จะเอาไปใช้อะไรดีให้เกิดประโยชน์สูงสุด
อีกแนวรบที่ดุเดือด ลุ่มลึกไม่โฉ่งฉ่างเหมือนม๊อบสนามหลวง
ไม่วิจารณ์แล้วหามาแปะดีกว่า
.....................................................................
เล็งฟ้อง'ป.ฎีกกา'หาละเว้นหน้าที่คดีสินบน30ล้าน/'โฆษกศาล'ลั่นฟ้องคืน'
18 มิถุนายน 2550 กองบรรณาธิการ ไทยโพสต์
เล็งฟ้อง'ป.ฎีกกา'หาละเว้นหน้าที่คดีสินบน30ล้าน/'โฆษกศาล'ลั่นฟ้องคืน'
"วีระ สมความคิด" กินดีหมี เล็งฟ้อง "ปัญญา ถนอมรอด" ประธานศาลฎีกา
ข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่คดีสินบนยุบพรรค เผยมีเงินว่อนถึงเสียงละ 30 ล้านบาท ผ่านเครือข่ายคนจนรุ่นเดียวกัน
"เลขาฯ ศาล" ลั่นหากฟ้องเจอสวนกลับแน่ บอก "ศาลอยู่มาเป็นร้อยปีไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสีย" พร้อมท้า "จรัญ" ไม่แน่จริง แค่ปั่นราคาไม่มีหลักฐาน ตัดแปะหนังสือพิมพ์เท่านั้น
มีรายงานข่าวว่า นายวีระ สมความคิด แกนนำกลุ่มเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น (คปต.) กำลังรวบรวมเอกสารและหลักฐาน เพื่อแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีต่อนายปัญญา ถนอมรอด ประธานศาลฎีกา และประธานคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ กรณีที่นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม ส่งข้อมูลและหลักฐานคดีร้องเรียนข้าราชการ 2 คนพยายามติดสินบนตุลาการรัฐธรรมนูญในการตัดสินคดียุบพรรค ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
"นายวีระกำลังรวบรวมเอกสารหลักฐานอยู่ ยังไม่พร้อมที่จะฟ้องตอนนี้ แต่เชื่อว่าเร็วๆ นี้คงดำเนินการได้ เพราะการฟ้องประธานศาลฎีกาต้องมีเอกสารที่มัดแน่นชัดเจน หากเร่งรีบฟ้องจะทำให้การทำงานลำบากมากขึ้น ซึ่งเอกสารที่รวบรวมเชื่อว่าจะเป็นชุดเดียวกับที่นายจรัญได้ส่งข้อมูลให้ ป.ป.ช. แต่คงมีรายละเอียดที่ชัดเจนมากกว่า" รายงานข่าวระบุ
รายงานแจ้งว่า หลักฐานที่นายจรัญได้รับนั้นมีหลักฐานชัดเจนว่า มีการติดต่อตุลาการที่จบเนติบัณฑิตในรุ่นเดียวกับกลุ่มอำนาจเก่า เนื่องจากระแคะระคายถึงผลการตัดสินคดียุบพรรคมาล่วงหน้า ซึ่งไม่เป็นผลดีจึงต้องการล็อบบี้ผลให้ออกมาผลิกผัน โดยนอกจากการใช้เส้นสายในเรื่องของรุ่นแล้ว ยังมีการเสนอให้สินบนด้วย โดยให้ผลตอบแทนถึงเสียงละ 30 ล้านบาท หากผลการตัดสินส่งผลดีต่อกลุ่มอำนาจเก่า
"คนที่เป็นโต้โผใหญ่เป็นนายตำรวจยศ พ.ต.อ. ซึ่งจบนิติศาสตร์รุ่นเดียวกับผู้ตัดสินคดี และที่สำคัญ ภรรยาของนายตำรวจคนนี้ยังสนิทแนบแน่นกับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาอดีตนายกรัฐมนตรีด้วย จึงได้พยายามผลักดันให้ผลการตัดสินเป็นผลดีต่อกลุ่มอำนาจเก่า โดย พ.ต.อ.ยืนยันว่ามีผลตอบแทนอย่างงามถึง 30 ล้านบาท" รายงานข่าวระบุ
นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณีหากนายวีระ สมความคิด แกนนำกลุ่มเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น (คปต.) จะแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้สอบสวนนายปัญญา ถนอมรอด ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ว่า หากนายวีระทำเช่นนี้จริง ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่วงการศาลคงยอมให้นายวีระมาย่ำยีไม่ได้ เพราะศาลตั้งมาร้อยกว่าปีไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสีย นายวีระและกลุ่มคนภายนอกที่ต้องการโจมตีศาลให้เสื่อมเสียอาจทำกับคนอื่นได้ แต่จะมาทำกับศาลไม่ได้ วงการตุลาการไม่ยินยอม แม้คนนั้นจะเคยเป็นตุลาการมาก่อน แต่หากมาทำให้ศาลเสื่อมเสียจะไม่มีใครยอมแน่นอน
"ถ้าวีระแจ้งความกับตุลาการ ผมนี่แหละที่จะออกไปแจ้งความกลับนายวีระเป็นคนแรก วีระและกลุ่มคนข้างนอกอาจคิดว่าศาลไม่กล้าตอบโต้อะไร แต่ถ้ามาทำให้ศาลเสื่อมเสีย เราไม่ยอมแน่นอน ไปถามผู้พิพากษาทั่วประเทศได้ว่าท่านประธานศาลฎีกาเป็นคนอย่างไร ทุกคนต่างยกย่องนับถือท่านทั้งนั้น เพราะท่านปัญญาท่านเป็นคนดี ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ชัด แล้วท่านปัญญาท่านจะไปรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร ผมขอบอกว่าอย่ามาทำลายกัน ทำให้ศาลเสื่อมเสีย ถ้าใครมากล่าวหาโดยไม่มีหลักฐาน มาทำให้เสื่อมเสียโดยไม่มีหลักฐาน นอกจากข่าวหนังสือพิมพ์แบบนี้ ผมคนหนึ่งที่ไม่ยอม หากแน่จริงทำไมไม่ส่งเรื่องมาให้ศาล" นายสราวุธกล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม และอดีตเลขาธิการประธานศาลฎีกา ได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบเรื่องสินบนตุลาการคดียุบพรรคไทยรักไทย นายสราวุธกล่าวว่า เรื่องนี้ถ้าแน่จริงทำไมไม่ส่งเรื่องมาที่ศาล แต่กลับไปส่งให้ ป.ป.ช. ที่ไม่ส่งมาให้ศาลเพราะไม่มีหลักฐานหรือเปล่า แล้วตามกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 92 ก็บัญญัติชัดว่า แม้มติ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดเรื่องใดแล้ว ก็ยังต้องส่งเรื่องกลับไปให้หน่วยงานต้นสังกัด แสดงให้เห็นว่า ป.ป.ช.ก็ยังต้องการให้หน่วยงานต้นสังกัดพิจารณาชี้ขาดขั้นสุดท้าย เรื่องนี้หากนายจรัญส่งเรื่องมาให้ศาลตรวจสอบจะเสร็จโดยเร็วแน่นอน เพราะศาลก็สามารถตั้งกรรมการสอบและพิจารณาได้เลยโดยเร็ว แต่ที่ไม่ส่งก็เพราะไม่มีหลักฐานอะไร ไม่แน่จริง แล้วก็หลบไม่ยอมให้สัมภาษณ์
"งานนี้ดี จะได้เห็นดีกันหากใครมาทำลายศาล เมื่อเขาทำได้เราก็ทำได้ หากไม่มีหลักฐานอะไรอย่ามากล่าวหาแบบเลื่อนลอย" นายสราวุธกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2550 นายปัญญามีคำสั่งให้นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง เลขาธิการประธานศาลฎีกา ออกหนังสือจากสำนักประธานศาลฎีกา ส่งถึงนายจรัญ เพื่อขอให้ส่งข้อมูลและหลักฐานคดีดังกล่าว
หนังสือดังกล่าวระบุว่า ตามที่ปลัดกระทรวงยุติธรรมให้สัมภาษณ์ว่ามีข้าราชการระดับสูงในกระบวนการยุติธรรม มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพยายามจะให้ทรัพย์สินแก่ตุลาการรัฐธรรมนูญเพื่อจูงใจในการตัดสินคดี และมีความเห็นว่าศาลยุติธรรมควรดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้ สำนักประธานศาลฎีกาได้รับบัญชาจากประธานศาลฎีกา ขอให้ประสานมายังปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอรับหลักฐานที่มีอยู่รวมทั้งข้อมูลว่าได้รับหลักฐานดังกล่าวมาจากที่ใด และหากมีข้อมูลเพิ่มเติมอย่างใดขอให้แจ้งให้ทราบด้วยเพื่อที่จะดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว และถูกต้องเหมาะสมต่อไป
ด้านนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า เมื่อนายจรัญส่งเรื่องมาให้ ป.ป.ช.สอบสวน ขณะนี้ ป.ป.ช.ได้มอบหมายให้ตนเป็นผู้พิจารณารวบรวมพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงอยู่ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าต้องเรียกคณะตุลาการรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คนมาสอบหรือไม่
ด้านแหล่งข่าวซึ่งเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และคณะตุลาการรัฐธรรมนูญคนหนึ่ง กล่าวว่า เรื่องนี้หวั่นเกรงว่าจะกลายเป็นปัญหาบานปลายระหว่างกระทรวงยุติธรรมกับศาล ซึ่งตุลาการรัฐธรรมนูญหลายคนรู้สึกไม่สบายใจและท้อใจมาก เพราะอุตส่าห์นั่งวินิจฉัยคดียุบพรรคมาหลายเดือนด้วยความเหนื่อยล้า แต่พอตัดสินคดีเสร็จเรื่องก็ยังไม่สิ้นสุดเสียที
http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=18/Jun/2550&news_id=143803&cat_id=501