กำลังซื้อบ้านส่วนใหญ่ต่ำกว่า 1.5 ล้านคาดรัฐเพิ่มหักภาษี 1 แสนไม่ช่วยกระตุ้น ( 7 มิถุนายน 2550 )
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ นำเสนอผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนผ่าน REIC BEB POLL บนเว็บไซต์ WWW.REIC.OR.TH ช่วงระหว่างวันที่ 16-31 พฤษภาคม 2550 ด้วยคำถามว่า หากท่านจำเป็นต้องขอกู้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในปีนี้ท่านคาดว่าจะมีความสามารถในการผ่อนชำระสินเชื่อได้ประมาณเดือนละเท่าไรพบว่ามีผู้ร่วมตอบแบบสำรวจ 468 ราย ในจำนวนนี้มีเพียง 25% เท่านั้น ที่สามารถผ่อนชำระสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในปีนี้ได้ตั้งแต่ 1 หมื่นบาทขึ้นไป/งวด ซึ่งหากเทียบเป็นระยะเวลาสินเชื่อ 20 ปี ที่อัตราดอกเบี้ย 7% ลูกค้ากลุ่มนี้จะสามารถกู้ได้ในวงเงิน 1.3 ล้านบาท ซึ่งหมายถึงสามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้ในราคาประมาณ 1.6 ล้านบาท
สัดส่วนที่เหลือรวมกัน 75% ล้วนมีความสามารถในการผ่อนชำระสินเชื่อที่อยู่อาศัยรายเดือนได้ ไม่เกิน 1 หมื่นบาท ซึ่งเท่ากับระดับราคาที่อยู่อาศัยที่ผู้บริโภคมีความสามารถในการซื้อที่แท้จริง ส่วนใหญ่จึงอยู่ในระดับราคาประมาณ 1.5 ล้านลงมาโดยแบ่งเป็น 16% สามารถผ่อนขำระสินเชื่อได้ระหว่าง 8,000 ถึงน้อยกว่า 10,000 บาท กลุ่มนี้สามารถซื้อบ้านได้ในราคา 1.25 ล้านบาท 14% สามารถผ่อนชำระสินเชื่อได้ระหว่าง 6,000 ถึงน้อยกว่า 8,000 บาท ซื้อบ้านได้ในระดับราคา 1 ล้านบาทอีก 20% สามารถผ่อนชำระสินเชื่อได้ระหว่าง 4,000 ถึงน้อยกว่า 6,000 บาท 18% สามารถผ่อนชำระสินเชื่อได้ระหว่าง 2,000 ถึงน้อยกว่า 4,000 บาทและ 7% สามารถผ่อนชำระสินเชื่อได้น้อยกว่า 2,000 บาท
สำหรับผู้ที่ผ่อนชำระสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ 6,000 บาทต่อเดือนในปีแรกของการผ่อนชำระจะมีส่วนที่เป็นดอกเบี้ยประมาณ 54,000 บาท ปีที่สองมีส่วนที่เป็นดอกเบี้ยประมาณ 52,500 บาท ปีที่สามมีส่วนที่เป็นดอกเบี้ยประมาณ 51,000 บาท ในช่วงปีที่สี่มีส่วนที่เป็นดอกเบี้ยประมาณ 50,000 บาท ดังนั้นมาตรการสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์โดยการเพิ่มเพดานการหักลดหย่อนดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากเดิม 50,000 บาทเป็น 100,000 บาทจึงจะมีผลต่อผู้กู้สินเชื่อที่อยู่อาศัยในกลุ่มที่มีการผ่อนชำระต่ำกว่า 6,000 บาทต่อเดือนน้อยมากและไม่มีผลเลยสำหรับผู้ที่ผ่อนชำระต่ำกว่าเดือนละ 5,000 บาท
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
=====================================
ที่เห็นโฆษณาบ้านราคา 5 ล้านขึ้น มันจะเอากำลังซื้อที่ไหนไปรองรับไม่ทราบ?
เด็กรุ่นใหม่ทุกวันนี้หลังละ 2 ล้านก็รากเลือดแล้ว
ผมว่าผู้ประกอบการเดี๋ยวนี้เน้นขายออกอย่างเดียว ไม่สนใจว่าผู้ซื้อจะมีปัญญาผ่อนครบงวดหรือเปล่า
ปล่อยให้เป็นปัญหาของแบงค์ บีบทุกทางให้แบงคปล่อยกู้ บางรายตั้งวงปล่อยกู้เองเลยก็มี ไม่สนใจทั้งผู้ซื้อบ้าน และก็ผู้ที่เอาเงินไปฝาก
ขนาดผู้ใหญ่อายุ 40 ขึ้น ทำงานมีเงินเก็บพอสมควร ยังไม่มีปัญญาซื้อบ้านมันเลย กำลังซื้อผู้ใหญ่เริ่มหด เลยหันมาหลอกเด็กต่อ เห็นมีแคมเปญอายุไม่ถึง 35 ก็เป็นเจ้าของ...ได้แล้ว
ไม่ทราบว่าทำไมถึงปล่อยให้หากินกันง่ายๆ บนความไม่รู้ของผู้ซื้อ
เด็กรุ่นใหม่ซึ่งเพิ่งจบ มีเงินเดือน 5-6 หมื่น ก็คิดว่าตนเองสามารถผ่านบ้านราคา 5-6 ล้าน (ผ่อนนาน 30 ปี!!! ) ได้แล้ว
เงินดาวน์ก็ลดจนแทบจะเป็นศูนย์ เพื่อให้งับเหยื่อ ขายเสร็จก็สะบัดก้น ปล่อยให้ผู้ซื้อรับภาระไปตามมีตามเกิด
เด็กเพิ่งจบใหม่ วินัยทางการเงินยังไม่มีเลย ใช้จ่ายเงินยังกับน้ำ ผ่อนได้ไม่กี่เดือนก็เริ่มชักหน้าไม่ถึงหลัง
รัฐบาลน่าจะเข้ามาควบคุมราคาอสังหาได้แล้ว ก่อนที่จะกลายเป็นเมืองที่ฝรั่งเท่านั้นที่จะซื้อที่อยู่ได้
ต่อไปอาจจะได้เห็นป้าย "ห้ามคนไทยและสุนัขเข้า" บ้างหรอก