ผู้จัดการรายวัน - สถาบัน-ตปท. ลุยเก็บหุ้นเพิ่มหลังความกังวลคดียุบพรรคมีความชัดเจนมากขึ้น ยังไม่หมดห่วงสถานการณ์ที่จะตามมาชี้หากเกิดความรุนแรงตลาดหุ้นรูดแน่ ขณะที่ดัชนีทำสถิติสูงสุดในรอบ 5 เดือน "ภัทรียา" ระบุกองทุนต่างชาติติดตามประชามติร่างรัฐธรรมนูญ หวังเลือกตั้งเกิดขึ้นในสิ้นปี ด้าน "ก้องเกียรติ" ระบุฝรั่งมีทางเลือกเยอะ ไม่แคร์ปัญหาการเมืองไทย โบรกเกอร์ ชี้ยังไม่กลายกังวล ระบุ 2 แนวทางหากไม่มีการประท้วงดัชนีจ่อทดสอบ 750 จุด ขณะที่หากเกิดปัญหาดัชนีรูดแตะ 710 จุด
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (30 พ.ค.) ดัชนีเปิดตลาดในแดนลบก่อนจะมีแรงซื้อเข้ามา เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าสถานการณ์ที่สร้างความกังวลโดยเฉพาะจากประเด็นการวินิจฉัยคดียุบพรรคการเมือง ซึ่งส่งผลต่อการขึ้นลงของดัชนีในช่วงที่ผ่านมาจะมีความชัดเจนหลังตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ประกอบกับระหว่างวันไม่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นส่งผลทำให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นมาปิดที่ 737.40 จุด เพิ่มขึ้น 9.621 จุด หรือ 1.32% ซึ่งจุดสูงสุดระหว่างวันอยู่ที่ 739.36 จุด ขณะที่จุดต่ำสุดอยู่ที่ 725.59 จุด มูลค่าการซื้อขาย 19,534.86 ล้านบาท โดยดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือนกว่า
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 938.53 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 648.91 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 1,587.44 ล้านบาท
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึง คำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญหลังคำตัดสินกรณีพรรคประชาธิปัตย์ ว่า คำวินิจฉัยที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความชัดเจนมากขึ้นและมีความคาดหวังมากขึ้นเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในภายในสิ้นปีนี้ โดยเรื่องดังกล่าวนักลงทุนต่างชาติมีการสอบถามค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ ประเด็นที่นักลงทุนต่างชาติให้น้ำหนักมากที่สุด คือความชัดเจนในเรื่องการกำหนดวันเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น โดยระหว่างนี้จะต้องพิจารณาเรื่องการลงประชามติเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะเกิดขึ้นว่าจะเป็นอย่างไร
สำหรับการประเมินการลงทุนในตลาดหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติหลังได้ร่วมนำเสนอข้อมูลให้กับผู้จัดการกองทุน แม้ว่าจะยังไม่ได้รับความชัดเจนเรื่องการเข้ามาเพิ่มน้ำหนักในการลงทุนในตลาดหุ้นไทย แต่จากการสอบถามเชื่อว่ามีโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติจะเพิ่มน้ำหนักต่อตลาดหุ้นไทย หากสถานการณ์ทุกอย่างเป็นไปในทิศทางบวก
"ผลที่ออกมาสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับการเลือกตั้งได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งหากไม่มีการยุบพรรคการเมืองน่าจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้น แต่หากมีการยุบพรรคการเมืองหรือเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้นก็จะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในการลงทุน"นางภัทรียากล่าว
อย่างไรก็ตาม การหยุดการซื้อขาย 1 วัน เนื่องจากเป็นวันวิสาขบูชาถือว่าเป็นเรื่องที่ดีทำให้นักลงทุนสามารถประเมินคำวินิจฉัยได้อย่างละเอียดว่าจะกลับเข้ามาหรือเพิ่มน้ำหนักในการลงทุนหรือไม่อย่างไร
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติไม่ค่อยให้น้ำหนักกับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติค่อนข้างมีทางเลือกหลายอย่างกับการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นที่มีขนาดไม่ใหญ่มากเหมือนตลาดหุ้นไทย ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นหากเกิดปัญหาภายในประเทศไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนที่ได้เข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกมากนัก
นอกจากนี้ มุมมองของนักลงทุนต่างชาติกับการเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นที่ใดที่หนึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนระยะยาวทำให้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นไม่ส่งผลกระทบหากพื้นฐานของตลาดหุ้นนั้นๆไม่เปลี่ยนแปลงมา
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9500000062720