สพรั่งชี้บึมกทม. ข้อมูล-ปีมะโว้! ไทยรัฐ [5 พค 2550]
กรณีที่ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. ไปบรรยายพิเศษเกี่ยวกับสถานการณ์ความมั่นคงของประเทศให้กับผู้บริหาร กทม.รับฟังเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุตอนหนึ่งว่า มีหลักฐานสำคัญเป็นข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารของประเทศอังกฤษยึดได้จากอพาร์ตเมนต์ในอังกฤษ ซึ่งเป็นคู่มือเกี่ยวกับการก่อการร้ายในกรุงเทพมหานคร ที่แปลเป็นไทยแล้วนั้น ล่าสุด พล.อ.สพรั่งระบุว่าคู่มือก่อการร้ายดังกล่าว เป็นตำราพิชัยสงครามที่ตำรวจอังกฤษยึดได้ตั้งแต่สมัยสงครามเย็น
สพรั่ง อ้างแค่กระตุ้น ผอ.เขต เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 4 พ.ค. ที่โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท รีเจนท์ บีช ชะอำ จ.เพชรบุรี พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ระบุว่าตำรวจและทหารอังกฤษพบคู่มือการก่อการร้ายที่มีแผนเตรียมก่อเหตุในกรุงเทพฯว่า ต้องเข้าใจว่าตนไปบรรยายให้กับผู้ว่าฯกทม.และ ผอ.เขต บรรยายเรื่องผู้นำในยามวิกฤติ เพื่อให้ตระหนักถึงการบริหารประเทศชาติในยุคปัจจุบันและอนาคต ต้องไม่บริหารเหมือนที่ผ่านมา ที่คุ้นเคยกับการนั่งในสำนักงานและเซ็นแฟ้ม บริหารโครงการที่เป็นวงรอบ จึงขอให้ดูเรื่องความอยู่รอดของชาติ บ้านเมือง และความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับฐานข้อมูลต่างๆที่ ผอ.เขตเป็นเจ้าของพื้นที่ เพราะสิ่งที่ได้เห็นอาจไม่รู้ว่าเป็นความสำคัญด้านข่าวกรอง ดังนั้น ต้องให้ความสนใจและประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารในพื้นที่ เพื่อให้เกิดความมั่นคง ความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน ไม่ใช่ปล่อยให้เหตุเกิดขึ้นแล้วถามว่าอะไรเกิดขึ้น แล้วทำงงๆ
ชี้ไทยอาจเป็นที่กบดานผู้ก่อการร้าย พล.อ.สพรั่งกล่าวว่า ได้ยกเหตุผลและหลักฐานว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมีการค้นพบ จะเป็นประโยชน์ในการเตรียมการของคนไทย ไม่ใช่เรื่องยกตัวอย่าง แต่เป็นหลักฐานที่ยึดมาได้ บอกว่าประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่ไม่ใช่ คู่กรณีกับใคร แต่เป็นพื้นที่ที่ทั้ง 2 ฝ่ายเหมาะสำหรับใช้เป็นทางผ่าน หรือที่พักพิงแหล่งกบดาน จึงขอให้ ผอ. เขตระมัดระวังในพื้นที่มากขึ้น
ป้องกันไว้ก่อนดีกว่าเสียใจทีหลัง ผู้สื่อข่าวถามว่า เอกสารที่พบเป็นการเตือนใช่ หรือไม่ พล.อ.สพรั่งกล่าวว่า ไม่ใช่การเตือน พบจริง แต่ไม่ สามารถเปิดเผยได้ เพราะเป็นการรักษาความลับ เพียงแต่ หยิบยกมาให้รู้ว่าเขามีการเตรียมการ ใช้วิธีการใช้ระบบปกปิดการรักษาความลับ อำพรางไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐไหวตัว ตนได้เตือนเพราะไม่อยากเห็นคนที่รับผิดชอบยุคต่อไปมานั่งเสียใจเหมือนกับที่บอกว่าปัญหาภาคใต้ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐในอดีตช่วยกันสะสมข้อมูลระวังตั้งแต่ต้น และรัฐบาลสานต่อความเข้าใจมาทุกยุคทุกสมัย ก็จะไม่มีภาพของความเลวร้ายเช่นปัจจุบันนี้ จึงบอกว่าอย่าให้เป็นความผิดซ้ำซาก อย่าให้เป็นวงจรอุบาทว์
ต่อข้อถามว่า โอกาสที่จะเกิดเหตุก่อการร้ายหรือก่อวินาศกรรมในประเทศไทยเป็นไปได้หรือไม่ พล.อ. สพรั่งกล่าวว่า อย่าถามเรื่องโอกาส แต่ต้องป้องกันไม่ให้เกิด หากเกิดต้องระงับได้ หรือยับยั้งคลี่คลายสถานการณ์ได้ จะเป็นความภาคภูมิใจและเป็นเครดิตของประเทศไทยในสายตาประชาคมโลก
คู่มือก่อการร้ายแค่ตำราพิชัยสงคราม เมื่อถามว่า คู่มือก่อการร้ายระบุว่ากลุ่มไหนจะลงมือก่อเหตุในกรุงเทพฯ พล.อ.สพรั่งตอบว่า ไม่ได้หมาย ความว่าจะมีการมาก่อเหตุที่กรุงเทพฯ แต่หมายถึงหลักนิยมในการก่อการร้าย การทำลายเป็นหลักสากลเหมือนกับหลักของเหมาเจ๋อตุง ซุนวู ที่ใช้กันทั่วโลก ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เพียงแต่เปลี่ยนแปลงยุทโธปกรณ์ทางการทหาร เอกสารดังกล่าวพบมานานแล้ว ตั้งแต่ยุคเปลี่ยนแปลงจากสงครามเย็น ไม่ใช่เพิ่งมาเจอในยุคของการปฏิรูปการปกครอง และได้แปลเป็นภาษาไทย ผมไปบรรยายให้ อุดมการณ์ ไม่ใช่ประชดประชันเปรียบเทียบ ผมไม่ใช่นักฉวยโอกาส เพียงแต่การลงข่าวและนำไปตัดต่อให้เป็นประเด็น ทั้งนี้ เอกสารมีจำนวนหนา เป็นตำราพิชัยสงคราม และไม่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด 9 จุดในกรุงเทพฯ
รับตำรวจอังกฤษยึดได้นานแล้ว แผนการก่อการร้ายที่ตำรวจอังกฤษพบเจอนานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเจอเร็วๆ นี้ ผมอยากให้ช่วยกันระมัดระวังในเขตพื้นที่ กทม. เนื่องจากเป็นศูนย์กลางของสิ่งที่นำมาซึ่งการสร้างความวุ่นวาย และสถานการณ์ต่างๆ การไปบรรยายให้ ผอ.เขตฟังเมื่อวานนี้ เพื่อให้ ผอ.เขตนึกถึงความรับผิดชอบเป็นเจ้าภาพ อย่าทำหน้าที่เหมือนผู้ที่ดูแลงานในยุคเก่า สรุปแล้วว่าอย่าเอาแต่เซ็นแฟ้ม อย่าเอาแต่ เรื่องดูแลทุกข์สุข หรือบำบัดน้ำท่วม ต้องไม่ใช่ ผอ.เขตแบบยุคเก่า แต่ต้องเป็น ผอ.เขตที่ดูแลความมั่นคงด้วย ร่วมมือกับตำรวจ ข้อมูลทุกอย่างเขตจะรู้เรื่องทั้งหมด แต่เมื่อก่อนรู้แล้วไม่รู้ว่าจะไปทำอะไร พล.อ.สพรั่งกล่าวและว่า อยากสร้างจิตสำนึกให้ ผอ.เขตดูแลบ้านเมืองมากกว่าเทศบาล หรืองานเกี่ยวกับงานบริหาร ไม่ทำงานเหมือนเมื่อก่อนที่ว่าธุระไม่ใช่ ตนไม่ได้บอกว่าวันนี้จะมีเหตุการณ์ร้าย แต่บอกว่าต่อไปบ้านเมืองมีเหตุร้าย และมานั่งถามหาว่าเกิดอะไรขึ้น มันใช้ไม่ได้ เดี๋ยวนี้ต้องแจ้งเตือนตั้งแต่เนิ่นๆ กับคนและข้าราชการทุกฝ่าย เป็นหน้าที่ทุกคนต้องดูแลชาติบ้านเมือง
วินัย ยันไม่มีข่าวก่อการร้าย พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม และเลขาธิการ คมช. ให้สัมภาษณ์กรณีที่ พล.อ.สพรั่งระบุว่าตำรวจและทหารอังกฤษพบคู่มือการก่อการร้ายในกรุงเทพฯ ว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องนี้ และไม่เป็นห่วงกรณีที่มีกระแสข่าวการก่อการร้าย ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการพูดคุยกับ พล.อ.สพรั่งถึงข้อมูลดังกล่าวหรือไม่ พล.อ.วินัยกล่าวว่า คิดว่าจะโทรศัพท์คุยกับ พล.อ.สพรั่ง ซึ่งในเรื่องนี้ยังไม่ได้พูดคุยกัน เมื่อถามว่าจะมีการพูดคุยกับประเทศอังกฤษหรือประเทศอื่นเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการก่อการร้ายหรือไม่ พล.อ.วินัยตอบว่า ปกติเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องประสานงานกันอยู่แล้ว และเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศโดยรายงานจากหน่วยงานด้านความมั่นคงยังไม่มีข่าว
เมื่อถามว่าข่าวที่ออกมามีการวิเคราะห์หรือไม่ว่าวัตถุประสงค์ของการปล่อยข่าวเพื่ออะไร พล.อ.วินัยกล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นประเด็นหลักที่ คมช.จะต้องหารือกันในการประชุม คมช.ครั้งหน้า
สุรยุทธ์ ระบุไม่รู้ข้อมูลของ สพรั่ง ด้าน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เรื่องดังกล่าวว่า ยังไม่มีข้อมูล ไม่มีรายละเอียด เพราะเพิ่งได้รับทราบจากข่าวเช่นเดียวกับคนอื่น และเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธาน คมช. ไม่ได้รายงานข้อมูลให้ทราบหรือ พล.อ.สุรยุทธ์ตอบว่า ยังไม่มีการพูดกันทั้งในและนอกที่ประชุม ครม.
อภิรักษ์ สั่ง ผอ.เขตเข้มการข่าว นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า กทม.ไม่เคยรับทราบข้อมูลดังกล่าวมาก่อนเลย และไม่ได้ หารือนอกรอบกับ พล.อ.สพรั่งถึงเรื่องดังกล่าวอีกหลังจากการบรรยายเสร็จสิ้น ข้อมูลดังกล่าวเป็นความจริงและน่าเชื่อถือหรือไม่นั้น ไม่ทราบ เพราะไม่มีรายงานอย่างเป็นทางการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง ซึ่งการทำงานของ กอ.รมน.กทม.ปกติจะมีการแจ้งข้อมูลทางด้านการข่าวด้วย แต่เรื่องนี้ไม่มี อย่างไรก็ตาม จะไม่ละเลยเรื่องการตรวจสอบ และการเตรียมความพร้อมรับมือ โดยเน้นให้ ผอ.เขตให้ความสนใจเรื่องการข่าวและอยู่ใกล้ชิดกับพื้นที่ ขณะเดียวกัน จะต้องขอความร่วมมือจากประชาชนให้ข้อมูลด้วย
นพดล วอนอย่าโยง ทักษิณ ขณะที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าคำพูดของ พล.อ.สพรั่งเป็นจริง อยากให้รัฐบาลไทยจี้ไปทางประเทศอังกฤษให้สอบสวนเรื่องนี้จนถึงที่สุด ส่วนตัวไม่รู้ว่า พล.อ.สพรั่งหมายถึงใคร แต่ถ้าพยายามโยงใยมาถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องแน่นอน การพูดครึ่งๆกลางๆแบบนี้ถือว่าไม่เป็นธรรมต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.สพรั่งเป็นผู้ใหญ่ขอให้รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองพูด หากมีหลักฐานตามที่อ้างจริงก็ขอให้ ดำเนินการถึงที่สุด
จวก สพรั่ง สร้างข่าวหวังผลการเมือง น.ต.ศิธา ทิวารี รักษาการโฆษกพรรคไทยรักไทย ให้สัมภาษณ์ว่า เรียกร้องให้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธาน คมช. ออกมาแถลงข้อเท็จจริงเรื่องนี้ให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนกและกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ เพราะการก่อวินาศกรรมถือเป็นเรื่องใหญ่ กระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พล.อ.สนธิจะหลบเลี่ยงอ้างว่าเป็นความลับทางราชการไม่ได้ ในเมื่อลูกน้องระดับสูงออกมาแฉเองก็ควรให้ประชานได้รับรู้ข้อเท็จจริงด้วย คู่มือหรือแผนก่อการร้ายก่อวินาศกรรมที่กล่าวอ้างว่าตรวจพบ ไม่ใช่ ยาสามัญประจำบ้านที่ใครจะมีติดบ้านเอาไว้ ใครก็ตามที่ตรวจพบควรต้องเร่งดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อประโยชน์ สุขของบ้านเมือง ไม่ใช่เอามาพูดขยายความเพื่อหวังผลทางการเมือง พยายามเอาการข่าวมาพูดอย่างคลุมเครือ พยายามโยงไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณตกเป็นจำเลยของสังคมอย่างไม่เป็นธรรม
พีทีวีบี้สถานทูตอังกฤษแจงข้อเท็จจริง นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองประธานกรรมการบริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี กล่าวว่า หาก พล.อ.สพรั่งมีความรักชาติจริง ต้องกล้านำข้อมูลดังกล่าวมาเปิดเผยต่อประชาชน ไม่เช่นนั้นอาจถูกมองว่าเป็นคนขี้ขลาดตาขาว เพราะเรื่องดังกล่าวเกี่ยวพันกับชีวิตคนใน กทม.ทั้งหมด
นายจักรภพ เพ็ญแข ที่ปรึกษาสถานีโทนทัศน์พีทีวีกล่าวว่า จะสอบถามไปยังสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทยว่ามีส่วนช่วยเหลือประสานงานในการค้นพบข้อมูลดังกล่าวหรือไม่ รวมทั้งจะสอบถามสถานีโทรทัศน์บีบีซีว่ามีความเชื่อถือเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน เนื่องจากประเทศอังกฤษมีความละเอียดอ่อนต่อการก่อการร้ายอย่างมาก ถ้ามีการสอบถามทั้ง 2 แหล่งแล้วจะทราบว่า พล.อ.สพรั่งมีจุดประสงค์ใดกันแน่ในการสร้างข่าวนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีระ มุกสิกพงศ์ ประธานกรรมการบริหารพีทีวี จะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวในวันที่ 5 พ.ค.
http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=45936