ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
28-12-2024, 10:16
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  สุดทน “ยักษ์ซีพี” ฮุบตลาดหมู นัดม็อบหน้าสวนลุมฯ จี้หยุดฆ่ารายย่อย .... 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
สุดทน “ยักษ์ซีพี” ฮุบตลาดหมู นัดม็อบหน้าสวนลุมฯ จี้หยุดฆ่ารายย่อย ....  (อ่าน 1838 ครั้ง)
ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« เมื่อ: 07-05-2007, 18:14 »

สุดทน “ยักษ์ซีพี” ฮุบตลาดหมู นัดม็อบหน้าสวนลุมฯ จี้หยุดฆ่ารายย่อย
 
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 7 พฤษภาคม 2550 15:14 น.
 
 
นายสมคิด เรืองวิไลทรัพย์ ประธานกลุ่มผู้เลี้ยงสุกรแห่งประเทศไทย แถลงข่าวการเตรียมการชุมนุม ที่สำนักงานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) เมื่อ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา

ผู้เลี้ยงสุกรอิสระ สุดทน “ซีพี” ขยายธุรกิจเลี้ยงหมูจนครองตลาดมหาศาลกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ ทั้งเลี้ยงเอง และส่งเสริมเกษตรกรในเครือข่ายเลี้ยง คิดเป็นหมูขุนกว่า 3 ล้านตัว จนล้นตลาด ผู้เลี้ยงอิสระขาดทุนย่อยยับต่อเนื่อง 6 เดือน รอวันตายลูกเดียว นัดรวมพลหน้าสวนลุมฯ 8 โมงเช้าพรุ่งนี้ ก่อนเคลื่อนขบวนพบผู้บริหารยักษ์การเกษตร เรียกร้องหยุดขยาย-ลดการเลี้ยง ระบุ โครงการช่วยเหลือของรัฐไม่ทันเกมเอกชน ล้มเหลวไม่เป็นท่า
      
       นายสมคิด เรืองวิไลทรัพย์ ประธานกลุ่มผู้เลี้ยงสุกรแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ในรายการ “สภาท่าพระอาทิตย์” ออกอากาศทาง เอเอสทีวี เมื่อเช้าวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา ถึงการนัดชุมนุมเพื่อประท้วงเครือซีพีในวันที่ 8 ก.พ.ว่า เนื่องจากสถานการณ์ของผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยในขณะนี้อยู่ในขั้นย่ำแย่หนัก เพราะราคาหมูเป็นตกต่ำ ทำให้ประสบปัญหาการขาดทุนต่อเนื่องมาแล้ว 6 เดือน สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่สาเหตุใหญ่จริงๆ เป็นเพราะการขยายการเลี้ยงสุกรของบริษัทยักษ์ใหญ่ คือ เครือซีพี ซึ่งมีทั้งฟาร์มของบริษัทเลี้ยงเอง และฟาร์มเกษตรกรที่อยู่ภายใต้การส่งเสริมของเครือซีพี
      
      นายสมคิด กล่าวต่อว่า การขยายการเลี้ยงสุกรของบริษัทยักษ์ใหญ่ดังกล่าว ทำให้หมูขุนล้นตลาด ก่อให้เกิดปัญหาราคาตกต่ำ ทำให้ผู้เลี้ยงเกษตรกรรายย่อยขาดทุน เนื่องจากต้นทุนการเลี้ยงสุกรจะตกประมาณ 42 บาทต่อหมูเป็น 1 กิโลกรัม แต่ปัจจุบันขายได้เพียง 36-37 บาทต่อกิโลกรัม แม้ว่าจะกระเตื้องขึ้นจากกิโลกรัมละ 28 บาท ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ขาดทุน และเป็นการขาดทุนต่อเนื่องมา 6 เดือนแล้ว ซึ่งเมื่อคิดโดยเฉลี่ยจะขาดทุนประมาณ 1,000 บาทต่อหมูขุน 1 ตัว
      
       ประธานกลุ่มผู้เลี้ยงสุกร กล่าวอีกว่า นอกจากปริมาณสุกรจะล้นตลาดแล้ว ราคาวัตถุดิบในการเลี้ยงก็สูงขึ้น โดยเฉพาะราคาข้าวโพดเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 5 บาทกว่า เป็น 8 บาทกว่า ในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นช่วงที่บริษัทยักษ์ใหญ่ไล่ซื้อเก็บเข้าไซโลอาหารสัตว์ที่มีอยู่ทั่วประเทศ ส่วนราคามันสำปะหลังเส้นเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 2-3 บาท ขึ้นมาเป็น 4-5 บาท เนื่องจากมีการนำมันสำปะหลังส่วนหนึ่งไปผลิตเอทานอล
      
       นายสมคิด กล่าวถึงปริมาณสุกรที่บริษัทยักษ์ใหญ่และเกษตรกรในเครือข่ายเป็นผู้เลี้ยง ว่า จากการวิเคราะห์พบว่า มีประมาณร้อยละ 35 ของปริมาณสุกรเลี้ยงทั้งประเทศ โดยคำนวณจากแม่พันธุ์สุกรทั้งประเทศที่มีอยู่ 9 แสนตัวนั้น เป็นของบริษัทยักษ์ใหญ่เลี้ยงเองประมาณ 1 แสนตัว และเป็นของเกษตรกรภายใต้การส่งเสริมของบริษัทยักษ์ใหญ่อีก 2 แสนตัว
      
       “เกษตรกรที่เลี้ยงภายใต้การส่งเสริมของเขานั้น ผมอยากจะใช้คำว่า “ทาส” เพราะว่าถ้าเป็นลูกจ้าง ก็จะได้รับเงินเดือนและไม่ต้องลงทุนเอง แต่นี่เกษตรกรต้องมีทุนของตัวเองเพียงพอ แล้วเขาก็จะทำโปรเจกต์กู้เงินให้ในชื่อของเกษตรกร เมื่อได้เงินมา เอามาสร้างโรงเรือน บริษัทยักษ์ใหญ่ก็ขายอุปกรณ์ให้ แล้วขายพันธุ์สัตว์ อาหารสัตว์ ยา อาหารเสริม วัคซีน ยาฆ่าเชื้อให้ แบบครบวงจรทั้งหมด โดยไร้คู่แข่ง เวลาขายลูกหมู ขายได้ตัวหนึ่งเขาก็หักค่าหัวคิวอีก 40 บาท ไม่ต้องรับความเสี่ยงอะไรเลย มีแต่ได้กับได้”นายสมคิดกล่าว และว่า เมื่อมีการเลี้ยงจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้เลี้ยงหมูอิสระก็อยู่ไม่ได้ เพราะจำนวนหมูล้นตลาด
      
       นายสมคิด กล่าวถึงข้อเรียกร้องที่มีต่อซีพี ว่า ต้องให้หยุดการขยายการเลี้ยงทั้งโดยบริษัทเองและเกษตรกรที่อยู่ภายใต้การส่งเสริม และนอกจากหยุดขยายแล้วยังต้องลดปริมาณการเลี้ยงที่มีอยู่ในปัจจุบันด้วย เนื่องจากซีพียังครองสัดส่วนการเลี้ยงมหาศาล หากคิดเฉลี่ยแม่พันธุ์สุกร 1 ตัว ให้ลูกหมู 10 ตัว ก็เท่ากับว่าขณะนี้เครือซีพีและเกษตรกรในเครือข่ายมีหมูขุนรวมกันประมาณ 3 ล้านตัว ซึ่งถือว่ายังล้นตลาดอยู่
      
       นายสมคิด กล่าวว่า การชุมนุมประท้วงในวันพรุ่งนี้จะรวมตัวกันในเวลาประมาณ 08.00-09.00 น.ที่สวนลุมพินี ด้านอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 หลังจากนั้น จะเคลื่อนขบวนไปยังตึกซีพี เพื่อเจรจากับผู้บริหารบริษัทด้วย ซึ่งไม่ว่าทางซีพีจะรับฟังหรือไม่ ก็จำเป็นที่จะต้องใช้วิธีนี้ และที่ผ่านมา ก็ได้มีการประชุมหาทางออกกันในกลุ่มผู้เลี้ยงอิสระทั่วประเทศแล้ว ซึ่งหลายฝ่ายได้เสนอว่าควรใช้วิธีนี้ เนื่องจากว่าที่ผ่านมา รัฐบาลได้ใช้หลายวิธีในการแก้ไขปัญหา แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นการทำหมูหัน การกำจัดหมูแลกเกิดคอกละ 1-2 ตัว หรือการลดแม่พันธุ์ ก็มีแต่เกษตรกรอิสระที่ลด และถูกแทนที่ด้วยแม่พันธุ์ในบริษัทยักษ์ใหญ่และเกษตรกรในเครือ
      
       นายสมคิด กล่าวอีกว่า การหวังให้รัฐบาลเข้ามาเป็นตัวกลางในการแก้ไขปัญหานั้น คงจะยาก เพราะบริษัทยักษ์ใหญ่เข้าใจดีว่ารัฐบาลทุกชุดที่ผ่านมา ไม่เข้าใจเรื่องการเลี้ยงปศุสัตว์ชนิดนี้ดีพอ หรือเข้าใจก็น้อย การแก้ไขปัญหาจึงไม่ตรงจุดเสียที แม้ว่าจะมีคณะกรรมการที่เรียกว่า Pig Board (คณะกรรมการพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์) ซึ่งประกอบด้วย ตัวแทนหลายๆ ฝ่าย แต่ก็มีปัญหาเรื่องสัดส่วนของตัวแทนจากเกษตรกร ซึ่งเดิมนั้นจะให้มีกรรมการใน Pig Board 28 คน และเกษตรกรเสนอตัวแทนเข้าไป 12 คน แต่ไปๆ มาๆ เหลือกรรมการแค่ 12 คน มีตัวแทนเกษตรกรเพียง 2 คน คือ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งประเทศ กับประธานชุมนุมสหกรณ์ผู้เลี้ยงสุกร เท่านั้น ขณะที่บริษัทยักษ์ใหญ่ก็มีคนเข้าไปในฐานะตัวแทนภาคเอกชนเช่นกัน
      
       “ถ้าเป็นอย่างนี้ อนาคตเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูอิสระตายแน่นอน ที่เราเรียกร้อง ก็แค่อยากจะให้รายเล็กรายย่อยสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงหมูได้อย่างยั่งยืนชั่วลูกชั่วหลาน ไม่ใช่รอเป็นลูกจ้าง หรือเป็นทาสเขาไปตลอด” นายสมคิด กล่าว
      
       ส่วนราคาเนื้อหมูตามแผงที่ไม่ได้ลดลงไปตามราคาหมูเป็นนั้น นายสมคิด กล่าวว่า ต้องไปถามนายศิริพล ยอดเมืองเจริญ (อธิบดีกรมการค้าภายใน) แต่ผู้เลี้ยงแทบจะสิ้นเนื้อประดาตัวแล้ว หมูหันที่นครปฐมที่เห็นตัวละ 250 บาทนั้น คือ เลือดเนื้อและน้ำตาของผู้เลี้ยงสุกรอิสระ

 
 http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9500000052072
 
 
 
ในสมัยรัฐบาลเก่า ลูกหลานเจ้าสัวฯ
จะมีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีในกระทรวงเกษตรฯและกระทรวงพาณิชย์ตลอด
ไม่สนใจกระทรวงอื่น ๆ เว้นแต่ถูกผลักใสไปกระทรวงอื่น ๆ........


บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
พรรณชมพู
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,073


« ตอบ #1 เมื่อ: 07-05-2007, 18:32 »

นี่คือความพินาศของเกษตรกรและคนไทยทุกคน จากระบบทุนนิยมสุดขั้วที่รัฐบาลเหลี่ยมนำมาใช้ ในเวลาอีกไม่นานหากไม่มีการควบคุมการผูกขาด ไม่มีการควบคุมการค้าที่ไม่เป็นธรรม ทุนใหญ่จะครอบคองประเทศ

โชห่วย เป็นตัวอย่างอันดีในการล่มสลายของระบบการค้าขนาดเล็ก ห้างดีสเคาน์สโตรกำลังครอบครองตลาด ขายตัดราคาเพื่อทำลายคู่แข่ง อีกไม่นานธุรกิจค้าปลีกจะตกอยู่ในมือทุนใหญ่

เกษตรกรรมที่ควรจะเป็นของประชาชน จะกลายเป็นระบบเพาะปลูกแบบอุตสาหกรรม ประชาชนจะมีสถานะเพียงลูกจ้าง และหายนะก็มารออยู่ข้างหน้า

แต่ถ้าเราส่งเสริมทุนนิยมใหญ่ให้เติบโต GDP ABC EFG XYZ สารพัดตัวเลขงมงายก็จะเจริญเติบโต ในภาพรวมแล้วประเทศจะเจริญก้าวหน้า อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจจะดี รายได้ประชาชาติโดยรวมจะดี แต่ประชาชนจะจน และตกเป็นทาสของกลุ่มทุน

ตลาดหุ้นของเราจะบูม ด้วยมูลค่าของบริษัททุนเหล่านี้ แต่ตลาดสดของเราจะซบเซา ประชาชนต้องอดอยาก

อนาคตคงไม่ต้องบรรยาย โทษใครได้ 19 ล้านตัวมันโง่เอง 
บันทึกการเข้า
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 07-05-2007, 18:40 »



หมูหันที่ส่งตามภัตราคารจีนทั่วประเทศ เป็นลูกหมูจากเวียดนามครับ

เขาว่าเป็นหมูคนละพันธ์ ตัวเล็ก หนังบาง ทำให้กรอบได้ดีกว่า..
                                                                                     
บันทึกการเข้า

ปุถุชน
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,332



« ตอบ #3 เมื่อ: 07-05-2007, 18:50 »

แต่ถ้าเราส่งเสริมทุนนิยมใหญ่ให้เติบโต GDP ABC EFG XYZ สารพัดตัวเลขงมงายก็จะเจริญเติบโต ในภาพรวมแล้วประเทศจะเจริญก้าวหน้า อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจจะดี รายได้ประชาชาติโดยรวมจะดี แต่ประชาชนจะจน และตกเป็นทาสของกลุ่มทุน

ตลาดหุ้นของเราจะบูม ด้วยมูลค่าของบริษัททุนเหล่านี้ แต่ตลาดสดของเราจะซบเซา ประชาชนต้องอดอยาก

อนาคตคงไม่ต้องบรรยาย โทษใครได้ 19 ล้านตัวมันโง่เอง 

ข้อความโดย: พรรณชมพู



วันนี้คุณสวัสดิ์ หอรุ่งเรืองให้ความเห็นใน ASTV1 ว่า
การที่คนบางกลุ่มกล่าวหาว่าพล.อ.สุรยุทธ์ บริหารแผ่นดิน 6 เดือน
ทำให้เศรษฐกิจเสียหาย............

คุณสวัสดิ์บอกว่า ถ้าก่อนหน้านี้เศรษฐกิจไทยมั่นคง แข็งแรง มีพื้นฐานดี
เศรษฐกิจไทยคงไม่เสียหายภายใน 6 เดือนหรอกครับ....


เศรษฐกิจไทยเป็นอย่างนี้ เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจไทยก่อนหน้านี้ไม่ดี
การขยายตัว การบริโภคเทียมด้วยแจกเงิน แจกทองผ่านโครงการประชานิยม.....

เมื่อเปลี่ยนรัฐบาล รัฐบาลนี้ไม่ต้องการสร้าง"การบริโภคเทียม"อีก ไม่แจกเงินอีก
"น้ำลด ตอผุด" ของเศรษฐกิจไทยจึงปรากฎให้เห็น.....


รัฐบาลนี้ และ รัฐบาลต่อไปจะต้องสร้าง"บริโภคจริง" ให้ได้ก่อน
และต้องแกไขนิสัยของคนไทยรากหญ้าที่ต้องการ"การแจก"ตามโครงการประชานิยมด้วย...




บันทึกการเข้า

“หัวใจของการเมือง คือ ความไม่เห็นแก่ตัว หากเห็นแก่ตัวและพรรคของตัวแล้ว จะเห็นแก่มวลชนได้อย่างไร ดังนั้น นักการเมืองควรมีศีลธรรม ยึดถือธรรม บูชาธรรมยิ่งกว่าคนธรรมดา เมื่อเราทราบดีว่า การเมือง เศรษฐกิจ และสังคมปัจจุบันมีปัญหาที่ต้องแก้ไข หากผู้ที่อาสาเข้ามายังจะใช้วิธีการเดิมๆ อีก ย่อมจะแก้ไขไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นผลของอดีต และจะเป็นเหตุของอนาคต ต้องคิดให้ดี พูดให้ดี และทำให้ดี ในอนาคตจึงจะมีความหวังได้ มิฉะนั้นผู้สนับสนุนผู้ถูกร้อง(พ.ต.ท.ทักษิณ) จะต้องผิดหวังในที่สุด”


อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประเสริฐ นาสกุล ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความผิดในคดีซุกหุ้น......
********Q********
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8,520


I'm Looking At You.


เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 07-05-2007, 19:01 »



เรื่องไก่และหมูแก้ไขได้ครับ รัฐต้องเปิดโอกาสและส่งเสริมให้ตลาดระดับรายยักษ์แข่งขันกันสัก3รายขึ้นไป

และให้ผู้เลี้ยงทั้งหมดรวมตัวเป็นสหกรณ์ต่างๆทั่วประเทศ..คือต้องมีสหกรณ์สังกัดอย่างน้อย1แห่ง
บันทึกการเข้า

BeastGuy
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 210


« ตอบ #5 เมื่อ: 08-05-2007, 09:02 »

ขอมองต่างมุมครับ

ทำไมร้านโชว์ห่วยถึงไม่พัฒนาตัวเองขึ้นมาบ้างล่ะ
จะให้รัฐบาลช่วยอย่างเดียวเลยหรือไร ปัญหามันเกิดจากอะไร พ่อค้าคนกลางหรือ? ทำไมไม่รวมตัวจัดการพ่อค้าคนกลางเสีย
ทำไมไม่คิดว่า ทำไมลูกค้าถึงไปใช้บริการห้างค้าปลีก แทนที่จะแวะเข้าร้านโชว์ห่วย

ก็แค่อีกมุมมองนึงที่ไม่ค่อยได้ติดตามข่าวสาร อิอิ
บันทึกการเข้า
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 08-05-2007, 09:46 »

ขอมองต่างมุมครับ

ทำไมร้านโชว์ห่วยถึงไม่พัฒนาตัวเองขึ้นมาบ้างล่ะ
จะให้รัฐบาลช่วยอย่างเดียวเลยหรือไร ปัญหามันเกิดจากอะไร พ่อค้าคนกลางหรือ? ทำไมไม่รวมตัวจัดการพ่อค้าคนกลางเสีย
ทำไมไม่คิดว่า ทำไมลูกค้าถึงไปใช้บริการห้างค้าปลีก แทนที่จะแวะเข้าร้านโชว์ห่วย

ก็แค่อีกมุมมองนึงที่ไม่ค่อยได้ติดตามข่าวสาร อิอิ

อันนี้ต้องยอมรับว่าโชห่วยของเราไม่มีการพัฒนาจริงๆ แต่ที่สำคัญ โชห่วยของเราไม่ได้รวมตัวเป็นกลุ่มเป็นก้อนกันสักเท่าไหร่ และส่วนใหญ่แล้วจะแย่งลูกค้ากันเองอีกต่างหาก

อยากให้โชห่วยบ้านเรารวมกลุ่มกันให้ได้แบบญี่ปุ่น และ สร้างถนน สำหรับการจับจ่ายซื้อสินค้าแบบญี่ปุ่นขึ้นมา แบบนี้ ผมว่าจึงจะเป็นการแก้ปัญหาที่ดี

เอ้อ ล่าสุด ผมได้ข่าวว่าร้านขายเสื้อผ้านักเรียนกำลังแย่ เพราะพวกดิสเค้าส์สโตร์ หั่นราคาเสื้อผ้ากันดุมาก จนร้านค้าพวกนี้จะอยู่ไม่ได้แล้ว ไม่ทราบว่าเรื่องนี้จะทำอย่างไรดีครับ คุณ BeastGuy

เอ้อ ถามคุณ BeastGuy อีกเรื่อง ถ้าคุณ BeastGuy บอกว่าโชห่วยต้องพัฒนาตัวเอง คุณ BeastGuy ลองบอกหน่อยซิครับ ว่าโชห่วยต้องพัฒนาอย่างไรบ้าง ถึงจะยั่งยืน

อย่าบอกว่าให้ทำแบบ 7-11 นะครับ เพราะมันเป็นไปไม่ได
้ 
บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
login not found
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,523



« ตอบ #7 เมื่อ: 08-05-2007, 10:09 »

ขอมองต่างมุมครับ

ทำไมร้านโชว์ห่วยถึงไม่พัฒนาตัวเองขึ้นมาบ้างล่ะ
จะให้รัฐบาลช่วยอย่างเดียวเลยหรือไร ปัญหามันเกิดจากอะไร พ่อค้าคนกลางหรือ? ทำไมไม่รวมตัวจัดการพ่อค้าคนกลางเสีย
ทำไมไม่คิดว่า ทำไมลูกค้าถึงไปใช้บริการห้างค้าปลีก แทนที่จะแวะเข้าร้านโชว์ห่วย

ก็แค่อีกมุมมองนึงที่ไม่ค่อยได้ติดตามข่าวสาร อิอิ

เป็นเพราะขนาดของทุนและความสามารถในการต่อรองต่างกันมากด้วยครับ
การสั่งซื้อของปริมาณมากๆของดิสเคาท์สโตร์ทำให้เขามีอำนาจในการต่อรองราคาสูงมาก
ถึงขั้นกำหนดโปรโมชั่น ราคาซื้อและวันจ่ายเงินเองได้
ร้านค้าโชห่วยถึงจะรวมตัวกันและพัฒนาขนาดไหนก็ไม่มีทางทำแบบนั้นได้
แม้แต่ในประเทศที่พัฒนาแล้วก็เจอปัญหานี้เช่นกัน
อย่างในญี่ปุ่นก็มีปัญหาย่านการค้าต้องปิดตัวเพราะการรุกคืบของห้างขนาดใหญ่

หลายคนอาจจะมองแต่ประโยชน์ของการตั้งห้าง
เช่นการจ้างงาน ราคาสินค้า และความสะดวกสบาย
แต่มักจะลืมการล่มสลายของชุมชน การเติบโตของทุนที่จะนำมาซึ่งการแข่งขัน
และยังไปเบียดบังธุรกิจู้ผลิตสินค้าอีกด้วย เพราะเมื่อผู้ผลิตโดนบีบราคามาจากห้าง
ผู้ผลิตก็ต้องไปหาส่วนชดเชยกับผู้ค้ารายย่อย กลายเป็นต้นทุนที่เราลืมที่จะสนใจ

การที่ห้างแบบนี้จะมีแต่ผลดี จะเป็นได้เฉพาะในสังคมคอมมูนสมบูรณ์แบบเท่านั้นแหละครับ
ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ในโลกแห่งความจริง รัฐจึงต้องเข้ามาควบคุมอย่างเป็นระบบและจริงจังเสียที
บันทึกการเข้า
Me.
สมาชิกสามัญขั้นที่ 3
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 153


« ตอบ #8 เมื่อ: 08-05-2007, 11:11 »

“ใครใคร่ค้าม้าค้า ใครใคร่ช้างค้า”

คนไทยเข้มแข็งหากมีพื้นฐานที่มั่นคง ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ ทุนนิยม ๆ
หรือว่า จะส่งเสริมให้ปิดประเทศ อย่างเกาหลีเหนือ ?

ผู้ค้ารายย่อย ---> สหกรณ์(ในพื้นที่) ---> กลุ่มผู้ค้า(ผลิตภัณฑ์เดียวกันในหลายพื้นที่)
ทำให้เกิดอำนาจต่อรอง

มันต้องมีการพัฒนาการ ถามว่าเป็นไปได้ไหมที่ ชุมชนไทยจะทำแบบนั้นบ้าง ?
ตอบว่า ได้แต่ต้องอาศัยเวลาและการให้ความรู้
 
เพราะเราไม่ได้อยู่โดดเดียวในโลก เราไม่สามารถต้านกระแสทุนนิยม
แต่เรา สามารถที่จะปลุกฝังค่านิยมการบริโภคของเราได้ ปลูกฝังได้แค่ไหน
นั่นก็ขึ้นอยุ่กับตัวบุคคลนั้น ๆ 

บันทึกการเข้า
Şiłąncē Mőbiuş
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,215



เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 08-05-2007, 12:41 »

“ใครใคร่ค้าม้าค้า ใครใคร่ค้าช้างค้า” (แก้ที่ผิดให้นะครับ)

คนไทยเข้มแข็งหากมีพื้นฐานที่มั่นคง ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ ทุนนิยม ๆ
หรือว่า จะส่งเสริมให้ปิดประเทศ อย่างเกาหลีเหนือ ?
เห็นด้วยในเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่งครับ แต่ที่ผ่านมาเมื่อรัฐบาลที่แล้ว ไม่เห็นเป็นอย่างนั้นนี่ครับ เพราะรัฐบาลที่แล้ว เอะอะอะไรก็ทุนนิยมไม่ใช่หรือ รึไม่จริง 

ผู้ค้ารายย่อย ---> สหกรณ์(ในพื้นที่) ---> กลุ่มผู้ค้า(ผลิตภัณฑ์เดียวกันในหลายพื้นที่)
ทำให้เกิดอำนาจต่อรอง
เป็นเรื่องที่ดีครับ หากมีการส่งเสริมกันอย่างจริงๆจังๆ จำได้ว่า เมื่อก่อนมีห้างอยู่ห้างนึงชื่อว่า Mac Kro(ไม่รู้เขียนถูกหรือเปล่า) เป็นห้างที่ขายสินค้าให้กับ โชห่วยและร้านค้าปลีกเท่านั้น ซึ่งผมว่ารัฐบาลควรให้การสนับสนุนห้างประเภทนี้นะครับ ส่วนห้างแบบ Lotus อะไรเทือกนี้ สมควรที่จะลดบทบาทลงไปได้แล้ว

มันต้องมีการพัฒนาการ ถามว่าเป็นไปได้ไหมที่ ชุมชนไทยจะทำแบบนั้นบ้าง ?
ตอบว่า ได้แต่ต้องอาศัยเวลาและการให้ความรู้
ใช่ครับ การให้ความรู้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่ที่แล้วมา รัฐบาลที่แล้วไม่ได้ส่งเสริมให้คนระดับล่างได้ความรู้สักเท่าไหร่ จริงหรือไม่ เห็นมีแต่ แจกๆๆๆๆๆ กันอย่างเดียวมิใช่หรือ? แล้วในที่สุด คนส่วนใหญ่ของประเทศก็ไม่ทำมาหากินอะไร รอแต่ของแจก

เพราะเราไม่ได้อยู่โดดเดียวในโลก เราไม่สามารถต้านกระแสทุนนิยม
แต่เรา สามารถที่จะปลุกฝังค่านิยมการบริโภคของเราได้ ปลูกฝังได้แค่ไหน
นั่นก็ขึ้นอยุ่กับตัวบุคคลนั้น ๆ 
อันนี้ก็ถูกต้องครับ เราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก และ เราไม่สามารถต้านกระแสดทุนนิยมได้ แต่ เราได้สร้างภูมิคุ้มกันให้กับคนในประเทศเราแค่ไหนแล้ว ในตอนนี้ (มันค้านๆกับอันแรกยังไงไม่รู้แฮะ  )

บันทึกการเข้า



“People should not be afraid of their governments. Governments should be afraid of their people.”

. “ประชาชนไม่ควรกลัวรัฐบาลของตนเอง รัฐบาลต่างหากที่ควรกลัวประชาชน” .

. แวะไปเยี่ยมกันได้ที่ http://silance-mobius.blogspot.com/ นะครับ .
หน้า: [1]
    กระโดดไป: