ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
07-07-2025, 00:10
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  สภากาแฟ  |  แก้ปัญหารัฐประหารด้วย ม. 67 ประเคนอำนาจให้ 11 ยอดมนุษย์ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
แก้ปัญหารัฐประหารด้วย ม. 67 ประเคนอำนาจให้ 11 ยอดมนุษย์  (อ่าน 1464 ครั้ง)
snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« เมื่อ: 30-03-2007, 08:13 »

แก้ปัญหารัฐประหารด้วย ม. 67 ประเคนอำนาจให้ 11 ยอดมนุษย์

วันนี้ (29 มี.ค.) น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กมธ.)
กล่าวถึง ม.67 ที่ให้ผู้นำองค์กรต่างๆ ในรัฐธรรมนูญประชุมหารือเพื่อแก้วิกฤตจะสามารถ
ป้องกันการปฏิวัติรัฐประหารได้หรือไม่ว่า ต้องถามก่อนว่าพวกเราชอบการปฏิวัติรัฐประหาร
หรือไม่ ซึ่งตนไม่ชอบ
และถ้าประชาชนไม่ชอบ เราจะหาทางออกไม่ให้เกิดการใช้กำลัง
กันได้อย่างไร ในยามวิกฤตที่คาดไม่ถึงว่าจะเกิดอะไรขึ้น เหมือนที่ผ่านมา ถ้ามันไม่มีทาง
ออก มันก็เกิดเรื่อง ดังนั้นในยามวิกฤต หรือฉุกเฉิน ถ้าเปิดช่องไว้บ้างมันน่าจะแก้ไขปัญหา
ได้ โดยไม่ต้องปฏิวัติรัฐประหาร

แต่อย่างไรก็ตาม ในหมวดที่ว่าด้วยคณะรัฐมนตรีนั้นในรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจนว่า
นายกฯ ต้องมาจาก ส.ส. และ ม.67 เป็นมาตราที่หาทางออกในยามวิกฤตไม่ได้มี
อะไรมาก

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ประชุมนี้สามารถออกมติให้นายกรัฐมนตรีลาออกได้หรือไม่ น.ต.
ประสงค์ กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้นเพราะถ้าเป็นอย่างนั้นเป็นการบังคับกันและขัด
กฎหมาย แต่จะเป็นอย่างไรนั้นเมื่อถึงเหตุการณ์นั้นแล้วจะรู้เอง ถ้ายังไม่เกิดเหตุการณ์
คงพูดอะไรไม่ได้

เมื่อถามว่า ถ้าที่ประชุมมีมติให้นายกฯ ลาออกแล้วต้องเลือกใหม่ก็ต้องมาจาก ส.ส.
ตามรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า คงตอบไม่ได้ เพราะเป็นรายละเอียด
ต้องขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ และคณะองค์ประกอบของบุคคลที่ระบุไว้ว่าจะพิจารณาหา
หนทางกันอย่างไร

“หลักการสำคัญในหมวดคณะรัฐมนตรีกำหนดไว้เลยว่านายกรัฐมนตรีต้องมาจาก ส.ส.
ชัดเจน ส่วนเรื่องทางออกมันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เป็นการหาทางป้องกันปัญหาไว้ล่วงหน้า
จะดีกว่า” น.ต.ประสงค์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า การระบุเช่นนี้จะทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่าจะเป็นการเปิดช่องให้
ได้นายกฯ คนนอก น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า ถ้ามันไม่มีวิกฤต ใครไปทำอย่างนั้นก็ต้อง
รับผิดชอบซึ่งทำไม่ได้หรอก

เมื่อถามว่า สถานการณ์ระดับไหนที่จะถือว่าเข้าสู่วิกฤตที่ต้องใช้มาตรานี้ น.ต.ประสงค์
กล่าวว่า ต้องเป็นเหตุการณ์ที่ถึงขั้นที่ว่าหาทางออกไม่ได้ในทางการเมืองแล้วจะนำไปสู่
เหตุการณ์อะไรก็แล้วแต่ ส่วนจะให้ทหารเข้ามาด้วยนั้นก็ถือเป็นทางออกอันหนึ่งแต่ก็ขึ้น
อยู่กับที่ประชุมว่าจะเห็นอย่างไร

“เหตุการณ์ทุกอย่างเมื่อถึงเวลาแล้วประชาชนจะทราบว่าไม่มีทางออกจริงๆ คงไม่มีใคร
อยากจะไปหาเรื่อง สร้างเรื่องว่านี่มันวิกฤตแล้วถ้าทำอย่างนั้นประชาชนเขาก็ไม่รับ ต้อง
มีเหตุการณ์วิกฤตฉุกเฉินจริงๆจนหาทางออกไม่ได้ ก็ใช้ ม.67 รองรับ คงไม่มีใครแส่ไป
หาเรื่องโดยไม่จำเป็น” ประธานกมธ.ยกร่างฯกล่าว

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ถึงแม้จะบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญก็ต้องมีการทำประชาพิจารณ์อยู่ดี
ไม่ใช่ว่าบังคับขืนใจอะไร เราก็รับฟังเสียงประชาชน แต่ต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ
ว่านี่เป็นวิธีการแก้ไขปัญหาที่จะให้มีทางออกยามวิกฤตโดยไม่ต้องใช้กำลังอะไรกันอีก

เมื่อถามว่า ขอบเขตในการตัดสินใจของคณะบุคคลเหล่านี้มีหรือไม่ หรือว่ามีอำนาจครอบ
จักรวาลจนล้นฟ้า น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า เราพูดในหลักการเท่านั้นเอง การพิจารณาขึ้นอยู่
กับคณะองค์ประกอบว่าจะพิจารณากันเรื่องนี้ แต่ในรัฐธรรมนูญจะไม่มีระเบียบย่อยแบบนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบุคคลที่ ม.67 ให้อำนาจในการเรียกประชุมเพื่อแก้ปัญหา
วิกฤตของประเทศชาตินั้นมีทั้งสิ้น 11 คนประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา
ประธานวุฒิสภา ผู้นำพรรคฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธาน
ศาลปกครองสูงสุด และประธานองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญอีก 4 คน

ข่าวมติขน Hot News วันที่ 29 มี.ค. 2550
ปธ. กมธ. ยกร่างฯ ยัน ม.67 ทางออกเปลี่ยนผู้นำยามวิกฤต
http://www.matichon.co.th/breaking-news/breaking-news.php?nid=20070329-165440

แต่ชอบหัวเรื่องของ ประชาไท มากกว่า

http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=7540&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai

โกหกกันได้โดยไม่ละอายเลยนะคนเรา
บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
AsianNeocon
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,277


中華萬歲﹗ LONG LIVE CHINA!


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 30-03-2007, 08:37 »

เศรษฐกิจจะพังแหล่มิพังแหล่ คนจะอดตาย ปลาตาย
ชาติล่มจม  fake ไม่สนค่ะ  เพราะ fake ชอบประชาธิปไตยค่ะ
ช๊อบชอบค่ะ ประชาธิปไตยเนี่ย ไม่รู้เป็นอะไรนะค่ะ
ฝรั่งเค้าบอกว่าต้องชอบประชาธิปไตย ถึงจะ civilized
fake ก็อยากจะ civilized กะเค้า ก็ต้องรีบชอบสิค่ะ
บันทึกการเข้า

snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #2 เมื่อ: 30-03-2007, 08:39 »

‘เดโช’ ค้าน ‘คณะยอดมนุษย์’ ในมาตรา 67 วรรค 2 เชื่อแก้ยึดอำนาจไม่ได้

ประชาไท – 30 มี.ค. 2550 นายเดโช สวนานนท์ รองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ
(ส.ส.ร.) คนที่ 2 กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมมาตรา 67
วรรค 2 กรณีเกิดภาวะวิกฤตหาทางออกไม่ได้ให้ประธานสถาบันสำคัญทางการเมือง
ประชุมหาทางออกว่า ประเด็นนี้เป็นข้อเขียนเชิงปราม แต่โอกาสที่จะเกิดเหตุดังกล่าว
คงยาก อย่างไรก็ดี คงห้ามการปฏิวัติไม่ได้ แม้มีกรรมาธิการบางคนเสนอให้นำผู้นำ
เหล่าทัพมาประชุมด้วย ก็คงมาหยุดการปฏิวัติไม่ได้ถ้าจะทำกันจริงๆ


ทั้งนี้ การเขียนวรรคดังกล่าวน่าจะมีผลทางจิตวิทยามากกว่า หมายความว่าอย่างน้อย
ก็มีการปรามกันไว้แสดงเจตนารมณ์ให้เห็นชัดว่าไม่ต้องการให้เกิดทางตันในรัฐธรรมนูญ
ต้องหาทางออกให้ได้ โดยต้องเป็นภาวะวิกฤตทางการเมืองจริงๆ เช่น นายกฯไม่ลาออก
ไม่มีการอภิปรายในสภาอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว อย่างไรก็ดี ตนคิดว่าเมื่อคณะดังกล่าว
ประชุมมีผลออกมา ก็คงไม่สามารถหาข้อยุติได้ เพราะองค์ประกอบในนั้นยังมีฝ่ายรัฐบาล
ด้วย
เช่น ประธานรัฐสภา เมื่อไม่ได้แยกผู้มีข้อพิพาทออกไป ก็รู้สึกว่าประชุมแล้วคงไม่มี
ผล แต่ก็ยังอยากฟังคำอภิปราย ถ้ามีเหตุผลดีก็อาจบรรจุในรัฐธรรมนูญใหม่ได้
        
“เรื่องนี้มีความพยายามบรรจุมาก่อนหน้านี้หลายครั้ง แต่ผลสุดท้ายก็ไม่เอา ส่วนที่ยัง
แขวนวรรค 3
เรื่องให้มติของคณะดังกล่าวมีผลบังคับใช้ได้ และคณะนั้นได้รับความคุ้มครอง ผมมอง
ว่า มีนัยที่จะให้นายกฯมาจากคนนอก แต่ก็เป็นการชั่วคราวในภาวะวิกฤตเท่านั้น ซึ่ง
ตรงนี้ยาก เพราะไม่ได้กำหนดระยะเวลาเอาไว้ หากเข้ามาเป็นแล้วอยู่ 10 ปี จะว่าอย่าง
ไร
นอกจากนี้ หากลองสวมมาตรานี้กับกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ยอมลาออกจาก
ตำแหน่งหลังยุบสภาฯแล้ว หาคนนอกไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติว่านายกฯมาจาก
ส.ส. จุดนี้ก็อาจโยงไปถึงมาตรา 7 อีก แต่ก็ใช้ไม่ได้ เพราะอย่างไร รัฐธรรมนูญก็ไม่ให้
เอานายกฯมาจากคนนอก จริงๆ ประเด็นนี้ผมมองว่า เขาอยากแทรกในมาตรา 7 แต่ก็
แทรกไม่ได้ จึงมาแทรกไว้ที่นี่ ซึ่งผมไม่เห็นด้วย ในฐานะที่เคยเขียนรัฐธรรมนูญมา
เพราะมาตรามันดูแย้งกันเอง” นายเดโช กล่าว
      
นายเดโช กล่าวอีกว่า ประเด็นนี้ยังมองได้ว่าหากคณะประธานสถาบันการเมืองมา
ประชุมแล้วมีผลอย่างใดเกิดขึ้น รัฐบาลที่เข้ามารักษาการแทนจะเป็นใคร เชื่อมโยง
อำนาจอธิปไตยและมีความยึดโยงกับประชาชนตรงไหน ทั้งนี้ ประเด็นนี้ในรัฐธรรมนูญ
ใหม่ก็มีการพูดถึงว่า ช่วงยุบสภาหรือหมดวาระ จะให้มีรัฐบาลคนนอกเข้ามารักษาการ
ก็ต้องจับตาดูมาตรานี้ด้วย เพราะผลของมาตรา 67 วรรค 2 จะโยงมาที่มาตรานี้เช่นกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้า นางเสาวลักษม์ กิตติประภัสร์ ผู้อำนวยการสำนักงาน
พัฒนานโยบายสาธารณะ และคณะ มอบข้อเสนอเกี่ยวกับการบรรจุกระบวนการพัฒนา
นโยบายสาธารณะแบบครบวงจรในรัฐธรรมนูญ 2550 แก่นายเดโช ทั้งนี้ข้อเสนอดัง
กล่าว มีกลไกที่เป็นรูปธรรม อาทิ ควรบรรจุประเด็นด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน
เป็นหมวดหนึ่งโดยเฉพาะ ควรมีกลไกทางกฎหมายที่ประชาชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วม
ได้จริง โดยยกระดับเป็นหมวดว่าด้วยนโยบายสาธารณะ ควรมีองค์กรอิสระในการจัดทำ
ประชาพิจารณ์ และปรับปรุงมาตรา 76 ในรัฐธรรมนูญ 2540 เป็น “รัฐต้องส่งเสริมและ
สนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการนโยบายสาธารณะอย่างครบวงจร
การตัดสินใจทางการเมือง การวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง รวมทั้งการ
ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐทุกระดับ”

ด้านนายเดโช กล่าวว่า ยินดีที่จะรับข้อเสนอดังกล่าวส่งให้คณะกรรมาธิการยกร่างฯ
พิจารณา ทั้งนี้ ข้อเสนอดังกล่าวคงจะได้ไปช่วยทำให้คณะกรรมาธิการยกร่างฯ ปรับปรุง
ในข้อเสนอที่คณะกรรมาธิการทำอยู่ ทั้งนี้เรื่องการมีส่วนร่วมที่จะให้ปฏิบัติได้จริง ในที่
ประชุมมีการพูดกันอยู่ เรื่องกองทุนการมีส่วนร่วมและการเปิดให้ประชาชนประชาพิจารณ์
ในเรื่องนโยบายสาธารณะได้สะดวกยิ่งขึ้น ตนคิดว่าเรื่องการมีส่วนร่วมสำคัญและการทำ
ประชาพิจารณ์ต้องมีหน่วยงานกลางและอิสระ ไม่ใช่องค์กรเจ้าของเรื่องมาจัดประชา-
พิจารณ์ ไม่เช่นนั้นการทำประชาพิจารณ์ก็จะกลายเป็นประชาสัมพันธ์ให้สื่อ แต่ไม่ใช่การ
มีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง

http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=7539&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-03-2007, 08:50 โดย snowflake » บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #3 เมื่อ: 30-03-2007, 19:23 »

จุดอ่อน "อัศวินม้าขาว" ม.67 กู้วิกฤตชาติ

ผ่านความเห็นเบื้องต้นไปแล้ว

สำหรับข้อเสนอให้มีคณะบุคคลมาเป็นอัศวินม้าขาว แก้ปัญหาวิกฤตของประเทศชาติ

ผ่านในการประชุมเพื่ออภิปรายร่างรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ของคณะกรรมาธิการ
(กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มี น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เป็นประธาน เมื่อวันที่ 28 มีนาคม

ก่อนจะมีการพิจารณากันอีกครั้งระหว่างวันที่ 6-11 เมษายน ซึ่ง น.ต.ประสงค์กำหนด
ให้เริ่มมีการลงมติกันในวันที่ 10 เมษายน

ความเห็นที่ กมธ. ยกร่างรัฐธรรมนูญเห็นชอบกันนั้น

เป็นการคงข้อความตามมาตรา 65 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 และมีการเพิ่มเติม
ข้อความในวรรคสอง

เบื้องต้นกำหนดไว้เป็นมาตรา 67 แห่งร่างรัฐธรรมนูญ ความว่า

"..บุคคลย่อมมีสิทธิต่อต้านโดยสันติซึ่งการกระทำใดๆ ที่เป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ
ในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
นี้..

ในกรณีที่ประเทศตกอยู่ในภาวะวิกฤต ภาวะคับขันหรือเกิดสถานการณ์จำเป็นอย่างยิ่ง
ในทางการเมือง ให้มีการประชุมร่วมกันระหว่างนายกรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร
ประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาล
ฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณา
หาทางป้องกันหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าว"

แต่ กมธ. เองก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้เติมความเป็นวรรคสามว่า

"..มติของคณะบุคคลดังกล่าว ให้มีผลบังคับใช้ได้โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยคณะ
บุคคลดังกล่าวและผู้ปฏิบัติตามมติดังกล่าวย่อมได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญนี้"

ข้อเสนอนี้ "จรัญ ภักดีธนากุล" รองประธาน กมธ. ยกร่างรัฐธรรมนูญ คนที่ 2 ในฐานะ
ผู้เสนอ ชี้แจงว่า เป็นข้อเสนอจากคณะนักวิชาการ ที่ต้องการให้มีกลไกแก้ปัญหาเมื่อ
ประเทศตกอยู่ในภาวะวิกฤต

หลังการเสนอความเห็นนี้ออกมา ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก

หลายฝ่ายมองว่า การให้คณะบุคคลที่มีลักษณะเป็นประมุขของแต่ละฝ่าย ไม่น่าจะใช้
แก้วิกฤตทางการเมือง หรือแก้วิกฤตของบ้านเมืองได้

ด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นการแก้ปัญหาโดยตั้งโจทย์จากเหตุการณ์ความวุ่นวายในปี 2549
ที่มีทั้งการชุมนุมเรียกร้องให้ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นลาออก

ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณเองก็ไม่ลาออก แต่กลับประกาศยุบสภา

เมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ ก็เกิดปัญหาอดีตพรรคร่วมฝ่ายค้านบอยคอตการเลือกตั้งและเกิด
ปัญหาอันนำไปสู่การเพิกถอนการเลือกตั้งในครั้งนั้น

กอปรกับวุฒิสภาในขณะนั้นก็หมดวาระลง

มีการติติงและตั้งข้อสังเกตในหลายๆ จุด

จุดแรก มีการตั้งคำถามว่า เหตุการณ์แบบไหน หรือจะต้องถึงขั้นไหน จึงจะเรียกว่า
เกิดภาวะวิกฤตของประเทศ

จุดที่สอง หากกำหนดกันได้จริงว่า ตรงนี้หรือแบบนี้คือ วิกฤตของประเทศ แล้วใคร ?
จะเป็นผู้เรียกประชุม

อย่าลืมว่า ในช่วงปี 2549 ที่เรียกกันว่าวิกฤตของประเทศนั้น สองฝักสองฝ่ายทาง
การเมือง ต่างช่วงชิงจังหวะขอเป็นหัวขบวนในการเรียกประชุมเพื่อหาทางออก

ฝ่ายอดีตพรรคร่วมฝ่ายค้าน ก็ทำหนังสือขอเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณมาร่วมประชุม

ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณก็ชิงจังหวะเรียกประชุมตัวแทนพรรคการเมือง

หากมีการกำหนดกันตามมาตรา 67 วรรคสองเช่นนี้

เป็นไปได้ว่า จะได้เห็นนายกรัฐมนตรีและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ชิงกันเรียก
ประชุมองค์ประกอบที่เหลือขององค์คณะ

จะกลายเป็นว่าเร่งให้เกิดความขัดแย้งเพิ่มขึ้นหรือไม่

เพราะอาจจะมีการประชุมตามมาตรา 67 วรรคสองนี้กัน 2 คณะ !!

หรือหากประชุมกันได้โดยสะดวกเพียงคณะเดียว

หากตกลงกันไม่ได้จะดำเนินการอย่างไร

จุดที่สาม การระบุให้ที่คณะบุคคลตามวรรคสองมาประชุมกันเพื่อพิจารณาหาทาง
ป้องกันและแก้ไขปัญหา โดยให้ตัดวรรคสาม ที่รองรับการออกมติไปนั้น

จะทำให้มติของคณะบุคคลดังกล่าวมีผลบังคับใช้หรือชอบในทางกฎหมายหรือไม่

จุดที่สี่ มีการเป็นห่วงถึงผลกระทบจากมติของคณะบุคคลที่จะเข้ามาแก้ไขวิกฤตของ
ประเทศนี้

สมมุติว่า ที่ประชุมของคณะบุคคลเหล่านี้มีมติให้นายกรัฐมนตรีต้องออกจากตำแหน่ง

หากนายกรัฐมนตรียอมลาออกแต่โดยดีคงไม่มีปัญหาอะไร

แต่หากเทียบเคียงกับปัญหาในปี 2549 นายกรัฐมนตรีไม่ยอมลาออก แล้วจะทำอย่างไร..?

กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญจะต้องไปเพิ่มเติมในมาตราที่เกี่ยวกับการพ้นตำแหน่งของ
นายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่ว่า เป็นไปตามมติของคณะบุคคลตามมาตรา 67 วรรคสอง

หากทำอย่างนั้น ก็ต้องเขียนกำหนดในทุกตำแหน่ง ที่อาจจะถูกสอยโดยมติของคณะ
บุคคลขจัดวิกฤตตามมาตรา 67 วรรคสอง

และหากมติของคณะบุคคลนี้ให้นายกรัฐมนตรี หรือผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ออกจาก
ตำแหน่งได้จริง จะถือว่าเป็นการขัดต่อหลักการต่างๆ ที่เกี่ยวกับตำแหน่งเหล่านี้ใน
รัฐธรรมนูญฉบับเดียวกันนี้หรือไม่

ข้อวิพากษ์วิจารณ์ ข้อติติง ข้อสังเกต และคำถามต่างๆ เหล่านี้ เป็นเรื่องที่ กมธ.ยกร่าง
รัฐธรรมนูญจะต้องนำไปประกอบการพิจารณาให้ดี

หากจะยังคงสาระสำคัญในลักษณะนี้ไว้เพื่อแก้ปัญหาให้แก่ประเทศยามที่ไม่ทางออก
จริงๆ ก็ควรจะปิดช่องทางต่างๆ ที่จะทำให้เกิดปัญหาตามมามากกว่าเดิม

เพราะหากทำไม่ดี สุดท้ายแล้ว วิกฤตของประเทศไทยอาจจะต้องจบลงเหมือนเดิม

จบลงที่ภาพของทหารเอารถถังออกมาล้อมสถานที่สำคัญในกรุงเทพฯ

เหมือนอย่างที่เคยๆ เป็นมา..

มติชน วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10611

http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01pol06300350&day=2007/03/30&sectionid=0133

ขอแก้ มาตรา 67 ที่แหล่งที่มาพิมพ์ผิดเป็น 27
บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
^Tee^^
สมาชิกสามัญขั้นที่ 2
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 52


« ตอบ #4 เมื่อ: 30-03-2007, 22:45 »

Fake Copy & Paste อย่างเดียวไม่สนใจไรทั้งนั้น 
บันทึกการเข้า
so what?
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,729


« ตอบ #5 เมื่อ: 30-03-2007, 22:54 »

ยาวครับ คุณเฟ้กช่วยสรุปให้หน่อยสิครับ อยากดูว่าเราเข้าใจเหมือนกันมั้ย   
บันทึกการเข้า
eAT
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,066



« ตอบ #6 เมื่อ: 30-03-2007, 23:01 »

คนไทย จะไม่มีทางรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นได้เลยหรือ
แค่ไม่พอใจ ก็ต้องพูดจากกระแหนะกระแหน เสียดสี ใช้คำ
ว่า "ยอดมนุษย์" แบบนี้ จะสร้างเสริมเวทีเพื่อระดมสติปัญญา
หรือว่าจะหาเรื่องชกต่อยกัน

ไม่ต้องลงประชามติมั๊ง เอาอาวุธมาหั้มหั่นกันเลยดีกว่า
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
    กระโดดไป: