ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
05-12-2024, 00:41
378,182 กระทู้ ใน 21,926 หัวข้อ โดย 9,412 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: MAN4U
ขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด (รุ่นแรก)  |  ทั่วไป  |  ห้องสาธารณะ  |  เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์....."ทุนนิยมบ่มแก็ส"...สุกเร็วเน่าเร็ว 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1]
เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์....."ทุนนิยมบ่มแก็ส"...สุกเร็วเน่าเร็ว  (อ่าน 2142 ครั้ง)
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« เมื่อ: 24-04-2006, 04:57 »

หมายเหตุก่อนเข้าเรื่อง....กวีแก้วแห่งกรุงรัตนโกสินทร์...หันมาเขียนวิจารณ์การเมืองแบบตรง ๆ

ต้องขอบอกว่าตีตรงจุด ชนิดมีดบินไม่เคยพลาดเป้า....ดุเด็ด ขนาดใหน ลองอ่าน

.............................................................................................

เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

ทุนนิยมบ่มแก๊ส

ดร.ณรงค์ เพชรประเสริฐ แห่งคณะเศรษฐศาสตร์จุฬาฯ ท่านเปรียบเทียบเศรษฐกิจยุคทักษิณว่า เหมือนผลไม้บ่มแก๊ส ซึ่งจะสุกเร็วงอมเร็ว และเน่าเร็ว

ชัดเจน เจ๋งเป้งเลยครับ

เศรษฐกิจที่ถือเอาทุนนิยมเป็นหลัก ดังคุณทักษิณท่านพูดเสมอว่า ท่านถือเอาวิถีทุนนิยมเป็นหลักเศรษฐกิจ ในการพัฒนาประเทศนี่แหละ

เป็นทุนนิยมบ่มแก๊สขึ้นมาจริงๆ แล้ว

คือมันเริ่มเน่าเละ และลามระบาดไปถึงการเมืองด้วย ดังการเลือกตั้งอัปยศที่ได้เห็นกันวันนี้

น่าสงสารที่ยังมีคนไพล่ไปเห็นว่า นี่เป็นเกมของฝ่ายค้านเอง ที่มาบีบให้การเลือกตั้งต้องกลายเป็นสิ่งน่าอัปยศอดสูที่สุดในประวัติศาสตร์ถึงปานนี้

คือไปโทษพรรคฝ่ายค้านว่าไม่ลงมาสมัครรับเลือกตั้งด้วย เพราะกลัวแพ้

เลยเล่มเกม "คว่ำบาตร"

ถ้าจะมีสายตายาวสักนิด ก็ต้องย้อนไปดูวันชิงหลักหักเหลี่ยมระหว่างกันเรื่องสัญญาประชาคมกับสัตยาบันอันเป็นเหตุให้ "คว่ำบาตร" นั้น

และถ้าจะมองให้เลยออกไปก็จะเห็นว่าวิกฤตเลือกตั้งวันนี้ ล้วนเป็นปลายเหตุที่มาจากต้นเหตุของสิ่งที่เรียกว่า "ระบอบทักษิณ" เองทั้งสิ้น

ระบอบที่ถือเอาวิถีทุนนิยมบ่มแก๊สนี่แหละที่ทำให้เกิดลักษณะ "เน่าเฟะ" ไปแทบจะทั้งรัฐสภาก็ว่าได้

ตรงนี้เป็นสัญญาณอันตรายของสังคมไทย

รัฐบาลใดก็ตามที่จะมีมาในอนาคตไม่ว่าจะไทยรักไทย ประชาธิปัตย์ หรือรัฐบาลผสม รัฐบาลแห่งชาติ อะไรก็ตามที หากยังถือเอาวิถีทุนนิยมบ่มแก๊สเป็นแนวทางก็จะเจอวิกฤตอย่างนี้

ก็จะเกิดวิกฤตซ้ำๆ อย่างนี้ร่ำไป

เพราะฉะนั้น ต้องขจัดวิถีทุนนิยมบ่มแก๊สโดยพลัน บ้านเมืองเราจึงจะพัฒนายั่งยืน ด้วยความเป็นตัวของตัวเอง



อาจารย์ณรงค์ เพชรประเสริฐ เคยคุยให้ฟังว่า จะดูความเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองให้ดูที่สามทุนดังนี้ หนึ่งคือ ทุนชาติ สองทุนหลวง สามทุนต่างชาติ

ทุนชาติ มีสองทุนคือ จากการผลิตในชาติกับทุนนอกระบบคือทุนเถื่อน เช่น ทุนบ่อน ทุนเจ้าพ่ออิทธิพล เป็นต้น (นี่เป็นทุนมะเร็งร้าย)

ทุนหลวง คือ งบประมาณแผ่นดิน

ทุนต่างชาติ คือ ทุนจากกาารลงทุนของบริษัทต่างชาติ เป็นต้น

นั้นเป็นความเห็นของ อาจารย์ณรงค์ เพชรประเสริฐ ซึ่งผมมาคิดต่อก็เริ่มจะเห็นจริงว่า อันตรายอันเกิดจากทุนเศรษฐกิจสามกองนี่ ก็คือการที่เราปล่อยให้ทุนต่างชาติเข้ามามีอิทธิพลเหนือทุนชาติ หรือทุนอันเกิดจากการผลิตของคนในชาติเราเป็นหลักนั่นเอง

ตัวอย่างเช่น การขายหุ้นชินคอร์ป การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ซึ่งหากเกิดรั้ง กฟผ.ไม่อยู่ ใครจะรู้ว่าต่อไปสาธารณูปโภคทั้งหมดจะมีอะไรเหลือเป็นของประชาชน มิเป็นของต่างชาติหมดหรือ

เราจะมิกลายเป็นมิคสัญญีสิ้นชาติอย่างอาร์เจนตินาหรือ

นี่มิใช่เรื่องวิตกไปล่วงหน้าเกินเหตุ

เพราะความพยายามที่รัฐบาลคุณทักษิณได้ทำมาเห็นกันอยู่หลัดๆ ชัดแจ้งก่อนจะเกิดวิกฤตไม่นานนี่เองอยู่แล้ว

ทุนนิยม ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย กลับเป็นสิ่งดีในวิถีพัฒนาเศรษฐกิจ เป็นสิ่งจำเป็นในวิถีการผลิตของทุกระบบสังคม เพราะทุนนิยมเป็นเพียงมรรควิธี สำคัญคือ เราจะนำเอาทุนนิยมไป "รับใช้" อะไรต่างหาก

จะรับใช้ "นายทุน" หรือรับใช้ "สังคม"

ตรงนี้ เป็นความแตกต่าง ระหว่าง "ทุนนิยม" กับ "สังคมนิยม"

เป็นความแตกต่างระหว่างอเมริกากับจีน



อเมริกาเป็นทุนนิยมเต็มที่ ใช้ทุนรับใช้นายทุนดังระบาดไปทั่วโลกด้วยยี่ห้อดังทั้งหลาย ล้วนไปเข้ากระเป๋าอเมริกาทั้งสิ้น ขณะจีนใช้วิธีทุนนิยมไปรับใช้สังคมนิยม ดังกระเทียมจีนมาตีตลาดไทย แต่ผลประโยชน์ที่ได้กับจีนคือการเกษตรของจีนดีขึ้น คอมมูนหรือชุมชนเกษตรกรเขาพัฒนาการผลิตรวมดีขึ้น

ขณะเกษตรกรไทย ชาวไร่หอมกระเทียมไทยแทบจะล้มละลาย นโยบายเสรีการค้าหรือ FTA ระหว่างไทยจีน ประโยชน์ใหญ่ที่ไทยจะได้ล้วนตกแก่นายทุนใหญ่กลุ่มเดียว

ตรงนี้เห็นได้ชัดว่า วิธีการทุนนิยมไทย ก็เพื่อรับใช้นายทุนหรือกลุ่มทุนเท่านั้น ส่วนจีนใช้วิธีทุนนิยมเช่นกัน แต่เขาไปรับใช้เกษตกรโดยรวมไม่ใช่กลุ่มทุน

วิธีการทุนนิยมเช่นนี้ คือความต่างที่ไทยเราจะเสียเปรียบตลอดไป หากยังไม่ตระหนักกัน

มีแต่ต้องหันมาดูแลทุนชาติที่เป็นการผลิตหลักของคนไทย คือชาวไร่ชาวนาผู้อยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินให้พัฒนาอย่างยั่งยืน ชนิดเป็นตัวของตัวเอง ดังพระกุศโลบายเรื่อง "พอเพียง" นี่เท่านั้น

ชาติไทยเราจึงจะมีสง่าราศี ยืนอย่างองอาจสบตาทั้งโลกได้จริง

มิใช่หวังรวยกันอยู่แต่ในกระดานหุ้นกับโหยห้อยต้อยตามไปกับทุนต่างชาติด้วย FTA และเมกกะโปรเจ็คต์ดังฝันหวานกันอยู่นี้

ซึ่งนี่แหละคือถังแก๊สที่บ่มให้ขั้นตอนพัฒนาทุนไทยจะเน่าเละไปทั้งระบบอย่างยั่งยืน น่าสมเพชเวทนานัก

ยังอัปยศกันไม่พออีกหรือ
บันทึกการเข้า

Killer
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,576


ช๊อบบ ชอบบ...ปฏิวัติ ปลื้ม ค่ะ


« ตอบ #1 เมื่อ: 24-04-2006, 11:02 »



ดร.ณรงค์ เพชรประเสริฐ แห่งคณะเศรษฐศาสตร์จุฬาฯ ท่านเปรียบเทียบเศรษฐกิจยุคทักษิณว่า เหมือนผลไม้บ่มแก๊ส ซึ่งจะสุกเร็วงอมเร็ว และเน่าเร็ว

หมอนี่พูดไว้ ในไม่ช้า พวกพันธม็อบ ต้องสร้างเกราะป้องกันให้ตัวเอง
ด้วยการก่อตั้งพรรคการเมือง จะรอดูว่าจริงตามนั้นหรือไม


ชัดเจน เจ๋งเป้งเลยครับ

เศรษฐกิจที่ถือเอาทุนนิยมเป็นหลัก ดังคุณทักษิณท่านพูดเสมอว่า ท่านถือเอาวิถีทุนนิยมเป็นหลักเศรษฐกิจ ในการพัฒนาประเทศนี่แหละ
เป็นทุนนิยมบ่มแก๊สขึ้นมาจริงๆ แล้ว
คือมันเริ่มเน่าเละ และลามระบาดไปถึงการเมืองด้วย ดังการเลือกตั้งอัปยศที่ได้เห็นกันวันนี้

ถ้าจะคิดว่ามันพัฒนาเร็วเกินไปหรือเปล่า ต้องดูว่าเราเอาอะไรเป็นหลักก.ม.
เพื่อนบ้านข้างเคียงหรือ เอาอะไรมาเป็นตัวชี้วัด อย่าบอกนะว่าใช้ความรู้สึก



ตัวอย่างเช่น การขายหุ้นชินคอร์ป การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ซึ่งหากเกิดรั้ง กฟผ.ไม่อยู่ ใครจะรู้ว่าต่อไปสาธารณูปโภคทั้งหมดจะมีอะไรเหลือเป็นของประชาชน มิเป็นของต่างชาติหมดหรือ
เราจะมิกลายเป็นมิคสัญญีสิ้นชาติอย่างอาร์เจนตินาหรือ
นี่มิใช่เรื่องวิตกไปล่วงหน้าเกินเหตุ
เพราะความพยายามที่รัฐบาลคุณทักษิณได้ทำมาเห็นกันอยู่หลัดๆ ชัดแจ้งก่อนจะเกิดวิกฤตไม่นานนี่เองอยู่แล้ว

หมอนี่เป็นแฟน VCD ไอ้นิติภูมิ ตัวยงเลย ดู VCD แผ่นเดียวก็เสียวได้
ถ้ามันดู VCD แผ่นเดียว แล้วมาวิเคราะห์ทำนายอนาคตความเป็นไปของสังคมชาติได้
บ้านเมืองคงได้ฉิบหายบรรลัย วายป่วงเป็นแน่แท้
เราควรยุบเลิกทุกสาขาวิชา ในระดับอุดมศึกษา แล้วหันมาทำสารคดีสั้น
ความยาวไม่เกิน 60 นาที เป็นวิทยานิพนธ์กันดีกว่า....


ทุนนิยม ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย กลับเป็นสิ่งดีในวิถีพัฒนาเศรษฐกิจ เป็นสิ่งจำเป็นในวิถีการผลิตของทุกระบบสังคม เพราะทุนนิยมเป็นเพียงมรรควิธี สำคัญคือ เราจะนำเอาทุนนิยมไป "รับใช้" อะไรต่างหาก
จะรับใช้ "นายทุน" หรือรับใช้ "สังคม"
ตรงนี้ เป็นความแตกต่าง ระหว่าง "ทุนนิยม" กับ "สังคมนิยม"
เป็นความแตกต่างระหว่างอเมริกากับจีน

Method มันรู้จักคำนี้หรือเปล่า เป้าหมายเดียวกัน แต่ หนทางที่ไปสู่เป้าหมายมันต่างกัน
นี่คือการแตกต่างกันทางความคิด ก็ควรโต้แย้งด้วย Method อื่นที่มันคิดว่าดีกว่า
ไม่ใช่พวกมันไปใส่ร้ายป้ายสี เขาว่า ทุจริตโกงกิน โดยไม่มีหลักฐานทางคดี
เพื่อให้ผู้คนเชื่อว่า Method ของทักษิณ ผิด


อเมริกาเป็นทุนนิยมเต็มที่ ใช้ทุนรับใช้นายทุนดังระบาดไปทั่วโลกด้วยยี่ห้อดังทั้งหลาย ล้วนไปเข้ากระเป๋าอเมริกาทั้งสิ้น ขณะจีนใช้วิธีทุนนิยมไปรับใช้สังคมนิยม ดังกระเทียมจีนมาตีตลาดไทย แต่ผลประโยชน์ที่ได้กับจีนคือการเกษตรของจีนดีขึ้น คอมมูนหรือชุมชนเกษตรกรเขาพัฒนาการผลิตรวมดีขึ้น

คิดเหียกอะไรไม่ออก นึกออกแต่กระเทียมไว้ก่อน
นี่แหละสติปัญญา นักวิจารณ์สังคมไทย
มันตื้นเขินเสียจริงๆ ถามให้ลึกลงไปมันก็ใบ้แดก


ขณะเกษตรกรไทย ชาวไร่หอมกระเทียมไทยแทบจะล้มละลาย นโยบายเสรีการค้าหรือ FTA ระหว่างไทยจีน ประโยชน์ใหญ่ที่ไทยจะได้ล้วนตกแก่นายทุนใหญ่กลุ่มเดียว

มีแต่ต้องหันมาดูแลทุนชาติที่เป็นการผลิตหลักของคนไทย คือชาวไร่ชาวนาผู้อยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินให้พัฒนาอย่างยั่งยืน ชนิดเป็นตัวของตัวเอง ดังพระกุศโลบายเรื่อง "พอเพียง" นี่เท่านั้น

คิดอะไรไม่ออกก็ สอพลอไว้ก่อน ช่วยแปรเปลี่ยนสิ่งที่เข้าใจ มาเป็น Method ที่เป็นรูปธรรมหน่อยเถอะ
นั่งปากพะงาบๆ วิจารณ์เขาน่ะมันง่าย ลงมือทำเองดูบ้างซิ


มิใช่หวังรวยกันอยู่แต่ในกระดานหุ้นกับโหยห้อยต้อยตามไปกับทุนต่างชาติด้วย FTA และเมกกะโปรเจ็คต์ดังฝันหวานกันอยู่นี้

มันคงไม่รู้ว่า บ. ในตลท. เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศนี้ อย่างไร
หรือว่ามันจะให้หวังพึ่งเศรษฐกิจ นอกระบบ เศรษฐกิจใต้ดิน
อ่านดูแล้วก็เหมือนกับบทความชั้นสวะทั่วไป ที่เขียนขึ้นจากน้ำมือพวกไม่ประสาต่อโลก
แต่ไฟแรงไปตามกระแส กระแดะไปวันๆ เขียนขึ้นมาเพื่อหาพวก หวังสอพลอกันเองในหมู่เพื่อนฝูง
ไม่ควรค่าแก่การบริโภค


บันทึกการเข้า
Can ไทเมือง
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13,486



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 25-04-2006, 01:48 »

เราก็ไม่ใช่เซียนเศรษฐศาสตร์ซะด้วย

ก็แค่มองว่า ฟองที่มันปั่นกันอยู่ทุกวันนี้ มันมาจากการใช้ "เครดิต" เป็นตัววัดหรือไม่

อยากให้ชาวบ้านมีเงินใช้ รัฐบาลก็ใส่เครดิตลงไป แปลงสินทรัพย์ให้เป็นทุน

ลงชื่อแล้วรับเงิน ใช้กันเพลิน ๆ อ้าว ครบปีอีกแล้ว เอาดอกเบี้ยมาจ่ายซะดี ๆ

แถมต้องไปกู้หนี้ใหม่มาใช้หนี้เก่า หมุนเวียนเปลี่ยนไป รับดอกเบี้ยกันเพลิน

ถ้าเมื่อไหร่รัฐบาลตัดเครดิต ชาวบ้านก็หงายท้องลงท้องร่อง

เอาเครดิตเหล่านี้ไปข่มขู่ชาวบ้าน...จะเลือกไม่เลือกล่ะ....คนอื่นมามันทวงหนี้นะพี่น้อง

บันทึกการเข้า

(-O-)Koka
ขาประจำขั้น 2
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 562



« ตอบ #3 เมื่อ: 25-04-2006, 03:11 »

คนเราไม่มีใครเก่งไปทุกเรื่องหรอกครับ
เวลาป่วยจะจ่ายยาให้ตัวเองแทนหมอก็ใช่ที่

แต่ยังไงก็ต้องศึกษาไว้บ้าง
เผื่อเจอหมอเถื่อนจะได้รู้ตัวทัน

อ่านเรื่องเศรษฐศาสตร์จากวีแล้วเลยเอาเรื่องเศรษฐศาสตร์จากนักวิชาการมาฝากมั่ง  Razz


http://www.midnightuniv.org/midculture44/newpage12.html

อ้างถึง
       
เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์
เตือนแปรรูปรัฐวิสาหกิจ…มหันตพลังทำลายชาติ
วิจารณ์หนังสือ Globalization and its discontents
โดย ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล
เขียนโดย ศาสตราจารย์ Joseph Stiglitz เจ้าของรางวัลโนเบล ปี ค.ศ. 2001
เผยแพร่ครั้งแรกบนเว็ปไซค์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน วันที่ 11 เมษายน 2547


ศาสตราจารย์ Joseph Stiglitz (โจเซฟ สติ๊กสิทซ์) เคยเป็นประธานที่ปรึกษาเศรษฐกิจของประธานาธิบดี บิล
คลินตัน แห่งสหรัฐอเมริกา และเป็นรองประธานอาวุโสของธนาคารโลก ศึกษาปัญหาการพัฒนาตามกระแสโลกาภิวัตน์ ในหมู่ประเทศยากจน กำลังพัฒนามาทั่วโลกอย่างยาวนาน ปัจจุบันสอนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย

ศาสตราจารย์โจเซฟ สติ๊กสิทซ์ ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ เมื่อปี ค.ศ. 2001 เป็นผู้รอบรู้และประสบการณ์เรื่องผลกระทบของการพัฒนาที่ตามกระแสโลกาภิวัตน์ว่า ทำลายรากฐานเศรษฐกิจและสังคมของประเทศยากจนและกำลังพัฒนาเพียงไร โดยเฉพาะเรื่องการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ที่ทำลายรากฐานการพัฒนาในหลายประเทศไปแล้ว อย่างที่จะให้อภัยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ ผู้บงการในฐานะนายทุนเงินกู้ ไม่ได้

ศาสตราจารย์โจเซฟ สติ๊กสิทซ์ ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของไอเอ็มเอฟหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่ล้มเหลวในหลายประเทศ เพื่อทำตามสูตรคำแนะนำของ ไอเอ็มเอฟ โดยเร่งเร็ว ขาดความรอบคอบ ไม่คำนึงถึงหลักการสำคัญพื้นฐาน และผลสุดท้าย ก็ร่ำรวยกันเฉพาะคนกลุ่มน้อยคือนักลงทุนต่างชาติ กับนักการเมืองผู้กุมอำนาจสั่งการนโยบายแปรรูป

น่าเสียใจที่ ไอเอ็มเอฟ และธนาคารโลก มองเรื่องแปรรูปโดยอุดมการณ์ที่คับแคบ โดยต้องแปรรูปรัฐวิสาหกิจให้ได้โดยเร็ว ถึงขั้นเก็บคะแนนกัน ประเทศไหนทำได้มาก ก็ได้คะแนนมาก ผลลัพธ์ก็คือการแปรรูปรัฐวิสาหกิจมักจะไม่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ตามคำมั่นสัญญา

ศาสตราจารย์โจเซฟ สติ๊กสิทซ์ กล่าวว่า ยิ่งแปรรูปล้มเหลว ก็ยิ่งชิงชังความคิดแปรรูปมากขึ้น การแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่เป็นตัวอย่างความล้มเหลวมากที่สุดให้ดูที่รัสเซีย รัสเซียใช้นโยบายตาม ไอเอ็มเอฟ คือแปรรูปรัฐวิสาหกิจโดยไม่ยั้งมือ โดยแปรทุกอย่างที่ขวางหน้า เสียหายเท่าไหร่ไม่สนใจ ต้องแปรรูปให้หมด

ศาสตราจารย์โจเซฟ สติ๊กสิทซ์ วิจารณ์ว่าไม่น่าแปลกใจเลยที่ กระบวนการโกงการแปรรูปนั้นออกแบบมาเพื่อให้รัฐมนตรีในรัฐบาลได้กอบโกยผลประโยชน์สูงสุด เรื่องการแปรรูปไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ที่จะเกิดแก่รัฐ ไม่มีใครคำนึงถึงเรื่องประสิทธิภาพของระบบเศรษฐกิจ รัสเซียคือตัวอย่างกรณีศึกษาที่พินาศร้ายกาจที่สุด ซึ่งว่าด้วยเรื่องอันตรายของการแปรรูปรัฐวิสาหกิจแบบไม่สนใจความเสียหายอะไรทั้งสิ้น

ศาสตราจารย์โจเซฟ สติ๊กสิทซ์ กล่าวย้ำหนักแน่นว่า ที่จะต้องห่วงมากที่สุดในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจก็คือ การทุจริตคอรัปชั่น ท่านบอกว่า "หากไม่แปรรูปรัฐวิสาหกิจ และหากมีการคอรัปชั่นก็จะกินกันเป็นรายปี เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทีละเล็กทีละน้อย แบ่งกันไปในหมู่นักการเมืองและผู้บริหาร เป็นอย่างนี้ไปตลอด"

แต่การแปรรูปรัฐวิสาหกิจนั้นเลวร้ายยิ่งกว่า การแปรรูปในหลายประเทศได้ผลตรงกันข้ามกับที่อยากได้ จนเรียกกันติดตลกว่า "Briberization"(การติดสินบน) ไม่ใช่ "Privatization" (การแปรรูป) เป็นการแปรรูปลักษณะติดสินบน ไม่ใช่การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ

ศาสตราจารย์โจเซฟ สติ๊กสิทซ์ กล่าวว่า หากรัฐบาลมีคณะรัฐมนตรีนิสัยโกหก ก็จะไม่มีหลักฐานใด ๆ บอกว่า การแปรรูปจะช่วยแก้ปัญหาได้ เพราะรัฐบาลที่จะแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ก็เป็นรัฐบาลเดียวกับที่แก้ปัญหาการบริหารรัฐวิสาหกิจที่ไร้ประสิทธิภาพไม่ได้

ศาสตราจารย์โจเซฟ สติ๊กสิทซ์ เดินทางไปศึกษาความล้มเหลวในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจในหลายประเทศ รวมทั้งในประเทศไทย ท่านกล่าวว่า ประเทศแล้วประเทศเล่า ทุกรัฐบาลรู้ว่า "การแปรรูปรัฐวิสาหกิจครั้งเดียวหมายถึงการที่จะไม่ต้องมาจำกัดตัวเองให้คอยเก็บเกี่ยวใต้โต๊ะเป็นรายปี โดยการขายรัฐวิสาหกิจต่ำกว่าราคาตลาด

นักการเมืองทุจริตสามารถกอบโกยหุ้นมหาศาลให้กับตัวเอง แทนที่จะปล่อยให้กับนักการเมืองรุ่นถัดไป หมายความว่านักการเมืองคดโกงเหล่านี้ สามารถขโมยความมั่งคั่งจากการขายรัฐวิสาหกิจในวันนี้วันเดียวได้มหาศาล มากกว่าที่จะให้นักการเมืองสมัยหน้าเก็บกินในอนาคต

หัวใจสำคัญของการแปรรูปรัฐวิสาหกิจนั้น ศาสตราจารย์โจเซฟ สติ๊กสิทซ์ บอกว่าอยู่ที่

1. การแข่งขันอย่างเต็มที่
2. การควบคุมโดยรัฐหลังการแปรรูป

รัฐวิสาหกิจใด ๆ ที่แปรรูปแล้วยังไม่มีการแข่งขัน ยังคงการผูกขาดเหมือนเดิม เช่น กิจการสาธารณูปโภค ไฟฟ้า น้ำประปา และกิจการโทรคมนาคม ไม่ต้องแปรรูป เพราะสถานการณ์จะเลวร้ายกว่าเดิม เนื่องจากการผูกขาดจะย้ายไปอยู่ที่นายทุน นักลงทุนภาคเอกชนที่ต้องทำกำไรให้กับผู้ถือหุ้นเป็นหลัก

ส่วนการแปรรูปอย่างเร่งด่วน โดยยังไม่มีกฎหมายหรือมาตรการกำกับดูแลหลังการแปรรูปรองรับ ผนวกกับการขาดการแข่งขันเสรี จะทำให้ไม่มีใครกำกับควบคุมใครได้ทั้งสิ้น ทิ้งให้เป็นเสรีภาพในการผูกขาดโดยบริษัทเอกชนโดยสมบูรณ์

ด้วยเหตุนี้ รัสเซียและอีกหลาย ๆ ประเทศ การแปรรูปรัฐวิสาหกิจของประเทศเหล่านั้นจึงไม่ประสบผลสำเร็จ ในการเป็นพลังเพื่อสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ที่จริงแล้วการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ก่อให้เกิดการตกต่ำและพิสูจน์ว่า เป็นมหันตพลังในการทำลายสถาบันประชาธิปไตยและตลาดเศรษฐกิจ

บันทึกการเข้า


อหิงสาคือความเข้มแข็ง ไม่ใช่ความขี้ขลาด
สเลเต
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 211



เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 01-05-2006, 16:16 »

เบื่อคนที่ชื่อ killer
ยังจะตามมารังควาญที่ห้องนี้อีกเหรอ
บันทึกการเข้า

เหมือนจะพร้อมให้หอมดอก...สเลเต
แวะไปชมบ้านหลังน้อยกันได้นะคะ

http://mahahong.bloggang.com

และแอบประชาสัมพันธ์งานรวมเล่มชิ้นแรกด้วยค่ะ

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=mahahong&month=03-2006&date=28&group=1&blog=1
ป้าแจ๋วแหวว
ขาประจำ
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 251



เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 01-05-2006, 16:35 »

หุ หุ  สเลเตลมเสีย  Laughing

คิดว่าคุณคิลเลอร์แกคงเหงา  ตอนแรกๆที่มาตามหา  ก็สุภาพดีอ่ะ 

ตอนนี้ชักไม่ค่อยน่ารักละ  .... 
บันทึกการเข้า
ชัย คุรุ เทวา โอม
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,846


สมัครรักแมว แต่ผมรัก Cat


« ตอบ #6 เมื่อ: 01-05-2006, 17:08 »

ขอบคุณลุง cancan ครับที่เอาบทความดีๆมาให้อ่าน
บทความนี้เป็นของ อาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์   ใช้มั้ยครับ   ผมเคารพอาจารย์ตลอดครับ
killer คุณเป็นคนที่ไม่เคยเห็นอะรดีๆเลยใช่มั้ย ก็คงไม่ต่างอะไรกับพวกในห้องราชดำเนินทั้งหลาย  ทำไมไม่มองอะไรกว้างๆบ้างมองอยู่ด้านเดียว
บันทึกการเข้า

"...สิ่งที่มนุษย์เราหวงแหนที่สุดก็คือชีวิต และก็เป็นสิ่งที่ให้แก่เขาเพื่อดำรงอยู่ได้แต่เพียงครั้งเดียว เขาจักต้องดำรงชีวิตอยู่เพื่อที่ว่าจะไม่ต้องทรมานใจด้วยความโทมนัสว่าวันเดือนปีที่ผ่านไปนั้นปราศจากจุดหมาย จักต้องไม่มีความรู้สึกอับอายว่าตนมีอดีตอันต่ำต้อยด้อยคุณค่า ชีวิตเช่นนี้ เมื่อตายลงก็สามารถพูดได้ว่าชีวิตของฉัน และพลังกายพลังใจทั้งหมดของฉันได้อุทิศให้แก่อุดมการณ์ที่ดีงามที่สุดแล้วในโลกนี้ นั่นคือการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของมนุษย์..."

คำรำพัน ณ สุสานสหายผู้เสียสละในการต่อสู้ปฏิวัติ จากนวนิยายโซเวียตยอดนิยมเรื่อง เบ้าหลอมวีรชน

(How the Steel Was Tempered)

นิโคไล ออสตร๊อฟสกี้ เขียน ค.ศ.1933


*******************************

เชิญเยี่ยมชมบล็อคครับ
http://www.oknation.net/blog/amalit1990
snowflake
ขาประจำขั้นที่ 3
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,207



« ตอบ #7 เมื่อ: 01-05-2006, 17:41 »

คืนก่อนนู้นที่ดู ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล ของคุณ (-O-)Koka ออกรายการ Icon ที่มีคุณสัญญา คุณากร (ของเรา  Razz) เป็นพิธีกร

รู้สึกอยากมีเงินสัก แกบอกเท่าไหร่หว่า? 40 ล้านมั้ง ให้แกไปทำรายการอย่างที่ฝัน

แต่จนใจไม่มีกะตังค์ เลยได้แต่หวังว่าจะมีเศรษฐีที่ไหนเห็นใจ มา sponsor ให้ ... สักวัน

อยากดูๆๆ   Very Happy Very Happy Very Happy


http://hiptv.mcot.net/hipPlay.php?id=5396


บันทึกการเข้า

Even the smallest person can change the course of the future.
หน้า: [1]
    กระโดดไป: