กองบรรณาธิการ
.........
เมื่อหันกลับไปดูต้นทางที่มาด้วยเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาวิกฤติบ้านเมือง
ยอมรับว่ากระแสตอบรับจากทุกภาคส่วนเป็นไปด้วยดี ยิ่งเมื่อได้รัฐบาลที่มาด้วย
ภาพลักษณ์แห่งความซื่อสัตย์สุจริต เปี่ยมด้วยจริยธรรม ศีลธรรม ประชาชนก็ยิ่ง
สนับสนุนและให้กำลังใจต่อการบริหารบ้านเมืองต่อจากนี้เป็น อย่างยิ่ง มิพักที่จะ
ต้องไปคำนึงถึงกลุ่มอำนาจเก่าที่จ้องดิสเครดิตอยู่เป็นระยะ ก็ ดูเหมือนว่าจะขาด
น้ำหนัก และถูกมองข้ามไปอย่างไร้ความสำคัญ เพราะความตั้งหวังต่อรัฐบาลและ
คมช.ที่จะร่วมมือกันให้บ้านเมืองฝ่าวิกฤติไปให้ได้อย่างตลอดรอดฝั่งน่าจะ เป็นสิ่ง
สำคัญกว่า
แต่ดูเหมือนว่า ความเคลือบแคลงสงสัยในหลายกรณีที่เกิดขึ้นในห้วงเวลานี้
กำลังบั่นทอนความเชื่อมั่นของสังคมที่มีต่อ คมช.และรัฐบาลเพิ่มมากขึ้นทุกวัน
โดยเฉพาะเรื่องกลุ่มผลประโยชน์ที่พยายามวิ่งเข้าหา และเชิดชูทั้งสองฝ่ายใน
การต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนเองต้องการ ส่งผลให้เกิดความระแวงสงสัยกันเอง
ทั้งในรัฐบาลด้วยกันเอง คมช.ด้วยกันเอง และระหว่างรัฐบาลกับ คมช. ซึ่งไม่
อาจปฏิเสธได้ว่า ส่วนใหญ่เป็นปัญหาที่เกิดจาก "สนิมเกิดแต่เนื้อในตน" ไม่ได้ริ
เริ่มจากกลุ่มขั้วฝ่ายตรงข้ามแต่อย่างใด
มิพักต้องพูดถึงเรื่องใหญ่อันเนื่องมาจากรัฐธรรมนูญ ที่ดูเหมือนว่าจะส่งสัญ
ญาณการ "สืบทอดอำนาจ" ตามสูตรของการยึดอำนาจของคณะทหารทุกครั้ง
ที่ผ่านมา โดยยังไม่มี 8 บิ๊ก คมช.คนหนึ่งคนใดออกมาปฏิเสธเด็ดขาดอย่างเต็ม
ปากเต็มคำให้กลายเป็นสัญญา ประชาคม เพราะอาจเกรงว่าจะต้องเอ่ยคำ
"เสียสัตย์เพื่อชาติ" ตามรอยรุ่นพี่ รสช.จนนำมาซึ่งเหตุการณ์นองเลือดที่ถนน
ราชดำเนินเมื่อเดือน พ.ค.2535 จนทหารไม่กล้าแต่งเครื่องแบบออกมาเดินบน
ท้องถนน
สถานการณ์ 6 เดือนต่อจากนี้จึงเปรียบเสมือนการประคับประคองให้การทำ
งานของ คมช.และรัฐบาลเดินไปได้ตลอดรอดฝั่ง ดังนั้นจึงน่าจะเป็นพันธะร่วมกัน
ที่ต้องจับมือเผชิญปัญหาที่จะเกิดขึ้นใน วันข้างหน้าอย่างไม่ย่อท้อ เพราะอย่า
ลืมว่า ปัญหาที่รออยู่เปรียบเสมือน "ระเบิด" หลายลูกที่พร้อมจุดชนวน ไม่ว่าจะ
เป็นกลุ่มต่อต้านการรัฐประหาร กลุ่มมวลชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาต่างๆ
การลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นแรงกดดันที่ต้องใช้ "ฝีมือ"
ในการคลี่คลายสถานการณ์อย่างระมัดระวัง
เราจึงมุ่งหวังเพียงว่า การทำงานระหว่าง คมช.กับรัฐบาลต่อจากนี้ต้องมี
ความชัดเจนในบทบาทหน้าที่ของตัวเอง พร้อมเดินหน้าในการทำงานเพื่อประ
โยชน์ของประชาชน เป็นอิสระจากการชี้นำของกลุ่มผลประโยชน์ที่เข้ามา ลด
กิเลสจากแรงผลักดันของบางกลุ่มที่ต้องการให้ "สืบทอดอำนาจ" ตัดความ
เคลือบแคลงสงสัยในเรื่องการเข้าไปหาประโยชน์จากการสูญเสียอำนาจของ
รัฐบาลที่แล้ว และที่สำคัญคือ ขจัดความหวาดระแวงในการแย่งชิงตำแหน่ง
กันเอง ไม่เช่นนั้นเท่ากับเป็นการ "ทรยศหักหลัง" คนไทยทั้งชาติที่ยอมรับการ
รัฐประหารวันที่ 19 กันยาฯ.
http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&post_date=13/Mar/2550&news_id=139244&cat_id=100